ในยุคที่เรากำลังเข้าสู่คลื่นโทรศัพท์มือถือแบบ 5G นั้นเชื่อว่ามีหลายๆ อาจจะเป็นกังวลเหมือนที่ผ่านๆ มาว่าเจ้าคลื่นความที่ที่ใช้งานบนเครือข่าย 5G นั้นมันปลอดภัยหรือเปล่า จะมีปัญหาอย่างไรบ้างกับสุขภาพผู้ใช้ ฯลฯ ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้นั้นเป็นมีผู้คนที่เป็นห่วงกันทั้งโลก โดยจะเห็นได้จากหลายๆ ประเทศที่เริ่มมีการทดลองใช้งานเครือข่าย 5G กันแล้ว
อย่างเช่น Oregon ในสหรัฐอเมริกาที่ทางสภาเทศบาลเมืองได้มีการยื่นไปยัง Federal Communications Commission หรือ FCC เพื่อที่จะให้ทาง FCC นั้นทำการอัพเดทว่าคลื่นเครือข่าย 5G นั้นจะส่งผลอย่างไรบ้างกับสุขภาพของผู้ใช้งานเป็นต้น ทว่าหลายๆ หน่วยงานนั้นก็ได้ทำการศึกษาเรืิ่องดังกล่าวนี้และพบว่ามันไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นทางสภาผู้แทนราษฎรแห่งรัฐลุยเซียนาได้มีการติดต่อไปยังกรมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและกรมอนามัยให้ทำการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ต่อคลื่่น 5G เพราะหลักการวางเสาสัญญาณ 5G นั้นจะต้องมีการวางเสากระจายสัญญาณเป็นพันๆ เสาในละแวกใกล้เคียงกับชุมชนทั่วประเทศเพื่อเพิ่มความแรงของความถี่สัญญาณคลื่นวิทยุให้สามารถรองรับกับการใช้งานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซึ่งถือว่าเป็นการวางเสาสัญญาณจำนวนที่เยอะมากๆ หากเทียบกับคลื่นในยุคก่อนๆ อย่าง 3G หรือ 4G
ไม่เพียงแค่เรื่องของเสากระจายความถี่คลื่นสัญญาณเครือข่าย 5G เท่านั้นที่เป็นที่กังวลของประชาชนเนื่องจากในสหรัฐอเมริกาเองนั้นประชาชนในหลายๆ พื้นที่ต่างก็เป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลทั้งหมดดังกล่าวเองทำให้การกระจายเสาร์สัญญาณ 5G เป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่ทาง FCC ได้มีการคิดเอาไว้ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นคลื่นสัญญาณ 5G กับเรื่องสุขภาพที่ผู้คนกังวลมากที่สุดนั้นก็คือเรื่องของการเป็นต้นเหตุโรคมะเร็งซึ่งจริงๆ แล้วนั้นความกังวลดังกล่าวนี้นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากการใช้งานเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ในสมัยก่อนๆ แต่อย่างใด
จุดที่น่าสนใจและเป็นต้นเหตุของการกลัวการใช้เครือข่าย 5G ทั้งหมดนั้นคงหนีไม่พ้นการที่เครือข่าย 5G ใช้คลื่นความถี่ที่มีความสูงมากกว่าเดิม(แต่คลื่นความถี่ต่ำๆ เองนั้นก็มีเช่นเดียวกันตัวอย่างเช่นเครือข่าย T-Mobile ในสหรัฐอเมริกาก็ใช้คลื่นความถี่ต่ำเพื่อที่จะให้บริการสัญญาณเครือข่าย 5G) ด้วยความที่เครือข่าย 5G นั้นใช้ความถี่การส่งสัญญาณที่สูงนี้เองทำให้ผู้คนกลัวว่าตัวคลื่นความถี่ที่เข้าใกล้รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นแสงที่มองเห็นได้นั้นอาจจะสร้างอันตรายให้กับผู้ใช้งานขึ้นได้เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถมองเห็นได้บางคลื่นนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นได้(เช่นรังสี UV เป็นต้น)
อย่างไรก็ตามแล้วนั้นยังมีความจริงอีกอย่างหนึ่งที่ผู้หวาดกลัวสัญญาณเครือข่าย 5G ไม่ค่อยจะทราบกันก็คือว่าหลายๆ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือนั้นบางบริษัทก็ใช้คลื่นความถี่ที่ใกล้เคียงกับเครือข่ายสัญญาณ 4G เพื่อนำเอามาใช้งานในการให้บริการเครือข่าย 5G แต่นั่นก็ทำให้ทางผู้ให้บริการเครือข่ายไม่ปลื้มมากเท่าไรนักเพราะทำให้พวกเขามีช่องสัญญาณสำหรับเครือข่าย 4G ลดลงแถมยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเสาร์สัญญาณจำนวนมากอีกด้วยต่างหาก
ทั้งนี้ในนั้นความกังวลเรื่องดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่กังวลเกินกว่าเหตุด้วยความจริงข้อหนึ่งที่ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่อยู่ในระดับที่คนสามารถมองเห็นได้นั้นหลายๆ ความถี่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างเช่นคลื่นวิทยุ,แสงที่มองเห็นและแสงอัลตราไวโอเลต ต่างก็เป็นแสงที่มองเห็นได้และไม่ได้เป็นอันตรายต่อผู้คนทั่วไป สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอื่นๆ อย่างเช่นรังสีเอกซ์และรังสีแกมม่าที่หากได้รับเป็นเวลานานๆ แล้วนั้นสามารถที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ซึ่งคลื่นที่ใช้ในเครือข่าย 5G นั้นไม่ได้มีสเปกตรัมแสงใกล้เคียงกับคลื่นดังกล่าวเลยถึงแม้ว่ามันจะมีความถี่สูงมากก็ตาม
นักวิจัยจากหลายๆ มหาวิทยาลัยชื่อดังต่างออกมาให้ความเห็นว่าคลื่นความถี่สำหรับเครือข่าย 5G นั้นไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพของมุนษย์เราเลยเนื่องจากว่ามันเป็นเพียงแค่คลื่นสั้นๆ ที่ไม่มีพลังงานมากพอที่จะสามารถทำให้สภาวะทางชีวภาพของมนุษย์สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ นอกไปจากนั้นแล้วยังมีงานวิจัยที่ถูกรองรับโดยทางสถาบันการประชุมทางวิชาการชื่อดังอย่าง IEEE ให้การสนับสนุนเรื่องดังกล้าวนี้อีกมากมายโดยงานวิจัยที่ศึกษาแล้วผ่านการรับรองว่าคลื่นเครือข่าย 5G ไม่เป็นอันตรายนั้นก็มีมากกว่า 1,300 งานวิจัยเลยทีเดียว
จนถึง ณ ปัจจุบันนี้นั้นยังคงไม่มีงานวิจัยไหนที่สามารถรองรับได้อย่างเป็นทางการว่าคลื่นเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นยุคใดก็ตามสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้งานโดยตรง(โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งที่หลายๆ คนกลัวกัน) ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นคลื่นความถี่สำหรับสัญญาณมือถือถึงแม้จะมีความถี่สูงมากแต่ก็ไม่ได้มีพลังงานมาก ที่มันทำได้นั้นอย่างมากก็แค่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าอุณหภูมิของตัวเองเพิ่มขึ้นซึ่งงานวิจัยได้เผยว่าอุณหภูมที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ถึง 1 องศาเซลเซียสด้วยซ้ำไป
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้เราไม่ต้องกังวลไปนั้นก็คือทาง FCC ได้มีการตั้งขีดจำกัดของหลังงานที่อุปกรณ์มือถือจะสามารถรับได้จากคลื่นเครือข่ายต่างๆ เอาไว้แล้วด้วยอีกต่างหากว่าไม่ให้สูงมากพอที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตามทว่าด้วยการพูดกันแบบปากต่อปากมาอย่างยาวนานว่าคลื่นมือถือสามารถที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้นั้นก็ยังคงอยู่ถึงแม่ว่าจริงๆ แล้วทาง WHO เองก็เคยได้ออกมาบอกแล้วด้วยซ้ำว่ามันไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วก็ยังคงมีการศึกษากันอย่างกว้างขวางในเรื่องของผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์จากคลื่นมือถือนี้ ทว่าตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมานั้นก็ยังคงไม่มีงานวิจัยใดสามารถที่จะรองรับได้อย่างจริงจังว่าคลื่นมือถือนั้นก็ให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์จริงๆ โดยผลการทดสอบในงานวิจัยหลายๆ งานนั้นต่างก็ออกมาตรงกันว่ามันทำได้อย่างมากก็แค่เพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายผู้ใช้ในระดับที่ไม่เกิน 1 องศาเซลเซียสเท่านั้น ดังนั้นแล้วนี่จึงเป็นข้อยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าเครือข่ายสัญญาณมือถือ 5G จะไม่ได้สร้างปัญหากับผู้ใช้อย่างแน่นอน
สำหรับเมืองไทยเราเองนั้นเรื่องดังกลาวนี้อาจจะไม่ได้เป็นที่ให้ความสนใจกันมากเท่าไรนัก ทว่ามันก็ยังคงมีข่าวออกมาต่อต้านเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น FW mail ในสมัยก่อนจนกระทั่งการแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นขอให้ทุกท่านไว้วางใจได้ว่าคลื่นมือถือจะไม่ก่อให้เกิดปัญหากับสุขภาพของท่านๆ อย่างแน่นอนแต่จุดที่จะเป็นปัญหานั้นก็คงอยู่ที่นับวันในโลกเรานี้กลายเป็นสังคมก้มหน้ากันมากขึ้น ดังนั้นแล้วหากมีเวลาก็วางมือถือในมือของท่านแล้วใส่ใจกับคนรอบข้างด้วยวิธีการอื่นๆ จะดีกว่า
ที่มา : wired