สำหรับการมาของ Acer Aspire 7 ปี 2019 นับได้ว่าทำได้น่าตื่นเต้นทีเดียว จากการที่ได้สเปกแรงลื่นระดับ Gaming Notebook ไม่ว่าจะเป็น i5-9300H + GTX 1050 พร้อมได้หน้าจอเทพๆ อย่างพาเนล IPS ที่ได้ขอบเขตสีสูงถึง sRGB 95% รวมไปถึงเรื่องงานออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องก็ทำได้อย่างลงตัวเกินราคาไปมาก จากวัสดุที่เป็นโลหะอลูมิเนียมตลอดทั้งเครื่อง สีสันก็ดูพรีเมียมหรูหราเรียบง่ายแต่ดูดี แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้มาให้ด้วย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับสูงที่ทาง Acer วางเอาไว้ โดยนำเสนอด้วยราคาแค่ 18,990 บาทเท่านั้นเอง ส่งผลให้ตลาดของโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20,000 บาท แทบแตกเลยทีเดียว
จงเจาะชื่อรุ่นอย่างชัดเจนก็จะเป็น Acer Aspire 7 A715-74G-5017 ซึ่งในตอนนี้มีเพียงรุ่นเดียวสเปกเดียวราคาเดียวเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะได้ชิปประมวลผล i5-9300H ตัวแรง ที่แรงกว่า Core i Gen 10 ที่ออกมาใหม่แน่นอน ในส่วนของการ์ดจอก็เป็นระดับ GTX 1050 ที่ให้ความแรงมากกว่าการ์ดจอพวก MX 250 พอตัว สำหรับแรมยังได้มาขนาด 8GB ที่ใช้งานได้ทันที ส่วนที่เก็บข้อมูลก็ได้เป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมอัพเกรดได้เพิ่มเติมอีก ที่สำคัญสุดเป็นการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย เหลือเชื่อจริงๆ กับโน๊ตบุ๊คราคาแค่นี้
VDO Review
Specification
Acer Aspire 7 ปี 2019 รุ่นที่แอดมินโป้งได้มารีวิวคือ Acer Aspire 7 A715-74G-5017 มีราคาที่คุ้มค่าอย่างที่สุดเพียง 18,990 บาท มาพร้อมกับสเปกแรงลื่นด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงานที่ปกติแล้วเราจะเห็นได้ในส่วนของ Gaming Notebook เป็นหลัก พร้อมได้การ์ดจอระดับ GTX รุ่นเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหลสนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล
ได้แรมติดเครื่องมาทันทีที่ขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 พร้อมใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB (แต่แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เหลือๆ แล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว (รองรับการทำ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีก) พร้อมรองรับการใส่อัพเกรดฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัวด้วย ที่เราจะใส่เป็น SSD SATA 3 หรือ HDD SATA 3 ก็สามารถทำได้ เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้ในส่วนของชิปประมวลผลและการ์ดจอเลย
นอกจากนี้ Acer Aspire 7 ปี 2019 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.35 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงหน้าจอ 15.6″
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นประสิทธิภาพความแรงต่อราคาที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
Hardware / Design
Acer Aspire 7 ปี 2019 เรื่องของการดีไซน์ออกแบบ ต้องยอมรับเลยว่าได้ DNA จาก Acer Nitro 5 / Nitro 7 มาเต็มๆ แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเรียบหรูดูเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ดูพรีเมียม ตามสไตล์ของ Aspire Series ซึ่ง Aspire 7 ก็ถือว่าเป็นรุ่นท็อปสุด ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Aspire 3 / Aspire 5 อย่างเห็นได้ชัด
รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น อย่าง Acer Aspire 7 A715-74G-5017 รุ่นใหม่ หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงเกินราคา แน่นอนว่าจากการที่เป็นดีไซน์ขอบหน้าจอบาง ก็ทำให้มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เป็นขอบหนาๆ นั่นเอง ส่งผลให้เราได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ในขนาดตัวเครื่องที่เท่าๆ กับรุ่น 14″ สมัยก่อนเลยล่ะ
สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำด้านให้ความเรียบเนียนตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความโดดเด่นและสวยงามกว่ารุ่นอื่นๆ โดยฝาหลังของ Acer Aspire 7 จะเป็นเรียบง่าย มีเพียงโลโก้ Acer ที่มันวาวเท่านั้น รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับจะเป็นสีเทาตัดกับตัวเครื่องพร้อมมีคำว่า Aspire อยู่ ซึ่งทั้งตัวเครื่องให้ความแข็งแรง ขอบตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นลักษณ์ตัดเพชรให้ความสวยงามด้วยสีเงินเพิ่มความมันวาวโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คสายทำงานของทาง Acer ได้เป็นอย่างดีที่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นเดิมส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก ด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบ พื้นที่แสดงผลเป็น 79% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ โดยมาพร้อมกับความบางของตัวเครื่องเพียง 22 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าไม่ได้บางเบามากมาย แต่ก็อยู่ในเกณ์ที่รับได้ เพราะถือว่าได้สเปกที่ประสิทธิภาพสูงมาแทน
โดยจากสติ๊กเกอร์ด้านในบริเวณที่วางมือฟีเจอร์ที่แปะไว้เอาไว้ บอกว่ารองรับการใส่ SSD M.2 แบบ 2 สล็อต พร้อมรองรับการใส่ HDD 2.5″ เพิ่ม ขอบหน้าจอบางเฉียบกว่ารุ่นก่อนๆ ความละเอียด Full HD วัสดุหลักๆ เป็นโลหะ อีกทั้งมี Acer Network Optimizer ซึ่งก็คือ Killer Ethernet E2500 RJ-45 รวมถึงมีระบบสแกนลายนิ้ว Fingerprint สุดท้ายกับการที่มีพอร์ต HDMI ไว้ใช้งาน
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีก อาทิ รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า ถือว่าได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อไร้สายที่ดีที่สุดในตอนนี้ของอุปกรณ์ไอทีแล้ว พร้อมติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio ให้ประสบการณ์การใช้งานและเล่นเกมที่เยี่ยม ซึ่งจัดได้ว่าให้มามากกว่าโน๊ตบุ๊คสายทำงานรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งมีการวางตำแหน่งไว้ขอบตัวเครื่องด้านหน้า
ส่วนการอัพเกรดแรมและ SSD / HDD ในอนาคตนั้น แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถอดฝาล่างของตัวเครื่องออกมา โดยวัสดุของฝาล่างนี้ก็เป็นพลาสติกเกรดดี พื้นผิวเป็นแบบไม่เรียบให้ความรู้ติดมือ พร้อมยางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุดด้วยกัน ซึ่งมีความมั่นคงดี ซึ่งเมื่อมองไปที่ช่องด้านล่างก็จะพบกับช่องดูดลมเย็นพร้อมกับพัดลม 2 ตัว มาพร้อมช่องระบายความร้อนคู่ คือด้านหลังแถวยาวทางขวา และด้านข้างทางขวา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบคู่ด้วย
สรุปแล้วสำหรับหน้าตาการออกแบบ Acer Aspire 7 ปี 2019 และดีไซน์เครื่องโดยรวม เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีกว่า Acer Aspire รุ่นก่อนๆ ให้ความรู้สึกที่พรีเมียมกว่าทันทีจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้จะมีรูปทรงที่ใกล้กันแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า ทั้งมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดทำให้พกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น
อีกทั้งได้สเปกระดับ Gaming Notebook อย่าง Core i5-9300H + GTX 1050 ทำให้รองรับทุกๆ การใช้งานประเภทหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพถ่าย ที่ต้องการหน้าจอคุณภาพสูง หรือเปิดโปรแกรมที่หลากหลายใช้ทรัพยากรเยอะ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาคนทำงาน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ที่เป็น Gaming มากนัก อีกทั้งราคา 18,990 บาท ถือว่าคุ้มค่าที่สุดของช่วงปลายปี 2019 นี้ก็ว่าได้
Keyboard / Touchpad
Acer Aspire 7 ปี 2019 มีตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6”ขอบหน้าจอบางก็จริง แต่ก็ยังสามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ที่มาพร้อมปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) โดยตัวปุ่มจะเป็นสีดำ มีฟอนต์เป็นสีขาว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ Backlit สีขาว ที่ให้ความสว่างสวยงาม เอามาเล่นตอนกลางคืนสบายๆ ส่วนเรื่องการกดการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มจัดว่ามีความใช้ได้ ในการพิมพ์งานต่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีความลึกและตอบสนองได้เท่ากับ Nitro 5 / Nitro 7 ขนาดนั้น ที่เหมาะสมกับการเล่นเกมมากกว่า
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าพอใจในการใช้งานมากๆ อีกทั้งยังมี Fingerprint ที่สแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานผ่านทาง Windows Hello เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย
Screen / Speaker
Acer Aspire 7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6″ แบบ Screen-to-Body ด้วยขอบจอบางพิเศษในส่วนของด้านข้างทั้งซ้ายและขวา บนความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงามสมจริง มาพร้อมกับมาตรฐาน Refresh Rate ที่ 60Hz ที่เพียงพอกับการใช้งานตามมาตรฐาน โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกมดูหนังแบบสบายๆ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Aspire 7 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS เกรดดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% และ Adobe RGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อนข้างสว่างกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไป รวมถึง Gaming Notebook รุ่นอื่น ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้อย่างลงตัว
วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงช่องกลางมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมขวาล่างที่ลดลงไประดับ 15% สรุปสุดท้ายด้วยคะแนนรวมทั้งหมดโดยตัวเครื่อง Acer Aspire 7 ก็ได้คะแนนไป 4.0 คะแนน ซึ่งเมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาแพงที่ให้หน้าจอที่คุณภาพสูงน่าประทับใจ
ส่วนทางด้านลำโพงของ Acer Aspire 7 นั้นจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาก ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Waves MaxxAudio ที่ผสานกับ Acer TrueHarmony เพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบส เสียงสนทนา และระดับเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ
Connector / Thin And Weight
Acer Aspire 7 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานประสิทธิภาพสูงขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, RJ45 (Killer E2500) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน พูดตรงๆ ก็คือ เหมือนกันกับ Acer Nitro 5 เลยล่ะ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีส่วนของช่อง SD(XC/HC) Card reader ถ้าใครต้องการใช้งานก็ต้องซื้ออุปกรณ์มาเพิ่มเติม
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo ซึ่งนับว่าดีที่สุดในตลาดตอนนี้ รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดได้ครบครัน และทางด้านการพกพา Acer Aspire 7 ทำได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่มีดีไซน์ขอบจอบาง ด้วยมิติตัวเครื่องกระชับเทียบเท่าหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.35 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์สายชาร์จเข้าไปด้วยแล้วก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.6 กิโลกรัม นับได้ว่าพกพาสะดวกอยู่เวลาใช้งานนอกสถานที่
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Acer Aspire 7 นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในส่วนของแรมและฮาร์ดดิสก์เพียงแค่ไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จะมีน็อตแค่ตัวเดียวที่มีสติกเกอร์แปะอยู่ เราสามารถเจาะทะลุไปได้เลย จากนั้นใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง แล้วค่อยๆ แงะฝาขึ้นมาอีกที งานประกอบการจัดวางตำแหน่งคล้ายกับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 มีฮีท์ไปป์สองเส้นพาดผ่าน CPU และ GPU โดยมีพัดลมสองตัวติดกัน ช่องระบายความร้อนแถวยาวช่องเดียวด้านหลัง พร้อมด้านข้างทางขวาอีก 1 ช่อง
ซึ่งแรมกับฮาร์ดดิสก์จะแยกส่วนกันอย่างชัดเจน ที่เห็นได้ถึงแรมสามารถติดตั้งได้ 2 แถว โดยติดตั้ง 8GB มาแล้ว 1 แถว สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีกแถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 32GB ส่วน SSD M.2 NVMe รองรับการติดตั้ง 2 สล็อตด้วยกัน โดยใส่มาแล้ว 1 ตัวที่ 512GB พร้อมมีน็อตมาให้ด้วย รองรับการใส่เป็น 2 ตัวพร้อมๆ กัน แล้วตั้งแค่ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นช่องใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ ที่สามารถอัพเกรดได้ภายหลัง อย่างไรก็ตามการแกะฝาล่างนั้นไม่ทำให้หลุดประกันแต่บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากแกะเองแล้วเกิดความเสียหาย
Performance / Software
โดย Acer Aspire 7 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i5-9300 โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.4 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.1 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 รุ่นใหม่มีแรมขนาด 3GB แบบ GDDR5 ที่ต้องบอกว่าทาง NVIDIA ตั้งใจเอามาแทนที่ของเดิมอย่าง GTX 1050 เดิมๆ ทั้งรุ่น 2GB และ 4GB ก่อนหน้า โดยมีความแรงเพียงพอที่จะเล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ส่วนเกม 3 มิติหนักๆ อาจจะต้องเลือกปรับมาเป็นกลางๆ หน่อยเพื่อความลื่นไหล
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าอย่าง Core i5-8300H ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงในระดับนึง เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับ GTX ที่เน้นการทำงานหรือเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับว่าเน้นประสิทธิภาพ i5-9300H ยังตอบโจทย์มากกว่า Core i Gen 10 ที่เพิ่งออกมาใหม่
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2947MB/s และเขียนที่ 1468MB/s จัดได้ว่าเป็นความเร็วที่ยอดเยี่ยมเกินราคาจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,198 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือถ้าเทียบกับสเปกที่เป็น Core i5-9300H + GTX 1650 ก็ถือว่าห่างกันไม่มาก
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจประมาณนึง โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 30 – 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ที่สามารถรีดพลังการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 และ SSD NVMe 512GB ก็ถือว่าไม่คอขวดเลย แต่ถ้าให้แนะนำเพิ่มแรมเป็น 16GB ก็จะลื่นไหลกว่านี้อีก
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / BF V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ ทั้งนี้เราเลือกเป็น DX12 ด้วยเพื่อให้ภาพลื่นไหลสวยงามที่สุด สำคัญคือเกมบางเกมอย่าง BF V จำเป็นต้องติดตั้งใน SSD ด้วย ไม่อย่างงั้นก็จะกระตุกได้ เพราะฮาร์ดดิสก์ปกติโหลดเกมโหลดฉากไม่ทัน (กรณีที่อาจจะซื้อ HDD 2.5″ มาติดตั้งเพิ่มภายหลัง)
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากนัวๆ กันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 40 – 60 – 90 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง รวมไปถึงอาจจะมีอาการโหลดฉากช้าบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นพอได้อยู่
สำหรับ Acer Aspire 7 ไม่ได้มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งอย่าง NitroSense ที่จะช่วยใช้ CoolBoots เร่งรอบพัดลมให้สุดๆ แต่ก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Aspire 7 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 3750mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube พร้อมเปิดโปรแกรม BatteryMon ปรับเป็น Power Saver แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวได้ที่ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว กับสเปกความแรงแต่ได้แบตเตอรี่ที่ยาวนานประมาณนี้
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น Acer Aspire 7 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุดเพื่อให้พัดลมทำงาน 100% แต่ระดับเสียงก็ถือว่าว่าเบากว่า Gaming Notebook อย่าง Acer Nitro 5 / Nitro 7
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ไม่เกิน 90 – 96 องศาเซลเซียส นับว่าไม่ได้ร้อนจนเกินไปนัก ส่วนการ์ดจอ GPU ถือว่าเย็นทีเดียวโดยร้อนสุดเพียง 80 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเทียบกับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ด้วยกันเองก็จัดว่าร้อนกว่า อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่สำหรับประสิทธิภาพที่ได้ต่อความร้อนที่เกิดขึ้น โดยให้เสียงรบกวนในเวลาทำงานหนักๆ น้อยกว่าด้วย แต่ถ้าใช้งานเบาๆ คือเงียบสนิทเพราะพัดลมไม่หมุนเลย
Conclusion / Award
การมาของ Acer Aspire 7 ปี 2019 นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานดีไซน์เรียบหรูหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบาง แต่ได้สเปกแรงๆ ที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึงในตลาดปลาย 2019 ทีเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ได้วัสดุอลูมิเนียมดีไซน์การออกแบบที่ดูพรีเมียมเกินราคาค่าตัว 18,990 บาทเท่านั้น ซึ่งมีความเบาเพียง 2.35 กิโลกรัม แต่ได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงมาก ได้ค่าขอบเขตสีถึง 95% นับว่าหาได้ยากสุดๆ ในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ เรียกได้ว่าใครหาโน๊ตบุ๊คจอดีๆ ในงบเท่านี้ ก็ตอบโจทย์สุดๆ ไปเลย
รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายยังเป็น Wi-Fi 6 AX ที่ใหม่ล่าสุด ดีที่สุด มาตรฐาน 2×2 MU-MIMO และยังได้การเชื่อมต่อ LAN RJ45 แบบ Killer E2500 ที่ปกติแล้วไม่มีในโน๊ตบุ๊คราคานี้แน่นอน อีกทั้งยังรรองับการใช้งานสแกนลายนิ้ว ด้วย Fingerprint เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ นอกจากนี้โดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือเรื่องของประกัน ซึ่งเป็นแบบประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นประสิทธิภาพความแรงต่อราคาที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
กลับมาที่สเปกที่เป็นจุดเด่นสำคัญของ Acer Aspire 7 คือได้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H ซึ่งเป็นรุ่นแรงยอดนิยมในส่วนของ Gaming Notebook โดยมาพร้อมกับการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) ที่ต้องบอกว่าประสิทธิภาพโดยรวมทั้งการทำงานหรือเล่นเกมนั้นแรงกว่าดีกว่าคุ้มค่ากว่า Intel Core i Gen 10 รุ่นใหม่ที่จับคู่มากับ NVIDIA GeForce MX250 อย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของแรมได้มาขนาด 8GB DDR4 และได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ซึ่งโดดเด่นด้วยความเร็วที่สูงเกินราคาค่าตัว อีกทั้งรองรับการอัพเกรดแรมทันที 1 แถว ซึ่งแนะนำว่าให้อัพเกรดเป็น 16GB กำลังดี ส่วน SSD M.2 NVMe เอง ก็สามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว โดยเราสามารถทำ Raid เพื่อประสิทธิภาพได้อีก และถ้าใครอยากใส่ HDD 2.5″ / SSD SATA 3 ก็เลือกเพิ่มได้เช่นกัน
สรุปปิดท้ายรีวิว Acer Aspire 7 ปี 2019 ในรุ่น Acer Aspire 7 A715-74G-5017 ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิว ต้องบอกว่ามีความประทับใจมากๆ ที่ทาง Acer ได้นำเสนอโน๊ตบุ๊คดีๆ ที่คุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมให้ประสิทธิภาพและการรับประกันที่ดีเยี่ยม ทำให้เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาจะซื้อโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20,000 บาท เน้นของแรงๆ ลื่นๆ ดีไซน์สวยๆ หน้าจอ 15.6″ ที่ให้จอเทพๆ เอาไว้ทำงานก็ดี เล่นเกมก็ดีไม่แพ้กัน
ในดีไซน์เรียบๆ หน่อย สำคัญคือได้ฟีเจอร์ต่างๆ ครบๆ ยอมรับเลยว่าถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน สเปกนี้ฟีเจอร์นี้ราคาแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ Acer ทำออกมาขายแล้วจริงๆ นับว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ จริงๆ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาหรือคนทำงาน ที่ยอมรับกับน้ำหนัก 2.35 กิโลกรัมได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คสเปกประมาณนี้อยู่แล้ว
สำหรับของสังเกตุ Acer Aspire 7 ปี 2019 ที่แม้จะดูสมบูรณ์ไปหมดทุกด้าน แต่ถ้าให้บอกกันหน่อย ก็คงเป็นเรื่องของความร้อนที่เกินขึ้น ซึ่งมีความสูงมากกว่าพวกรุ่น Acer Nitro 5 / Nitro 7 ที่ก็เป็นเพราะไม่มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งอย่าง NitroSense ที่จะช่วยใช้ CoolBoots เร่งรอบพัดลมให้สุดๆ แต่ยังไงก็ตามความร้อนที่เกิดขึ้นก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่และไม่มีผลต่อการใช้งานอะไร
รวมถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 4 ชั่วโมง แม้อาจจะดูไปหน่อยสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงาน แต่ก็ต้องบอกว่าด้วยสเปกที่แรงระดับนี้ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เช่นเดียวกัน ปิดท้ายที่ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว ต้องไปหาอแดปเตอร์มาเพิ่ม สำคัญคือราคาแค่ 18,990 บาท บอกได้คำเดียวว่าคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ข้อดี
- การออกแบบเล็กกระชับ น้ำหนักเบา งานประกอบแน่นหนา วัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
- สเปคคุ้มราคาได้ทั้ง Core i5-9300H + GeForce GTX 1050 ที่แรงลื่นพอตัว
- แรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 เพียงพอต่อการใช้งาน
- ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 ความจุ 512GB รวมเร็วสูง รองรับ SSD M.2 สองสล็อต
- หน้าจอ 15.6 นิ้ว IPS คุณภาพดีเยี่ยม sRGB 95% ขอบหน้าจอบางเฉียบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, HDMI
- ได้มาตรฐานเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6)
- LAN รองรับ Killer Ethernet E2500 ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวตามสไตล์โน๊ตบุ๊คสายทำงาน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมง
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- ราคาเทียบกับสิ่งที่ได้ทั้งหมด ถือว่าคุ้มค่าที่สุดรุ่นนึงในตลาดตอนนี้
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว
- เป็นได้ควรอัพเกรดเป็นแรมขนาด 16GB
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Aspire 7 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Aspire โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Aspire 7 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง แม้หน้าจอ 15.6″ ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แม้จะมีน้ำหนักที่ 2.35 กิโลกรัม แต่ก็รับได้อยู่ เพราะเข้าใจว่าวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นโลหะอลูเมียมเกรดสูง สัมผัสดีเยี่ยม
Best Value
Acer Aspire 7 ปี 2019 ได้สเปกใหม่ล่าสุดเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H และการ์ดจอ NVDIA GeForce GTX 1050 ได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ราคาเพียง 25,990 บาท ได้จอ IPS เกรดสูง sRGB 95% ทำให้มีความน่าสนใจไม่แพ้ Acer Nitro 5 หรือ Nitro 7 เลย จากสเปกที่ดี ราคาคุ้มค่า เพียง 18,990 บาท เรียกได้ว่าด้วยสเปกใหม่ราคาไม่ถึงสองหมื่นบาทให้คุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังเน้นประสิทธิภาพ หน้าจอ 15.6″ ที่มีวัสดุพรีเมียมแบบนี้ นอกจากนี้ยังได้ Wi-Fi 6 / Killer LAN / Fingerprint อีกด้วย
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5 Gen 9 ตระกูล H ตัวล่าสุด และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก) รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูงเป็นพิเศษ ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เข้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ ในราคาคุ้มที่สุดถ้าเทียบในช่วงราคาใกล้ๆ กัน
VDO Review
Specification
Acer Aspire 7 ปี 2019 รุ่นที่แอดมินโป้งได้มารีวิวคือ Acer Aspire 7 A715-74G-5017 มีราคาที่คุ้มค่าอย่างที่สุดเพียง 18,990 บาท มาพร้อมกับสเปกแรงลื่นด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงานที่ปกติแล้วเราจะเห็นได้ในส่วนของ Gaming Notebook เป็นหลัก พร้อมได้การ์ดจอระดับ GTX รุ่นเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหลสนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล
ได้แรมติดเครื่องมาทันทีที่ขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 พร้อมใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB (แต่แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เหลือๆ แล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว (รองรับการทำ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีก) พร้อมรองรับการใส่อัพเกรดฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัวด้วย ที่เราจะใส่เป็น SSD SATA 3 หรือ HDD SATA 3 ก็สามารถทำได้ เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้ในส่วนของชิปประมวลผลและการ์ดจอเลย
นอกจากนี้ Acer Aspire 7 ปี 2019 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.35 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงหน้าจอ 15.6″
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นประสิทธิภาพความแรงต่อราคาที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
Hardware / Design
Acer Aspire 7 ปี 2019 เรื่องของการดีไซน์ออกแบบ ต้องยอมรับเลยว่าได้ DNA จาก Acer Nitro 5 / Nitro 7 มาเต็มๆ แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเรียบหรูดูเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ดูพรีเมียม ตามสไตล์ของ Aspire Series ซึ่ง Aspire 7 ก็ถือว่าเป็นรุ่นท็อปสุด ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Aspire 3 / Aspire 5 อย่างเห็นได้ชัด
รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น อย่าง Acer Aspire 7 A715-74G-5017 รุ่นใหม่ หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงเกินราคา แน่นอนว่าจากการที่เป็นดีไซน์ขอบหน้าจอบาง ก็ทำให้มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เป็นขอบหนาๆ นั่นเอง ส่งผลให้เราได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ในขนาดตัวเครื่องที่เท่าๆ กับรุ่น 14″ สมัยก่อนเลยล่ะ
สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำด้านให้ความเรียบเนียนตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความโดดเด่นและสวยงามกว่ารุ่นอื่นๆ โดยฝาหลังของ Acer Aspire 7 จะเป็นเรียบง่าย มีเพียงโลโก้ Acer ที่มันวาวเท่านั้น รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับจะเป็นสีเทาตัดกับตัวเครื่องพร้อมมีคำว่า Aspire อยู่ ซึ่งทั้งตัวเครื่องให้ความแข็งแรง ขอบตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นลักษณ์ตัดเพชรให้ความสวยงามด้วยสีเงินเพิ่มความมันวาวโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คสายทำงานของทาง Acer ได้เป็นอย่างดีที่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นเดิมส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก ด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบ พื้นที่แสดงผลเป็น 79% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ โดยมาพร้อมกับความบางของตัวเครื่องเพียง 22 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าไม่ได้บางเบามากมาย แต่ก็อยู่ในเกณ์ที่รับได้ เพราะถือว่าได้สเปกที่ประสิทธิภาพสูงมาแทน
โดยจากสติ๊กเกอร์ด้านในบริเวณที่วางมือฟีเจอร์ที่แปะไว้เอาไว้ บอกว่ารองรับการใส่ SSD M.2 แบบ 2 สล็อต พร้อมรองรับการใส่ HDD 2.5″ เพิ่ม ขอบหน้าจอบางเฉียบกว่ารุ่นก่อนๆ ความละเอียด Full HD วัสดุหลักๆ เป็นโลหะ อีกทั้งมี Acer Network Optimizer ซึ่งก็คือ Killer Ethernet E2500 RJ-45 รวมถึงมีระบบสแกนลายนิ้ว Fingerprint สุดท้ายกับการที่มีพอร์ต HDMI ไว้ใช้งาน
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีก อาทิ รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า ถือว่าได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อไร้สายที่ดีที่สุดในตอนนี้ของอุปกรณ์ไอทีแล้ว พร้อมติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio ให้ประสบการณ์การใช้งานและเล่นเกมที่เยี่ยม ซึ่งจัดได้ว่าให้มามากกว่าโน๊ตบุ๊คสายทำงานรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งมีการวางตำแหน่งไว้ขอบตัวเครื่องด้านหน้า
ส่วนการอัพเกรดแรมและ SSD / HDD ในอนาคตนั้น แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถอดฝาล่างของตัวเครื่องออกมา โดยวัสดุของฝาล่างนี้ก็เป็นพลาสติกเกรดดี พื้นผิวเป็นแบบไม่เรียบให้ความรู้ติดมือ พร้อมยางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุดด้วยกัน ซึ่งมีความมั่นคงดี ซึ่งเมื่อมองไปที่ช่องด้านล่างก็จะพบกับช่องดูดลมเย็นพร้อมกับพัดลม 2 ตัว มาพร้อมช่องระบายความร้อนคู่ คือด้านหลังแถวยาวทางขวา และด้านข้างทางขวา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบคู่ด้วย
สรุปแล้วสำหรับหน้าตาการออกแบบ Acer Aspire 7 ปี 2019 และดีไซน์เครื่องโดยรวม เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีกว่า Acer Aspire รุ่นก่อนๆ ให้ความรู้สึกที่พรีเมียมกว่าทันทีจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้จะมีรูปทรงที่ใกล้กันแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า ทั้งมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดทำให้พกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น
อีกทั้งได้สเปกระดับ Gaming Notebook อย่าง Core i5-9300H + GTX 1050 ทำให้รองรับทุกๆ การใช้งานประเภทหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพถ่าย ที่ต้องการหน้าจอคุณภาพสูง หรือเปิดโปรแกรมที่หลากหลายใช้ทรัพยากรเยอะ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาคนทำงาน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ที่เป็น Gaming มากนัก อีกทั้งราคา 18,990 บาท ถือว่าคุ้มค่าที่สุดของช่วงปลายปี 2019 นี้ก็ว่าได้
Keyboard / Touchpad
Acer Aspire 7 ปี 2019 มีตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6”ขอบหน้าจอบางก็จริง แต่ก็ยังสามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ที่มาพร้อมปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) โดยตัวปุ่มจะเป็นสีดำ มีฟอนต์เป็นสีขาว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ Backlit สีขาว ที่ให้ความสว่างสวยงาม เอามาเล่นตอนกลางคืนสบายๆ ส่วนเรื่องการกดการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มจัดว่ามีความใช้ได้ ในการพิมพ์งานต่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีความลึกและตอบสนองได้เท่ากับ Nitro 5 / Nitro 7 ขนาดนั้น ที่เหมาะสมกับการเล่นเกมมากกว่า
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าพอใจในการใช้งานมากๆ อีกทั้งยังมี Fingerprint ที่สแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานผ่านทาง Windows Hello เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย
Screen / Speaker
Acer Aspire 7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6″ แบบ Screen-to-Body ด้วยขอบจอบางพิเศษในส่วนของด้านข้างทั้งซ้ายและขวา บนความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงามสมจริง มาพร้อมกับมาตรฐาน Refresh Rate ที่ 60Hz ที่เพียงพอกับการใช้งานตามมาตรฐาน โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกมดูหนังแบบสบายๆ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Aspire 7 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS เกรดดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% และ Adobe RGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อนข้างสว่างกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไป รวมถึง Gaming Notebook รุ่นอื่น ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้อย่างลงตัว
วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงช่องกลางมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมขวาล่างที่ลดลงไประดับ 15% สรุปสุดท้ายด้วยคะแนนรวมทั้งหมดโดยตัวเครื่อง Acer Aspire 7 ก็ได้คะแนนไป 4.0 คะแนน ซึ่งเมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาแพงที่ให้หน้าจอที่คุณภาพสูงน่าประทับใจ
ส่วนทางด้านลำโพงของ Acer Aspire 7 นั้นจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาก ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Waves MaxxAudio ที่ผสานกับ Acer TrueHarmony เพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบส เสียงสนทนา และระดับเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ
Connector / Thin And Weight
Acer Aspire 7 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานประสิทธิภาพสูงขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, RJ45 (Killer E2500) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน พูดตรงๆ ก็คือ เหมือนกันกับ Acer Nitro 5 เลยล่ะ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีส่วนของช่อง SD(XC/HC) Card reader ถ้าใครต้องการใช้งานก็ต้องซื้ออุปกรณ์มาเพิ่มเติม
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo ซึ่งนับว่าดีที่สุดในตลาดตอนนี้ รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดได้ครบครัน และทางด้านการพกพา Acer Aspire 7 ทำได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่มีดีไซน์ขอบจอบาง ด้วยมิติตัวเครื่องกระชับเทียบเท่าหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.35 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์สายชาร์จเข้าไปด้วยแล้วก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.6 กิโลกรัม นับได้ว่าพกพาสะดวกอยู่เวลาใช้งานนอกสถานที่
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Acer Aspire 7 นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในส่วนของแรมและฮาร์ดดิสก์เพียงแค่ไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จะมีน็อตแค่ตัวเดียวที่มีสติกเกอร์แปะอยู่ เราสามารถเจาะทะลุไปได้เลย จากนั้นใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง แล้วค่อยๆ แงะฝาขึ้นมาอีกที งานประกอบการจัดวางตำแหน่งคล้ายกับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 มีฮีท์ไปป์สองเส้นพาดผ่าน CPU และ GPU โดยมีพัดลมสองตัวติดกัน ช่องระบายความร้อนแถวยาวช่องเดียวด้านหลัง พร้อมด้านข้างทางขวาอีก 1 ช่อง
ซึ่งแรมกับฮาร์ดดิสก์จะแยกส่วนกันอย่างชัดเจน ที่เห็นได้ถึงแรมสามารถติดตั้งได้ 2 แถว โดยติดตั้ง 8GB มาแล้ว 1 แถว สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีกแถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 32GB ส่วน SSD M.2 NVMe รองรับการติดตั้ง 2 สล็อตด้วยกัน โดยใส่มาแล้ว 1 ตัวที่ 512GB พร้อมมีน็อตมาให้ด้วย รองรับการใส่เป็น 2 ตัวพร้อมๆ กัน แล้วตั้งแค่ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นช่องใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ ที่สามารถอัพเกรดได้ภายหลัง อย่างไรก็ตามการแกะฝาล่างนั้นไม่ทำให้หลุดประกันแต่บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากแกะเองแล้วเกิดความเสียหาย
Performance / Software
โดย Acer Aspire 7 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i5-9300 โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.4 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.1 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 รุ่นใหม่มีแรมขนาด 3GB แบบ GDDR5 ที่ต้องบอกว่าทาง NVIDIA ตั้งใจเอามาแทนที่ของเดิมอย่าง GTX 1050 เดิมๆ ทั้งรุ่น 2GB และ 4GB ก่อนหน้า โดยมีความแรงเพียงพอที่จะเล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ส่วนเกม 3 มิติหนักๆ อาจจะต้องเลือกปรับมาเป็นกลางๆ หน่อยเพื่อความลื่นไหล
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าอย่าง Core i5-8300H ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงในระดับนึง เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับ GTX ที่เน้นการทำงานหรือเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับว่าเน้นประสิทธิภาพ i5-9300H ยังตอบโจทย์มากกว่า Core i Gen 10 ที่เพิ่งออกมาใหม่
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2947MB/s และเขียนที่ 1468MB/s จัดได้ว่าเป็นความเร็วที่ยอดเยี่ยมเกินราคาจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,198 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือถ้าเทียบกับสเปกที่เป็น Core i5-9300H + GTX 1650 ก็ถือว่าห่างกันไม่มาก
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจประมาณนึง โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 30 – 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ที่สามารถรีดพลังการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 และ SSD NVMe 512GB ก็ถือว่าไม่คอขวดเลย แต่ถ้าให้แนะนำเพิ่มแรมเป็น 16GB ก็จะลื่นไหลกว่านี้อีก
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / BF V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ ทั้งนี้เราเลือกเป็น DX12 ด้วยเพื่อให้ภาพลื่นไหลสวยงามที่สุด สำคัญคือเกมบางเกมอย่าง BF V จำเป็นต้องติดตั้งใน SSD ด้วย ไม่อย่างงั้นก็จะกระตุกได้ เพราะฮาร์ดดิสก์ปกติโหลดเกมโหลดฉากไม่ทัน (กรณีที่อาจจะซื้อ HDD 2.5″ มาติดตั้งเพิ่มภายหลัง)
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากนัวๆ กันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 40 – 60 – 90 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง รวมไปถึงอาจจะมีอาการโหลดฉากช้าบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นพอได้อยู่
สำหรับ Acer Aspire 7 ไม่ได้มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งอย่าง NitroSense ที่จะช่วยใช้ CoolBoots เร่งรอบพัดลมให้สุดๆ แต่ก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Aspire 7 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 3750mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube พร้อมเปิดโปรแกรม BatteryMon ปรับเป็น Power Saver แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวได้ที่ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว กับสเปกความแรงแต่ได้แบตเตอรี่ที่ยาวนานประมาณนี้
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น Acer Aspire 7 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุดเพื่อให้พัดลมทำงาน 100% แต่ระดับเสียงก็ถือว่าว่าเบากว่า Gaming Notebook อย่าง Acer Nitro 5 / Nitro 7
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ไม่เกิน 90 – 96 องศาเซลเซียส นับว่าไม่ได้ร้อนจนเกินไปนัก ส่วนการ์ดจอ GPU ถือว่าเย็นทีเดียวโดยร้อนสุดเพียง 80 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเทียบกับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ด้วยกันเองก็จัดว่าร้อนกว่า อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่สำหรับประสิทธิภาพที่ได้ต่อความร้อนที่เกิดขึ้น โดยให้เสียงรบกวนในเวลาทำงานหนักๆ น้อยกว่าด้วย แต่ถ้าใช้งานเบาๆ คือเงียบสนิทเพราะพัดลมไม่หมุนเลย
Conclusion / Award
การมาของ Acer Aspire 7 ปี 2019 นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานดีไซน์เรียบหรูหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบาง แต่ได้สเปกแรงๆ ที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึงในตลาดปลาย 2019 ทีเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ได้วัสดุอลูมิเนียมดีไซน์การออกแบบที่ดูพรีเมียมเกินราคาค่าตัว 18,990 บาทเท่านั้น ซึ่งมีความเบาเพียง 2.35 กิโลกรัม แต่ได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงมาก ได้ค่าขอบเขตสีถึง 95% นับว่าหาได้ยากสุดๆ ในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ เรียกได้ว่าใครหาโน๊ตบุ๊คจอดีๆ ในงบเท่านี้ ก็ตอบโจทย์สุดๆ ไปเลย
รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายยังเป็น Wi-Fi 6 AX ที่ใหม่ล่าสุด ดีที่สุด มาตรฐาน 2×2 MU-MIMO และยังได้การเชื่อมต่อ LAN RJ45 แบบ Killer E2500 ที่ปกติแล้วไม่มีในโน๊ตบุ๊คราคานี้แน่นอน อีกทั้งยังรรองับการใช้งานสแกนลายนิ้ว ด้วย Fingerprint เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ นอกจากนี้โดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือเรื่องของประกัน ซึ่งเป็นแบบประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นประสิทธิภาพความแรงต่อราคาที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
กลับมาที่สเปกที่เป็นจุดเด่นสำคัญของ Acer Aspire 7 คือได้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H ซึ่งเป็นรุ่นแรงยอดนิยมในส่วนของ Gaming Notebook โดยมาพร้อมกับการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) ที่ต้องบอกว่าประสิทธิภาพโดยรวมทั้งการทำงานหรือเล่นเกมนั้นแรงกว่าดีกว่าคุ้มค่ากว่า Intel Core i Gen 10 รุ่นใหม่ที่จับคู่มากับ NVIDIA GeForce MX250 อย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของแรมได้มาขนาด 8GB DDR4 และได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ซึ่งโดดเด่นด้วยความเร็วที่สูงเกินราคาค่าตัว อีกทั้งรองรับการอัพเกรดแรมทันที 1 แถว ซึ่งแนะนำว่าให้อัพเกรดเป็น 16GB กำลังดี ส่วน SSD M.2 NVMe เอง ก็สามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว โดยเราสามารถทำ Raid เพื่อประสิทธิภาพได้อีก และถ้าใครอยากใส่ HDD 2.5″ / SSD SATA 3 ก็เลือกเพิ่มได้เช่นกัน
สรุปปิดท้ายรีวิว Acer Aspire 7 ปี 2019 ในรุ่น Acer Aspire 7 A715-74G-5017 ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิว ต้องบอกว่ามีความประทับใจมากๆ ที่ทาง Acer ได้นำเสนอโน๊ตบุ๊คดีๆ ที่คุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมให้ประสิทธิภาพและการรับประกันที่ดีเยี่ยม ทำให้เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาจะซื้อโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20,000 บาท เน้นของแรงๆ ลื่นๆ ดีไซน์สวยๆ หน้าจอ 15.6″ ที่ให้จอเทพๆ เอาไว้ทำงานก็ดี เล่นเกมก็ดีไม่แพ้กัน
ในดีไซน์เรียบๆ หน่อย สำคัญคือได้ฟีเจอร์ต่างๆ ครบๆ ยอมรับเลยว่าถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน สเปกนี้ฟีเจอร์นี้ราคาแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ Acer ทำออกมาขายแล้วจริงๆ นับว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ จริงๆ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาหรือคนทำงาน ที่ยอมรับกับน้ำหนัก 2.35 กิโลกรัมได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คสเปกประมาณนี้อยู่แล้ว
สำหรับของสังเกตุ Acer Aspire 7 ปี 2019 ที่แม้จะดูสมบูรณ์ไปหมดทุกด้าน แต่ถ้าให้บอกกันหน่อย ก็คงเป็นเรื่องของความร้อนที่เกินขึ้น ซึ่งมีความสูงมากกว่าพวกรุ่น Acer Nitro 5 / Nitro 7 ที่ก็เป็นเพราะไม่มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งอย่าง NitroSense ที่จะช่วยใช้ CoolBoots เร่งรอบพัดลมให้สุดๆ แต่ยังไงก็ตามความร้อนที่เกิดขึ้นก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่และไม่มีผลต่อการใช้งานอะไร
รวมถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 4 ชั่วโมง แม้อาจจะดูไปหน่อยสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงาน แต่ก็ต้องบอกว่าด้วยสเปกที่แรงระดับนี้ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เช่นเดียวกัน ปิดท้ายที่ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว ต้องไปหาอแดปเตอร์มาเพิ่ม สำคัญคือราคาแค่ 18,990 บาท บอกได้คำเดียวว่าคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ข้อดี
- การออกแบบเล็กกระชับ น้ำหนักเบา งานประกอบแน่นหนา วัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
- สเปคคุ้มราคาได้ทั้ง Core i5-9300H + GeForce GTX 1050 ที่แรงลื่นพอตัว
- แรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 เพียงพอต่อการใช้งาน
- ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 ความจุ 512GB รวมเร็วสูง รองรับ SSD M.2 สองสล็อต
- หน้าจอ 15.6 นิ้ว IPS คุณภาพดีเยี่ยม sRGB 95% ขอบหน้าจอบางเฉียบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, HDMI
- ได้มาตรฐานเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6)
- LAN รองรับ Killer Ethernet E2500 ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวตามสไตล์โน๊ตบุ๊คสายทำงาน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมง
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- ราคาเทียบกับสิ่งที่ได้ทั้งหมด ถือว่าคุ้มค่าที่สุดรุ่นนึงในตลาดตอนนี้
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว
- เป็นได้ควรอัพเกรดเป็นแรมขนาด 16GB
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Aspire 7 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Aspire โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Aspire 7 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง แม้หน้าจอ 15.6″ ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แม้จะมีน้ำหนักที่ 2.35 กิโลกรัม แต่ก็รับได้อยู่ เพราะเข้าใจว่าวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นโลหะอลูเมียมเกรดสูง สัมผัสดีเยี่ยม
Best Value
Acer Aspire 7 ปี 2019 ได้สเปกใหม่ล่าสุดเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H และการ์ดจอ NVDIA GeForce GTX 1050 ได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ราคาเพียง 25,990 บาท ได้จอ IPS เกรดสูง sRGB 95% ทำให้มีความน่าสนใจไม่แพ้ Acer Nitro 5 หรือ Nitro 7 เลย จากสเปกที่ดี ราคาคุ้มค่า เพียง 18,990 บาท เรียกได้ว่าด้วยสเปกใหม่ราคาไม่ถึงสองหมื่นบาทให้คุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังเน้นประสิทธิภาพ หน้าจอ 15.6″ ที่มีวัสดุพรีเมียมแบบนี้ นอกจากนี้ยังได้ Wi-Fi 6 / Killer LAN / Fingerprint อีกด้วย
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5 Gen 9 ตระกูล H ตัวล่าสุด และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก) รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูงเป็นพิเศษ ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เข้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ ในราคาคุ้มที่สุดถ้าเทียบในช่วงราคาใกล้ๆ กัน