ผ่านครึ่งทางมาแล้วสำหรับ 84 อันดับเทคโนโลยีที่ถูกลืมไปอย่างเป็นทางการในทศวรรษ 2010 ซึ่งยิ่งเข้าใกล้อันดับหนึ่งมากเท่าไรก็จะได้เห็นผลิตภัณฑ์ของผู้พัฒนารายใหญ่ๆ อยู่เสมอ โดย 12 อันดับต่อจากนี้ไปนั้นเรียกได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งกับความล้มเหลวที่ไม่เป็นท่าทั้งๆ ที่ตอนเปิดตัวออกมานั้นเรียกได้ว่าได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามตามที่เคยได้บอกไปเอาไว้ในตอนต้นแล้วนั้นว่าเทคโนโลยีนั้นมาเร็วไปเร็วเป็นอย่างมากดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะมาถึงแล้วก็ไป จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกับอีก 12 อันดับกันได้เลย
48. AIRPOWER
มาต่อกันที่อันดับที่ 48 จากผู้ผลิตชื่อดังอย่าง Apple ที่ได้รับชื่อว่าของที่ปล่อยออกมานั้นต้องดีและเจ๋งจริงๆ ทว่าเจ้า AirPower นั้นไม่ได้รับเสียงตอบรับจากบรรดาผู้ใช้งานในกลุ่มทดสอบที่ได้ซึ่งคาดการณ์เอาไว้ สำหรับ AirPower นั้นเป็นฐานสำหรับการชาร์จอุปกรณ์ของทางฝั่ง Apple โดยในการชาร์จนั้นจะมาพร้อมกับรูปแบบไร้สายแถมยังสามารถที่ชาร์อุปกรณ์หลายๆ อย่างได้พร้อมกันไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Apple Watch ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นหากจะว่าไปแล้ว AirPower นั้นมีจุดเด่นที่ชัดเจนเป็นอย่างมากและน่าใช้งานมากสุด ทว่าเมื่อเสียงตอบรับไม่ดีอย่างที่หลังนั้นในท้ายที่สุดทาง Apple เองก็ได้ยอมตัดใจที่จะส่ง AirPower ลงสู่ตลาด ทั้งนี้นั้นทาง Apple เองก็ไม่ขั้นพับโครงการของ AirPower ไปเลยซะทีเดียวแต่ด้วยการเลื่อนมาหลายต่อหลายครั้งนั้นในท้ายที่สุดแล้วผู้ใช้ก็เลิกให้ความสนใจเจ้า AirPower ไปโดยปริยาย
47. OUYA
สิ่งหนึ่งที่ต้องยกให้ทาง OUYA ได้ไปเต็มๆ นั้นก็คือการที่มันเปิดโลกทัศน์ของวงการเกม Android เป็นอย่างมากด้วยความที่ทำการโฆษณาด้วยการเป็นเครื่องเล่นเกมคล้ายๆ เครื่องเกมคอนโซลแต่ใช้ระบบปฎิบัติการ Android แทน ตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับสเปคที่น่าสนใจเป็นอย่างมกาอย่างเช่นการใช้งานชิปเซ็ทหลักของทาง NVIDIA(ที่ตอนนั้นเองก็กำลังได้รับความนิยมอยู่) อย่าง Tegra 3 แถมราคาตัวเครื่องนั้นก็เรียกได้ว่าถูกเอามากๆ เนื่องจากมันจะวางจำหน่ายด้วยราคาเพียง $99 หรือประมาณ 3,150 บาท แถมเจ้า OUYA เองนั้นก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคตั้งแต่ที่ทางผู้ผลิตได้นำเอาโครงการดังกล่าวเข้าสู่เว็บร่วมระดมทุนอย่าง KickStarter ซึ่งสามารถที่จะเก็บเงินทุนไปได้สูงมากถึง $8 million เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าแนวคิดของ OUYA นั้นจะดีเอามากๆ ทว่าเมื่อผู้ร่วมทุนได้รับตัวเครื่องจริงแล้วนั้นกลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวคอนโทรเลอร์ที่ดูแล้วก๊องแก๊งเอามากๆ แถมตัวเกมที่มีมาให้ได้เล่นนั้นก็น้อยแถมไม่สนุกด้วยอีกต่างหาก งานนี้นั้นกลายเป็นว่าจากที่เคยได้รับเสียงตอบรับดีกลายเป็นว่าดับไปทันทีโดยที่พึ่งคลอดออกมาได้ไม่นานมากเท่าไรนัก ทั้งนี้ก็ถือว่าโชคของผู้พัฒนา OUYA นั้นดีเอามากๆ เพราะทาง Razer หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมชื่อดังไปมองเห็นความสามารถของทีมงานเข้าก็เลยโดนซื้อไปตามระเบียบ แต่แนวคิดที่ดีอย่างเดียวนั้นไม่สามารถที่จะสู้กับโลกแห่งความเป็นจริงได้ OUYA ก็ถูกเก็บเข้ากรุไปเป็นทางการในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมานี้เอง
46. ESSENTIAL PHONE
Essential Phone นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Android ที่ได้รับเสียงตอบรับไปในทางที่ดีเอามากๆ ในตอนที่มีการเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ โดยส่วนนั้นก็มาจากดีไซน์ของมันเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ไม่เคยได้มีผู้ใดใช้มาก่อนในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งความดีความชอบนี้นั้นคงต้องยกให้กับหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Google อย่างคุณ Andy Rubin ที่ทำออกมาหลังจากที่คุณ Rubin นั้นออกจาก Google อย่างเป็นทางการ ตัวเครื่องนั้นจะว่าไปแล้วถือได้ว่าเป็นบิดาของสมาร์ทโฟนแบบติ่งที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในระยะเวลาปัจจุบันนี้ ตัวเครื่องมาพร้อมกับการใช้วัสดุอย่างดีแถมดีไซน์นั้นก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าต่อให้ตัวฮาร์ดแวร์ดีมากแค่ไหนแต่ถ้าซอฟ์ตแวร์ไม่สามารถไปด้วยกันได้ก็ไม่มีทางที่จะได้เกิดซึ่ง Essential Phone นั้นก็เข้าข่ายตามที่ได้บอกเอาไว้เพราะตัวระบบปฎิบัติการที่ถึงแม้จะใช้เป็น Android ของทาง Google แต่ด้วยการปรับเสริมเติมแต่งมากจนเกินไปหน่อยท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความไม่เสถียรของการใช้งานซึ่งจากผลตอบรับดังกล่าวนี้นั้นทำให้ Essential Phone ไม่สามารถที่จะทำยอดจำหน่ายออกมาได้ดีมากเท่าไรนักจนบริษัทผู้ผลิตก็ได้ออกมาประกาศว่าจะไม่มี Essential Phone รุ่นที่ 2 ออกมาต่่อไป ส่วนหนึ่งที่ Essential Phone ไม่สามารถทำยอดจำหน่ายได้ดีเท่าไรนักก็เพราะหลังจากที่ Essential Phone เปิดตัวออกมาทาง Apple เองก็ได้มีการเปิดตัว iPhone X ที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบติ่งด้วยเช่นเดียวกัน
หมายเหตุ – อีกสาเหตุหนึ่งที่ Essential Phone จะไม่มีรุ่นที่ 2 ตามออกมานั้นก็คือทางคุณ Rubin เองโดนเข้ากับคดีทำอนาจารเด็กเข้าไปด้วย
45. SAMSUNG BIXBY
ในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเราได้เห็นการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนเป็นกระแสที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพยายามที่จะเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานสมาร์ทโฟนของเราๆ ท่านๆ ได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม อย่างที่เห็นได้ชัดเลยนั้นในปัจจุบันนี้ก็จะมี Siri ของทาง Apple, Alexa ของ Amazon และ Google Assistant ของทาง Google ที่จะว่าไปแล้วนั้นมันก็ช่วยให้ความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ดีมากขึ้นจริงๆ แน่นอนว่า Samsung ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลกก็มีผู้ช่วยดิจิทัลเป็นของตัวเองเช่นเดียวกันกับ Bixby ทว่า Bixby นั้นไม่ได้ฉลาดเท่ากับผู้ช่วยดิจิทัลของผู้พัฒนารายอื่นแถมการที่ Google เองก็มี Google Assistant อยู่ด้วยแล้วนั้นทำให้ Bixby เองก็ดันไปทำงานซ้ำซ้อนกับ Google Assistant ที่เหนือกว่าเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าสู้ไม่ได้อย่างแน่นอน
ถึงแม้จะเห็นได้ว่าทาง Samsung เองนั้นก็ยังคงไม่ยอมแพ้ในการที่จะใส่ผู้ช่วยดิจิทัล Bixby ของตัวเองเข้ามาในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในรุ่นหลังๆ ต่อมา ทว่าการมีอยู่ของ Bixby นั้นก็ไม่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากเท่าไรนัก ทำให้ถึงแม้จะยังคงเห็นสมาร์ทโฟนของทาง Samsung มาพร้อมกับ Bixby อยู่แต่การไม่ได้ถูกเรียกใช้งานเลยนั้นก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณไปทาง Samsung แล้วว่า Bixby นั้นไปได้ไม่รอดแน่ๆ หากยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น
44. HYPERLOOP
สำหรับคุณ Elon Musk นั้นคงต้องยอมรับกันจริงๆ ว่าเขาผู้นี้มีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการพัฒนายานพาหนะเป็นอย่างมากโดยจะเห็นได้จากการออกแบบดีไซน์และแนวคิดใหม่ๆ ที่เขาเผยออกมาสู่ชาวโลกนั้นเรียกได้ว่าล้ำยุคล้ำสมัยเป็นอย่างมาก ทว่าถึงแม้จะมีผลิตภัณฑ์ในการออกแบบของคุณ Musk ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีมากมายนั้นมันก็ยังคงมีอีกหลายๆ อย่างที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันเช่นเดียวกันกับตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็หนีไม่พ้น Hyperloop ที่ได้มีการเปิดตัวออกมาตั้งแต่ในปี 2013 ที่ผ่านมาโดยตอนนั้นคุณ Musk เองได้บอกเอาไว้ว่าเจ้า Hyperloop นี้นั้นสามารถที่จะใช้งานในการวิ่งข้ามรัฐได้ด้วยความเร็วสูงมากถึง 1,126 km/hr เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามแนวคิดที่อยู่บนกระดาษของคุณ Musk นั้นก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้พัฒนาได้จริง(ณ เวลานั้น) เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมหลายๆ ท่านได้ออกมาให้ความเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ในด้านปัญหาของโครงสร้างและต้นทุนที่หากจะสร้างขึ้นมาจริงๆ แล้วต้นทุนของมันนั้นจะมหาศาลมากเลยทีเดียว ถึงแม้ในช่วงแรกๆ นั้นจะมีการทดสอบมาบ้างแต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า สุดท้ายนั้นคุณ Musk เองก็ยอมตัดใจแล้วหันไปดูแนวคิดใหม่ที่จะสร้างเส้นทางการเดินรถใต้ดินแทน
43. WINDOWS 8
ด้วยความที่ ณ เวลานั้นทาง Apple สามารถที่จะทำการวางจำหน่าย iPad ได้เป็นอย่างมากทำให้ทาง Microsoft เองก็ได้มีความพยายามในการคิดใหม่ทำใหม่กับระบบปฎิบัติการ Windows ของตัวเอง ซึ่งในที่สุดก็คลอดออกมาเป็น Windows 8 ที่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นเอกฉันท์แล้วว่ามันเป็น Windows รุ่นที่แย่รุ่นหนึ่งตั้งแต่ Microsoft ได้พัฒนาระบบปฎิบัติการ Windows มา โดย ณ เวลานั้นทาง Microsoft ต้องการที่จะใช้ Windows 8 กับอุปกรณ์ที่อยู่ในรูปแบบ 2-in-1 มากกว่าทำให้ลักษณะทางกายภาพของ Windows 8 จึงออกมาในเชิงการใช้งานในรูปแบบแล็ต ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งานทั้งหลายนั้นไม่ปลื้มเลยกับรูปแบบใหม่ที่ทาง Microsoft ได้นำเสนอเอาไว้บน Windows 8
นอกไปจากนั้นแล้วการพยายามยัดเยียดแอปพลิเคชันที่อยู่ในรูปแบบ Modern UI ซึ่งมีจำนวนน้อยเอามากๆ และไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไรนัก เหมือนกับว่าในตอนที่ทาง Microsoft พัฒนา Windows 8 นั้นไม่ได้ใส่ใจกับความต้องการของผู้ใช้งานว่าผู้ใช้ต้องการใช้งานในรูปแบบใดกันแน่ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นทาง Microsoft ถือว่ายังโชคดีที่สามารถกลับตัวได้ทันโดยการเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนา Windows ใหม่จนในที่สุดก็คลอดมาเป็น Windows 10 ที่เราๆ ท่านๆ ได้เห็นกันในปัจจุบันนี้
42. ANTENNAGATE
ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทที่ได้ชื่อว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้นมีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าทาง Apple จะไม่เคยทำผิดพลาดเลย โดยตอนที่ iPhone 4 ออกมานั้นผู้ใช้จำนวนมากพบว่าเมื่อทำการใช้งานตัวเครื่องแล้วมีอาการสัญญาณมือถือตกลงแบบเห็นได้ชัด แถมที่หนักไปกว่านั้นคุณ Steve Jobs ที่ ณ เวลานั้นยังคงเป็น CEO ของทาง Apple อยู่ได้ออกมาบอกกับผู้ใช้ว่าให้หลีกเลี่ยงการใช้งาน iPhone โดยถือเครื่องไม่ให้ไปคลุมตรงส่วนที่เป็นเสาสัญญาณของ iPhone 4 ซึ่งทำให้ผู้ใช้หลายคนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นไม่นานนักทาง Apple เองก็ได้ออกมาทำการแก้ไขโดยการแจกเคสสำหรับ iPhone 4 ให้กับผู้ใช้แบบฟรีๆ
41. WEWORK’S ATTEMPT TO GO PUBLIC
ในหลายปีที่ผ่านมานั้นมีกระแสหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ อย่างพื้นที่การทำงานร่วมกัน ซึ่งมีบริษัทชื่อ WeWork ได้เข้ามาทำธุรกิจนี้โดยได้รับทุนจากธนาคาร SoftBank เป็นจำนวนมากจนสามารถที่จะก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้อย่างสวยสดงดงามในปี 2010 WeWork นั้นเปรียบเสมือน Social Media แต่ทว่าเป็นชีวิตจริงโดยทาง WeWork นั้นจะมีการสร้างอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อที่จะให้ผู้ที่ทำการเข้าร่วมสามารถเข้าไปใช้พื้นที่ดังกล่าวได้เหมือนกับการเป็นสังคมขนาดใหญ่ ในช่วงแรกนั้นมีบริษัทใหญ่ๆ ที่ให้ความสนใจไอเดียของ WeWork เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น JP Morgan และ Goldman Sachs เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นสถานการณ์ของ WeWork ได้เปลี่ยนไปเมื่อทางบริษัทต้องการที่จะยื่นเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งต้องมีการยื่นรายได้ของบริษัทกับทาง SEC ที่พบว่าเบื้องหน้าที่สวยงามนั้นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้นเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง WeWork นั้นขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้นั้นทำให้เห็นได้ว่าภาพลักษณ์ภายในนั้นไม่ได้สวยหรูเหมือนกับที่เห็น แถมนักวิเคราะห์การตลาดยังมีการวิเคราะห์กันเอาไว้ว่า WeWork น่าจะอยู่ได้อีกไม่ถึงครึ่งปีนี้(หากไม่ได้เงินลงทุนเพิ่มอีก)
40. GOOGLE’S PROJECT ARA
จริงแล้วนั้นโครงการ Ara ของทาง google หรือสมาร์ทโฟนที่อยู่ในรูปแบบโมดูลนั้นถือได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่มีการเปิดตัวออกมาในปี 2013 เพราะโครงการนี้นั้นก็เสมือนกับการนำเอามือถือมาใช้รูปแบบเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้งานสามารถที่จะเปลี่ยนโมดูลต่างๆ เองได้ตามต้องการ ทว่าการพัฒนาโครงการดังกล่าวนี้มีข้อจำกัดอยู่หลายต่อหลายข้อทำให้ไม่สามารถที่จะผลิตขึ้นมาให้เป็นจริงได้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการนี้ไม่ได้ไปต่อนั้นก็เนื่องมาจากว่าผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนใหญ่ๆ อย่างเช่น Samsung เองนั้นไม่เล่นด้วย โดยหลังจากที่ทาง Google ได้มอบโครงการนี้ไปให้กับทาง Motorola ในการพัฒนาต่อก็กลับกลายเป็นว่าไม่สามารถที่จะพัฒนาให้เป็นรูปร่างขึ้นมาจริงๆ ได้จนในที่สุดก็ตายไปตามระเบียบในปี 2016
39. MICROSOFT KINECT
จริงๆ แล้วนั้น Kinect ของทาง Microsoft นั้นไม่ได้ล้มเหลวแต่อย่างใดเพราะตั้งแต่ที่มีการวางจำหน่ายมานั้นพบว่ามันสามารถที่จะทำยอดขายได้เป็นอย่างดีมากแถม ณ เวลานั้นก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคำโฆษณาของทาง Microsoft เองอย่าง “You are the controller,” ทว่าด้วยการเดินเกมที่ Microsoft คิดใหญ่เกินไปทำให้มันไม่สามารถที่จะเติบโตขึ้นมาได้เพราะในช่วงของการวางจำหน่าย Xbox One นั้นทาง Microsoft ได้ใส่ Kinect รวมเข้าไปกับตัวเครื่องด้วยเลยทำให้ราคาของตัวเครื่องนั้นพุ่งขึ้นสูงเป็นอย่างมาก แถม ณ เวลานั้นเกมที่ใช้ Kinect ในการเล่นแบบจริงๆ จังๆ นั้นก็มีให้เลือกน้อยมากเหลือเกินจนในที่สุดแล้วทาง Microsoft เองก็ได้ทำการตัดสินใจที่จะนำเอา Kinect ออกไปจากชุดวางจำหน่ายและในที่สุดแล้วนั้นก็หายไปจากตลาดตามระเบียบ
38. COLOR
Color นั้นเป็นแอปพลิเคชันที่มีความคล้ายคลึงกับ Street view และ Instagram เป็นอย่างมาก โดยการที่จะให้ผู้ใช้นั้นสามารถที่จะทำการถ่ายภาพแล้วทำการแบ่งปันในส่วนของรูปภาพผ่านตัวแอปซึ่งผู้ใช้รายอื่นๆ สามารถที่จะเข้ามาดูได้ว่า ณ จุดที่ผู้ใช้คนนั้นอยู่มีผู้ใช้ Color ทำการถ่ายรูปและโพสรูปอะไรไปบ้าง ตัวแอปพลิเคชันนั้นค่อนข้างที่จะมีแนวคิดที่ดีเอามากๆ และสามารถที่จะพัฒนาเพื่อต่อสู้กับ Instagram ได้ อย่างไรก็ตามตัว Color เองนั้นมีข้อเสียอย่างใหญ่หลังก็คือเรื่องการใช้งานแอปพลิเคชันที่พบว่ามันไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานเอาเสียเลยทำให้หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานมากเท่าไรนักต้องจบข่าวไปอย่างเป็นทางการ
37. NIKON 1
ปิดท้ายกับตอนที่ 4 ด้วยกล้องแบบ mirrorless ที่ถือได้ว่าการออกแบบของมันนั้นเข้าขั้นแย่เป็นอย่างก ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวกล้องมาพร้อมกับหน้าจอที่กว้างเพียงแค่ 1 นิ้วเท่านั้น แถมด้วยการที่เลนส์นั้นก็ทำงานได้ช้า การควบคุมตัวเครื่องนั้นก็ทำได้อย่างลำบาก ซึ่งเมื่อเอาไปเทียบกับคู่แข่งอย่าง Sony แล้วนั้น Nikon 1 ถือได้ว่าด้อยกว่าในทุกๆ ด้านอย่างสิ้นเชิง
ที่มา : theverge
