Acer Swift 5 รุ่นใหม่ปลายปี 2019 เพิ่มตัวเลือกเข้ามา โดยสเปกใช้ชิป Intel Core i Gen 10 ใช้การ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics (ก่อนหน้านั้นจะมีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ด้วย) แบ่งออกด้วยกันเป็น 2 สเปกด้วยกัน คือ Core i5-1035G1 / Core i7-1065G7 มาพร้อมหน้าจอ 14″ โดยมีน้ำหนักเพียง 990 กรัมเท่านั้น ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครันทั้งแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการทำงานที่เต็มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ความบันเทิง หรืองานประมวลผลหนักๆ ก็พอได้เลย เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เบาที่สุด โดยไม่เน้นการ์ดจอแยก
เรียกได้ว่า Acer เสนอโน๊ตบุ๊ครูปแบบใหม่อย่าง Ultrabook มาสู่ท้องตลาด ไม่ใช่แค่บางเบาแบบสุดๆ แต่ยังได้ยกระดับการใช้งานด้วยสเปกที่แรงลื่นขึ้น ซึ่งทาง NBS ของเราก็ได้ให้ Award Best Ultrabook 2019 ไปด้วย โดดเด่นด้วยได้พอร์ต Thunderbolt 3 ที่โอนไฟล์ไว ชาร์จไฟได้ ต่อจอแยกก็ได้ สนนราคาเพียง 27,990 บาทในรุ่นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 และราคา 30,990 บาทในรุ่นสเปก Core i7-1065G7 ได้ประกัน 3 ปี (On-site Service ในปีแรก) พร้อมส่งศูนย์ซ่อมด้วยใน 3 ชั่วโมงด้วย สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) อีกด้วย
Specification
ล่าสุด Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 มาพร้อมกับ 4 สเปก 4 ราคา และมี 2 สีให้เลือก โดยเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 (1.0 – 3.6GHz) หรือ Intel Core i7-1065G7 (1.3 – 3.9GHz) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลที่ดีและสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้ที่ต้องบอกว่าแรงมากๆ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ พร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ทั้ง G1 / G7 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และด้วยการที่เป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ร้อนน้อยกว่าเดิม พร้อมประสิทธิภาพของ AI ที่เร็วขึ้น 2.5-3 เท่า นับว่าก้าวกระโดดจาก Acer Swift 5 รุ่นก่อนพอตัวเลยทีเดียว
มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB – 16GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ รองรับการสำรองไฟล์ต่างๆ ได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 950M เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรุ่นไม่มีการ์ดจอแยกด้วย แต่ใช้งานเป็นออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
- Core i5-1035G1 / RAM 8GB / SSD 512GB ราคา 27,990 บาท
- Core i5-1035G1 / MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB ราคา 29,990 บาท
- Core i7-1065G7 / RAM 8GB / SSD 512GB ราคา 30,990 บาท (รุ่นที่รีวิว)
- Core i7-1065G7 / MX250 / RAM 16GB / SSD 512GB ราคา 34,990 บาท
Hardware / Design
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 เป็นโน๊ตบุ๊คที่เบามากๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 990 กรัมออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบโน๊ตบุ๊ครูปทรงกะทัดรัด พกพาง่าย ทำจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทาน เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ส่วนความบางอาจจะไม่มาก โดยอยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตร แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คพกพามาตรฐานระดับสูงอยู่ดี อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ได้ดีไซน์พิเศษโดยมียางรองขอบเครื่องด้านหลังช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นเมือเรากางหน้าจอ ส่งผลให้พิมพ์ง่ายขึ้นและมุมมองดีขึ้นด้วย
บ่งบอกถึงสไตล์ผู้ใช้งาน กับการที่ตัวเครื่อง Acer Swift 5 มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กิโลกรัม แน่นอนว่าง่ายและสะดวกที่สุดต่อการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ อีกทั้ง Acer Swift 5 ยังผลิตจากวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ตัวฐาน บริเวณที่วางมือ และฝาครอบทำจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue ที่เป็นสีน้ำเงินเข้มพร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว ส่วนสีขาวนวล Moonstone White ก็นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน เน้นขาวๆ สะอาดๆ
ซึ่งนอกเหนือจากทำให้เรามั่นใจในการใช้งานที่ดูแล้วไม่แตกหักง่ายๆ ยังเสริมภาพลักษณ์ที่ดูสวยงาม หรูหรา ทั้งๆ ที่ราคาไม่แพงจนเกินไปด้วย ตามมาตรฐาน Acer ที่ปกติแล้วดีไซน์จะสวยงามแบบเรียบๆ พร้อมความทนทานที่ให้ได้มากกว่า ส่วนอแดปเตอร์แทบไม่ต้องพกติดไปด้วย เพราะใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนความรู้สึกแบบแต่ก่อน ที่เราต้องคอยพกพาโน๊ตบุ๊คน้ำหนักกิโลกว่า หรือถ้ารวมอแดปเตอร์ด้วยก็อาจจะปาเข้าไปเป็น 2 กิโลกรัมได้เลย เพราะเบากว่าเดิมมากๆ ถือมือเดียวสบาย หยิบถือติดตัวไปใช้งานตามร้านกาแฟหรือ Co Working Space ก็ประทับใจสุดๆ
ด้านล่างของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านฝั่งผู้ใช้จะเป็นในส่วนของลำโพง ขึ้นไปที่เป็นตะแกงแถบยาวเป็นส่วนช่องดูดอากาศเย็นเข้าไปหมุนเวียนเพื่อทำความเย็นให้กับตัวเครื่องเพื่อระบายออกทางด้านหลังแทน เรียกได้ว่า Acer Swift 5 เครื่องนี้ได้รับการใส่ใจในการออกแบบเป็นดี สำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์นั้นมีความน่าประทับใจในทุกมิติจริงๆ เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ Ultrabook รุ่นล่าสุด ที่ราคาไม่แพงแต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่า Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 เครื่องนี้ได้รับการใส่ใจในการออกแบบเป็นดี สำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์นั้นมีความน่าประทับใจในทุกมิติจริงๆ เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ Ultrabook รุ่นล่าสุด ที่ราคาไม่แพงแต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาอีกรุ่นหนึ่ง สมกับที่ทางทีมงาน NBS มอบรางวัล Award Best Ultrabook 2019 ให้เลยล่ะ พร้อมด้วยสเปกใหม่สำหรับคนที่ไม่ต้องการการ์ดจอแยกด้วย ส่งผลให้มีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม เหมาะกับคนที่เน้นเอามาทำงานทั่วไปเป็นหลัก ไม่เน้นงานหรือเกม 3 มิติมากนัก
Keyboard / Touchpad
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหราไม่เหมือนกับฝั่ง Gaming Notebook ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งแม้ว่าเราจะไปเผลอกดระหว่างการใช้งานก็ไม่ได้ทำให้เครื่องปิดแต่อย่างใด (ต้องกดค้างซัก 3 วินาทีถึงจะมีเมนูของ Acer ขึ้นมา) แน่นอนว่ายังมี Fingerprint ติดตั้งมาให้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ให้พร้อมเข้าใช้งาน
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดีอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทำให้เวลาพิมพ์งานมือจะไม่เผลอไปสัมผัสกับทัชแพด โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็วซึ่งเป็นข้อดีของการใช้งานนอกสถานที่ที่ส่วนใหญ่ต้องใช้ทัชแพดมากกว่าการใช้เม้าส์อยู่แล้ว
Screen / Speaker
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้หน้าจอเป็นแบบด้านรองรับการทัชสกรีนด้วยนิ้วมือปกติ ขนาด 14″ ความละเอียด Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS ขอบจอบางเฉียบเพียง 3.97 มิลลิเมตร ให้สัดส่วนการแสดงผลที่ 86.4% ที่เหมาะกับการทำงานหรือความบันเทิงแบบสุดๆ ด้วยสีสันที่สมจริงเรียบเนียมและมุมมองที่กว่า 178 องศา
อีกทั้งยังมี Acer Color Intelligence เทคโนโลยีนี้จะปรับแกมม่าและความอิ่มตัวสีแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับสี ความสว่าง และความอิ่มตัวสี โดยไม่มีภาพขาดและความอิ่มตัวของสีเกิน รองรับการทัชสกรีนช่วยในการเรื่องการนำเสนอได้อย่างลงตัว ไม่ต้องละมือไปจับทัชแพดไปมา อีกทั้งดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การรับชมอย่างสมบูรณ์แบบ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Swift 5 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ที่ดีกว่า TN แน่นอน แต่เพื่อการีวิวจำเป็นต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 97% ส่วน AdobeRGB ที่ 73% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง
เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันจัดว่ามีความแม่นยำที่สูงใกล้เคียงระดับ sRGB 100% มากๆ โดยได้ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงก็ดีเป็นระดับมืออาชีพได้เลย
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไประดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ในส่วนของลำโพงที่ติดตั้งมาเป็นแบบสเตอริโอ 2W x 2 มาพร้อมระบบเสียง Acer TrueHarmony โดยเป็นลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบา แต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอ ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A ที่ 1 ช่อง / USB 2.0 Type-A อีก 1 ช่อง และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐานและ Card Reader ที่สำคัญยังให้พอร์ตอย่าง Thunderbolt 3 ที่เป็น USB 3.2 Type-C + DisplayPort + Power Delivery (ชาร์จไฟเข้าเครื่องได้)ในตัวอีกด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปทีเดียว
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″รุ่นก่อนๆ ถือได้ว่าเล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 990 กรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์ไซส์เล็กเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักไม่ถึง 1.2 กิโลกรัม ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง สาวๆ น่าจะชอบกัน หยิบใส่กระเป๋าไปใช้งานข้างนอกสบายๆ
Performance / Software
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-1065G7 สถาปัตยกรรม Ice Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.30 – 3.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 15Wattโดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel Iris Plus Graphics G7 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel UHD G7 รุ่นใหม่ระดับบน (รุ่นเริ่มต้นและกลางจะเป็น G1 / G4) ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับทั่วไป อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้พอตัว พร้อมรองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังให้ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าเทียบเคียง MVIDIA GeForce MX250 ซึ่งก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ที่เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8GB DDR4 Bus 2400 MHz ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ และเป็นรุ่นเกรดสูงความเร็วสูง โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าอย่าง Core i Gen 8 แล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอออนชิปเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อเทียบ UHD 620 เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ไว้เล่นเกมหรือทำงาน 3 มิติโดยเฉพาะ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1634 MB/s และเขียนที่ 1030 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับกลางค่อนบน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,178 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง
ทดสอบเกมสำหรับ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 2 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลพอได้ จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-1065G7 ประกอบกับใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์ปัจจุบันอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 31 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 23 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และในส่วนของเกม Overwatch ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 38 ซึ่งลดลงต่ำสุดที่ 25 กันเลยทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน
นอกจากนี้ทาง Acer เองเองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาพร้อมใช้งานทันที) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุ 3200mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 12 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร ส่วนช่องระบายความร้อนของ Acer Swift 5 SF515 จะอยู่ด้านบนของฐานเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 30 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 92 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 65 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ Acer Swift 5 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี แม้ชิปประมวลผลจะดูว่าร้อน แต่ก็สามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Acer ที่ดี และชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake ใหม่ล่าสุด 10 นาโนเมตร รวมไปถึงรุ่นนี้ไม่มีการ์ดจอแยก ที่แม้ตัวเครื่องจะบางเบาสุดๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
สรุปรีวิว Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คซีรีส์หนึ่งที่มีน้ำหนักเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในโลกที่พร้อมโชว์วางบนกระดาษ A4 ที่จับม้วน จากความเบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น และบางเฉียบที่ 14.95 มิลลิเมตร กับมาตรฐานหน้าจอขนาด 14″ใช้พาเนลแบบ IPS ความละเอียด Full HD เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook รุ่นใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังมาพร้อมมาตรฐานพอร์ต Thunderbolt 3 ที่ดีที่สุด และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมง
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 รุ่นไม่มีการ์ดจอแยก สำหรับราคาเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเบา งานประกอบ วัสดุ สเปก และฟีเจอร์อื่นๆ สนนราคาเริ่มต้นที่ 27,990 บาท และ 30,990 บาท ที่จะว่ากันตามจริง ซื้อเพียงรุ่นเริ่มต้นก็เหลือๆ ในการใช้งานทั่วไปแล้วล่ะ อย่างเล่นเน็ต ดูหนังฟังเพลง ทำงานเอกสาร โดยเมื่อเทียบกับหลายๆ แบรนด์โน๊ตบุ๊คในรุ่นที่ใกล้เคียงกันนับว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเบาที่สุด แต่ให้ประสิทธิภาพดีสุดช่วงงบประมาณ 30,000 บาท
ที่สำคัญ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ใหม่ล่าสุด พร้อมรองรับ MU-MIMO มาติดตั้ง ส่งผลให้เรานั้นจะได้สัมผัสกับความสามารถของระบบไร้สายในระดับที่แรงอย่างจริงจัง พูดๆ ง่ายคือแรงกว่าเดิมถึง 3 เท่า พร้อมลดความล่าช้า Latency ได้ถึง 75% ให้ความสเถียรแบบสุดๆ ซึ่งช่วยให้เราได้สัมผัสการใช้งาน Wi-Fi ดีกว่าที่เคย และไม่พลาดทุกการเชื่อมต่ออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต การเล่นเกม การสตรีมข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ
จะเห็นว่า Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้อะไรที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นด้วยกัน ทั้งความเบาอย่างที่สุด ราคาที่คุ้มค่า และประกันสูงสุดถึง 3 ปีด้วยกัน ซึ่งปีแรกได้เป็นแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้กรณีที่เครื่องมีปัญหา แค่โทรไปก็จะมีเจ้าหน้าที่ Acer มาจัดการให้ถึงหน้าบ้านทีเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปเคลมแบบเดิมๆ อีกต่อไป หรือส่งศูนย์ก็ซ่อมด่วนๆ ใน 3 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นก็มีเครื่องสำรองให้กลับไปใช้งานที่บ้านด้วย สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ใช้งานติดเครื่องยาวๆ ไปเลย
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 มีระบบปฏิบัติการ Windwos 10 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานทันที สนนราคาต่อสเปกต่อสิ่งที่ได้ทั้งหมดแล้วก็ถือว่าราคาไม่แพงเลย เหมาะสำหรับคนทำงานพนักงานออฟฟิศหรือนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊คบางเบาที่สุด ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ แต่ประสิทธิภาพก็คงจะสู้โน๊ตบุ๊คที่เน้นความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพอย่าง Acer Nitro 5 ไม่ได้ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
ปิดท้ายว่าแล้วจะซื้อ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 รุ่นไหนดีล่ะ ทั้งรุ่นไม่มีการ์ดจอแยกและรุ่นที่มี MX250 หลักๆที่แตกต่างกันก็คือ ชิปประมวลผล Core i5 / Core i7 ที่เป็น Gen 10 Ice Lake และ RAM 8GB / 16GB มาตรฐาน DDR4 ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ก็บอกได้เลยว่า งบถึงตัวไหนซื้อตัวนั้น เพราะจริงๆ แล้วรุ่น Core i5 ที่ไม่มีการ์ดจอแยก ก็ถือว่าให้ความคุ้มค่าที่ดีพอตัวแล้ว ใช้งานได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ถ้าเพิ่มอีก 2,000 บาท ก็จะได้เป็นรุ่นมี MX250 ด้วย ตรงนี้ง่ายๆ เลยว่าถ้าเน้นใช้งานเอกสาร ทั่วไป ดูหนังฟังเพลง เลือกเป็นรุ่นที่ไม่มีการ์ดจอแยกก็ได้นะ เพราะยังได้เรื่องของแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นอีก 2 ชั่วโมงด้วย
จุดเด่น
- น้ำหนักเบา 990 กรัม พกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดในตลาด ขอบจอบาง ตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 13″
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ Swift 5 มีความหรูหรา เกินราคา
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมเกรดดีตลอดทั้งตัวเครื่องที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- สเปกโดยรวมให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหลรวดเร็ว
- ฮาร์ดดิสก์ SSD M.2 NVMe มีความรวดเร็วในการใช้งานมาก
- หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS สีสันสวยงามเนียนตา พร้อมทัชสกรีน
- ติดตั้ง Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ใหม่สุดๆ พร้อมรองรับ MIMO
- มีพอร์ต Thunderbolt 3 มาตรฐานใหม่ ใช้งานได้หลากหลาย อาทิ ชาร์จไฟ PD / ต่อจอแยก
- มีสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ใช้งานร่วมกับ Windows Hello
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ติดตั้งมาให้ทันที
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
- ประกัน 3 ปี (On-site ปีแรก) ส่งศูนย์ซ่อมไวใน 3 ชั่วโมง
- ได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท)
ข้อสังเกต
- อัพเกรดอุปกรณ์ได้เพียง SSD เพราะแรมฝั่งบอร์ดมาแล้ว
- ยังมีพอร์ต USB 2.0 Type-A ติดตั้งมาให้อยู่
Award
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบมที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง Acer ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานราคาสามหมื่นบาท ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 27,990 – 34,990 บาท ถูกกว่ารุ่นก่อน ที่มาพร้อมสเปกใหม่อย่าง Core i5 – Core i7 Gen 10 Ice Lake มีทั้งรุ่นออนชิปและการ์ดจอแยก MX250 รวมถึงมีแรม 8GB – 16GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB แถมมีสแกนลายนิ้วมือ พร้อมดีไซน์แบบฉบับโน๊ตบุ๊คบางเบา เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นพกพาแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 3 ปี แบบ On-stie Service เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Best Mobility
สำหรับ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ที่มีความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 990 กรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจที่สูงสุด 12 ชั่วโมง จึงได้รางวัลไปอย่างสมบูรณ์แบบ
Specification
ล่าสุด Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 มาพร้อมกับ 4 สเปก 4 ราคา และมี 2 สีให้เลือก โดยเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 (1.0 – 3.6GHz) หรือ Intel Core i7-1065G7 (1.3 – 3.9GHz) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลที่ดีและสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้ที่ต้องบอกว่าแรงมากๆ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ พร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ทั้ง G1 / G7 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และด้วยการที่เป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ร้อนน้อยกว่าเดิม พร้อมประสิทธิภาพของ AI ที่เร็วขึ้น 2.5-3 เท่า นับว่าก้าวกระโดดจาก Acer Swift 5 รุ่นก่อนพอตัวเลยทีเดียว
มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB – 16GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ รองรับการสำรองไฟล์ต่างๆ ได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 950M เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรุ่นไม่มีการ์ดจอแยกด้วย แต่ใช้งานเป็นออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
- Core i5-1035G1 / RAM 8GB / SSD 512GB ราคา 27,990 บาท
- Core i5-1035G1 / MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB ราคา 29,990 บาท
- Core i7-1065G7 / RAM 8GB / SSD 512GB ราคา 30,990 บาท (รุ่นที่รีวิว)
- Core i7-1065G7 / MX250 / RAM 16GB / SSD 512GB ราคา 34,990 บาท
Hardware / Design
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 เป็นโน๊ตบุ๊คที่เบามากๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 990 กรัมออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบโน๊ตบุ๊ครูปทรงกะทัดรัด พกพาง่าย ทำจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทาน เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ส่วนความบางอาจจะไม่มาก โดยอยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตร แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คพกพามาตรฐานระดับสูงอยู่ดี อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ได้ดีไซน์พิเศษโดยมียางรองขอบเครื่องด้านหลังช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นเมือเรากางหน้าจอ ส่งผลให้พิมพ์ง่ายขึ้นและมุมมองดีขึ้นด้วย
บ่งบอกถึงสไตล์ผู้ใช้งาน กับการที่ตัวเครื่อง Acer Swift 5 มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กิโลกรัม แน่นอนว่าง่ายและสะดวกที่สุดต่อการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ อีกทั้ง Acer Swift 5 ยังผลิตจากวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ตัวฐาน บริเวณที่วางมือ และฝาครอบทำจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue ที่เป็นสีน้ำเงินเข้มพร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว ส่วนสีขาวนวล Moonstone White ก็นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน เน้นขาวๆ สะอาดๆ
ซึ่งนอกเหนือจากทำให้เรามั่นใจในการใช้งานที่ดูแล้วไม่แตกหักง่ายๆ ยังเสริมภาพลักษณ์ที่ดูสวยงาม หรูหรา ทั้งๆ ที่ราคาไม่แพงจนเกินไปด้วย ตามมาตรฐาน Acer ที่ปกติแล้วดีไซน์จะสวยงามแบบเรียบๆ พร้อมความทนทานที่ให้ได้มากกว่า ส่วนอแดปเตอร์แทบไม่ต้องพกติดไปด้วย เพราะใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนความรู้สึกแบบแต่ก่อน ที่เราต้องคอยพกพาโน๊ตบุ๊คน้ำหนักกิโลกว่า หรือถ้ารวมอแดปเตอร์ด้วยก็อาจจะปาเข้าไปเป็น 2 กิโลกรัมได้เลย เพราะเบากว่าเดิมมากๆ ถือมือเดียวสบาย หยิบถือติดตัวไปใช้งานตามร้านกาแฟหรือ Co Working Space ก็ประทับใจสุดๆ
ด้านล่างของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านฝั่งผู้ใช้จะเป็นในส่วนของลำโพง ขึ้นไปที่เป็นตะแกงแถบยาวเป็นส่วนช่องดูดอากาศเย็นเข้าไปหมุนเวียนเพื่อทำความเย็นให้กับตัวเครื่องเพื่อระบายออกทางด้านหลังแทน เรียกได้ว่า Acer Swift 5 เครื่องนี้ได้รับการใส่ใจในการออกแบบเป็นดี สำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์นั้นมีความน่าประทับใจในทุกมิติจริงๆ เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ Ultrabook รุ่นล่าสุด ที่ราคาไม่แพงแต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่า Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 เครื่องนี้ได้รับการใส่ใจในการออกแบบเป็นดี สำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์นั้นมีความน่าประทับใจในทุกมิติจริงๆ เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ Ultrabook รุ่นล่าสุด ที่ราคาไม่แพงแต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาอีกรุ่นหนึ่ง สมกับที่ทางทีมงาน NBS มอบรางวัล Award Best Ultrabook 2019 ให้เลยล่ะ พร้อมด้วยสเปกใหม่สำหรับคนที่ไม่ต้องการการ์ดจอแยกด้วย ส่งผลให้มีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม เหมาะกับคนที่เน้นเอามาทำงานทั่วไปเป็นหลัก ไม่เน้นงานหรือเกม 3 มิติมากนัก
Keyboard / Touchpad
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหราไม่เหมือนกับฝั่ง Gaming Notebook ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งแม้ว่าเราจะไปเผลอกดระหว่างการใช้งานก็ไม่ได้ทำให้เครื่องปิดแต่อย่างใด (ต้องกดค้างซัก 3 วินาทีถึงจะมีเมนูของ Acer ขึ้นมา) แน่นอนว่ายังมี Fingerprint ติดตั้งมาให้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ให้พร้อมเข้าใช้งาน
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดีอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทำให้เวลาพิมพ์งานมือจะไม่เผลอไปสัมผัสกับทัชแพด โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็วซึ่งเป็นข้อดีของการใช้งานนอกสถานที่ที่ส่วนใหญ่ต้องใช้ทัชแพดมากกว่าการใช้เม้าส์อยู่แล้ว
Screen / Speaker
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้หน้าจอเป็นแบบด้านรองรับการทัชสกรีนด้วยนิ้วมือปกติ ขนาด 14″ ความละเอียด Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS ขอบจอบางเฉียบเพียง 3.97 มิลลิเมตร ให้สัดส่วนการแสดงผลที่ 86.4% ที่เหมาะกับการทำงานหรือความบันเทิงแบบสุดๆ ด้วยสีสันที่สมจริงเรียบเนียมและมุมมองที่กว่า 178 องศา
อีกทั้งยังมี Acer Color Intelligence เทคโนโลยีนี้จะปรับแกมม่าและความอิ่มตัวสีแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับสี ความสว่าง และความอิ่มตัวสี โดยไม่มีภาพขาดและความอิ่มตัวของสีเกิน รองรับการทัชสกรีนช่วยในการเรื่องการนำเสนอได้อย่างลงตัว ไม่ต้องละมือไปจับทัชแพดไปมา อีกทั้งดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การรับชมอย่างสมบูรณ์แบบ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Swift 5 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ที่ดีกว่า TN แน่นอน แต่เพื่อการีวิวจำเป็นต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 97% ส่วน AdobeRGB ที่ 73% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง
เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันจัดว่ามีความแม่นยำที่สูงใกล้เคียงระดับ sRGB 100% มากๆ โดยได้ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงก็ดีเป็นระดับมืออาชีพได้เลย
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไประดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ในส่วนของลำโพงที่ติดตั้งมาเป็นแบบสเตอริโอ 2W x 2 มาพร้อมระบบเสียง Acer TrueHarmony โดยเป็นลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบา แต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอ ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A ที่ 1 ช่อง / USB 2.0 Type-A อีก 1 ช่อง และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐานและ Card Reader ที่สำคัญยังให้พอร์ตอย่าง Thunderbolt 3 ที่เป็น USB 3.2 Type-C + DisplayPort + Power Delivery (ชาร์จไฟเข้าเครื่องได้)ในตัวอีกด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปทีเดียว
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″รุ่นก่อนๆ ถือได้ว่าเล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 990 กรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์ไซส์เล็กเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักไม่ถึง 1.2 กิโลกรัม ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง สาวๆ น่าจะชอบกัน หยิบใส่กระเป๋าไปใช้งานข้างนอกสบายๆ
Performance / Software
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-1065G7 สถาปัตยกรรม Ice Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.30 – 3.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 15Wattโดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel Iris Plus Graphics G7 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel UHD G7 รุ่นใหม่ระดับบน (รุ่นเริ่มต้นและกลางจะเป็น G1 / G4) ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับทั่วไป อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้พอตัว พร้อมรองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังให้ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าเทียบเคียง MVIDIA GeForce MX250 ซึ่งก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ที่เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8GB DDR4 Bus 2400 MHz ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ และเป็นรุ่นเกรดสูงความเร็วสูง โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าอย่าง Core i Gen 8 แล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอออนชิปเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อเทียบ UHD 620 เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ไว้เล่นเกมหรือทำงาน 3 มิติโดยเฉพาะ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1634 MB/s และเขียนที่ 1030 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับกลางค่อนบน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,178 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง
ทดสอบเกมสำหรับ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 2 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลพอได้ จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-1065G7 ประกอบกับใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์ปัจจุบันอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 31 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 23 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และในส่วนของเกม Overwatch ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 38 ซึ่งลดลงต่ำสุดที่ 25 กันเลยทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน
นอกจากนี้ทาง Acer เองเองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาพร้อมใช้งานทันที) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุ 3200mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 12 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร ส่วนช่องระบายความร้อนของ Acer Swift 5 SF515 จะอยู่ด้านบนของฐานเครื่องบริเวณขาพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 30 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 92 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 65 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ Acer Swift 5 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี แม้ชิปประมวลผลจะดูว่าร้อน แต่ก็สามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Acer ที่ดี และชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake ใหม่ล่าสุด 10 นาโนเมตร รวมไปถึงรุ่นนี้ไม่มีการ์ดจอแยก ที่แม้ตัวเครื่องจะบางเบาสุดๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
สรุปรีวิว Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คซีรีส์หนึ่งที่มีน้ำหนักเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในโลกที่พร้อมโชว์วางบนกระดาษ A4 ที่จับม้วน จากความเบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น และบางเฉียบที่ 14.95 มิลลิเมตร กับมาตรฐานหน้าจอขนาด 14″ใช้พาเนลแบบ IPS ความละเอียด Full HD เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook รุ่นใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังมาพร้อมมาตรฐานพอร์ต Thunderbolt 3 ที่ดีที่สุด และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมง
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 รุ่นไม่มีการ์ดจอแยก สำหรับราคาเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเบา งานประกอบ วัสดุ สเปก และฟีเจอร์อื่นๆ สนนราคาเริ่มต้นที่ 27,990 บาท และ 30,990 บาท ที่จะว่ากันตามจริง ซื้อเพียงรุ่นเริ่มต้นก็เหลือๆ ในการใช้งานทั่วไปแล้วล่ะ อย่างเล่นเน็ต ดูหนังฟังเพลง ทำงานเอกสาร โดยเมื่อเทียบกับหลายๆ แบรนด์โน๊ตบุ๊คในรุ่นที่ใกล้เคียงกันนับว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเบาที่สุด แต่ให้ประสิทธิภาพดีสุดช่วงงบประมาณ 30,000 บาท
ที่สำคัญ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ใหม่ล่าสุด พร้อมรองรับ MU-MIMO มาติดตั้ง ส่งผลให้เรานั้นจะได้สัมผัสกับความสามารถของระบบไร้สายในระดับที่แรงอย่างจริงจัง พูดๆ ง่ายคือแรงกว่าเดิมถึง 3 เท่า พร้อมลดความล่าช้า Latency ได้ถึง 75% ให้ความสเถียรแบบสุดๆ ซึ่งช่วยให้เราได้สัมผัสการใช้งาน Wi-Fi ดีกว่าที่เคย และไม่พลาดทุกการเชื่อมต่ออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต การเล่นเกม การสตรีมข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ
จะเห็นว่า Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ได้อะไรที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นด้วยกัน ทั้งความเบาอย่างที่สุด ราคาที่คุ้มค่า และประกันสูงสุดถึง 3 ปีด้วยกัน ซึ่งปีแรกได้เป็นแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้กรณีที่เครื่องมีปัญหา แค่โทรไปก็จะมีเจ้าหน้าที่ Acer มาจัดการให้ถึงหน้าบ้านทีเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปเคลมแบบเดิมๆ อีกต่อไป หรือส่งศูนย์ก็ซ่อมด่วนๆ ใน 3 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นก็มีเครื่องสำรองให้กลับไปใช้งานที่บ้านด้วย สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ใช้งานติดเครื่องยาวๆ ไปเลย
Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 มีระบบปฏิบัติการ Windwos 10 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานทันที สนนราคาต่อสเปกต่อสิ่งที่ได้ทั้งหมดแล้วก็ถือว่าราคาไม่แพงเลย เหมาะสำหรับคนทำงานพนักงานออฟฟิศหรือนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊คบางเบาที่สุด ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ แต่ประสิทธิภาพก็คงจะสู้โน๊ตบุ๊คที่เน้นความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพอย่าง Acer Nitro 5 ไม่ได้ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
ปิดท้ายว่าแล้วจะซื้อ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 รุ่นไหนดีล่ะ ทั้งรุ่นไม่มีการ์ดจอแยกและรุ่นที่มี MX250 หลักๆที่แตกต่างกันก็คือ ชิปประมวลผล Core i5 / Core i7 ที่เป็น Gen 10 Ice Lake และ RAM 8GB / 16GB มาตรฐาน DDR4 ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ก็บอกได้เลยว่า งบถึงตัวไหนซื้อตัวนั้น เพราะจริงๆ แล้วรุ่น Core i5 ที่ไม่มีการ์ดจอแยก ก็ถือว่าให้ความคุ้มค่าที่ดีพอตัวแล้ว ใช้งานได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ถ้าเพิ่มอีก 2,000 บาท ก็จะได้เป็นรุ่นมี MX250 ด้วย ตรงนี้ง่ายๆ เลยว่าถ้าเน้นใช้งานเอกสาร ทั่วไป ดูหนังฟังเพลง เลือกเป็นรุ่นที่ไม่มีการ์ดจอแยกก็ได้นะ เพราะยังได้เรื่องของแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นอีก 2 ชั่วโมงด้วย
จุดเด่น
- น้ำหนักเบา 990 กรัม พกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดในตลาด ขอบจอบาง ตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 13″
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ Swift 5 มีความหรูหรา เกินราคา
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมเกรดดีตลอดทั้งตัวเครื่องที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- สเปกโดยรวมให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหลรวดเร็ว
- ฮาร์ดดิสก์ SSD M.2 NVMe มีความรวดเร็วในการใช้งานมาก
- หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS สีสันสวยงามเนียนตา พร้อมทัชสกรีน
- ติดตั้ง Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax ใหม่สุดๆ พร้อมรองรับ MIMO
- มีพอร์ต Thunderbolt 3 มาตรฐานใหม่ ใช้งานได้หลากหลาย อาทิ ชาร์จไฟ PD / ต่อจอแยก
- มีสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ใช้งานร่วมกับ Windows Hello
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ติดตั้งมาให้ทันที
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
- ประกัน 3 ปี (On-site ปีแรก) ส่งศูนย์ซ่อมไวใน 3 ชั่วโมง
- ได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท)
ข้อสังเกต
- อัพเกรดอุปกรณ์ได้เพียง SSD เพราะแรมฝั่งบอร์ดมาแล้ว
- ยังมีพอร์ต USB 2.0 Type-A ติดตั้งมาให้อยู่
Award
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบมที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง Acer ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานราคาสามหมื่นบาท ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 27,990 – 34,990 บาท ถูกกว่ารุ่นก่อน ที่มาพร้อมสเปกใหม่อย่าง Core i5 – Core i7 Gen 10 Ice Lake มีทั้งรุ่นออนชิปและการ์ดจอแยก MX250 รวมถึงมีแรม 8GB – 16GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB แถมมีสแกนลายนิ้วมือ พร้อมดีไซน์แบบฉบับโน๊ตบุ๊คบางเบา เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นพกพาแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 3 ปี แบบ On-stie Service เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Best Mobility
สำหรับ Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 ที่มีความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 990 กรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจที่สูงสุด 12 ชั่วโมง จึงได้รางวัลไปอย่างสมบูรณ์แบบ