MSI Prestige 14 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น สีขาวใหม่ Pure White โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 รุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-10510U ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 และฟีเจอร์พอร์ต Thunderbolt 3 / USB PD ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 16GB และ SSD ที่ 512GB จัดเต็ม ส่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ทรงพลังอย่างที่สุด สนับสนุนทั้งทำงานและเล่นเกมที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ
สำหรับ MSI Prestige 14 รุ่นที่นำมารีวิวได้หน้าจอแสดงผลแบบ True Pixel พาเนล IPS เกรดสูงสีตรงแม่นยำ มาตรฐานความละเอียด Full HD ที่จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เติมเต็มประสบการณ์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI ที่จัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ในราคาเพียง 36,900 บาทเท่านั้น จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Core i Gen 10 หน้าจอขนาด 14″ ที่น่าสนใจมากๆ ทีเดียว
VDO Unbox
Specification
MSI Prestige 14 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดที่มีความโดดเด่นในสายของ Content Creator เน้นทำงานระดับมืออาชีพ ด้วยความบาง 15.9 มม. และน้ำหนักที่เบาเพียง 1.29 กิโลกรัม พกพาไปใช้งานนอกบ้านได้อย่างสะดวก มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U (Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ให้ความแรงเพียงพอกับทุกๆ การทำงาน ได้การ์ดจอรุ่นใหม่ที่มีความแรงพอประมาณอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR 5) แรม 16GB DDR3 พร้อม SSD NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 ในราคาเพียง 36,900 บาท (มีบันเดิลเมาส์ไร้สาย MSI Prestige และซอฟต์เคสสุดพรีเมียมมาให้ด้วย) สเปกหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก ขอบจอเป็นสีขาวบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบรวมไปถึงได้ Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต เป็นมาตรฐานอีกด้วยพร้อมซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI
Hardware / Design
สำหรับ MSI Prestige 14 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงแต่บางเบาขนาดหน้าจอ 14″ รุ่นล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งที่ครบเครื่อง ถูกต่อยอดมาจาก MSI Prestige รุ่นก่อนๆ ในเรื่องของการดีไซน์ที่เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัม ทำให้ถือมือเดียวได้สบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา
พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง โดยฝาหลังและดีไซน์ทั้งหมดมีการเลือกใช้ให้มีความเข้ากันอย่างที่สุด กับพื้นผิวส่วนของฝาหลังและตัวเครื่องเป็นลักษณะแบบด้าน พร้อมกับใช้สี Pure White สีเป็นสีขาวด้านสะอาดตาตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตกแต่งรายละเอียดบริเวณขอบด้วยเทคโนโลยี diamond-cutting สีเงินๆ เทาๆ ตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ซึ่งดูแล้วเป็นการเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมๆ ที่โน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพต้องดูดำๆ ดีไซน์โบราณ ให้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูน้อยแต่เรียบหรูแทนนั่นเอง
มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ซึ่งการใช้งานจริงมุมมองมันก็จะดู เป็นปกติกว่าโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่ย้ายไปติดตั้งที่อื่น ส่วนความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดปิดฝาของหน้าจอก็ทำได้ง่ายเพราะขอบตัวเครื่องด้านหน้าได้มีการเว้นร่องเว้าเอาไว้สวยงาม ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่าโน๊ตบุ๊คทำงานหน้าจอ 14″ ทั่วไป
ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI Prestige 14 ไม่ใช่แค่บางเบาและสเปกดีแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คสายบางเบาเน้นพกพา ซึ่งสเปกภายในก็แรงพอตัวด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 และการ์ดจอแยก NVIDIA GeFoece MX250 ซึ่งแม้ราคาจะดูสูงหน่อยถ้าเทียบกับพวก Gaming Notebook คุ้มๆ แต่เราก็จะได้น้ำหนักที่เบาและตัวเครื่องที่ดูหรูมาแทนที่นั่นเอง
ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบนของชุดคีย์บอร์ด พร้อมบริเวณบานพับก็เป็นช่องระบายความร้อน 1 ช่อง ที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างเรียบเนียน ภายในติดตั้งพัดลม 1 ตัว ที่แม้ MSI Prestige 14 จะไม่ได้ใช้เทคโนโลยี Cooler Boost ที่มี Heat Pipes หลายเส้นและพัดลม 2 ตัว แบบรุ่นพี่ MSI Prestige 15 แต่ก็ถูกดีไซน์ชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนของ CPU และ GPU เป็นอย่างดี ในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
ด้านฐานล่างตัวเครื่องจากรุ่นก่อนใช้วัสดุโลหะชิ้นเดียวตลอดทั้งชิ้น ลักษณะเป็นอลูมิเนียมที่มีช่องดูดลมเย็นดีไซน์สวยล้ำ พร้อมมียางรองจำนวน 2 เส้นลากยาว ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้นที่ 5 องศา ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
เรียกได้ว่าดีไซน์การออกแบบและสีสันสมกับโน๊ตบุ๊คสายสร้างสรรค์งานอย่าง Content Creator ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยงามลงตัว เหมาะกับการหยิบขึ้นมาใช้งานได้ตลอดเวลา ติดตั้งไปด้วยทุกๆ การเดินทางจากตัวเครื่องที่บางเฉียบและความเบา รวมไปถึงมีมิติตัวเครื่องที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ในสมัยก่อนๆ ที่สำคัญด้วยสีสัน Pure White สีเป็นสีขาวด้าน ยิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีความเป็นศิลปินมืออาชีพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่แม้ว่าจะดูง่ายๆ แต่ได้ใช้จริง คือการกางหน้าจอได้ 180 องศา พร้อมกดปุ่ม F12 แล้วสามารถหมุนจอไปฝั่งตรงข้ามได้ทันที ส่งผลให้คนนั่งฝั่งตรงข้ามที่เรากำลังนำเสนองานดูได้อย่างสะดวกที่สุด นับว่าเป็นอีกหนึ่งความใสใจที่ MSI ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI Prestige 14 เห็นแล้วต้องบอกว่าแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นของทาง MSI ก็จริง โดยให้ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับการทำงาน มีระยะกดที่ 1.5 มิลลิเมตร ด้วยการที่รูปแบบปุ่มมีขนาดที่ใหญ่เพียงพอกับการใช้งานจริงๆ ที่สำคัญด้วยไฟ LED สีขาวสวยงาม เข้ากับตัวปุ่มสีขาวเนียนตาเป็นอย่างดี ส่วนตัวอังษรเป็นสีเทาให้ความพรีเมียมสุดๆ แน่นอนว่าไม่มีชุด Numpad อยู่แล้ว สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ จากการใช้งานจริงถือว่าปุ่มเด้งรับกับนิ้วดีมากๆ รวมไปถึงมี Hotkey แถวบน พร้อมมีปุ่มเรียก Creator Center ใช้งานสะดวกด้วย
ทัชแพดมีขนาดใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ ลักษณะเป็นผืนผ้ายาวดูเป็นเนื้อแบบกระจก ซึ่งมีตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ให้สัมผัสที่ลื่นติดมือมากๆ โดยมีการตัดขอบด้านบนดูโค้งมน เข้ากับตัวเครื่องสวยงามลงตัว นอกเหนือจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ให้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อที่จะเข้าใช้งานตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัยแบบไม่ต้องใส่รหัสไปมาทุกครั้งอีกด้วย ส่วนการใช้งานก็ตอบสนองได้รวดเร็วไม่แพ้มือถือในปัจจุบันเลยล่ะ
Screen / Speaker
MSI Prestige 14 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ได้พาเนล IPS คุณภาพสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ ทั้งเรื่องสีสันและมุมมองที่กว้างพิเศษ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว
และด้วยความที่จอเป็นแบบด้านแต่ก็ยังให้เรื่องสีสันสดใส ตอนสนองการทำงานของเราได้เป็นอย่างดี เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม ขอบจอจะเป็นพลาสติกสีดำบางฉียบเพียง 5.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งให้พื้นที่แสดงผลทั้งหมดกว่า 90% เลยทีเดียว แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมพร้อมไมโครโฟนแบบคู่ไว้ที่ขอบจอด้านบนได้ปกติอยู่
ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ถึง 180 องศา ช่วยให้การนำเสนองานกับคนที่นั่งตรงข้ามกันง่ายยิ่งขึ้นด้วย การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือ Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 93% และค่า AdobeRGB อยู่ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีมากๆ เหมาะกับงานระดับมืออาชีพแบบสุดๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอที่ดีกว่าในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวล่างป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนขวาและซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 จากคะแนนเต็ม 5 ถือว่าน่าประทับใจ
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนด้านใต้เครื่อง แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพราะชุดลำโพงข้างในขยับได้เมื่อต้องการเสียงทุ่ม สำหรับคุณภาพเสียงการใช้งานต่าง ๆ สามารถทำออกมาได้ดี น่าประทับใจให้เสียงที่ดังพอตัว เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแน่นอน
Connector / Thin And Weight
MSI Prestige 14 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานบางเบาหน้าจอ 14″ ซึ่งมีไซส์และมิติโดยรวมเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2 x Thunderbolt 3 / 2 x USB 3.1 Type-A / 1 x HDMI 1.4 / micro-SD Card Reader และ Mic-in/Headphone-out ให้ความครบเครื่องมากกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ทั่วไป โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน รองรับการชาร์จไฟด้วย เพราะอแดปเตอร์ก็เป็น USB-C แล้ว อีกทั้งมีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (Intel AC9560) พร้อมใช้งานตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สเปก Core i Gen 10 ปลายปี 2019
ส่วนของการพกพาของ MSI Prestige 14 ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมยอดเมื่อเทียบกับสเปก ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ดีกว่าตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คค่ายอื่นๆ ที่ใช้สเปกนี้มาก ที่สำคัญอแดปเตอร์จ่ายไฟที่ 90 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบากว่าปกติ ทำให้การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ น้ำหนักโดยรวมแล้วอยูที่ประมาณ 1.5 กิโลกรัมนิดๆ นับว่า MSI Prestige 14 เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังที่เหมาะสมกับเหล่า ยูทูปเบอร์, ช่างภาพ, อนิเมเตอร์ และนักดนตรี ที่เน้นพกพาพมากที่สุดเลยทีเดียว
Performance / Software
MSI Prestige 14 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.80 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 15Wattโดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel UHD Graphics UHD 620 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB DDR4 ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950M พอเล่นเกมออนไลน์ได้เลย ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1601 MB/s และเขียนที่ 864 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ อาจจะไม่แรงสุดๆ ที่ 3,xxx MB/s ก็ตาม
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4542 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง MX250 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
ทดสอบเกมสำหรับ MSI Prestige 14 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 ออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับกลางๆ ซึ่งเป็นความละเอียดเป็น Full HD ที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับที่เพียงพอในการเล่นเกมได้ลื่นไหล ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 36 ขึ้นไปตลอด (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับต่ำๆ หน่อย)
แต่ในส่วนของเกมอื่นๆ ที่เกินสเปกอย่าง BF V / FarCry V, GTA V ปรับ Low ได้เฉลี่ยอยู่ที่ 19 นับได้ว่าตัวเครื่องของ MSI Prestige 14 สามารถดึงประสิทธิภาพได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คที่สเปกใกล้เคียงกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ สำหรับเกมอนไลน์ ส่วนเกมกินสเปกหนักๆ อันนี้ไม่ค่อยลื่นเท่าไร
ที่สำคัญยังมี Creator Center เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งคล้ายกับ Dragon Center เป็นโปรแกรมที่เป็นจุดเด่นของ Gaming MSI ก็ถูกมาปรับใช้ใน MSI Prestige 14 นี้ด้วย จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- Creator Mode : ศูนย์รวมโปรแกรม ที่ใช้งานในงานสร้างสรรค์ต่างๆ ที่เรามี
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Notebook
- Battery Master : ปรับแต่งการชาร์จแบตเตอรี่ให้เหมาะกับการใช้งาน
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Prestige 14 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 13 ชั่วโมงโดยประมาณ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ไม่ยาวนานอย่างที่เคลมเอาไว้ว่าที่ 16 ชั่วโมง แต่โดยส่วนตัวก็ถือว่ายอมรับได้ (ใช้ได้นานมากแล้ว) จากการที่น้ำหนักเบาตัวเครื่องบาง พกพาอแดปเตอร์ไปอีกตัวก็พอไหวอยู่ พร้อมความสามารถ PD ที่ชาร์จไฟกลับเข้าไป 15 นาที เครื่องก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 2 ชั่งโมงแล้ว
สำหรับอุณหภูมิทดสอบด้วยโปรแกรม Hardware Monitor ยังไม่สามารถตรวจสอบในส่วนของชิปประมวลผลได้ แต่จากการทดสอบเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 35 –50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ประสิทธิภาพโดยรวมยังลื่นไหลอยู่ ซึ่งในส่วนของการ์ดจอจะร้อนสุดอยู่ที่ 98 องศาเซลเซียส ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่มีฟีเจอร์ Cooler Boots แต่ถ้าใช้งานทั่วไป พัดลมแทบไม่มีเสียงเลย
Conclusion / Award
MSI นำเสนอโน้คบุ๊คสาย Content Creator ทำงานมืออาชีพออกมาใหม่เรื่อยๆ จากการที่ปกติเราจะเห็นแต่สาย Gaming ถึงเวลาที่ MSI จะต้องออกผลิตภัณฑ์ Prestige ตัวใหม่ราคาถูกที่สุดในซีรีส์ (เริ่มต้นจะเป็นซีรีส์ Modern 14, 15 กลางเป็น Prestige 14, 15 และสูงสุดจะเป็น Creator 15, 17) ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่ใหม่ล่าสุด พร้อมนำมาประยุกต์เข้ากับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และตัวเองถนัด อย่างการนำข้อดีต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ตระกูล Gaming มาทำให้มีความเป็นมืออาชีพ เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาพ และงานกราฟฟิกต่าง ๆ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้ใช้ทำงานเป็นหลัก แล้วก็อาจจะไปนำเล่นเกมได้บ้าง
MSI Prestige 14 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสเปก Core i Gen 10 ที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้ เหมาะสำหรับมืออาชีพสายต่างๆ อาทิ ยูทูปเบอร์, ช่างภาพ, อนิเมเตอร์ และนักดนตรี ด้วยหน้าจอ 14″ สุดบางเฉียบ ดีไซน์ภายนอกมีจุดเด่นเรื่องความบางเบา เน้นพกพายิ่งกว่ารุ่นหน้าจอ 15.6″ และมีประสิทธิภาพเยี่ยม ทำให้มันกลายมาเป็น Ultrabook ที่มีขนาดกระทัดรัด ดีไซน์ภายนอกจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเงิน เพื่อให้มีความเรียบหรูมากขึ้น และมาพร้อมกับไฟคีย์บอร์ดสีขาว ทัชแพดก็มีขนาดที่ใหญ่โตมากๆ มีที่สแกนลายนิ้วมือด้วย โดยที่วัสดุตัวเครื่องจะทำมาจากอลูมิเนียม และมีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัม ซึ่งเบามากๆ
โดยเฉพาะในแง่ของการดีไซน์ MSI Prestige 14 มีเอกลักษณ์แต่ทันสมัยและแต่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยโลหะวัสดุอลูมิเนียมและสีสันพิเศษด้วยสี Pure White สีเป็นสีขาวด้าน โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งราคาและสเปกภายในถือว่ามีความคุ้มค่ามากๆ ได้ทั้งการ์ดจอแยกที่รองรับหรือเล่นเกมการทำงาน และแรมที่ขนาด 16GB พร้อม SSD ความจุ 512GB ที่แรงกว่า ยังไงใครต้องการโน๊ตบุ๊คพกพาเน้นทำงานเป็นหลัก หรือจะเล่นเกมบ้างก็ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว นักเรียนนักศึกษาคนทำงานจัดได้หมด หนุ่มๆ น่าจะชอบ หรือสาวๆ ก็จะดูเท่ไปอีกแบบ
ในส่วนของหน้าจอก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่หน้าจอดีที่สุดในตลาด ด้วยค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 93% และค่า AdobeRGB อยู่ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีมากๆ เหมาะกับงานระดับมืออาชีพแบบสุดๆ ขอบหน้าจอก็บางเฉียบตัวเครื่องก็เล็กกระทัดรัด เน้นพกพาสุดๆโดยแบตเตอรี่จากการใช้งานจริงๆ ทดสอบได้ที่ประมาณ 13 ชั่วโมง นับได้ว่าแทบไม่ต้องพกอแดปเตอร์ออกไปด้วยแล้ว แต่จะพกพาไปด้วยก็ไม่เป็นไรเพราะก็ไม่ใหญ่โตมาก พร้อมทั้งตัวเครื่องยังมีพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต ซึ่งเป็น USB-C ที่ต้องบอกว่าเป็นพอร์ตที่ดีที่สุดแล้ว
สรุปแล้วสำหรับ MSI Prestige 14 เหมาะสำหรับคนหรือใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สเปก Core i Gen 10 ที่ดีที่สุดบางเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในงบประมาณสามหมื่นกว่าบาทไม่ถึง 40,000 บาท เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคาค่าตัว เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกทั่วไป หรือกรณีที่อยากได้สเปกแรงแต่ไม่อยากได้ดีไซน์แบบ Gaming Notebook
อย่างไรก็ตามในส่วนของ MSI Prestige 14 รุ่นนี้เป็นรุ่นราคาถูกที่สุด แน่นอนมีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้าที่ราคา 43,900 บาทไปหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลที่เป็น Core i Gen 10 ที่แรงมากกว่า (i7-10710U) การ์ดจอแยกที่แรงมากกว่า (GTX 1650 Max-Q) รวมไปถึงการเชื่อมต่อก็เป็น Wi-Fi 6 AX ด้วย ซึ่งรุ่นที่เรานำมารีวิวในบทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 40,000 บาท แต่ใครไปตัวที่สูงกว่านี้ ก็จะได้ประสบการณ์ความแรงเรื่องของชิปประมวลผลและการ์ดจอที่ดีกว่าแน่นอน อันนี้ต้องลองช่างใจกันดู
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู สีขาวพรีเมียม
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น
- Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น
- สเปคแรง Core i7-10510U และการ์ดจอ MX250 ที่เพียงพแกับการใช้งาน Creator
- หน้าจอแสดงผลกางได้ 180 องศา ขอบจอบางเฉียบขนาด 14″ ขอบเขตสี sRGB 93%
- จัดเต็มเรื่องแรมที่ 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ไม่ต้องอัพเกรดอะไรแล้ว
- มี Windows 10 แท้ พร้อมซอฟ์ตแวร์ที่ดี ใช้งานได้ทันที
- ประสิทธิภาพดีทั้งการทำงานและการเล่นเกม
- คีย์บอร์ดใช้งานได้ดี มีไฟส่องสว่างใช้งานได้จริง
- การจัดการความร้อนในส่วนของการ์ดจอทำได้ดี
- ให้พอร์ต Thunderbolt มา 2 พอร์ต รองรับการชาร์จไฟ
- อแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบา พอร์ตเป็น USB-C PD ชาร์จมือถือก็ได้
- ได้มาตรฐานความทนทาน MIL-STD 810G ทำให้มั่นใจได้เลยว่าตัวเครื่องจะมีความแข็งแรง
- ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเปกและฟีเจอร์
ข้อสังเกต
- การแกะงัดทำได้ไม่ง่าย ไม่แนะนำให้ทำเองเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 13 ชั่วโมง ไม่เหมือนที่เคลมไว้ 16 ชั่วโมง แต่ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว
- ประสิทธิภาพเป็นรองรุ่น MSI Prestige 14 ก่อนหน้า จากการที่ลดสเปกลงมา
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง MSI Prestige 14 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Inte Core i7-10510U ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ประสิทธิภาพแรงพอตัว พร้อมการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX250 ที่ทั้ง 2 อย่างนี้แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงงาน Centent Creator มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ MSI Prestige 14 อยู่ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 1.29 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 1.5 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แม้แบตอาจจะใช้งานได้ไม่ถึง 16 ชั่วโมงจริงๆ ตามที่เคลมไว้ก็ตาม แต่ 13 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานแบตได้นานมากแล้ว
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI Prestige 14 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวพรีเมียมและเรียบหรูมากยิ่งขึ้นพ ร้อมกับใช้สี Pure White สีเป็นสีขาว กับตัวเครื่องด้านนอกและสีเทากับตัวเครื่องด้านในตลอดทั้งตัวเครื่อง การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง อีกทั้งยังใช้ diamond-cutting สีเงินเทาตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนส่วนมากต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
VDO Unbox
Specification
MSI Prestige 14 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดที่มีความโดดเด่นในสายของ Content Creator เน้นทำงานระดับมืออาชีพ ด้วยความบาง 15.9 มม. และน้ำหนักที่เบาเพียง 1.29 กิโลกรัม พกพาไปใช้งานนอกบ้านได้อย่างสะดวก มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U (Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ให้ความแรงเพียงพอกับทุกๆ การทำงาน ได้การ์ดจอรุ่นใหม่ที่มีความแรงพอประมาณอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR 5) แรม 16GB DDR3 พร้อม SSD NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 ในราคาเพียง 36,900 บาท (มีบันเดิลเมาส์ไร้สาย MSI Prestige และซอฟต์เคสสุดพรีเมียมมาให้ด้วย) สเปกหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก ขอบจอเป็นสีขาวบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบรวมไปถึงได้ Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต เป็นมาตรฐานอีกด้วยพร้อมซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI
Hardware / Design
สำหรับ MSI Prestige 14 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงแต่บางเบาขนาดหน้าจอ 14″ รุ่นล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งที่ครบเครื่อง ถูกต่อยอดมาจาก MSI Prestige รุ่นก่อนๆ ในเรื่องของการดีไซน์ที่เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัม ทำให้ถือมือเดียวได้สบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา
พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง โดยฝาหลังและดีไซน์ทั้งหมดมีการเลือกใช้ให้มีความเข้ากันอย่างที่สุด กับพื้นผิวส่วนของฝาหลังและตัวเครื่องเป็นลักษณะแบบด้าน พร้อมกับใช้สี Pure White สีเป็นสีขาวด้านสะอาดตาตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตกแต่งรายละเอียดบริเวณขอบด้วยเทคโนโลยี diamond-cutting สีเงินๆ เทาๆ ตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ซึ่งดูแล้วเป็นการเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมๆ ที่โน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพต้องดูดำๆ ดีไซน์โบราณ ให้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูน้อยแต่เรียบหรูแทนนั่นเอง
มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ซึ่งการใช้งานจริงมุมมองมันก็จะดู เป็นปกติกว่าโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่ย้ายไปติดตั้งที่อื่น ส่วนความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดปิดฝาของหน้าจอก็ทำได้ง่ายเพราะขอบตัวเครื่องด้านหน้าได้มีการเว้นร่องเว้าเอาไว้สวยงาม ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่าโน๊ตบุ๊คทำงานหน้าจอ 14″ ทั่วไป
ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI Prestige 14 ไม่ใช่แค่บางเบาและสเปกดีแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คสายบางเบาเน้นพกพา ซึ่งสเปกภายในก็แรงพอตัวด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 และการ์ดจอแยก NVIDIA GeFoece MX250 ซึ่งแม้ราคาจะดูสูงหน่อยถ้าเทียบกับพวก Gaming Notebook คุ้มๆ แต่เราก็จะได้น้ำหนักที่เบาและตัวเครื่องที่ดูหรูมาแทนที่นั่นเอง
ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบนของชุดคีย์บอร์ด พร้อมบริเวณบานพับก็เป็นช่องระบายความร้อน 1 ช่อง ที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างเรียบเนียน ภายในติดตั้งพัดลม 1 ตัว ที่แม้ MSI Prestige 14 จะไม่ได้ใช้เทคโนโลยี Cooler Boost ที่มี Heat Pipes หลายเส้นและพัดลม 2 ตัว แบบรุ่นพี่ MSI Prestige 15 แต่ก็ถูกดีไซน์ชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนของ CPU และ GPU เป็นอย่างดี ในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
ด้านฐานล่างตัวเครื่องจากรุ่นก่อนใช้วัสดุโลหะชิ้นเดียวตลอดทั้งชิ้น ลักษณะเป็นอลูมิเนียมที่มีช่องดูดลมเย็นดีไซน์สวยล้ำ พร้อมมียางรองจำนวน 2 เส้นลากยาว ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้นที่ 5 องศา ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
เรียกได้ว่าดีไซน์การออกแบบและสีสันสมกับโน๊ตบุ๊คสายสร้างสรรค์งานอย่าง Content Creator ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยงามลงตัว เหมาะกับการหยิบขึ้นมาใช้งานได้ตลอดเวลา ติดตั้งไปด้วยทุกๆ การเดินทางจากตัวเครื่องที่บางเฉียบและความเบา รวมไปถึงมีมิติตัวเครื่องที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ในสมัยก่อนๆ ที่สำคัญด้วยสีสัน Pure White สีเป็นสีขาวด้าน ยิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีความเป็นศิลปินมืออาชีพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่แม้ว่าจะดูง่ายๆ แต่ได้ใช้จริง คือการกางหน้าจอได้ 180 องศา พร้อมกดปุ่ม F12 แล้วสามารถหมุนจอไปฝั่งตรงข้ามได้ทันที ส่งผลให้คนนั่งฝั่งตรงข้ามที่เรากำลังนำเสนองานดูได้อย่างสะดวกที่สุด นับว่าเป็นอีกหนึ่งความใสใจที่ MSI ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI Prestige 14 เห็นแล้วต้องบอกว่าแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นของทาง MSI ก็จริง โดยให้ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับการทำงาน มีระยะกดที่ 1.5 มิลลิเมตร ด้วยการที่รูปแบบปุ่มมีขนาดที่ใหญ่เพียงพอกับการใช้งานจริงๆ ที่สำคัญด้วยไฟ LED สีขาวสวยงาม เข้ากับตัวปุ่มสีขาวเนียนตาเป็นอย่างดี ส่วนตัวอังษรเป็นสีเทาให้ความพรีเมียมสุดๆ แน่นอนว่าไม่มีชุด Numpad อยู่แล้ว สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ จากการใช้งานจริงถือว่าปุ่มเด้งรับกับนิ้วดีมากๆ รวมไปถึงมี Hotkey แถวบน พร้อมมีปุ่มเรียก Creator Center ใช้งานสะดวกด้วย
ทัชแพดมีขนาดใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ ลักษณะเป็นผืนผ้ายาวดูเป็นเนื้อแบบกระจก ซึ่งมีตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ให้สัมผัสที่ลื่นติดมือมากๆ โดยมีการตัดขอบด้านบนดูโค้งมน เข้ากับตัวเครื่องสวยงามลงตัว นอกเหนือจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ให้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อที่จะเข้าใช้งานตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัยแบบไม่ต้องใส่รหัสไปมาทุกครั้งอีกด้วย ส่วนการใช้งานก็ตอบสนองได้รวดเร็วไม่แพ้มือถือในปัจจุบันเลยล่ะ
Screen / Speaker
MSI Prestige 14 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ได้พาเนล IPS คุณภาพสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ ทั้งเรื่องสีสันและมุมมองที่กว้างพิเศษ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว
และด้วยความที่จอเป็นแบบด้านแต่ก็ยังให้เรื่องสีสันสดใส ตอนสนองการทำงานของเราได้เป็นอย่างดี เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม ขอบจอจะเป็นพลาสติกสีดำบางฉียบเพียง 5.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งให้พื้นที่แสดงผลทั้งหมดกว่า 90% เลยทีเดียว แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมพร้อมไมโครโฟนแบบคู่ไว้ที่ขอบจอด้านบนได้ปกติอยู่
ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ถึง 180 องศา ช่วยให้การนำเสนองานกับคนที่นั่งตรงข้ามกันง่ายยิ่งขึ้นด้วย การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือ Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 93% และค่า AdobeRGB อยู่ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีมากๆ เหมาะกับงานระดับมืออาชีพแบบสุดๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอที่ดีกว่าในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวล่างป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนขวาและซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 จากคะแนนเต็ม 5 ถือว่าน่าประทับใจ
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนด้านใต้เครื่อง แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพราะชุดลำโพงข้างในขยับได้เมื่อต้องการเสียงทุ่ม สำหรับคุณภาพเสียงการใช้งานต่าง ๆ สามารถทำออกมาได้ดี น่าประทับใจให้เสียงที่ดังพอตัว เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแน่นอน
Connector / Thin And Weight
MSI Prestige 14 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานบางเบาหน้าจอ 14″ ซึ่งมีไซส์และมิติโดยรวมเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2 x Thunderbolt 3 / 2 x USB 3.1 Type-A / 1 x HDMI 1.4 / micro-SD Card Reader และ Mic-in/Headphone-out ให้ความครบเครื่องมากกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ทั่วไป โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน รองรับการชาร์จไฟด้วย เพราะอแดปเตอร์ก็เป็น USB-C แล้ว อีกทั้งมีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (Intel AC9560) พร้อมใช้งานตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สเปก Core i Gen 10 ปลายปี 2019
ส่วนของการพกพาของ MSI Prestige 14 ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมยอดเมื่อเทียบกับสเปก ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ดีกว่าตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คค่ายอื่นๆ ที่ใช้สเปกนี้มาก ที่สำคัญอแดปเตอร์จ่ายไฟที่ 90 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบากว่าปกติ ทำให้การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ น้ำหนักโดยรวมแล้วอยูที่ประมาณ 1.5 กิโลกรัมนิดๆ นับว่า MSI Prestige 14 เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังที่เหมาะสมกับเหล่า ยูทูปเบอร์, ช่างภาพ, อนิเมเตอร์ และนักดนตรี ที่เน้นพกพาพมากที่สุดเลยทีเดียว
Performance / Software
MSI Prestige 14 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.80 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 15Wattโดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel UHD Graphics UHD 620 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB DDR4 ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950M พอเล่นเกมออนไลน์ได้เลย ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1601 MB/s และเขียนที่ 864 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ อาจจะไม่แรงสุดๆ ที่ 3,xxx MB/s ก็ตาม
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4542 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง MX250 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
ทดสอบเกมสำหรับ MSI Prestige 14 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 ออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับกลางๆ ซึ่งเป็นความละเอียดเป็น Full HD ที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับที่เพียงพอในการเล่นเกมได้ลื่นไหล ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 36 ขึ้นไปตลอด (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับต่ำๆ หน่อย)
แต่ในส่วนของเกมอื่นๆ ที่เกินสเปกอย่าง BF V / FarCry V, GTA V ปรับ Low ได้เฉลี่ยอยู่ที่ 19 นับได้ว่าตัวเครื่องของ MSI Prestige 14 สามารถดึงประสิทธิภาพได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คที่สเปกใกล้เคียงกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ สำหรับเกมอนไลน์ ส่วนเกมกินสเปกหนักๆ อันนี้ไม่ค่อยลื่นเท่าไร
ที่สำคัญยังมี Creator Center เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งคล้ายกับ Dragon Center เป็นโปรแกรมที่เป็นจุดเด่นของ Gaming MSI ก็ถูกมาปรับใช้ใน MSI Prestige 14 นี้ด้วย จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- Creator Mode : ศูนย์รวมโปรแกรม ที่ใช้งานในงานสร้างสรรค์ต่างๆ ที่เรามี
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Notebook
- Battery Master : ปรับแต่งการชาร์จแบตเตอรี่ให้เหมาะกับการใช้งาน
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Prestige 14 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 13 ชั่วโมงโดยประมาณ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ไม่ยาวนานอย่างที่เคลมเอาไว้ว่าที่ 16 ชั่วโมง แต่โดยส่วนตัวก็ถือว่ายอมรับได้ (ใช้ได้นานมากแล้ว) จากการที่น้ำหนักเบาตัวเครื่องบาง พกพาอแดปเตอร์ไปอีกตัวก็พอไหวอยู่ พร้อมความสามารถ PD ที่ชาร์จไฟกลับเข้าไป 15 นาที เครื่องก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 2 ชั่งโมงแล้ว
สำหรับอุณหภูมิทดสอบด้วยโปรแกรม Hardware Monitor ยังไม่สามารถตรวจสอบในส่วนของชิปประมวลผลได้ แต่จากการทดสอบเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 35 –50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ประสิทธิภาพโดยรวมยังลื่นไหลอยู่ ซึ่งในส่วนของการ์ดจอจะร้อนสุดอยู่ที่ 98 องศาเซลเซียส ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่มีฟีเจอร์ Cooler Boots แต่ถ้าใช้งานทั่วไป พัดลมแทบไม่มีเสียงเลย
Conclusion / Award
MSI นำเสนอโน้คบุ๊คสาย Content Creator ทำงานมืออาชีพออกมาใหม่เรื่อยๆ จากการที่ปกติเราจะเห็นแต่สาย Gaming ถึงเวลาที่ MSI จะต้องออกผลิตภัณฑ์ Prestige ตัวใหม่ราคาถูกที่สุดในซีรีส์ (เริ่มต้นจะเป็นซีรีส์ Modern 14, 15 กลางเป็น Prestige 14, 15 และสูงสุดจะเป็น Creator 15, 17) ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่ใหม่ล่าสุด พร้อมนำมาประยุกต์เข้ากับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และตัวเองถนัด อย่างการนำข้อดีต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ตระกูล Gaming มาทำให้มีความเป็นมืออาชีพ เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาพ และงานกราฟฟิกต่าง ๆ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้ใช้ทำงานเป็นหลัก แล้วก็อาจจะไปนำเล่นเกมได้บ้าง
MSI Prestige 14 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสเปก Core i Gen 10 ที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้ เหมาะสำหรับมืออาชีพสายต่างๆ อาทิ ยูทูปเบอร์, ช่างภาพ, อนิเมเตอร์ และนักดนตรี ด้วยหน้าจอ 14″ สุดบางเฉียบ ดีไซน์ภายนอกมีจุดเด่นเรื่องความบางเบา เน้นพกพายิ่งกว่ารุ่นหน้าจอ 15.6″ และมีประสิทธิภาพเยี่ยม ทำให้มันกลายมาเป็น Ultrabook ที่มีขนาดกระทัดรัด ดีไซน์ภายนอกจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเงิน เพื่อให้มีความเรียบหรูมากขึ้น และมาพร้อมกับไฟคีย์บอร์ดสีขาว ทัชแพดก็มีขนาดที่ใหญ่โตมากๆ มีที่สแกนลายนิ้วมือด้วย โดยที่วัสดุตัวเครื่องจะทำมาจากอลูมิเนียม และมีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัม ซึ่งเบามากๆ
โดยเฉพาะในแง่ของการดีไซน์ MSI Prestige 14 มีเอกลักษณ์แต่ทันสมัยและแต่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยโลหะวัสดุอลูมิเนียมและสีสันพิเศษด้วยสี Pure White สีเป็นสีขาวด้าน โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งราคาและสเปกภายในถือว่ามีความคุ้มค่ามากๆ ได้ทั้งการ์ดจอแยกที่รองรับหรือเล่นเกมการทำงาน และแรมที่ขนาด 16GB พร้อม SSD ความจุ 512GB ที่แรงกว่า ยังไงใครต้องการโน๊ตบุ๊คพกพาเน้นทำงานเป็นหลัก หรือจะเล่นเกมบ้างก็ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว นักเรียนนักศึกษาคนทำงานจัดได้หมด หนุ่มๆ น่าจะชอบ หรือสาวๆ ก็จะดูเท่ไปอีกแบบ
ในส่วนของหน้าจอก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่หน้าจอดีที่สุดในตลาด ด้วยค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 93% และค่า AdobeRGB อยู่ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีมากๆ เหมาะกับงานระดับมืออาชีพแบบสุดๆ ขอบหน้าจอก็บางเฉียบตัวเครื่องก็เล็กกระทัดรัด เน้นพกพาสุดๆโดยแบตเตอรี่จากการใช้งานจริงๆ ทดสอบได้ที่ประมาณ 13 ชั่วโมง นับได้ว่าแทบไม่ต้องพกอแดปเตอร์ออกไปด้วยแล้ว แต่จะพกพาไปด้วยก็ไม่เป็นไรเพราะก็ไม่ใหญ่โตมาก พร้อมทั้งตัวเครื่องยังมีพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต ซึ่งเป็น USB-C ที่ต้องบอกว่าเป็นพอร์ตที่ดีที่สุดแล้ว
สรุปแล้วสำหรับ MSI Prestige 14 เหมาะสำหรับคนหรือใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สเปก Core i Gen 10 ที่ดีที่สุดบางเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในงบประมาณสามหมื่นกว่าบาทไม่ถึง 40,000 บาท เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคาค่าตัว เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกทั่วไป หรือกรณีที่อยากได้สเปกแรงแต่ไม่อยากได้ดีไซน์แบบ Gaming Notebook
อย่างไรก็ตามในส่วนของ MSI Prestige 14 รุ่นนี้เป็นรุ่นราคาถูกที่สุด แน่นอนมีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้าที่ราคา 43,900 บาทไปหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลที่เป็น Core i Gen 10 ที่แรงมากกว่า (i7-10710U) การ์ดจอแยกที่แรงมากกว่า (GTX 1650 Max-Q) รวมไปถึงการเชื่อมต่อก็เป็น Wi-Fi 6 AX ด้วย ซึ่งรุ่นที่เรานำมารีวิวในบทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 40,000 บาท แต่ใครไปตัวที่สูงกว่านี้ ก็จะได้ประสบการณ์ความแรงเรื่องของชิปประมวลผลและการ์ดจอที่ดีกว่าแน่นอน อันนี้ต้องลองช่างใจกันดู
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู สีขาวพรีเมียม
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น
- Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น
- สเปคแรง Core i7-10510U และการ์ดจอ MX250 ที่เพียงพแกับการใช้งาน Creator
- หน้าจอแสดงผลกางได้ 180 องศา ขอบจอบางเฉียบขนาด 14″ ขอบเขตสี sRGB 93%
- จัดเต็มเรื่องแรมที่ 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ไม่ต้องอัพเกรดอะไรแล้ว
- มี Windows 10 แท้ พร้อมซอฟ์ตแวร์ที่ดี ใช้งานได้ทันที
- ประสิทธิภาพดีทั้งการทำงานและการเล่นเกม
- คีย์บอร์ดใช้งานได้ดี มีไฟส่องสว่างใช้งานได้จริง
- การจัดการความร้อนในส่วนของการ์ดจอทำได้ดี
- ให้พอร์ต Thunderbolt มา 2 พอร์ต รองรับการชาร์จไฟ
- อแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบา พอร์ตเป็น USB-C PD ชาร์จมือถือก็ได้
- ได้มาตรฐานความทนทาน MIL-STD 810G ทำให้มั่นใจได้เลยว่าตัวเครื่องจะมีความแข็งแรง
- ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเปกและฟีเจอร์
ข้อสังเกต
- การแกะงัดทำได้ไม่ง่าย ไม่แนะนำให้ทำเองเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 13 ชั่วโมง ไม่เหมือนที่เคลมไว้ 16 ชั่วโมง แต่ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว
- ประสิทธิภาพเป็นรองรุ่น MSI Prestige 14 ก่อนหน้า จากการที่ลดสเปกลงมา
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง MSI Prestige 14 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Inte Core i7-10510U ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ประสิทธิภาพแรงพอตัว พร้อมการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX250 ที่ทั้ง 2 อย่างนี้แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงงาน Centent Creator มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ MSI Prestige 14 อยู่ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 1.29 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 1.5 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แม้แบตอาจจะใช้งานได้ไม่ถึง 16 ชั่วโมงจริงๆ ตามที่เคลมไว้ก็ตาม แต่ 13 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานแบตได้นานมากแล้ว
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI Prestige 14 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวพรีเมียมและเรียบหรูมากยิ่งขึ้นพ ร้อมกับใช้สี Pure White สีเป็นสีขาว กับตัวเครื่องด้านนอกและสีเทากับตัวเครื่องด้านในตลอดทั้งตัวเครื่อง การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง อีกทั้งยังใช้ diamond-cutting สีเงินเทาตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนส่วนมากต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน