ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นับว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดเต็มไปด้วยสเปกและฟีเจอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ที่จะเน้นความแรงลื่น เหนือชั้นด้วยหน้าจอระดับมืออาชีพขนาดหน้าจอ 15.6″ 4K Ultra HD พร้อมดีไซน์ดูหรูหราสวยงาม ที่สำคัญได้มี ScreenPad 2.0 กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อน ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ เป็นหน้าจอที่สองโดยเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ แน่นอนว่าหน้าจอหลักพับได้ 360 องศา มีปากกา ASUS Active Pen มาด้วย
สเปกภายในอื่นๆ ของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่น่าสนใจได้รับการติดตั้งแรมมาขนาด 16GB พร้อมด้วย SSD ความจุ 1TB จัดเต็มกันไปเลยให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ รวมไปถึงลำโพงยังเป็น Harman/Kardon เสียงดีชัดเจน อีกทั้งติดตั้ง IR 3D Camera ระบบไบโอเมตริกซ์ทำงานร่วมกับ Windows Hello แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS (ปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ) นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คยุคใหม่เลยก็ว่าได้ กับราคา 46,990 บาท
VDO Review
Specification
สเปกของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ด้านประสิทธิภาพ ทำงานด้วยความเร็วพื้นฐานที่ 1.80 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.80 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ที่ให้ความแรงมากว่ารุ่นก่อนๆ ส่วนการ์ดจอออนชิปยังใช้รุ่นเดิมคือ UHD 620
ในส่วนของการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q 4GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหล แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB LPDDR3 2133MHz ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX 2×2 และ Bluetooth 5.0 ด้วย
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ แบบกระจก ความละเอียด 4K Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง รองรับการทัชกรีนทั้งนิ้วและปากกา พร้อมจอที่สองอย่าง ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″ ความละเอียด 2160 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS รองรับทัชสกรีนที่ใช้งานเป็นทัชแพดได้ในจอเดียว รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD รุ่นที่มารีวิวมีราคากลางอยู่ที่ 46,990 บาท ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น ในรุ่นนี้ได้เป็น ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″
ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว วัสดุเป็นโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพงจากการเสริมความมันวาว ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำมิติเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย อีกทั้งตัวเครื่องเองก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งาน ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ครบเครื่องคุ้มค่าดีจริงๆ
เจาะในส่วนของเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift 360° แบบ 2 แกน ซึ่งเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอที่ 135 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่หากเรากางหน้าจอมากกว่านั้นก็จะรองรับการใช้งาน Multi-Mode อื่นๆ เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนบน 2-in-1 Notebook พร้อมดีไซน์ที่ดูสวยวามหรูหรา
ซึ่งบานพับ ErgoLift 360° ที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย แน่นอนว่าบานพันนี้มีกลไกแบบฟันเฟืองโลหะที่มีความแม่นยำพร้อมความทนทาน จากการทดสอบใช้งานได้ถึง 20,000 ครั้งด้วยกัน
ลำโพงภายในจาก Harman / Kardon ติดตั้งที่ขอบด้านหน้าตัวเครื่องของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับทางซ้ายและขอบตัวเครื่องด้านซ้าย โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ทำให้ไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งานเลย
นับได้ว่า ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เป็น 2-in-1 Notebook ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน มีสเปกที่ดี แรงลื่น จัดเต็มด้วยฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบจอแสดงผล NanoEdge นั้นส่งผลให้มีขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดกว่า ด้วยน้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง ที่พอสามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา ยิ่งสาย Content Creator นี่เหมาะสมเลย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD จัดว่าอยู่ในขนาดเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่ติดตั้ง NumPad มาด้วย โดยมีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งให้สัมผัสในการกด การเด้งของปุ่มที่ดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ส่วนไฟ LED ที่คีย์บอร์ดก็จะเป็นสีขาวตัวอักษรเป็นสีขาวจากใต้ปุ่ม พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ซึ่งสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ทัชแพดก็พิเศษสุดๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็น ScreenPad 2.0 ที่พัฒนาต่อจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นหน้าจอที่ 2 มีขนาดที่ 5.65″ ความละเอียด 2160 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง จัดว่าเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมา ที่นอกเหนือจะทำหน้าที่ทัชแพดแบบเดิมๆ ที่ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาแบบปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าจอทัชสกรีนได้อารมณ์แบบมือถือสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถสนับสนุนการงานที่ยืดหยุ่นแบบสุดๆ อีกทั้งสามารถกดเปลี่ยนเป็นทัชแพดได้ง่ายด้วยปุ่ม F6
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เป็นจอกระจกแบบขอบบางทั้ง 4 ด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งนิ้วมือ 10 จุดพร้อมกัน หรือปากกาสไตลัส ASUS Active Pen ให้ความละเอียด 4K Ultra HD พาเนล IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี
เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบเพียง 4.5 มม. ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 90% เป็นหน้าจอแสดงผล ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่
เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วยเทคโนโลยี 3D IR Camera เพื่อใช้งาน Face Recognition ร่วมกับ Windows Hello ด้วย ส่งผลให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไป รวมถึงมีความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ยังมีการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 90% และ AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง จากการที่ได้ PANTONE Validated
ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 4.0 คะแนน ถือว่าสูงกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปี 2019 นี้
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า เมื่อกางบานพับจอแบบ ErgoLift ออกมา ฐานเครื่องก็จะยกขึ้นเพื่อให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกับพื้นเพิ่มมิติของทิศทางเสียง ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ScreenPad 2.0
ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ล้ำกว่าใคร สำหรับ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook พรีเมียมสเปกจัดเต็ม โดยมี ScreenPad 2.0 ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอทัชสกรีน พร้อมชิปประมวลผลแยกภายใน ช่วยนำเสนอรูปแบบใหม่ในการทำงานร่วมกับโน๊ตบุ๊ค มีฟังก์ชั่นการใช้งานอันชาญฉลาดที่ปรับการทำงานตัวเองให้เข้ากับการทำงานของผู้ใช้ ช่วยการทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล
ทั้งนี้เป็นการพัฒนาจาก ScreenPad รุ่นก่อน โดยยังสามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยฟีเจอร์ ได้แก่ โหมดเครื่องคิดเลข, Music Player, NumKey เปลี่ยนการทำงานของสกรีนแพดเป็นคีย์แพดตัวเลข, แถบเมนูลัด (Launcher)ให้ผู้ใช้สามารถเปิดและเปลี่ยนการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนเดสก์ทอปได้ และใช้งานฟีเจอร์เด็ดอย่าง ASUS Sync หรือจะปิดหน้าจอให้เป็นสีดำแบบไม่ขึ้นโลโก้อะไรเพื่อใช้งานทัชแพดปกติก็ทำได้ ด้วยการใช้ 3 นิ้ว Multi Touch ลงขึ้นลงไปมา
ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ ScreenXpert ใหม่ ได้อินเตอร์แอคทีฟนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น เนื่องจากมาพร้อม ASUS Utilities อันได้แก่ Quick Key, Handwriting (การเขียนด้วยลายมือ) และ Number Key เพื่อการป้อนข้อมูลตัวเลขที่รวดเร็ว การปรับปรุงระบบอินเทอร์เฟซเสมือนสมาร์ทโฟนนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานสกรีนแพดได้ง่ายยิ่งขึ้น ASUS ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถใช้ ASUS API เพื่อปรับแต่งซอฟต์แวร์ของตัวสกรีนแพด
ScreenPad 2.0 ยังทำงานร่วมกับโปรแกรม Office อย่าง Word / Exel / Power Point โดยทำหน้าที่เป็นชุดเครื่องมือส่วนเสริม ผู้ใช้ยังสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอที่สองได้สบายๆ นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานมากกว่ารุ่นก่อน ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเปิดใช้งานจอ ScreenPad
Multi-Mode
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet แน่นอนว่ารองรับการใช้งาน ASUS Active Pen ด้วย รองรับแรงกดหลายระดับ ซึ่งทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู YouTube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
Connector / Thin And Weight
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของ 2-in-1 Notebook ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้ 1 พอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน microSD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของ 2-in-1 Notebook ตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 2.4 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบาประมาณนึง เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6″ แค่ตัวเครื่องก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัมขึ้นไปแน่นอน ซึ่ง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาใส่กระเป๋าไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเอาไปใช้ตามร้านกาแฟ หรือออฟฟิศชิลๆ เลยล่ะ
Performance / Software
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับสูงอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.80 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่เน้นความแรงกว่า Ice Lake 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB LPDDR3 2133MHz Onboard ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q (4GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงระดับ Gaming ที่เล่นเกมได้ลื่นไหลแน่นอน อยู่ที่การปรับแต่งและตัวเกม ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้วอย่าง Core i Gen 8 ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่ก็ยังใกล้เคียงของเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ของ Samsung ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3562 MB/s และเขียนที่ 2383 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับสูงที่ความเร็วดีมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,266 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง
ทดสอบเกมสำหรับ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกม ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ประกอบกับยังใช้แรม 16GB LPDDR3 2133MHz รวมไปถึง SSD ความเร็วสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 ทำให้ภาพสวยงาม แต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode และปิดในส่วนของ ScreenPad 2.0 ลงด้วย (แน่นอนว่าถ้าเปิดน่าจะกินแบตเตอรี่มากกว่านี้)
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 80 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 80 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ เทียบกับ 2-in-1 Notebook หลายๆ รุ่น นับว่าพัดลมตัวเดียวเกือบจะเอาไม่อยู่ เพราะแตะระดับ 100 องศาเซลเซียสทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตรเหมือน Gen 8 ส่วนการ์ดจอถือว่าเย็นสบายๆ เลย ใช้งานแบบไร้กังวล ประสิทธิภาพดีไม่มีอาการหน่วงเลย
Conclusion / Award
มีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ 2-in-1 Notebook สเปกจัดเต็มอีกหนึ่งรุ่น ที่เชื่อว่าทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล ZenBook Series รุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ค Multi-Mode ของทาง ASUS บางเพียง 19.9 มิลลิเมตร เบาที่ 1.9 กิโลกรัม ซึ่งมาพร้อมกับสเปก Gaming แต่ดีไซน์ดูเรียบๆ ใครจะซื้อไปทำงานตัดต่อวีดีโอหรือเล่นเกมหนักๆ ทั้งออนไลน์หรือออฟฟไลน์ก็สบายมาก
สเปกของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ในส่วนของการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมพอได้ลื่นๆ เลย สเปกภายในโดยรวมอื่นๆ ก็ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแรมมาขนาดใหญ่ 16GB อีกทั้งยังใส่ SSD M.2 มาตรฐานความเร็วสูง ที่ความจุ 1TB เหลือเฟือกับการใช้งานทั่วๆ ไป หรืองานหนักๆ ก็สบายๆ
รวมถึงหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี มีความละเอียดสูงที่แสดงผลได้อย่างลื่นไหล 60Hz ที่สำคัญเป็นระบบสัมผัสที่รองรับการใช้งานมัลติทัชแถมลื่นเสมือนใช้สมาร์ทโฟนและยังรองรับการใช้ปากกา Stylus ที่ใช้สำหรับงานวาดรูป รองรับแรงกดได้หลายระดับเสมือนวาดบนกระดาษเลยจริงๆ เลยทีเดียว พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล 4K Ultra HD มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR 3D Camera ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello
การออกแบบดีไซน์ของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพดีตลอดทั้งตัวเครื่อง งานประกอบก็เรียบร้อย มิติตัวเครื่องก็เล็กกระชับบางเบา พกพาสะดวก แบตใช้งานได้ยาวนานเกือบ 9 ชั่วโมง โดดเด่นด้วย ErgoLift 360° พร้อมความทนทาน รองรับงานทั่วไปลื่นไม่มีสะดุด หรืองานหนักๆ ประมวลผลเยอะ เปิดหลายๆ โปรแกรมก็เอาอยู่ ส่วนการเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นปรับแค่ Full HD ก็พอ เพราะ 4K Ultra HD อาจจะไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร
สรุปแล้วสำหรับ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ใครกำลังมองหา 2-in-1 Notebook ที่ครบถ้วนในทุกๆ ทาง เน้นความพรีเมียม มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคาค่าตัว เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกทั่วไป หรือกรณีที่อยากได้สเปกแรงแต่ไม่อยากได้ดีไซน์แบบ Gaming Notebook
อีกทั้งด้วย ScreenPad 2.0 จอทัชสกรีนขนาด 5.65 ” บนตัวเครื่อง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เพื่อประสบการณ์ใช้งานได้ดีเยี่ยม ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ ScreenXpert ใหม่ สกรีนแพด 2.0 แบบอินเตอร์แอคทีฟนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น เนื่องจากมาพร้อม ASUS Utilities อันได้แก่ Quick Key, Handwriting (การเขียนด้วยลายมือ) และ Number Key เพื่อการป้อนข้อมูลตัวเลขที่รวดเร็วช่วยให้เราสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบและยืดหยุ่นมากกว่าเดิมมาก
การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่แม้ว่าจะไม่ออนไลน์อย่างหลายๆ แบรนด์ แต่ก็สามารถเคลมผ่านทาง 7-11 ได้สะดวกไม่แพ้กัน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว ถือว่าได้อยู่เพราะก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป ให้เราได้ตัดสินใจเลือกอีกที
ข้อดี
- สเปกแรงลื่นด้วย i7-10510U + GTX 1050 Max-Q + RAM 16GB + SSD 1TB
- เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้ ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก
- ติดตั้ง ScreenPad 2.0 เพิ่มประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คที่โดดเด่น
- หน้าจอคุณภาพสูง พาเนล IPS ความละเอียด 4K Ultra HD ขอบจอบาง
- รองรับการใช้งานกับปากกาสไตลัส ASUS Active Pen บันเดิลมาให้เลย
- มาพร้อม 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน
- น้ำหนักเบา 1.9 กิโลกรัม เหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- หน้าจอสัมผัสมัลติทัชลื่นมาก รองรับแรงกดได้หลายระดับ พร้อม Stylus สามารถใช้วาดรูปได้ดี
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงคุณภาพดี
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
- บานพับ ErgoLift 360° ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นเวลาใช้งาน
- มี Windows 10 แท้ในตัวเครื่อง และ My ASUS ช่วยปรับแต่ง
- ประกัน 2 ปี เคลมผ่านร้าน 7-11 ได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรก
ข้อสังเกต
- จอกระจกทำให้เวลาใช้งานกลางแจ้งเจอแสงสะท้อน
- ตัวเครื่องเวลาใช้งานหนักๆ อุณหภูมิค่อนข้างสูง
- ราคาสูงสมกับความพรีเมียมและฟีเจอร์เพียบ
Awards
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับกลุ่ม 2-in-1 Notebook ด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD มีความโดดเด่นเรื่องความพรีเมียมพรูหรา รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 15.6″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง ASUS ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Performance
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ได้สเปกจัดเต็มด้วยชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10510U ตัวแรงของ Gen 10 ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป ติดตั้งแรมมาขนาด 16GB มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD ความจุ 1TB แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล จะทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมก็ได้หมด
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่เป็นหน้าจอขนาด 15.6″ บนความละเอียด Ultra HD ระดับสูงใกล้เคียง sRGB 100% พร้อมจอที่สอง ScreenPad 2.0 เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งคู่ ซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียนไม่เห็นรอยหยัก ด้วยการ เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด
VDO Review
Specification
สเปกของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ด้านประสิทธิภาพ ทำงานด้วยความเร็วพื้นฐานที่ 1.80 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.80 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ที่ให้ความแรงมากว่ารุ่นก่อนๆ ส่วนการ์ดจอออนชิปยังใช้รุ่นเดิมคือ UHD 620
ในส่วนของการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q 4GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหล แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB LPDDR3 2133MHz ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX 2×2 และ Bluetooth 5.0 ด้วย
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ แบบกระจก ความละเอียด 4K Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง รองรับการทัชกรีนทั้งนิ้วและปากกา พร้อมจอที่สองอย่าง ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″ ความละเอียด 2160 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS รองรับทัชสกรีนที่ใช้งานเป็นทัชแพดได้ในจอเดียว รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD รุ่นที่มารีวิวมีราคากลางอยู่ที่ 46,990 บาท ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น ในรุ่นนี้ได้เป็น ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″
ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว วัสดุเป็นโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพงจากการเสริมความมันวาว ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำมิติเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย อีกทั้งตัวเครื่องเองก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งาน ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ครบเครื่องคุ้มค่าดีจริงๆ
เจาะในส่วนของเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift 360° แบบ 2 แกน ซึ่งเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอที่ 135 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่หากเรากางหน้าจอมากกว่านั้นก็จะรองรับการใช้งาน Multi-Mode อื่นๆ เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนบน 2-in-1 Notebook พร้อมดีไซน์ที่ดูสวยวามหรูหรา
ซึ่งบานพับ ErgoLift 360° ที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย แน่นอนว่าบานพันนี้มีกลไกแบบฟันเฟืองโลหะที่มีความแม่นยำพร้อมความทนทาน จากการทดสอบใช้งานได้ถึง 20,000 ครั้งด้วยกัน
ลำโพงภายในจาก Harman / Kardon ติดตั้งที่ขอบด้านหน้าตัวเครื่องของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับทางซ้ายและขอบตัวเครื่องด้านซ้าย โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ทำให้ไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งานเลย
นับได้ว่า ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เป็น 2-in-1 Notebook ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน มีสเปกที่ดี แรงลื่น จัดเต็มด้วยฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบจอแสดงผล NanoEdge นั้นส่งผลให้มีขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดกว่า ด้วยน้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง ที่พอสามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา ยิ่งสาย Content Creator นี่เหมาะสมเลย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD จัดว่าอยู่ในขนาดเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่ติดตั้ง NumPad มาด้วย โดยมีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งให้สัมผัสในการกด การเด้งของปุ่มที่ดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ส่วนไฟ LED ที่คีย์บอร์ดก็จะเป็นสีขาวตัวอักษรเป็นสีขาวจากใต้ปุ่ม พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ซึ่งสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ทัชแพดก็พิเศษสุดๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็น ScreenPad 2.0 ที่พัฒนาต่อจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นหน้าจอที่ 2 มีขนาดที่ 5.65″ ความละเอียด 2160 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง จัดว่าเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมา ที่นอกเหนือจะทำหน้าที่ทัชแพดแบบเดิมๆ ที่ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาแบบปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าจอทัชสกรีนได้อารมณ์แบบมือถือสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถสนับสนุนการงานที่ยืดหยุ่นแบบสุดๆ อีกทั้งสามารถกดเปลี่ยนเป็นทัชแพดได้ง่ายด้วยปุ่ม F6
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เป็นจอกระจกแบบขอบบางทั้ง 4 ด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งนิ้วมือ 10 จุดพร้อมกัน หรือปากกาสไตลัส ASUS Active Pen ให้ความละเอียด 4K Ultra HD พาเนล IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี
เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบเพียง 4.5 มม. ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 90% เป็นหน้าจอแสดงผล ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่
เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วยเทคโนโลยี 3D IR Camera เพื่อใช้งาน Face Recognition ร่วมกับ Windows Hello ด้วย ส่งผลให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไป รวมถึงมีความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ยังมีการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 90% และ AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง จากการที่ได้ PANTONE Validated
ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 4.0 คะแนน ถือว่าสูงกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปี 2019 นี้
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า เมื่อกางบานพับจอแบบ ErgoLift ออกมา ฐานเครื่องก็จะยกขึ้นเพื่อให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกับพื้นเพิ่มมิติของทิศทางเสียง ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ScreenPad 2.0
ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ล้ำกว่าใคร สำหรับ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook พรีเมียมสเปกจัดเต็ม โดยมี ScreenPad 2.0 ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอทัชสกรีน พร้อมชิปประมวลผลแยกภายใน ช่วยนำเสนอรูปแบบใหม่ในการทำงานร่วมกับโน๊ตบุ๊ค มีฟังก์ชั่นการใช้งานอันชาญฉลาดที่ปรับการทำงานตัวเองให้เข้ากับการทำงานของผู้ใช้ ช่วยการทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล
ทั้งนี้เป็นการพัฒนาจาก ScreenPad รุ่นก่อน โดยยังสามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยฟีเจอร์ ได้แก่ โหมดเครื่องคิดเลข, Music Player, NumKey เปลี่ยนการทำงานของสกรีนแพดเป็นคีย์แพดตัวเลข, แถบเมนูลัด (Launcher)ให้ผู้ใช้สามารถเปิดและเปลี่ยนการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนเดสก์ทอปได้ และใช้งานฟีเจอร์เด็ดอย่าง ASUS Sync หรือจะปิดหน้าจอให้เป็นสีดำแบบไม่ขึ้นโลโก้อะไรเพื่อใช้งานทัชแพดปกติก็ทำได้ ด้วยการใช้ 3 นิ้ว Multi Touch ลงขึ้นลงไปมา
ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ ScreenXpert ใหม่ ได้อินเตอร์แอคทีฟนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น เนื่องจากมาพร้อม ASUS Utilities อันได้แก่ Quick Key, Handwriting (การเขียนด้วยลายมือ) และ Number Key เพื่อการป้อนข้อมูลตัวเลขที่รวดเร็ว การปรับปรุงระบบอินเทอร์เฟซเสมือนสมาร์ทโฟนนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานสกรีนแพดได้ง่ายยิ่งขึ้น ASUS ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถใช้ ASUS API เพื่อปรับแต่งซอฟต์แวร์ของตัวสกรีนแพด
ScreenPad 2.0 ยังทำงานร่วมกับโปรแกรม Office อย่าง Word / Exel / Power Point โดยทำหน้าที่เป็นชุดเครื่องมือส่วนเสริม ผู้ใช้ยังสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอที่สองได้สบายๆ นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานมากกว่ารุ่นก่อน ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเปิดใช้งานจอ ScreenPad
Multi-Mode
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet แน่นอนว่ารองรับการใช้งาน ASUS Active Pen ด้วย รองรับแรงกดหลายระดับ ซึ่งทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู YouTube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
Connector / Thin And Weight
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของ 2-in-1 Notebook ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้ 1 พอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน microSD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของ 2-in-1 Notebook ตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 2.4 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบาประมาณนึง เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6″ แค่ตัวเครื่องก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัมขึ้นไปแน่นอน ซึ่ง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาใส่กระเป๋าไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเอาไปใช้ตามร้านกาแฟ หรือออฟฟิศชิลๆ เลยล่ะ
Performance / Software
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับสูงอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.80 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่เน้นความแรงกว่า Ice Lake 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB LPDDR3 2133MHz Onboard ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q (4GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงระดับ Gaming ที่เล่นเกมได้ลื่นไหลแน่นอน อยู่ที่การปรับแต่งและตัวเกม ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้วอย่าง Core i Gen 8 ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่ก็ยังใกล้เคียงของเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ของ Samsung ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3562 MB/s และเขียนที่ 2383 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับสูงที่ความเร็วดีมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,266 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง
ทดสอบเกมสำหรับ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกม ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ประกอบกับยังใช้แรม 16GB LPDDR3 2133MHz รวมไปถึง SSD ความเร็วสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 ทำให้ภาพสวยงาม แต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode และปิดในส่วนของ ScreenPad 2.0 ลงด้วย (แน่นอนว่าถ้าเปิดน่าจะกินแบตเตอรี่มากกว่านี้)
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 80 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 80 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ เทียบกับ 2-in-1 Notebook หลายๆ รุ่น นับว่าพัดลมตัวเดียวเกือบจะเอาไม่อยู่ เพราะแตะระดับ 100 องศาเซลเซียสทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตรเหมือน Gen 8 ส่วนการ์ดจอถือว่าเย็นสบายๆ เลย ใช้งานแบบไร้กังวล ประสิทธิภาพดีไม่มีอาการหน่วงเลย
Conclusion / Award
มีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ 2-in-1 Notebook สเปกจัดเต็มอีกหนึ่งรุ่น ที่เชื่อว่าทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล ZenBook Series รุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ค Multi-Mode ของทาง ASUS บางเพียง 19.9 มิลลิเมตร เบาที่ 1.9 กิโลกรัม ซึ่งมาพร้อมกับสเปก Gaming แต่ดีไซน์ดูเรียบๆ ใครจะซื้อไปทำงานตัดต่อวีดีโอหรือเล่นเกมหนักๆ ทั้งออนไลน์หรือออฟฟไลน์ก็สบายมาก
สเปกของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ในส่วนของการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมพอได้ลื่นๆ เลย สเปกภายในโดยรวมอื่นๆ ก็ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแรมมาขนาดใหญ่ 16GB อีกทั้งยังใส่ SSD M.2 มาตรฐานความเร็วสูง ที่ความจุ 1TB เหลือเฟือกับการใช้งานทั่วๆ ไป หรืองานหนักๆ ก็สบายๆ
รวมถึงหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี มีความละเอียดสูงที่แสดงผลได้อย่างลื่นไหล 60Hz ที่สำคัญเป็นระบบสัมผัสที่รองรับการใช้งานมัลติทัชแถมลื่นเสมือนใช้สมาร์ทโฟนและยังรองรับการใช้ปากกา Stylus ที่ใช้สำหรับงานวาดรูป รองรับแรงกดได้หลายระดับเสมือนวาดบนกระดาษเลยจริงๆ เลยทีเดียว พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล 4K Ultra HD มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR 3D Camera ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello
การออกแบบดีไซน์ของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพดีตลอดทั้งตัวเครื่อง งานประกอบก็เรียบร้อย มิติตัวเครื่องก็เล็กกระชับบางเบา พกพาสะดวก แบตใช้งานได้ยาวนานเกือบ 9 ชั่วโมง โดดเด่นด้วย ErgoLift 360° พร้อมความทนทาน รองรับงานทั่วไปลื่นไม่มีสะดุด หรืองานหนักๆ ประมวลผลเยอะ เปิดหลายๆ โปรแกรมก็เอาอยู่ ส่วนการเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นปรับแค่ Full HD ก็พอ เพราะ 4K Ultra HD อาจจะไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร
สรุปแล้วสำหรับ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ใครกำลังมองหา 2-in-1 Notebook ที่ครบถ้วนในทุกๆ ทาง เน้นความพรีเมียม มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคาค่าตัว เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกทั่วไป หรือกรณีที่อยากได้สเปกแรงแต่ไม่อยากได้ดีไซน์แบบ Gaming Notebook
อีกทั้งด้วย ScreenPad 2.0 จอทัชสกรีนขนาด 5.65 ” บนตัวเครื่อง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD เพื่อประสบการณ์ใช้งานได้ดีเยี่ยม ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ ScreenXpert ใหม่ สกรีนแพด 2.0 แบบอินเตอร์แอคทีฟนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น เนื่องจากมาพร้อม ASUS Utilities อันได้แก่ Quick Key, Handwriting (การเขียนด้วยลายมือ) และ Number Key เพื่อการป้อนข้อมูลตัวเลขที่รวดเร็วช่วยให้เราสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบและยืดหยุ่นมากกว่าเดิมมาก
การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่แม้ว่าจะไม่ออนไลน์อย่างหลายๆ แบรนด์ แต่ก็สามารถเคลมผ่านทาง 7-11 ได้สะดวกไม่แพ้กัน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว ถือว่าได้อยู่เพราะก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป ให้เราได้ตัดสินใจเลือกอีกที
ข้อดี
- สเปกแรงลื่นด้วย i7-10510U + GTX 1050 Max-Q + RAM 16GB + SSD 1TB
- เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้ ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก
- ติดตั้ง ScreenPad 2.0 เพิ่มประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คที่โดดเด่น
- หน้าจอคุณภาพสูง พาเนล IPS ความละเอียด 4K Ultra HD ขอบจอบาง
- รองรับการใช้งานกับปากกาสไตลัส ASUS Active Pen บันเดิลมาให้เลย
- มาพร้อม 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน
- น้ำหนักเบา 1.9 กิโลกรัม เหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- หน้าจอสัมผัสมัลติทัชลื่นมาก รองรับแรงกดได้หลายระดับ พร้อม Stylus สามารถใช้วาดรูปได้ดี
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงคุณภาพดี
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
- บานพับ ErgoLift 360° ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นเวลาใช้งาน
- มี Windows 10 แท้ในตัวเครื่อง และ My ASUS ช่วยปรับแต่ง
- ประกัน 2 ปี เคลมผ่านร้าน 7-11 ได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรก
ข้อสังเกต
- จอกระจกทำให้เวลาใช้งานกลางแจ้งเจอแสงสะท้อน
- ตัวเครื่องเวลาใช้งานหนักๆ อุณหภูมิค่อนข้างสูง
- ราคาสูงสมกับความพรีเมียมและฟีเจอร์เพียบ
Awards
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับกลุ่ม 2-in-1 Notebook ด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD มีความโดดเด่นเรื่องความพรีเมียมพรูหรา รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 15.6″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง ASUS ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Performance
ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ได้สเปกจัดเต็มด้วยชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10510U ตัวแรงของ Gen 10 ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป ติดตั้งแรมมาขนาด 16GB มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD ความจุ 1TB แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล จะทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมก็ได้หมด
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD ที่เป็นหน้าจอขนาด 15.6″ บนความละเอียด Ultra HD ระดับสูงใกล้เคียง sRGB 100% พร้อมจอที่สอง ScreenPad 2.0 เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งคู่ ซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียนไม่เห็นรอยหยัก ด้วยการ เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด