Acer Nitro 7 AN715-51-53UV ที่มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Core i5-9300H และการ์ดจอ GTX 1650 (4GB DDR5) ดีไซน์มาตรฐานขอบจอบางเฉียบ วัสดุเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น
Acer Nitro 7 รุ่นนี้มีราคาเพียง 25,990 บาท ที่นอกจากจะได้ชิปประมวลผลและการ์ดจอระดับ Gaming แรงๆ แล้ว ยังมาพร้อมกับ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูงระดับ 2900 MB/s และแรมมาตรฐาน 8GB DDR4 Buss 2666 MHz และหน้าจอ 144Hz พาเนล IPS ที่ได้ค่า sRGB 95% จัดเต็มกันไปเลยจริงๆ โดยรองรับเป็นแบบ NVMe 2 ช่อง ที่เราสามารถเพิ่มแล้วต่อ Raid ได้ด้วย พร้อม HDD 2.5″ สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ แน่นอนว่ามาพร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย
Specification
ก่อนหน้านี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สำคัญได้การ์ดจอรุ่นใหม่มาเสริมทัพอัพเดทอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ของ GTX เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก มีจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นย่อย แต่ในตอนนี้ได้มีสเปกใหม่ที่แรงไม่แพ้กัน ด้วยชิปประมวลผล Core i5-9300H + GeForce GTX 1650 เป็นจัดว่าเป็น Acer Nitro 7 ราคาถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้ เพียง 25,990 บาทเท่านั้น
ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัว
นอกจากนี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง แบบ 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
Hardware / Design
เรื่องของการดีไซน์ออกแบบ หลักๆ Acer Nitro 7 ยังมีทรงคล้ายๆ กับ Acer Nitro 5 แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับลงอีก ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น อย่าง Acer Nitro 7 AN715-51-53UV รุ่นใหม่ หน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS สนับสนุน Refresh Rate 144Hz แน่นอนว่าจากการที่เป็นดีไซน์ขอบหน้าจอบาง ก็ทำให้มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เป็นขอบหนาๆ นั่นเอง
สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำแซมด้วยสีแดงเอาไว้อยู่ อย่างโดดเด่นและสวยงาม โดยฝาหลังของ Acer Nitro 7 จะเป็นขีดลายขวาง 3 เส้นเว้นระยะกัน รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ Acer Nitro 7 จะเป็นสีดำสีเดียวกับตัวเครื่องพร้อมมีคำว่า Nitro อยู่ เทียบกับฝาหลังของ Acer Nitro 5 จะเป็นลวดลายผิวไม่เรียบบริเวณด้านข้างซ้ายและขวา ส่วนขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ Acer Nitro 5 จะเป็นสีแดง นั่นทำให้ Acer Nitro 5 และ Acer Nitro 7 มีความแตกต่างที่ชัดเจนกันอยู่ นอกเหนือจากเรื่องของขนาดมิติตัวเครื่องไม่แน่นอนว่าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบที่ 7.48 มิลลิเมตร พื้นที่แสดงผลเป็น 78% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ ฝาหลังที่เป็นอะลูมิเนียมดูสวยงามดุดัน โดยมีความบางที่ 19.9 มิลลิเมตรเท่านั้น นับว่ามีความบางเบากว่ารุ่นก่อนมาก รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น กับน้ำหนักเบาเพียง 2.5 กิโลกรัม โดยติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio และ Killer Ethernet E2500 RJ-45 อีกเช่นกัน ให้ประสบการณ์การใช้งานเล่นเกมที่เยี่ยมของเกมเมอร์ทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Acer CoolBoost และช่องระบายความร้อนคู่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระบายความร้อนด้วยพัดลมคู่ เมื่อมีการใช้งานที่หนักหน่วง CoolBoost จะเพิ่มความเร็วพัดลมมากขึ้น 10% และการระบายความร้อน CPU/GPU มากขึ้น 9% เมื่อเทียบกับโหมดอัตโนมัติ (ตามที่ Acer เคลมไว้) พร้อมจัดการระบบของเราแบบเรียลไทม์ด้วยซอฟต์แวร์ NitroSense ซึ่งครอบคลุมถึงอุณหภูมิ ความเร็วพัดลมและอีกมากมาย
ด้านในตัวเครื่องงานดีไซน์ก็เหมือนกับ Acer Nitro 5 แต่วัสดุทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมที่ดูพรีเมียมสัมผัสดีกว่า โดยมีพื้นผิวคล้ายกับด้านนอก ที่มีการติดตั้งปุ่ม Power ไว้มุมขวาบนสุดของชุดคีย์บอร์ด รวมไปถึงยังมีการติดตั้งปุ่ม NitroSense ไว้เหนือแป้นตัวเลขด้วย กดใช้งานได้สะดวกดี นอกจากนั้นก็เป็นสติกเกอร์ต่างๆ ติดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็น
ส่วนการอัพเกรดแรมและ SSD ในอนาคตนั้น แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถอดฝาล่างของตัวเครื่องออกมา โดยวัสดุของฝาหลังนี้ก็เป็นอลูมิเนียมเกรดดี พื้นผิวเป็นแบบเรียบๆ แต่ติดมือ ทำให้หยิบจำแล้วไม่ลื่นไหล พร้อมยางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุดด้วยกัน ซึ่งมีความมั่นคงดี ซึ่งเมื่อมองไปที่ช่องด้านล่างก็จะพบกับช่องดูดลมเย็นพร้อมกับพัดลม 2 ตัว ที่กรณีที่เราเปิดเครื่องก็จะเห็นไฟสีแดงจากคีย์บอร์ดติดอยู่ด้วย ดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ ที่เดี๋ยวเราจะพาไปแกะชมข้างในกันอีกที
สรุปแล้วสำหรับหน้าตาการออกแบบ Acer Nitro 7 และดีไซน์เครื่องโดยรวม เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีกว่า Acer Nitro 5 ให้ความรู้สึกที่พรีเมียมกว่าทันทีจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมตอลอดทั้งตัวเครื่อง แม้จะมีรูปทรงที่ใกล้กันแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า ทั้งมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดทำให้พกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้เล็กมากจนเกินไปเหมือน Gaming Notebook บางรุ่นที่เน้นความบางเบา (จนบางครั้งก็บางเกิน ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก)
กับน้ำหนักตัวเครื่อง 2.5 กิโลกรัม (หนักกว่า Acer Nitro 5 ที่ 200 กรัม เข้าใจว่าวัสดุเป็นโลหะทั้งตัวไม่ใช่พลาสติก) รวมกับอแดปเตอร์แล้วก็ถือว่าพกพาไปไหนมาได้อยู่ที่ประมาณ 2.8 กิโลกรัม คาดว่าน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน กับการมาของ Acer Nitro 7 ที่เป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ช่วงปลาย ปี 2019 ไม่มากก็น้อย ที่สำคัญคือราคามันมีความใกล้เคียงกับ Acer Nitro 5 ยิ่งขึ้นทั้งสเปกและความคุ้มค่าไม่แพ้กันเลย
Keyboard / Touchpad
Acer Nitro 7 มีตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6”ขอบหน้าจอบางก็จริง แต่ก็ยังสามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ที่มาพร้อมปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) โดยตัวปุ่มจะเป็นสีดำ มีฟอนต์เป็นสีแดง รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD และปุ่มทิศทาง รวมถึงปุ่ม NitroSense จะมีขอบเป็นสีแดงเด่นออกมา
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ Backlit สีแดง (ปรับแสงได้ 5 ระดับ) ที่ให้ความสว่างพอสมควรดูเป็น Gaming Notebook สวยงาม เอามาเล่นตอนกลางคืนสบายๆ อีกทั้งเรื่องการกดการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มมีความนุ่มติดมือ รู้สึกได้เลยว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คธรรมดาทั่วไปแน่นอน
ในส่วนทัชแพดนั้นจะมีขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ออกแบบปุ่มมาเป็นแบบชิ้นเดียวซ่อนปุ่มตามสมัยนิยมทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา มีขอบเป็นสีแดง ให้ความลื่นไหลในการใช้งานเป็นอย่างดี ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาแต่อย่างใด
Screen / Speaker
Acer Nitro 7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบ Screen-to-Body เป็น 78% ด้วยขอบจอบางเพียง 7.48 มิลลิเมตร บนความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงามสมจริง โดดเด่นด้วย Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลทั้งใช้งานทั่วไปและเกล่นเกมได้ดีกว่า 60Hz แน่นอน โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกมดูหนังแบบสบายๆ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Nitro 7 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS เกรดดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 96% และ Adobe RGB ที่ 72% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอ เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อนข้างสว่างกว่าหน้าจอ Gaming Notebook รุ่นอื่น ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้โอเคเลยทีเดียว
วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงช่องแถวกลางด้านซ้ายมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวล่างตรงกลางที่ลดลงไประดับ 12% สรุปสุดท้ายด้วยคะแนนรวมทั้งหมดโดยตัวเครื่อง Acer Nitro 7 ก็ได้คะแนนไป 4.5 คะแนน ซึ่งเมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ให้หน้าจอที่คุณภาพสูงน่าประทับใจ
ส่วนทางด้านลำโพงของ Acer Nitro 7 นั้นจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาก ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Waves MaxxAudio ที่ผสานกับ Acer TrueHarmony เพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบส เสียงสนทนา และระดับเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ
Connector / Thin And Weight
Acer Nitro 7 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, RJ45 (Killer E2500) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน พูดตรงๆ ก็คือ เหมือนกันกับ Acer Nitro 5 เลยล่ะ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีส่วนของช่อง SD(XC/HC) Card reader ถ้าใครต้องการใช้งานก็ต้องซื้ออุปกรณ์มาเพิ่มเติม
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo ซึ่งดีที่สุดในตอนนี้ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดด้วยพอร์ตที่ครบครันและทางด้านการพกพา Acer Nitro 7 ทำได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่มีดีไซน์ขอบจอบาง ด้วยมิติตัวเครื่องกระชับเทียบเท่าหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.5 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์สายชาร์จเข้าไปด้วยแล้วก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.8 กิโลกรัม นับได้ว่าพกพาสะดวกอยู่เวลาใช้งานนอกสถานที่
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Acer Nitro 7 นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในส่วนของแรมและฮาร์ดดิสก์เพียงแค่ไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จะมีน็อตแค่ตัวเดียวที่มีสติกเกอร์แปะอยู่ เราสามารถเจาะทะลุไปได้เลย จากนั้นใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง แล้วค่อยๆ แงะฝาขึ้นมาอีกที งานประกอบการจัดวางตำแหน่งคล้ายกับ Acer Nitro 5 มีฮีท์ไปป์สองเส้นพาดผ่าน CPU และ GPU โดยมีพัดลมสองตัวติดกัน ช่องระบายความร้อนแถวยาวช่องเดียวด้านหลัง พร้อมด้านข้างทางขวาอีก 1 ช่อง
ซึ่งแรมกับฮาร์ดดิสก์จะแยกส่วนกันอย่างชัดเจน ที่เห็นได้ถึงแรมสามารถติดตั้งได้ 2 แถว โดยติดตั้ง 8GB มาแล้ว 1 แถว สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีกแถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 32GB ส่วน SSD M.2 NVMe รองรับการติดตั้ง 2 สล็อตด้วยกัน โดยใส่มาแล้ว 1 ตัวที่ 512GB พร้อมมีน็อตมาให้ด้วย รองรับการใส่เป็น 2 ตัวพร้อมๆ กัน แล้วตั้งแค่ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นช่องใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ ที่สามารถอัพเกรดได้ภายหลัง อย่างไรก็ตามการแกะฝาล่างนั้นไม่ทำให้หลุดประกันแต่บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากแกะเองแล้วเกิดความเสียหาย
Performance / Software
โดย Acer Nitro 7 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i5-9300 โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.4 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.1 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รุ่นใหม่มีแรมขนาด 4GB แบบ GDDR5 ที่ต้องบอกว่าทาง NVIDIA ตั้งใจเอามาแทนที่ของเดิมอย่าง GTX 1050 Ti โดยมีความแรงมากกว่า แต่ร้อนน้อยกว่า เทียบรุ่นที่แรงกว่านี้ก็จะเป็น GTX 1660 Ti แล้ว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าอย่าง Core i5-8300H ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงในระดับนึง เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับ GTX ที่เน้นการทำงานหรือเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับว่าเน้นประสิทธิภาพ i5-9300H ยังตอบโจทย์มากกว่า Core i Gen 10 ที่เพิ่งออกมาใหม่
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2967MB/s และเขียนที่ 1570MB/s จัดได้ว่าเป็นความเร็วที่ยอดเยี่ยมเกินราคาจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,494 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือถ้าเทียบกับสเปกที่เป็น Core i7-9750H + GTX 1660 Ti ก็ถือว่าห่างกันไม่มาก
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจประมาณนึง โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 30 – 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ที่สามารถรีดพลังการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 และ SSD NVMe 512GB ก็ถือว่าไม่คอขวดเลย แต่ถ้าให้แนะนำเพิ่มแรมเป็น 16GB ก็จะลื่นไหลกว่านี้อีก
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / BF V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ สำคัญคือเกมอย่าง BF V จำเป็นต้องติดตั้งใน SSD ด้วย ไม่อย่างงั้นก็จะกระตุกได้ เพราะฮาร์ดดิสก์ปกติโหลดเกมโหลดฉากไม่ทัน ทั้งนี้เราเลือกเป็น DX12 ด้วยเพื่อให้ภาพลื่นไหลสวยงามที่สุด
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 40 – 60 – 90 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง รวมไปถึงอาจจะมีอาการโหลดฉากช้าบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นพอได้อยู่
และด้วยพาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
Acer Nitro 7 มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ NitroSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่า CoolBoots เร่งรอบพัดลมให้สุดที่ 6000 รอบทั้ง 2 ตัว ที่ใช้ระบายความร้อน CPU/GPU เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงการปรับโหมดการใช้งาน เช่นประหยัดพลังงานใช้แบตเตอรี่ก็ต้องเป็น Power Saver และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน NitroSense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Nitro 7 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Nitro 7 ครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 3750mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube พร้อมเปิดโปรแกรม BatteryMon ปรับเป็น Power Saver แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวใกล้เคียง 5 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานปกติกับการที่เป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นพี่ของ Acer Nitro 5
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น Acer Nitro 7 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมดพัดลมระดับสูงสุดด้วยารปรับเป็น CoolBoots เพื่อให้พัดลมทำงาน 100%
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ไม่เกิน 85 – 87 องศาเซลเซียส นับว่าไม่ได้ร้อนจนเกินไปนัก ส่วนการ์ดจอ GPU ถือว่าเย็นทีเดียวโดยร้อนสุดเพียง 66 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมากับขนาดตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดพกพาง่ายกว่าเดิม สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึง จากการที่เราสามารถเพิ่มรอบสูงสุดได้ด้วยโหมด CoolBoots นั่นเอง แต่ถ้าใช้งานเบาๆ คือเงียบสนิทเพราะพัดลมไม่หมุนเลย
Conclusion / Award
สมการรอคอยสำหรับการมาของ Gaming Notebook อย่าง Acer Nitro 7 กันไหม ด้วยการเปลี่ยนแปลงของดีไซน์ใหม่ ได้ขอบจอบางลงกว่ารุ่นก่อน หน้าจอเทพมากๆ sRGB ใกล้เคียง 100% จริงๆ มิติตัวเครื่องเล็กลงกว่ารุ่นก่อนๆ การประกอบก็แน่นอนไว้ใจได้ ถอดอัพเกรดก็ง่ายขึ้น เชื่อได้ว่าเพื่อนๆ น่าจะถูกใจกันไม่น้อย (รองรับการใส่ SSD M.2 NVMe แบบ 2 สล็อต) อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วก็เป็นการต่อยอดจาก Acer Nitro 5 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบใหม่ทั้งหมดเสียทีเดียว แต่วัสดุพรีเมียมให้ความต่างแบบรู้สึกได้ ล่าสุดกับรุ่นราคา 25,990 บาท ทำให้จับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น เหมือนกับ Acer Nitro 5 ทีเดียว
ส่วนสเปกก็ได้รับการอัพเดทให้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ตัวแรง สำหรับการ์ดจอก็เป็นตัวใหม่ NVIDIA GeForce GTX 1650 โดยมีราคาที่จับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือได้ประกันเทพๆ แบบ On-site Service 3 ปี พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง โดยมี SSD M.2 ความเร็วสูงมาให้อยู่แล้วเป็นมาตรฐาน ทำให้ไม่มีอาการค้าง ช้า หน่วงอยู่ดี ทั้งใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม อย่างที่เกิดขึ้น Gaming Notebook ยุคก่อนๆ ที่มีเพียงฮาร์ดดิสก์ธรรมดาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการอัพเกรด HDD ก็สามารถทำได้ภายหลังด้วยตนเองได้เลย
ผลทดสอบของหน้าจอก็จะเห็นว่ามีค่าขอบเขตสีที่ดีกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกัน สำหรับคนที่เอาไปทำงานด้านสีที่จริงจังสบายใจได้ ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็ครบครันกว่าเดิมด้วย USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง แต่ก็ยังมี USB 2.0 Type-A อีกช่องอยู่ไว้เชื่อมต่อเมาส์เป็นหลัก พร้อมกับ LAN เป็น Killer Ethernet E2500 ทำให้เมื่อต่อสาย RJ45 ก็จะช่วยการเล่นเกมที่ลื่นไหลได้ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็เป็นมาตรฐานที่ดีมีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไปที่ไม่มีตรงนี้
สำหรับการระบายความร้อนก็นับว่าทำได้ดีตามมาตรฐานอยู่แล้ว คือ ไม่ได้ร้อนเกินไปจนกระทบการทำงานของเครื่อง จากการที่ทาง Acer ออกแบบมาได้ดีขึ้น รวมถึงชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ก็ให้ความแรงที่เพียงพอ แต่ไม่ปลดปล่อยความร้อนขนาด i7-9750H ฉะนั้นถ้าดูจากผลทดสอบอุณหภูมิก็นับว่าทำได้ดีตามเกณฑ์มากๆ แล้ว ส่วนการ์ดจอ NVIDIA GeForce ที่เป็นรุ่นใหม่ สมกับการ์ดจอ Gaming ที่ทาง NVIDIA วางไว้จริงๆ คือให้ความแรงที่พอตัว แต่ความร้อนต่ำมากๆ น่าประทับใจ ซึ่งจากได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ให้ตัวเครื่องโดยรวมให้ประสิทธิภาพที่น่าทับใจ
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ เน้นให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าล่ะก็ Acer Nitro 7 น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว จากดีไซน์ออกแบบ วัสดุที่เป็นโลหะให้ความพรีเมียม ที่สำคัฯได้ได้หน้าจอเทพๆ ทั้ง 144Hz และค่าขอบเขตสีที่ดีมากๆ รวมไปถึงการทดสอบใช้งานจริงต้องบอกว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ในส่วนนี้ก็ถือว่าทำได้ดีกว่า Gaming Notebook พอตัว พร้อมการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้าด้วยการเลือกใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) ที่ทันสมัยที่สุด แต่ถ้าให้คนที่ตั้งใจจะซื้อ Acer Nitro 7 อยู่ แนะนำให้เพิ่มแรมอีก 8GB เป็นขนาด 16GB ไปเลย ก็จะลื่นไหลในการเล่นเกมกว่านี้อีกแน่นอน
ข้อดี
- การออกแบบเล็กกระชับ น้ำหนักเบา งานประกอบแน่นหนา วัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
- การแกะอัพเกรดทำได้ง่ายกว่าเดิม รองรับ SSD M.2 สองสล็อต
- แรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 เพียงพอต่อการใช้งาน อัพได้สูงสุด 32 GB
- สเปคคุ้มราคาได้ทั้ง Core i5-9300H + GeForce GTX 1650 ที่แรงลื่นพอตัว
- มีโปรแกรม Nitrosense ปรับรอบพัดลมติดตั้งมาให้ในเครื่องเลย
- หน้าจอ 15.6 นิ้ว IPS ที่ 144Hz คุณภาพดีเยี่ยม Full HD ขอบหน้าจอบางเฉียบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, HDMI
- ได้มาตรฐานเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6)
- LAN รองรับ Killer Ethernet E2500 ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีแดงตามสไตล์ Gaming Notebook
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5 ชั่วโมง
- ตัวเครื่องสามารถจัดการความร้อนได้ดีด้วยเทคโนโลยี Acer CoolBoost
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว
- หนักกว่า Acer Nitro 5 ที่ 200 กรัม
- เป็นได้ควรอัพเกรดเป็นแรมขนาด 16GB
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Nitro 7 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Nitro โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Nitro 7 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง แม้หน้าจอ 15.6″ ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แม้จะมีน้ำหนักที่ 2.5 กิโลกรัม แต่ก็รับได้อยู่ เพราะเข้าใจว่าวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นโลหะอลูเมียมเกรดสูง สัมผัสดีเยี่ยม
Best Value
Acer Nitro 7 มีตัวเลือกสเปกใหม่ล่าสุดชิปประมวลผล i5-9300H และการ์ดจอ GTX 1650 ได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ราคาเพียง 25,990 บาท ได้จอ IPS 144Hz ด้วย ทำให้มีความน่าสนใจไม่แพ้ Acer Nitro 5 ที่เป็นรุ่นน้องเลย จากสเปกที่ดี ราคาคุ้มค่า ซึ่งก่อนหน้านี้มีอยู่ 3 สเปกด้วยกัน เป็น Core i7-9750H + GTX 1660 Ti กับช่วงราคา 37,990 – 39,990 บาท เรียกได้ว่าด้วยสเปกใหม่ราคาสองหมื่นบาทกลางๆ ให้คุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีวัสดุพรีเมียมแบบนี้
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5 Gen 9 ตระกูล H ตัวล่าสุด และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก) รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูงเป็นพิเศษ ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เข้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
*** บทความรีวิวนี้เป็นการ Edit ข้อมูลรูปภาพเพิ่มเติมจาก Acer Nitro 7 รุ่นก่อนหน้า ***
Specification
ก่อนหน้านี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สำคัญได้การ์ดจอรุ่นใหม่มาเสริมทัพอัพเดทอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ของ GTX เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก มีจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นย่อย แต่ในตอนนี้ได้มีสเปกใหม่ที่แรงไม่แพ้กัน ด้วยชิปประมวลผล Core i5-9300H + GeForce GTX 1650 เป็นจัดว่าเป็น Acer Nitro 7 ราคาถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้ เพียง 25,990 บาทเท่านั้น
ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัว
นอกจากนี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง แบบ 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
Hardware / Design
เรื่องของการดีไซน์ออกแบบ หลักๆ Acer Nitro 7 ยังมีทรงคล้ายๆ กับ Acer Nitro 5 แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับลงอีก ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น อย่าง Acer Nitro 7 AN715-51-53UV รุ่นใหม่ หน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS สนับสนุน Refresh Rate 144Hz แน่นอนว่าจากการที่เป็นดีไซน์ขอบหน้าจอบาง ก็ทำให้มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เป็นขอบหนาๆ นั่นเอง
สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำแซมด้วยสีแดงเอาไว้อยู่ อย่างโดดเด่นและสวยงาม โดยฝาหลังของ Acer Nitro 7 จะเป็นขีดลายขวาง 3 เส้นเว้นระยะกัน รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ Acer Nitro 7 จะเป็นสีดำสีเดียวกับตัวเครื่องพร้อมมีคำว่า Nitro อยู่ เทียบกับฝาหลังของ Acer Nitro 5 จะเป็นลวดลายผิวไม่เรียบบริเวณด้านข้างซ้ายและขวา ส่วนขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ Acer Nitro 5 จะเป็นสีแดง นั่นทำให้ Acer Nitro 5 และ Acer Nitro 7 มีความแตกต่างที่ชัดเจนกันอยู่ นอกเหนือจากเรื่องของขนาดมิติตัวเครื่องไม่แน่นอนว่าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบที่ 7.48 มิลลิเมตร พื้นที่แสดงผลเป็น 78% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ ฝาหลังที่เป็นอะลูมิเนียมดูสวยงามดุดัน โดยมีความบางที่ 19.9 มิลลิเมตรเท่านั้น นับว่ามีความบางเบากว่ารุ่นก่อนมาก รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น กับน้ำหนักเบาเพียง 2.5 กิโลกรัม โดยติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio และ Killer Ethernet E2500 RJ-45 อีกเช่นกัน ให้ประสบการณ์การใช้งานเล่นเกมที่เยี่ยมของเกมเมอร์ทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Acer CoolBoost และช่องระบายความร้อนคู่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระบายความร้อนด้วยพัดลมคู่ เมื่อมีการใช้งานที่หนักหน่วง CoolBoost จะเพิ่มความเร็วพัดลมมากขึ้น 10% และการระบายความร้อน CPU/GPU มากขึ้น 9% เมื่อเทียบกับโหมดอัตโนมัติ (ตามที่ Acer เคลมไว้) พร้อมจัดการระบบของเราแบบเรียลไทม์ด้วยซอฟต์แวร์ NitroSense ซึ่งครอบคลุมถึงอุณหภูมิ ความเร็วพัดลมและอีกมากมาย
ด้านในตัวเครื่องงานดีไซน์ก็เหมือนกับ Acer Nitro 5 แต่วัสดุทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมที่ดูพรีเมียมสัมผัสดีกว่า โดยมีพื้นผิวคล้ายกับด้านนอก ที่มีการติดตั้งปุ่ม Power ไว้มุมขวาบนสุดของชุดคีย์บอร์ด รวมไปถึงยังมีการติดตั้งปุ่ม NitroSense ไว้เหนือแป้นตัวเลขด้วย กดใช้งานได้สะดวกดี นอกจากนั้นก็เป็นสติกเกอร์ต่างๆ ติดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็น
ส่วนการอัพเกรดแรมและ SSD ในอนาคตนั้น แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถอดฝาล่างของตัวเครื่องออกมา โดยวัสดุของฝาหลังนี้ก็เป็นอลูมิเนียมเกรดดี พื้นผิวเป็นแบบเรียบๆ แต่ติดมือ ทำให้หยิบจำแล้วไม่ลื่นไหล พร้อมยางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุดด้วยกัน ซึ่งมีความมั่นคงดี ซึ่งเมื่อมองไปที่ช่องด้านล่างก็จะพบกับช่องดูดลมเย็นพร้อมกับพัดลม 2 ตัว ที่กรณีที่เราเปิดเครื่องก็จะเห็นไฟสีแดงจากคีย์บอร์ดติดอยู่ด้วย ดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ ที่เดี๋ยวเราจะพาไปแกะชมข้างในกันอีกที
สรุปแล้วสำหรับหน้าตาการออกแบบ Acer Nitro 7 และดีไซน์เครื่องโดยรวม เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีกว่า Acer Nitro 5 ให้ความรู้สึกที่พรีเมียมกว่าทันทีจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมตอลอดทั้งตัวเครื่อง แม้จะมีรูปทรงที่ใกล้กันแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า ทั้งมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดทำให้พกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้เล็กมากจนเกินไปเหมือน Gaming Notebook บางรุ่นที่เน้นความบางเบา (จนบางครั้งก็บางเกิน ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก)
กับน้ำหนักตัวเครื่อง 2.5 กิโลกรัม (หนักกว่า Acer Nitro 5 ที่ 200 กรัม เข้าใจว่าวัสดุเป็นโลหะทั้งตัวไม่ใช่พลาสติก) รวมกับอแดปเตอร์แล้วก็ถือว่าพกพาไปไหนมาได้อยู่ที่ประมาณ 2.8 กิโลกรัม คาดว่าน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน กับการมาของ Acer Nitro 7 ที่เป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ช่วงปลาย ปี 2019 ไม่มากก็น้อย ที่สำคัญคือราคามันมีความใกล้เคียงกับ Acer Nitro 5 ยิ่งขึ้นทั้งสเปกและความคุ้มค่าไม่แพ้กันเลย
Keyboard / Touchpad
Acer Nitro 7 มีตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6”ขอบหน้าจอบางก็จริง แต่ก็ยังสามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ที่มาพร้อมปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) โดยตัวปุ่มจะเป็นสีดำ มีฟอนต์เป็นสีแดง รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD และปุ่มทิศทาง รวมถึงปุ่ม NitroSense จะมีขอบเป็นสีแดงเด่นออกมา
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ Backlit สีแดง (ปรับแสงได้ 5 ระดับ) ที่ให้ความสว่างพอสมควรดูเป็น Gaming Notebook สวยงาม เอามาเล่นตอนกลางคืนสบายๆ อีกทั้งเรื่องการกดการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มมีความนุ่มติดมือ รู้สึกได้เลยว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คธรรมดาทั่วไปแน่นอน
ในส่วนทัชแพดนั้นจะมีขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ออกแบบปุ่มมาเป็นแบบชิ้นเดียวซ่อนปุ่มตามสมัยนิยมทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา มีขอบเป็นสีแดง ให้ความลื่นไหลในการใช้งานเป็นอย่างดี ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาแต่อย่างใด
Screen / Speaker
Acer Nitro 7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบ Screen-to-Body เป็น 78% ด้วยขอบจอบางเพียง 7.48 มิลลิเมตร บนความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงามสมจริง โดดเด่นด้วย Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลทั้งใช้งานทั่วไปและเกล่นเกมได้ดีกว่า 60Hz แน่นอน โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกมดูหนังแบบสบายๆ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Nitro 7 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS เกรดดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 96% และ Adobe RGB ที่ 72% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอ เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อนข้างสว่างกว่าหน้าจอ Gaming Notebook รุ่นอื่น ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้โอเคเลยทีเดียว
วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงช่องแถวกลางด้านซ้ายมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวล่างตรงกลางที่ลดลงไประดับ 12% สรุปสุดท้ายด้วยคะแนนรวมทั้งหมดโดยตัวเครื่อง Acer Nitro 7 ก็ได้คะแนนไป 4.5 คะแนน ซึ่งเมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ให้หน้าจอที่คุณภาพสูงน่าประทับใจ
ส่วนทางด้านลำโพงของ Acer Nitro 7 นั้นจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาก ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Waves MaxxAudio ที่ผสานกับ Acer TrueHarmony เพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบส เสียงสนทนา และระดับเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ
Connector / Thin And Weight
Acer Nitro 7 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, RJ45 (Killer E2500) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน พูดตรงๆ ก็คือ เหมือนกันกับ Acer Nitro 5 เลยล่ะ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีส่วนของช่อง SD(XC/HC) Card reader ถ้าใครต้องการใช้งานก็ต้องซื้ออุปกรณ์มาเพิ่มเติม
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo ซึ่งดีที่สุดในตอนนี้ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดด้วยพอร์ตที่ครบครันและทางด้านการพกพา Acer Nitro 7 ทำได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่มีดีไซน์ขอบจอบาง ด้วยมิติตัวเครื่องกระชับเทียบเท่าหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.5 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์สายชาร์จเข้าไปด้วยแล้วก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.8 กิโลกรัม นับได้ว่าพกพาสะดวกอยู่เวลาใช้งานนอกสถานที่
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Acer Nitro 7 นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในส่วนของแรมและฮาร์ดดิสก์เพียงแค่ไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จะมีน็อตแค่ตัวเดียวที่มีสติกเกอร์แปะอยู่ เราสามารถเจาะทะลุไปได้เลย จากนั้นใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง แล้วค่อยๆ แงะฝาขึ้นมาอีกที งานประกอบการจัดวางตำแหน่งคล้ายกับ Acer Nitro 5 มีฮีท์ไปป์สองเส้นพาดผ่าน CPU และ GPU โดยมีพัดลมสองตัวติดกัน ช่องระบายความร้อนแถวยาวช่องเดียวด้านหลัง พร้อมด้านข้างทางขวาอีก 1 ช่อง
ซึ่งแรมกับฮาร์ดดิสก์จะแยกส่วนกันอย่างชัดเจน ที่เห็นได้ถึงแรมสามารถติดตั้งได้ 2 แถว โดยติดตั้ง 8GB มาแล้ว 1 แถว สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีกแถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 32GB ส่วน SSD M.2 NVMe รองรับการติดตั้ง 2 สล็อตด้วยกัน โดยใส่มาแล้ว 1 ตัวที่ 512GB พร้อมมีน็อตมาให้ด้วย รองรับการใส่เป็น 2 ตัวพร้อมๆ กัน แล้วตั้งแค่ Raid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นช่องใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ ที่สามารถอัพเกรดได้ภายหลัง อย่างไรก็ตามการแกะฝาล่างนั้นไม่ทำให้หลุดประกันแต่บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากแกะเองแล้วเกิดความเสียหาย
Performance / Software
โดย Acer Nitro 7 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i5-9300 โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.4 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.1 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รุ่นใหม่มีแรมขนาด 4GB แบบ GDDR5 ที่ต้องบอกว่าทาง NVIDIA ตั้งใจเอามาแทนที่ของเดิมอย่าง GTX 1050 Ti โดยมีความแรงมากกว่า แต่ร้อนน้อยกว่า เทียบรุ่นที่แรงกว่านี้ก็จะเป็น GTX 1660 Ti แล้ว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าอย่าง Core i5-8300H ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงในระดับนึง เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับ GTX ที่เน้นการทำงานหรือเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับว่าเน้นประสิทธิภาพ i5-9300H ยังตอบโจทย์มากกว่า Core i Gen 10 ที่เพิ่งออกมาใหม่
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2967MB/s และเขียนที่ 1570MB/s จัดได้ว่าเป็นความเร็วที่ยอดเยี่ยมเกินราคาจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,494 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือถ้าเทียบกับสเปกที่เป็น Core i7-9750H + GTX 1660 Ti ก็ถือว่าห่างกันไม่มาก
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจประมาณนึง โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 30 – 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ที่สามารถรีดพลังการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 และ SSD NVMe 512GB ก็ถือว่าไม่คอขวดเลย แต่ถ้าให้แนะนำเพิ่มแรมเป็น 16GB ก็จะลื่นไหลกว่านี้อีก
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / BF V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ สำคัญคือเกมอย่าง BF V จำเป็นต้องติดตั้งใน SSD ด้วย ไม่อย่างงั้นก็จะกระตุกได้ เพราะฮาร์ดดิสก์ปกติโหลดเกมโหลดฉากไม่ทัน ทั้งนี้เราเลือกเป็น DX12 ด้วยเพื่อให้ภาพลื่นไหลสวยงามที่สุด
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 40 – 60 – 90 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง รวมไปถึงอาจจะมีอาการโหลดฉากช้าบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นพอได้อยู่
และด้วยพาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
Acer Nitro 7 มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ NitroSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่า CoolBoots เร่งรอบพัดลมให้สุดที่ 6000 รอบทั้ง 2 ตัว ที่ใช้ระบายความร้อน CPU/GPU เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงการปรับโหมดการใช้งาน เช่นประหยัดพลังงานใช้แบตเตอรี่ก็ต้องเป็น Power Saver และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน NitroSense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Nitro 7 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Nitro 7 ครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 3750mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube พร้อมเปิดโปรแกรม BatteryMon ปรับเป็น Power Saver แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวใกล้เคียง 5 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานปกติกับการที่เป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นพี่ของ Acer Nitro 5
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น Acer Nitro 7 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมดพัดลมระดับสูงสุดด้วยารปรับเป็น CoolBoots เพื่อให้พัดลมทำงาน 100%
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ไม่เกิน 85 – 87 องศาเซลเซียส นับว่าไม่ได้ร้อนจนเกินไปนัก ส่วนการ์ดจอ GPU ถือว่าเย็นทีเดียวโดยร้อนสุดเพียง 66 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมากับขนาดตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดพกพาง่ายกว่าเดิม สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึง จากการที่เราสามารถเพิ่มรอบสูงสุดได้ด้วยโหมด CoolBoots นั่นเอง แต่ถ้าใช้งานเบาๆ คือเงียบสนิทเพราะพัดลมไม่หมุนเลย
Conclusion / Award
สมการรอคอยสำหรับการมาของ Gaming Notebook อย่าง Acer Nitro 7 กันไหม ด้วยการเปลี่ยนแปลงของดีไซน์ใหม่ ได้ขอบจอบางลงกว่ารุ่นก่อน หน้าจอเทพมากๆ sRGB ใกล้เคียง 100% จริงๆ มิติตัวเครื่องเล็กลงกว่ารุ่นก่อนๆ การประกอบก็แน่นอนไว้ใจได้ ถอดอัพเกรดก็ง่ายขึ้น เชื่อได้ว่าเพื่อนๆ น่าจะถูกใจกันไม่น้อย (รองรับการใส่ SSD M.2 NVMe แบบ 2 สล็อต) อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วก็เป็นการต่อยอดจาก Acer Nitro 5 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบใหม่ทั้งหมดเสียทีเดียว แต่วัสดุพรีเมียมให้ความต่างแบบรู้สึกได้ ล่าสุดกับรุ่นราคา 25,990 บาท ทำให้จับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น เหมือนกับ Acer Nitro 5 ทีเดียว
ส่วนสเปกก็ได้รับการอัพเดทให้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ตัวแรง สำหรับการ์ดจอก็เป็นตัวใหม่ NVIDIA GeForce GTX 1650 โดยมีราคาที่จับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือได้ประกันเทพๆ แบบ On-site Service 3 ปี พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง โดยมี SSD M.2 ความเร็วสูงมาให้อยู่แล้วเป็นมาตรฐาน ทำให้ไม่มีอาการค้าง ช้า หน่วงอยู่ดี ทั้งใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม อย่างที่เกิดขึ้น Gaming Notebook ยุคก่อนๆ ที่มีเพียงฮาร์ดดิสก์ธรรมดาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการอัพเกรด HDD ก็สามารถทำได้ภายหลังด้วยตนเองได้เลย
ผลทดสอบของหน้าจอก็จะเห็นว่ามีค่าขอบเขตสีที่ดีกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกัน สำหรับคนที่เอาไปทำงานด้านสีที่จริงจังสบายใจได้ ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็ครบครันกว่าเดิมด้วย USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง แต่ก็ยังมี USB 2.0 Type-A อีกช่องอยู่ไว้เชื่อมต่อเมาส์เป็นหลัก พร้อมกับ LAN เป็น Killer Ethernet E2500 ทำให้เมื่อต่อสาย RJ45 ก็จะช่วยการเล่นเกมที่ลื่นไหลได้ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็เป็นมาตรฐานที่ดีมีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไปที่ไม่มีตรงนี้
สำหรับการระบายความร้อนก็นับว่าทำได้ดีตามมาตรฐานอยู่แล้ว คือ ไม่ได้ร้อนเกินไปจนกระทบการทำงานของเครื่อง จากการที่ทาง Acer ออกแบบมาได้ดีขึ้น รวมถึงชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ก็ให้ความแรงที่เพียงพอ แต่ไม่ปลดปล่อยความร้อนขนาด i7-9750H ฉะนั้นถ้าดูจากผลทดสอบอุณหภูมิก็นับว่าทำได้ดีตามเกณฑ์มากๆ แล้ว ส่วนการ์ดจอ NVIDIA GeForce ที่เป็นรุ่นใหม่ สมกับการ์ดจอ Gaming ที่ทาง NVIDIA วางไว้จริงๆ คือให้ความแรงที่พอตัว แต่ความร้อนต่ำมากๆ น่าประทับใจ ซึ่งจากได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ให้ตัวเครื่องโดยรวมให้ประสิทธิภาพที่น่าทับใจ
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ เน้นให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าล่ะก็ Acer Nitro 7 น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว จากดีไซน์ออกแบบ วัสดุที่เป็นโลหะให้ความพรีเมียม ที่สำคัฯได้ได้หน้าจอเทพๆ ทั้ง 144Hz และค่าขอบเขตสีที่ดีมากๆ รวมไปถึงการทดสอบใช้งานจริงต้องบอกว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ในส่วนนี้ก็ถือว่าทำได้ดีกว่า Gaming Notebook พอตัว พร้อมการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้าด้วยการเลือกใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) ที่ทันสมัยที่สุด แต่ถ้าให้คนที่ตั้งใจจะซื้อ Acer Nitro 7 อยู่ แนะนำให้เพิ่มแรมอีก 8GB เป็นขนาด 16GB ไปเลย ก็จะลื่นไหลในการเล่นเกมกว่านี้อีกแน่นอน
ข้อดี
- การออกแบบเล็กกระชับ น้ำหนักเบา งานประกอบแน่นหนา วัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
- การแกะอัพเกรดทำได้ง่ายกว่าเดิม รองรับ SSD M.2 สองสล็อต
- แรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 เพียงพอต่อการใช้งาน อัพได้สูงสุด 32 GB
- สเปคคุ้มราคาได้ทั้ง Core i5-9300H + GeForce GTX 1650 ที่แรงลื่นพอตัว
- มีโปรแกรม Nitrosense ปรับรอบพัดลมติดตั้งมาให้ในเครื่องเลย
- หน้าจอ 15.6 นิ้ว IPS ที่ 144Hz คุณภาพดีเยี่ยม Full HD ขอบหน้าจอบางเฉียบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, HDMI
- ได้มาตรฐานเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6)
- LAN รองรับ Killer Ethernet E2500 ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีแดงตามสไตล์ Gaming Notebook
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5 ชั่วโมง
- ตัวเครื่องสามารถจัดการความร้อนได้ดีด้วยเทคโนโลยี Acer CoolBoost
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว
- หนักกว่า Acer Nitro 5 ที่ 200 กรัม
- เป็นได้ควรอัพเกรดเป็นแรมขนาด 16GB
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Nitro 7 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Nitro โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Nitro 7 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง แม้หน้าจอ 15.6″ ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แม้จะมีน้ำหนักที่ 2.5 กิโลกรัม แต่ก็รับได้อยู่ เพราะเข้าใจว่าวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นโลหะอลูเมียมเกรดสูง สัมผัสดีเยี่ยม
Best Value
Acer Nitro 7 มีตัวเลือกสเปกใหม่ล่าสุดชิปประมวลผล i5-9300H และการ์ดจอ GTX 1650 ได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ราคาเพียง 25,990 บาท ได้จอ IPS 144Hz ด้วย ทำให้มีความน่าสนใจไม่แพ้ Acer Nitro 5 ที่เป็นรุ่นน้องเลย จากสเปกที่ดี ราคาคุ้มค่า ซึ่งก่อนหน้านี้มีอยู่ 3 สเปกด้วยกัน เป็น Core i7-9750H + GTX 1660 Ti กับช่วงราคา 37,990 – 39,990 บาท เรียกได้ว่าด้วยสเปกใหม่ราคาสองหมื่นบาทกลางๆ ให้คุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีวัสดุพรีเมียมแบบนี้
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5 Gen 9 ตระกูล H ตัวล่าสุด และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก) รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูงเป็นพิเศษ ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เข้ากันเป็นอย่างดี ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
*** บทความรีวิวนี้เป็นการ Edit ข้อมูลรูปภาพเพิ่มเติมจาก Acer Nitro 7 รุ่นก่อนหน้า ***