เปิดงาน CES2020 ได้อย่างน่าสนใจเลยด้วยซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุดจาก AMD สำหรับตลาดโน๊ตบุ๊คทั้งตัวแรงรหัส H สำหรับคอเกม และรหัส U สำหรับโน๊ตบุ๊คทำงานเน้นประหยัดพลังงานพร้อมชน Intel ในทุกตลาดแล้ว
ด้วยซีพียูตัวแรงสำหรับโน๊ตบุ๊ค กับซีรีย์ AMD Ryzen 4000 Mobile ที่มีรหัส H- (high power) ที่เน้นประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มทกงานและเล่นเกม และ U- (low power) ที่เน้นประหยัดพลังงาน สำหรับทั้งตลาดเกมมิ่งและโน๊ตบุ๊คทำงาน โดยรหัส H จะมีเปิดตัวมาก่อน 2 รุ่น ชน i5 และ i7
- Ryzen 7 4800H (Up to 4.2 GHz ,8 core/16 thread ,TDP 45W )
- Ryzen 5 4600H (Up to 4.0 GHz ,6 core/12 thread ,TDP 45W)
ดูจากจำนวนคอร์และเทรดแล้วชนฝั่ง intel ได้สบาย และยังเคลมประสิทธิภาพว่าเหนือกว่าคู่แข่งอีกด้วย (ผลทดสอบด้านล่าง) และยังมีซีพียูในส่วนของ U Series ที่เน้นประหยัดพลังงานสำหรับโน๊ตบุ๊คทำงาน ซึ่งเดิม AMD ก็ทำตลาดในกลุ่มนี้ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยราคาที่ถูก ประสิทธิภาพดี มาพร้อมกันถึง 5 รุ่นได้แก่
- Ryzen 7 4800U (Up to 4.2 GHz ,8 core/16 thread ,TDP 15W)
- Ryzen 7 4700U (Up to 4.1 GHz ,8 core/8 thread ,TDP 15W)
- Ryzen 5 4600U (Up to 4.0 GHz ,6 core/12 thread ,TDP 15W)
- Ryzen 5 4500U (Up to 4.0 GHz ,6 core/6 thread ,TDP 15W)
- Ryzen 3 4300U (Up to 3.7 GHz ,4 core/4 thread ,TDP 15W)
ซ่อยย่อยสเปคหนักมาก เพื่อตอบโจทย์ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คที่แตกต่างออกไปหลักๆคือเรื่องของคอร์และเทรดที่ถูกปรับลง ถ้ารุ่นท๊อปจะจัดเต็ม คอร์และเทรดอีกเท่าตัวขณะที่รุ่นลองจะถูกตัดเรดลงครึ่งหนึ่ง พร้อมลดความเร็วมานิดนึง
แต่ที่น่าสนใจคือตัวการ์ดจอออนซีพียูหรืออนบอร์ดจะไม่ใช้คำว่า VEGA 3 5 7 แล้ว แต่จะใช้คำว่า AMD Radeon™ Graphics แทน โดยจะแบ่งรุ่นตามความเร็วจีพียูจำนวนคอร์กราฟิกที่สัมพันธ์กับรุ่นของซีพียูแทน และตัวรหัส H ก็ยังมีการ์ดจอติดมาให้เหมือนเดิม (หมายความว่ายังคงมีการ์ดจอออนบอร์ดอยู่ และแชร์แรมจากเครื่องไปเหมือนเดิม) โดยตัวคอร์กราฟิกจะถูกลดหลั่นลงตามรุ่น โดย Ryzen 7 จะมีคอร์กราฟฟิกสูงสุดที่ 8 คอร์ และลดลงมาเป็น 6 คอร์ใน Ryzen 5 และ 5 คอร์ใน Ryzen 3 สูตรเดียวกันทั้งรหัส H และ U
โดยทั้งหมดนี้มาในเทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร เช่นเดยวกับ AMD Ryzen 3000 Series และที่สำคัญคือสามารถใส่แรมบัสสูงได้มากขึ้นถึง DDR4-3200MHz และ LPDDR4-4266MHz โดยไม่บอกความจุสูงสุด แต่ทีมงานคาดว่ายังคงใส่ได้แค่ 32 GB ตามสเปคที่ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คหลายค่ายเปิดตัวมา และเวอร์ชั่นของ PCI Express ยังคงเป็น PCIe 3.0 เหมือนเดิมไม่ได้เป็น 4.0
นอกจากนั้น AMD ยังได้ใส่เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า ‘การควบคุมแพลตฟอร์มอย่างชาญฉลาด’ หรือ SmartShift ซึ่งตามหลักการก็คือเทคโนโลยีแบบเดียวกันกับ NVIDIA Optimus หรือพูดง่ายๆคือการใช้การ์ดจอในซีพียูกับการ์ดจอแยกสามารถสลับการทำงานร่วมกันได้ตามต้องการ เช่นใช้งานทั่วไปก็จะใช้การ์ดจอในซีพียู แต่เมื่อทำงานกราฟิกหรือเล่นเกมก็จะสลับไปการ์ดจอแยกนั่นเอง
AMD ยังบอกว่า Ryzen 4000 mobile series นั้นมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อวัตต์สูงขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ Ryzen 3000 mobile series รุ่นเก่าอีกด้วย
AMD ยังได้ทดสอบ 4800H กับ 9750H ให้ดูว่าแรงกว่ากันเห็นๆโดยเฉพาะด้าน มัลติเทรดหรือเทสอบในโปรแกรม 3D
ด้านการทำงาน 7800H ก็ยังกินนิ่มทุกโปรแกรม
เทียบตัวประหยัดพลังงานอย่าง 1065G7 กับ 4800U ก็ไม่ต้องพูดถึงแรงกว่าทุกการทดสอบและการทำงาน
หรือด้านการเล่นเกมตัวกราฟิกออนบอร์ดของ 4800U ก็ยังสามารถทำเฟรมเรทสูงกว่า 1065G7 ได้ทุกเกม
นอกจากนั้น AMD ยังเปิดตัวน้องเล็กแบบเงียบๆ กับซีพียู Athlon สำหรับโน๊ตบุ๊คราคาประหยัดเพื่อชนกับ Intel Pentium โดยปรับลดสเปคจาก Ryzen 3 4300U ตามนี้
- Athlon Gold 3150U (Up to 3.3 GHz ,2 core/4 thread ,TDP 15W)
- Athlon Silver 3050U (Up to 3.2 GHz ,2 core/2 thread ,TDP 15W)
แถม Ryzen 9 4900HS ที่หลุดมาจากสไลด์ที่ส่งให้ทาง Unbox Therapy แน่นอนว่ากะชนตัว Intel i9 ด้วยสเปคซึ่งคาดว่าจะเป็น 8-core / 16-thread แต่น่าจะเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกระดับ และอาจจะใช้พลังงาน TDP ที่มากกว่า ซึ่งคงต้องรอเปิดเผยสเปคอย่างเป็นทางการอีกที
สุดท้ายนี้มีผู้ผลิตหลายแบรนด์เตรียมวางจำหน่ายโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อม AMD Ryzen 4000 Series นี้แล้วอย่างน้อยก็มี ASUS ,MSI ที่เปิดตัวก่อนใคร ส่วนแบรนด์อื่นๆทาง AMD แอบไบ้มาว่ามีมาอีกแน่นอน และปีนี้จะได้เห็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ซีพียูจาก AMD มากขึ้นกว่าปีก่อนอีก ซึ่งผลทดสอบจริงจะเร็วกว่า Intel ขนาดไหน คงต้องรอเครื่องจริงมาให้ทีมงานทดสอบกันก่อน และ Intel เองก็มีไม้เด็ดรออยู่อย่าง Intel Comet Lake-H ที่คุยว่าแรงขึ้นเร็วระดับ 5GHz ขณะที่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมรออยู่ ซึ่งน่าจะได้เห็นตัวเป็นๆในช่วง Computex กลางปีนี้ครับ