แล้วถ้าเราเสียบปลั๊กใช้งานควรจะใส่หรือจะถอดแบตเตอรี่ดี ?
ภายในแบตเตอรี่ของ Notebook นั้นจะมีวงจรไว้สำหรับควบคุมการชาร์จ โดยลักษณะของวงจรการชาร์จแบตเตอรี่ที่พบใน Notebook สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
แบบที่ 1 คือวงจรที่ทำการชาร์จพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ตลอดเวลาแม้ระดับพลังงานของ แบตเตอรี่ที่มี จะสูงกว่า 90% วงจรแบบนี้จะพบได้ใน Notebook รุ่นเก่าๆ
แบบที่ 2 คือวงจรชาร์จแบตเตอรี่จะเริ่มต้นทำงาน เมื่อระดับพลังงานของแบตเตอรี่ต่ำกว่า 90 – 95% (แล้วแต่ยี่ห้อ) โดย Notebook ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้วงจรแบบที่ 2 นี้ เกือบทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากวงจรการชาร์จทั้ง 2 แบบ แล้วสรุปได้ว่า หาก Notebook ของคุณเป็นรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 2 การเสียบปลั๊กเล่นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถอดแบตเตอรี่ออก เนื่องจากจะไม่มีผลกระทบใดๆต่อแบตเตอรี่เพราะวงจรการชาร์จของแบตเตอรี่ ยังไม่ได้ทำงาน (ในกรณีที่แบตเตอรี่มีความจุมากกว่า 90 – 95%) แต่หากแบตเตอรี่มีความจุไม่ถึงระดับ 90 – 95% ผมแนะนำให้ทำการใช้งานไปจนกว่าความจุของแบตเตอรี่จะลดลงถึงระดับ 2C หรือ 1C แล้วจึงค่อยเสียบปลั๊ก แต่ถ้ากรณีที่ Notebook ของท่านเป็นรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 1 (ไม่ตัดการทำงาน) ลองพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียต่างๆ ดังต่อไปนี้
จากตารางที่ท่านเห็นก็จะเป็นการแสดงข้อดีและข้อเสียที่สรุปออกมาจากเสียบ ปลั๊กเล่นกับการถอดปลั๊กเล่นสำหรับแบตเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 1 แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละท่านเองนะครับ แต่อย่างไรก็ตามด้วยคุณลักษณะของแบตเตอรี่แบบ Li-on นั้นจะมีการคลายประจุออกมาอยู่แล้วในอัตรา 10 % ต่อ 1 เดือน (ที่อุณหภูมิการใช้งาน) และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ของ Notebook ก็จะอยู่ที่ 2-3 ปี แต่หากมีการใช้งานอย่างถูกต้องเหมาะสมก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ได้ยาวนานยิ่งขึ้นครับ
ข้อควรปฏิบัติในการใช้แบตเตอรี่ Li-Ion และ Li-Polymer
อันนี้ก็ขอกล่าวถึงข้อปฏิบัติต่างๆและสิ่งที่ควรระวังหรืออันตรายที่อาจจะ เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่ของท่าน รวมถึงตัวผู้ใช้ด้วยนะครับ ผมจึงอยากให้ทุกท่านได้ทราบถึงสิ่งอันตรายเบื้องต้นที่คุณก็สามารถป้องกัน ได้ง่ายๆ แต่เกิดประโยชน์อย่างมาก และผมก็ขอบอกข้อควรระวังเพื่อให้ทุกท่านหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้แบตเตอรี่ ของท่านเสียหายหรืออายุการงานสั้นลงนะครับ
สิ่งที่อันตรายและอาจส่งผลให้แบตเตอรี่ของคุณระเบิด ได้
1. การนำแบตเตอรี่ไปสัมผัสกับน้ำหรือของเหลวทั่วๆไป อาจทำให้วงจรป้องกันภายในการชาร์จเสีย ซึ่งจะส่งผลกระทบก็คือถ้าหากมีการชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้าที่สูงเกินแล้ว แบตเตอรี่ก็จะร้อนหรืออาจระเบิดได้
2.การวางแบตเตอรี่ไว้ใกล้ไฟหรือที่ๆมีความร้อนสูงเกินรวมถึงการเผาทำลาย ซึ่งอาจจะทำให้แบตเตอรี่เสียหรือลัดวงจรแล้วระเบิดได้
3.การชาร์จควรชาร์จด้วยเครื่องชาร์จที่ออกแบบมาสำหรับแบตเตอรี่ Li-Ion และ Li-Polymer เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจทำให้กระแสไฟฟ้าที่ชาร์จสูงเกินแล้วแบตเตอรี่ของคุณก็จะ ระเบิดได้
4.ในการชาร์จแบตเตอรี่ ควรระวังการชาร์จกลับขั้วซึ่งจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ผิดปรกติภายใน ผลก็คือระเบิดอีกเช่นกัน
5.การแกะหรือกระแทกแบตเตอรี่แรงๆ อาจจะทำให้วงจรแบตเตอรี่ภายในช็อตภายในและระเบิดได้
ข้อควรระวัง
1.ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ในที่ๆมีความร้อนสูงเพราะจะทำให้อายุการใช้งานของ แบตเตอรี่นั้นสั้นลง
2.ไม่ควรใช้ในที่ๆมีไฟฟ้าสถิตสูงเพราะอาจจะทำให้วงจรป้องกันแบตเตอรี่เสีย ได้
3.ควรใช้งานและชาร์จในช่วงอุณหภูมิที่กำหนด (ใช้งานที่ 20 – 60?C และชาร์จที่ 0 – 45?C สังเกตได้ว่าหากอากาศบ้านเราหน้าร้อนสูงเกิน 40?C ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการชาร์จไว้ก่อน)
4.หากทิ้งแบตเตอรี่ไว้ไม่ได้ชาร์จเป็นเวลานานๆจะทำให้แบตเตอรี่นั้นไม่ สามารถที่จะชาร์จให้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นหากไม่มีการใช้งานก็ควรที่จะนำมาชาร์จอย่างน้อยทุกๆหกเดือน
การวิธีตรวจสอบความจุของแบตเตอรี่
วันนี้ผมขอแนะนำวิธีตรวจสอบความจุของแบตเตอรี่ของเรา ซึ่งเราจะสามารถรู้ได้ว่าแบตเตอรี่ของเรานั้นมีความจุพลังงานเต็มหรือเหลือ กันกี่เปอร์เซ็นแล้ว หลังจากที่ถูกใช้กันมาเป็นอย่างยาวนาน วิธีการตรวจสอบก็จำเป็นต้องใช้โปรแกรม BatteryMon นั่นเอง โปรแกรมนี้เป็น Shareware นะครับ ก็ถ้าดาวโหลดมาก็จะสามารถใช้งานได้ 30 วัน แต่ก็จริงๆแล้วนานๆตรวจทีก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อหรอกตั้ง 24 เหรียญ ทุกท่านสามารถดาวโหลดมาทดลองใช้ได้ที่ http://www.passmark.com/download/index.htm เลือก Download ที่ BatterMon นะครับ
หลังจากที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เปิดขึ้นมาก็จะพบกับหน้าตาโปรแกรม แบบนี้เลยครับ
ให้กดที่ Start ด้านล่างซ้ายของโปรแกรม โปรแกรมจะทำการประมวลผลของแบตเตอรี่รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงระบบเบื้องต้นด้วย พอกดเสร็จก็จะมีแทปด้านขวาบนแสดงถึงความจุของแบตเตอรี่เราครับ
ต่อไปมาถึงวิธีตรวจสอบว่าแบตเตอรี่เราสามารถชาร์จได้กี่เปอร์เซ็นกันแน่หรือ ออกมาจากโรงงานผลิตนั้น ประสิทธิภายดีแค่ไหน
โดยให้คลิกไปที่รูปแบตเตอรี่เล็กหรือ Battery Information (Info >> Battery Information) โปรแกรมก็จะแสดงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับแบตเตอรี่ อีกทั้งถ้าท่านอยากตรวจสอบข้อมูลของระบบก็สามารถเลือกได้ที่ System Information (Info >> System Information)
ก็จะได้รูปตามนี้นะครับ
แล้วก็จะมีสูตรคำนวณตามนี้เลยนะครับ
(Full Charge Capacity / Design Capacity) * 100 = เปอร์เซ็นที่แบตเตอรี่เราสามารถชาร์จได้สูงสุด
ยกตัวอย่างเช่นแบตเตอรี่ของผมเองละกันครับ
(Full Charge Capacity = 40673 / Design Capacity = 43200) * 100 = ประมาณ 94.15 %
ก็นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่เดียวหลังจากผ่านการใช้นานอย่างหนักหน่วงมา เกือบสองปี ขอบคุณครับ
รูป Log จากโปรแกรม BatteryMon ของ แบตเตอรี่ MSI PR210X
สุดท้ายนี้ ผมขอแนะนำบทความดีๆที่เคยเขียนไว้ในเว็บนี้แล้ว เทคนิคง่ายๆ ยืดดด..อายุแบตเตอรี่ คุณก็ทำได้ภายใน 5 นาที
ลิ้งนี้เลยครับ >>> https://notebookspec.com/2008/08mar-power.html
Credit Information:
http://gotoknow.org/blog/Boobeejung/90320
http://www.batteryuniversity.com