พร้อมขายอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ MacBook Pro 16″ จากทาง Apple ที่มาแทนที่ MacBook Pro 15.4″ มาพร้อมกับหน้าจอมาตรฐาน Retina Display พาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด 3072 x 1920 ที่ 226
สเปกเป็นชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 9 รหัส H ทั้ง i7-9750H / i9-9980HK ที่สำคัญอัพเกรดการ์ดจอเป็น AMD Radeon Pro 5300M / 5500M ที่เป็นเทคโนโลยี 7nm สถาปัยตกรรม RDNA ที่ใหม่ล่าสุด โดยติดตั้งแรม DDR4 ได้สูงสุด 64GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 8TB สนนราคาเริ่มต้นที่ 75,900 บาท และรุ่นบนกว่าที่ 89,990 บาท ส่วนกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับมืออาชีพ และเป็นซีรีส์ MaBook ตัวท็อปสุดของ Apple เอง
นอกจากนี้ยังมีความใหม่ในเรื่องของระบบเสียงเป็นลำโพง 6 ตัว คุณภาพเสียงคมชัด พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น เสียงสเตอริโอที่มีมิติเสียงกว้าง รองรับการเล่นคอนเทนต์ในระบบ Dolby Atmos ชุดไมโครโฟน 3 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอ ที่มีอัตราส่วนสัญญาณเสียงต่อสัญญาณรบกวนสูง พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง
พร้อมด้วย Magic Keyboard ใหม่ที่มาพร้อมกลไกแบบกรรไกร ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการขยับขึ้นลงของปุ่มที่ ระยะ 1 มม. เพื่อประสบการณ์การพิมพ์ที่เงียบ สบายมือ และยัง ตอบสนองได้ดังใจ แน่นอนว่ามีส่วนของ Touch Bar เป็นมาตรฐาน และ Touch ID โดยมีชิพ Apple T2 Security ควบคุม และปุ่ม ESC เป็นแบบแยกต่างหากแล้ว
ดีไซน์โดยรวมของ MacBook Pro 16″ ยังมีความใกล้เคียงกับ MacBook Pro 15.4″ แบบก่อนๆ คือสัดส่วนจอเป็น 16:10 แต่ได้ขอบหน้าจอที่บางลงไปอีก มีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัม ความบางอยู่ที่ 16.2 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ที่บางและเบามากๆ ซึ่งหากจะเทียบกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ในตลาดตรงๆ สามารถทำได้ยาก เพราะไม่มีรุ่นไหนทำหน้าจอ 16″ กัน
วัสดุทั้งหมดใช้เป็นอลูมิเนียมขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC แบบ Unibody ที่แข็งแรงทนทานและมีความพรีเมียมอย่างที่สุด ซึ่ง Apple บอกว่าใช้การออกแบบ Advanced Thermal Design แบบใหม่ ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ทำงานได้หนักหน่วงขึ้น โดยสีสันยังมีให้เลือกคือ 2 สีคือ เงินและเทาสเปซเกรย์เหมือนเดิม แล้วแต่ความชอบ
แน่นอนว่า MacBook Pro 15.4″ ตกรุ่นไปแล้ว แต่ก็ยังมีขายอยู่ตามหน้าร้านต่างๆ ส่วนราคาก็ถูกกว่า MacBook Pro 16″ ด้วย โดยในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบระหว่าง MacBook Pro 16″ และ MacBook Pro 15.4″ ที่จะบอกถึง 9 จุดความแตกต่าง ซึ่งมีผลต่อการซื้อของเรานั่นเอง
ชิปประมวลผลตัวเดิม แต่การจัดการอุณหภูมิดีขึ้น
MacBook Pro 16″ และ MacBook Pro 15.4″ ยังคงใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 รหัส H อย่าง i7-9750H / i9-9980HK ซึ่งให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า MacBook Pro 13.3″ ที่เป็น Intel Core i Gen 8 รหัส H แต่จากที่ผ่านมา MacBook Pro 15.4″มีข้อจำกัดเรื่องระบบระบายความร้อน ทำให้ MacBook Pro 16″ ถูกออกแบบมาเพื่อระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นด้วย Advanced Thermal Design ใช้ใบพัดขนาดใหญ่ขึ้น และมีช่องระบายอากาศที่ใหญ่ขึ้น ให้อากาศไหลผ่านได้มากขึ้น 28% และฮีตซิงค์ใหญ่ขึ้น 35% จึงสามารถระบายความร้อนได้ดียิ่งกว่าเดิม
การ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุด แรงขึ้นร้อนน้อย
MacBook Pro 16″ มาพร้อมการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง AMD Radeon Pro ซีรี่ส์ 5000M ซึ่งเป็น GPU แบบแยก ที่ใช้สถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลก อีกทั้งยังทำงานคู่กับหน่วยความจำแรมภายในแบบ GDDR6 และมี VRAM ให้เลือกถึง 8GB เป็นครั้งแรก (CTO) ทำให้ MacBook Pro 16″ มีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วขึ้น 2.1 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro 15.4″ ก่อนหน้านี้ และถ้าเลือกใช้กราฟิกระดับสูงสุด จะให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วขึ้นสูงสุด 80% ที่สำคัญคือร้อนน้อยกว่าเดิมด้วย แน่นอนว่าดีกว่าในทุกๆ ด้าน
ที่เก็บข้อมูล SSD และความจำ RAM ใหญ่ขึ้น
MacBook Pro 16″ เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกในตลาด ที่รองรับ Storage ที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe สูงสุด 8TB โดยมีความจุ 1TB เป็นรุ่นมาตรฐาน (15.4″ ได้เป็น 512GB) และยังมีขนาด 2TB และ 4TB ให้เลือกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ความจำ RAM ที่ติดเครื่องมาเลย 16GB (15.4″ รุ่นเริ่มต้นเป็น 8GB) ยังรองรับสูงสุดที่ 64GB มาตรฐาน DDR4 ที่ BUS 2666MHz ซึ่งจัดเต็มมากกว่า MacBook Pro 15.4″ รุ่นก่อนหน้าแน่นอน
แป้นคีย์บอร์ดปรับปรุงใหม่ไร้ปัญหา
แป้นคีย์บอร์ดของ MacBook Pro 16″ มีการปรับไปใช้ Magic Keyboard แบบเดิมๆ (รุ่นปี 2013) ใช้กลไกแบบกรรไกร มีระยะการขยับขึ้นลงของปุ่ม 1 มิลลิเมตร และมีความน่าเชื่อถือกว่ากลไกแบบผีเสื้อของ MacBook Pro 13.3″ / 15.4″ ที่พบปัญหาอยู่บ่อยครั้งกรณีที่ฝุ่นเข้า ใน Gen ก่อนหน้านี้ (2014 – 2019) แน่นอนว่ายังมีไฟคีย์บอร์ดเป็นสีขาวที่สวยงามชัดเจน ส่วนการสกรีนภาษาไทยตรงปุ่มกด จะมีการสลับจากรุ่นก่อนๆ จากซ้ายเป็นขวา เชื่อว่าการมาของ แป้นคีย์บอร์ดบน MacBook Pro 16 น่าจะทำให้เราใช้งานได้ดีขึ้น ไม่ต้องส่งเคลมกันอีกต่อไป
การออกแบบหนาขึ้นหนักขึ้นเล็กน้อย
MacBook Pro 16″ มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่ารุ่น MacBook Pro 15.4″ อย่างเห็นได้ชัด โดยยังคงรักษาพื้นที่ใช้งานให้เหมือนกับรุ่นก่อน ซึ่งได้ขอบหน้าจอที่บางเฉียบลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามิติตัวเครื่องไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ MacBook Pro 16″ มีขนาดใหญ่กว่า MacBook Pro 15.4″ ในทุกมิติอยู่เล็กน้อย และมีความหนากว่าอย่างชัดเจน แต่ทั้งหมดเพื่อทำให้รุ่น 16 นิ้ว มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งหนักกว่าจาก 1.8 ขยับไปที่ 2 กิโลกรัม ส่งผลให้เป็นข้อสังเกตุหนึ่งที่เราต้องรับรู้ว่า MacBook Pro 16″ หนาและหนักกว่าเล็กน้อย
ระบบเสียงดีขึ้นทั้งไมค์และลำโพง
MacBook Pro 16″ ได้รับการอัพเกรดระบบเสียงครั้งใหญ่ เพื่อให้เสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง เหมาะสำหรับวิศวกรเสียง นักดนตรี ผู้สร้างพ็อดคาสท์ และนักตัดต่อวิดีโอ ด้วยการติดตั้งลำโพงมาให้ 6 ตัว พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น เพื่อลดการสั่นสะเทือนที่อาจทำให้เสียงผิดเพี้ยน รองรับการเล่นคอนเทนต์ในระบบ Dolby Atmos ซึ่งมีการติดตั้งไมโครโฟน 3 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอ สามารถตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 40% จนมีประสิทธิภาพเทียบเท่าไมโครโฟนระดับมืออาชีพเสียอีก และดีกว่า MacBook Pro 15.4″ แน่นอน
จอแสดงผลใหญ่ขึ้นละเอียดขึ้น
MacBook Pro 16″ มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ Apple เลิกทำตลาดรุ่น 17 นิ้ว โดยมีความละเอียด 3072 x 1920 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 226 ppi มีจำนวนพิกเซลถึงเกือบ 6 ล้านพิกเซล และยังได้รับการปรับเทียบตั้งแต่โรงงาน เพื่อให้มีค่าแกมม่า จุดอ้างอิงสีขาว และแม่สีที่ถูกต้องตรงความเป็นจริง ส่งผลให้มีความเหนือชั้นมากกว่า MacBook Pro 15.4″ ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช้แต่ขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ว่าได้คุณภาพที่สูงยิ่งขึ้นไปอีกด้วย นับได้ว่าเป็นหน้าจอโน๊ตบุ๊คหนึ่งในรุ่นที่ดีที่สุดในตอนนี้ของตลาดก็ว่าได้ แม้ไม่ได้เป็นความละเอียด 4K UHD ที่ 3840 x 2160 พิกเซลก็ตาม
แบตเตอรี่ยาวนานขึ้น
MacBook Pro 16″ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 100Wh ซึ่งทาง Apple เคลมให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 11 ชั่วโมง จากการใช้งานทั่วไป ทำให้แทบไม่ต้องพกพาอแดปเตอร์ไปนอกสถานที่เลย โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น 1 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับ MacBook Pro 15.4″ ถึงแม้จอแสดงผลจะใหญ่ขึ้นก็ตาม อีกทั้งยังบันเดิลอแดปเตอร์ที่ขนาด 96W มาตรฐาน USB-C มาให้ในกล่อง ซึ่งเทียบกับ MacBook Pro 15.4″ ได้รับจะได้รับอแดปเตอร์เป็น 87W มาตรฐาน USB-C
Touch Bar ปรับปรุงใหม่
Touch Bar ของ MacBook Pro 16″ มีขนาดสั้นลงเมื่อเทียบกับ MacBook Pro 15.4″ เพื่อแบ่งพื้นที่ให้กับปุ่ม Esc แบบ Physical และแยก Touch ID ออกมา ซึ่งช่วยให้ปัญหาการสัมผัส Touch Bar โดยไม่ได้ตั้งใจลดลง จากการรุ่นก่อนอย่าง MacBook Pro 15.4″ มีปัญหาตรงจุดนี้ รุ่นใหม่อย่าง MacBook Pro 16″ เลยทำการใส่ปุ่ม Esc แบบ Physical มาให้แบบเดิมแล้ว เรียกได้ว่าน่าจะถูกใจใครหลายๆ คนทีเดียว เพราะจริงๆ แล้วปุ่มนี้ใช้บ่อยมากๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบจอทัชสกรีนจะไม่ค่อยถนัดนัก
รู้แบบนี้ ถ้างบประมาณในการซื้อ MacBook Pro 16″ ไม่ใช่ปัญหา ส่วนตัวแล้วก็แนะนำว่าให้มองข้าม MacBook Pro 15.4″ ไปได้เลย เว้นได้แต่ MacBook Pro 15.4″ ราคาดีมากๆ ทั้งของใหม่หรือมือหนึ่ง รวมไปถึงรับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรุ่น MacBook Pro 15.4″ ก็สามารถจัดได้เลย ยังไงก็ตามสำหรับคนต้องการความสดใหม่ MacBook Pro 16″ เป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้วครับ นี่ยังไม่นับรวมราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ MacBook Pro 16″ ถูกกว่าตอนที่ MacBook Pro 15.4″ มาใหม่ด้วยนะ
อ้างอิง : idropnews