Gaming Notebook ถือว่าเป็น Notebook ประเภทที่ขายดีและมาแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กับช่วงราคา 20,000 – 30,000 บาท จากการพัฒนาของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการมาของชิปประมวลผลใหม่อย่าง Intel Core i5-9300H / i7-9750H รวมถึง AMD Ryzen 5 3550H / Ryzen 7 3750H ส่วนการ์ดจอก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันที่ได้ทั้งแรงและราคาไม่แพงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / 1660 Ti (ส่วน GTX 1050 ข้ามไปเลย) อีกทั้งล่าสุดยังมีในส่วนของ AMD Radeon RX5500M มาเพิ่มเป็นตัวเลือกด้วย แน่นอนว่าด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอเหล่านี้ทำให้สามารถขับเฟรมเรทในการเล่นเกมออนไลน์หรือออฟไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ก็มีสำคัญไม่เป็นรองกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำแรมเป็นขนาด 8GB DDR4 พร้อมได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน (รองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) ที่ต้องบอกว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ กับการเป็น Gaming Notebook ที่ดีคุ้มค่ากับราคาสุดๆ นอกจากนี้มาตรฐานของหน้าจอก็จะเป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่ให้สีสันที่สวยงามสดใสมุมมองกว้าง และเกือบทั้งหมดได้ Refresh Rate ที่ 120Hz / 144Hz ซึ่งให้ภาพที่ออกมาดีกว่าพาเนล TN และให้ความลื่นไหลสบายตากว่า 60Hz แบบเดิมๆ
ในบทความนี้จะเป็นการจัดอันดับ Gaming Notebook ช่วงปลายปี 2019 รวมงาน Commart ที่จะถึงช่วงเดือนธันวาคมนี้ด้วย กับงบ 2x,xxx บาท ที่แรงลื่น คุ้มค่า น่าซื้อที่สุด แน่นอนว่าทุกรุ่นที่นำมาแนะนำมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ส่วนการรับประกันขึ้นอยู่แต่ละแบรนด์ แต่จะมีดีที่สุดคือ รับประกันแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปี ส่วนจะมีรุ่นอะไร ราคาเท่าไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย
HP Pavilion Gaming 15 (AMD) ราคา 23,900 – 30,900 บาท
ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen มีความคล้ายคลึงกับสเปกที่เป็น Intel Core i ก็จริงแต่ก็แตกต่างด้วยกันหลายๆ ส่วน ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นก่อนๆ โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.3 กิโลกรัม พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก
HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen ตอนนี้จะมีอยู่ 4 สเปก 4 ราคา จำนวน 2 สี คือ ม่วงและเขียว แต่ที่เราจะแนะนำ หลักๆ คือ 2 รุ่น โดยจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti
พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 2400 MHz (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB) ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา
ได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD มาตรฐาน Refresh Rate 144Hz โดดเด่นด้วยค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก AMD Ryzen 5 3550H (หรือ i5-9300H) + GTX 1650 ในรุ่นอื่นๆ ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญจัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้การ์ดจอ GTX 1650 ที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้
นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Realtek Wi-Fi 5 แบบ MU-MIMO มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดแถมมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย
- Ryzen 5 3550H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ IPS 144Hz ราคา 23,900 บาท
- Ryzen 7 3750H / GTX 1660 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ IPS 144Hz ราคา 30,900 บาท
Acer Nitro 5 / Nitro 7 (22,990 – 25,990 บาท)
สำหรับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานขอบจอบางเฉียบที่มีความใกล้เคียงกันมาก หลักๆ แล้วแตกต่างเครื่องของดีไซน์และน้ำหนักกับความบางอีกเล็กน้อย ซึ่ง Acer Nitro 7 วัสดุจะเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD
ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน โดย Acer Nitro 7 มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วน Acer Nitro 5 เบากว่าที่ 2.3 กิโลกรัม
Acer Nitro 5 / Nitro 7 รุ่นสเปกที่แนะนำ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เพียงพอแล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ HDD 2.5″ อีก 1 ตัว
นอกจากนี้ Acer Nitro 5 / Nitro 7มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% แบบ Refresh Rate 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมองพร้อมลื่นไหล และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.3 – 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX Dual Band MU-Mimo (ส่วน Nitro 5 เป็น Wi-Fi 5 AC) สำคัญคือมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
- Nitro 5 i5-9300H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ IPS 144Hz / Win10 ราคา 22,990 บาท
- Nitro 7 i5-9300H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ IPS 144Hz / Win10 ราคา 25,990 บาท
MSI Alpha 15 ราคา 27,900 บาท
สำหรับ MSI Alpha 15 ที่เป็น Gaming Notebook ตระกูลใหม่จากทาง MSI โดยเป็นการแยกตัวมาจาก G Series แบบเดิมๆ จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ตัวแรง จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) สถาปัตยกรรม RDNA เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงใกล้เคียงกับ NVIDIA GeForceGTX 1660 Ti แน่นอนว่าทางฝั่งของ AMD ต้องมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาเพียง 27,900 บาทเท่านั้น จัดว่าคุ้มค่าสุดๆ ในช่วงราคานี้
ดีไซน์โดยรวมยังคงกลิ่นอายของ MSI G Series ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ GL65 มาพร้อมโลโก้ใหม่เป็นรูปนก Phoenix สีเขียว ที่เดิมๆ เป็นมังกร ย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างตามสไตล์เอเชีย จากการใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เชื่อได้ว่าสเปกอื่นๆ ก็คงจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่มาตรฐานความจุ 512GB ที่ในส่วนของหน้าจอจะเป็นขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง ความละเอียดที่ Full HD พาเนล IPS ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 59%รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลภาพไม่ฉีกขาด
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 แบบ Killer Gaming LAN
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกันระยะเวลา 1 ปี (รุ่นอื่นๆ ของ MSI เป็น 2 ปี) มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล G Series อย่าง GL65 ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
HP Pavilion Gaming 15 (Intel) ราคา 24,990 – 28,990 บาท
HP Pavilion Gaming 15 ในสเปกที่เป็นสเปกชิปประมวล Intel Core i จะมีความแตกต่างจาก AMD กับมิติที่ตัวเครื่องที่บางและเบากว่า รวมไปถึงดีไซน์การออกบบต่างๆ และชุดระบายความร้อน โดยมีความบางเพียง 23.4 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.25 กิโลกรัมใ ช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีม่วงและยังมีสีเขียว
โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ HP เป็นเอกลักษณ์สีม่วงหรือเขียวสะดุดตาด้านบน ประกอบกับพื้นผิวสีดำด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดี วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบคู่แยกซ้ายขวาออกจากกัน ซึ่งมีการออกแบบได้ดูดุดันคล้ายรถสปอร์ตพร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้น
โดยจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i5-9300H และ Core i7-9750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 bus 2666 ฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ความจุ 1TB ความเร็ว 7200 รอบ (สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ด้วยการอัพเกรด SSD แบบ M.2 PCIe NVMe ซึ่งควรอัพเกรดทันทีตั้งแต่ซื้อเครื่องมาจากร้าน) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา
นอกเหนือจากนั้นยังได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ให้เลือก ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก i5-9300H + GTX 1650 / i7-9750H + GTX 1650 แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตุก็คือได้หน้าจอ 60Hz เท่านั้น ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่ได้ 120 – 144Hz
นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi แบบ Intel Wireless-AC 9560 พร้อมการรับประกัน 2 ปี On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมรวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย
- i5-9300H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ IPS 60Hz / Win10 ราคา 24,990 บาท
- i7-9750H / GTX 1650 / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ IPS 60Hz / Win10 ราคา 28,990 บาท
ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ราคา 24,900 – 29,900 บาท
ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ได้ขอบหน้าจอที่บาง ส่งผลให้ตัวเครื่องมิติโดยรวมมีความเล็กกระทัดรัดลง แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่ก็มีความใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนๆ มาก ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของระบบระบายความร้อนก็ใช้ระบบ Hyper Cool สามารถปรับเร่งรับได้ ฟินระบายความร้อนสีแดง พร้อมมี Anti-Dust Tunnel สำหรับเป่าฝุ่นออกมาให้อีกด้วย จัดเต็มจริงๆ ให้มาครบไม่มีกั๊ก ส่วนของคีย์บอร์ดจะให้ไฟ RGB แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ สามารถรองรับการกดได้ 20 ล้านครั้ง Travel Key 1.8 mm การวางเลเอาท์จะเหมือนกับคีย์บอร์ดแยกจริงๆ
สเปกของ ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างที่ไม่มีใน Intel ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 8/10 ส่วนการ์ดจอได้ตัวแรงมาตรฐานอย่าง GTX 1650 และแรงสุดในงบด้วย GTX 1660 Ti (6GB GDDR6)
สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้หน้าจอที่ 120Hz แบบ NanoEdge ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขนาด 15.6″ ได้ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 61% ส่วนแรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 2400MHz(สามารถติดตั้งแรมได้สูงสุด 32GB) และให้ที่เก็บข้อมูลมาตรฐาน SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน รวมไปรองรับการอัพเกรดเพิ่มฮาร์ดดิสก์ปกติ 2.5″ SATA 3 ด้วย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC และ Bluetooth 5.0 พร้อมกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว
ASUS TUF Gaming FX505DT/DU มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม