ASUS VivoBook S13 / 14 / 15 (S333/S433/S533) รุ่นปี 2020 ที่แอดมินโป้งได้มีโอกาสไปพรีวิวเรียกได้ว่าโน๊ตบุ๊คที่จะเน้นเรื่องของความบางเบาและครบเครื่อง เจาะตลาดนักเรียนนักศึกษา รวมไปถึงคนวัยทำงานที่ยังหนุ่มสาวเป็นหลัก โดยมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ดูทันสมัยยิ่งขึ้น สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ สเปคคุ้มๆที่จะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่และสีสันใหม่ แน่นอนว่ามีเลือกทั้ง 3 ขนาดหน้าจอคือ 13.3″ / 14″ / 15.6″ ซึ่งมีน้ำหนักเบาเพียงที่ 1.2 / 1.4 / 1.8 กิโลกรัมเท่านั้นตามลำดับ
สเปกภายในของตัว ASUS VivoBook S13 / 14 / 15 (S333/S433/S533) มาพร้อมสเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง i5-10210U / i7-10510U หรือ i5-1035G4 / i7-1065G7 และได้การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 ที่รองรับทุกๆ การใช้งาน มาพร้อมขอบหน้าจอบางพิเศษ NanoEdge ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ในส่วนของสเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 8 – 16GB (สูงสุด 32GB) พร้อม SSD 512GB (สูงสุด 1TB) แน่นอนว่าได้ Windows 10 ใช้งานทันที อีกทั้งยังมีสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint เป็นมาตรฐาน
สำหรับ ASUS VivoBook S13 / 14 / 15 (S333/S433/S533) ใหม่ที่เปิดตัวได้ส่งมอบความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์และประสิทธิภาพการใช้งาน และคงความเป็นเอกลักษณ์ของ VivoBook ที่เน้นสีสันและความสนุกสนาน ช่วยการทำงานมัลติทาสกิ้ง และการใช้งานเพื่อความบันเทิงได้อย่างดีเยี่ยม ตัว Wi–Fi 6 AX ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ
ที่สำคัญยังเปิดตัวสีใหม่รับปี 2020 ด้วยสี Resolute Red, Gaia Green, Dreamy White และ Indie Black พร้อมความพิเศษเพิ่มลูกเล่นบนแป้น ‘Enter’ ด้วยขอบตัดสีเหลืองสะดุดตาแบบสุดๆ พร้อมกันนั้นยังมีสติ๊กเกอร์ให้เราสามารถแปะแต่งเพิ่มเติมอีกด้วย คาดราคาขายไทยอยู่ที่ 2x,xxx บาทขึ้นไป ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย
Preview ASUS VivoBook S 14 (S433)
ASUS VivoBook S 14 (S433)โดดเด่นด้วยสีสันทูโทนรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องฝาหลังและตัวเครื่องด้านนอกด้านในจะเป็นอลูมิเนียมตามสีของตัวเครื่อง ซึ่งพิเศษตรงที่ ASUS VivoBook S 14 (S433) ได้วัสดุคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา มาพร้อมสีสัน 4 เฉดสีที่แตกต่างจากคู่แข่ง อย่างสีแดง Resolute Red, สีเขียว Gaia Green, สีขาว Dreamy White และ สีดำ Indie Black ตัวเครื่อง ASUS VivoBook S 14 (S433) อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นอลูมิเนียมเกือบทั้งหมด ทำให้นอกจากสวยงามยังแข่งแรงทนทานอีกด้วย
โดยเฉพาะส่วนของส่วนของฝาหน้าจอที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ดูสวยงามพร้อมความเรียบง่าย แน่นอนว่ามีโลโก้ ASUS VivoBook อย่างโดดเด่น ส่วนตัวด้านล่างก็จะเป็นพลาสติกที่แข็งแรง ทำให้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบา มีการนำเสนอพื้นผิวแบบเรียบเนียนสัมผัสดี ทั้งหมดนี้อยู่ในน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และขอบจอบางเพียง 5.7 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดีมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ปี 2020
ในส่วนของคีย์บอร์ด ASUS VivoBook S 14 (S433) ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีเดียวกับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีเทา มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือตัดขอบมน ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ได้ดีกว่าไม่มี ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน
ASUS VivoBook S 14 (S433) ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 14″ มีขอบที่บางมากเพียง 5.7 มม. ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอเยอะกว่ารุ่นก่อนๆ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS คุณภาพดีมุมมองกว้าง สีสันสดใส โดยมีความเรียบเนียนตากว่ามาตรฐาน 1366 x 768 พิกเซล HD แบบเดิมๆ อย่างชัดเจน ถ้าบอกตรงๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว แต่ถ้ามองมุมขึ้นลงหรือซ้ายขวาก็จะเห็นถึงความต่าง ให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ให้สีจอที่ดีทีเดียว
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง Harman Kardon ให้เสียงที่ดีกว่าลำโพงทั่วไป มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนักบางๆ ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี คาดว่าในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
ASUS VivoBook S 14 (S433) ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวนหนึ่งพอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 Type-A อีกสองพอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้อีกหนึ่งพอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน microSD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
อีกหนึ่งจุดเด่นของ ASUS VivoBook S 14 (S433) ก็คือจะมีรุ่นที่มีแผงปุ่มตัวเลขที่ซ่อนอยู่ในทัชแพด โดยใช้ชื่อเรียกว่า NumberPad (เป็นตัวเลือก) ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะไอคอนตรงมุมขวาบนของทัชแพดค้างไว้ 1 วินาที เส้นไฟสำหรับแบ่งพื้นที่ของแต่ละปุ่มก็จะปรากฏขึ้นมาให้ใช้งานเป็น Numpad ได้ทันที ซึ่งแม้ว่าจะมีปุ่มขึ้นมาแล้ว ผู้ใช้ก็ยังสามารถใช้ทัชแพดในการเลื่อนเคอร์เซอร์ได้อยู่ แต่หากมีการจิ้มลงบนพื้นที่ของแต่ละปุ่มเพื่อคลิกซ้าย ก็จะเปรียบเสมือนการกดปุ่มตัวเลขด้วย เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่ต้องการใช้แป้นตัวเลขด้วย เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ จะไม่สามารถติดตั้ง NumPad มาได้ จากขนาดตัวเครื่องที่เล็กกว่า 15.6″
สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว คาดว่าจะช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมน่าจะเอาอยู่ มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งานมากเกินไป
นับได้ว่า ASUS VivoBook S 14 (S433) เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีสเปกที่ดี แรง คุ้ม ราคาไม่แพง แต่ ASUS ใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบจอแสดงผล NanoEdge นั้นส่งผลให้ ASUS VivoBook S 14 (S433) มีขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดกว่า ด้วยน้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง สามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา
Preview ASUS VivoBook S 15 (S533)
สำหระบ ASUS VivoBook S 15 (S533) ก็จะมีรายละเอียดของตัวเครื่องไม่ต่างกันมาก รวมไปถึงสเปกที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง i5-10210U / i7-10510U และได้การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 อีกทั้งได้แรม 8 – 16GB พร้อม SSD 512GB แน่นอนว่าได้ Windows 10 ใช้งานทันที แต่ก็จะมีขนาดและมิติที่ใหญ่กว่า โดยหนักที่ 1.8 กิโลกรัม และบางที่ 16.1 ซึ่งก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่บางเบาพกพาสะดวกอยู่
Preview ASUS VivoBook S 13 (S333)
และในส่วนของ ASUS VivoBook S 13 (S333) จะเหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เล็กและเบาสุดๆ ด้วยขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความเบาเพียง 1.2 กิโลกรัม และตัวเครื่องบางที่ 14.9 มิลลิเมตร โดยมีรายละเอียดของตัวเครื่องไม่ต่างกันมาก แต่สเปกอย่างชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง i5-1035G4 / i7-1065G7 และอาจจะมีรุ่นที่ไม่ได้ติดตั้งการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 มาให้ อีกทั้งได้แรม 8 – 16GB พร้อม SSD 512GB แน่นอนว่าได้ Windows 10 ใช้งานทันที รองรับทุกๆ การใช้งานไม่เป็นรองรุ่นหน้าจอ 14″ / 15.6″
ปิดท้ายด้วยรายละเอียดอื่นๆ ของ ASUS VivoBook S13 / 14 / 15 (S333/S433/S533 ไว้ยังไงมีโอกาสเราจะได้มารีวิวตัวขายจริงสเปกจริงๆ ของบรรดา ASUS VivoBook S Series ประจำปี 2020 อีกครั้ง