โน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่เหนือกว่า Core i Gen 8 รุ่นเดิมๆ โดยในตลาดตอนนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่น มีราคาตั้งแต่หมื่นกว่าบาทจนไปถึงหลาหมื่นบาท ที่ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 3 สิ่งสุดเจ๋ง !!! ที่ทำให้ Acer Swift 3 ปลายปี 2019 สเปกใหม่ เป็นโน๊ตบุ๊ค Core i Gen 10 ที่ราคาถูกคุ้ม น่าซื้อที่สุด เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในราคาเริ่มต้นเพียง 20,990 บาท ได้ประกัน 2 ปี หรือ 3 ปียาวๆ โดยปีแรกจะเป็นแบบ On-site Service ด้วย พร้อมได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ด้วย
สำหรับ Acer Swift 3 ตลอดหลายรุ่นหลายปีที่ผ่านมา เป็นโน๊ตบุ๊คที่จัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา งานประกอบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งอย่างที่รู้กัน Acer ได้พัฒนาในส่วนของโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพามาโดยตลอด ที่สำคัญยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเสนอโน๊ตบุ๊ครูปแบบใหม่อย่าง Ultrabook มาสู่ท้องตลาดอีกด้วย ตอนนี้ Acer ก็พร้อมแล้วที่จะนำเสนอ Acer Swift 3 SF314-57G โน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่ที่คุ้มค่าที่น่าจับตามองที่สุด ด้วยราคาคุ้มค่า แต่ได้สเปกครบครันครบเครื่อง พร้อมมีพอร์ตเทพ Thunderbolt 3 อย่างที่แบรนด์อื่นๆ เค้าไม่ให้กันมา
Acer Swift 3 ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร ทั้ง Core i5-1035G1 / Core i7-1065G7 ที่แรงกว่าเดิมพร้อมทำงานด้วย AI (ทำงานซ้ำๆ หรือโปรแกรมรองรับ) พร้อมจัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.19 กก. และบางเพียง 15.95มม. เท่านั้น ได้ดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมกว่าเดิม เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คคุ้มค่า หรูหรา บางเบา จบครบในเครื่องเดียว ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สิ่งต่อไปนี้
วัสดุเกินราคา หรูหราเกินราคา เบา 1.19 โล บาง 15.9 ม.ม.
Acer Swift 3 SF314-57G เครื่องนี้ใช้วัสดุประกอบหลักเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพดีให้สัมผัวใกล้เคียงกับรุ่นปีอย่าง Acer Swift 5 โดยสีสันเป็น Steel Gray ออกแนวเทาๆ เงินๆ หรือสีชมพู Millennial Pink ที่เหมาะกับทั้งหนุ่มๆ ลุคเท่แบบคลูๆ หรือสาวๆ ที่ดูน่ารักสดใส ซึ่งทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คบางเบาของทาง Acer ได้เป็นอย่างดีที่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นเดิม
ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.19 กิโลกรัมเท่านั้น (รุ่นก่อน 1.35 กิโลกรัม) ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แต่ตัวเครื่องเทียบเท่ากับหน้าจอ 13.3″ อย่างรุ่นก่อนๆ ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นแบบรู้สึกได้ จนรุ่นเก่าต้องอิจฉาเลยทีเดียว
ฝาหลังเป็นวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์เช่นกัน ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ Acer ตามมาตรฐานกลางฝาหลัง ให้สีสันเป็นทองมันวาว สำหรับขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมที่ดูหรูหรา ตัดกับคีย์บอร์ดสีดำยิ่งให้ความสวยงามและโดดเด่น โดยตัวบานพันเป็นแบบแถวยาวแถวเดียวโดยมีคำว่า Swift อยู่ เรียกได้ว่าดีไซน์ไปในทิศทางเดียวกันทั้งซีรีย์
ให้มากกว่าทั้งพอร์ต Thunderbolt 3 + Wi-Fi AX / Office Home & Student
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Acer Swift 3 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครันสุดในรุ่น แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบา แต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A / USB 3.1 Type-A และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐานและ Card Reader ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดี
ที่สำคัญยังให้พอร์ตอย่าง Thunderbolt 3 ที่เป็น USB 3.1 / DisplayPort / PD รองรับการชาร์จไฟในตัวอีกด้วย อย่างที่โน๊ตบุ๊ครุ่นราคาประมาณ 20,000 บาท สเปก Core i Gen 10 ไม่ค่อยจะให้มาด้วย รวมไปถึงจัดเต็มกว่าเพราะมาพร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด โดยรวมแล้วต้องบอกว่าเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มราคาเดียวกันทีเดียว
ที่นอกเหนือจากมีระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ให้พร้อมใช้งานแล้ว ยังได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ทันที ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย เหมาะมากๆ สำหรับ นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่จำเป็นต้องใช้งานโปรแกรมเอกสารอย่าง Word / Excel / Power Point อยู่แล้ว ทำให้เราไม่ต้องไปหาซื้อโปรแกรมเอกสารอีกทีให้เสียเงินและวุ่นวายกันอีกรอบเลย คุ้มค่าๆ จริง
สเปกใหม่ที่สุด Core i Gen 10 + MX250 ราคาคุ้ม ประสิทธิภาพดี
Acer Swift 3 SF314-57G มีอยู่ 2 รุ่นหลักๆ ด้วยกันคือ Core i5-1035G1 ราคา 20,990 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 23,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น แบ่งเป็น 2 รุ่น ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-1035G1 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.0 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.6 GHz ส่วนการ์ดจอออนชิปก็เป็นรุ่นใหม่ Intel UHD Graphics G1 เช่นกัน
และอีกรุ่นจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-1065G7 มีความเร็วที่ 1.3 – 3.9 GHz ส่วนการ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ G7 ที่แรงกว่า โดยทั้ง 2 รุ่นทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ดเหมือนกัน ส่วนสเปกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 รุ่นใหม่จาก NVIDIA ได้แรม 8GB และ SSD PCIe ความจุ 512GB หน้าจอขนาด 14″ แบบด้านเป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อม Windows 10 แท้ อันนี้เหมือนกัน ส่วนประกันเป็น 2 ปี สำหรับรุ่น Core i5 หรือ 3 ปี (ปีแรก On-site) สำหรับสเปก Core i7 พร้อมส่งศูนย์ซ่อมด้วยใน 3 ชั่วโมงด้วย
สามารถชมหน้าสเปกเต็มๆ ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลย
- Core i5-1035G1 / MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB ประกัน 2 ปี : ราคา 20,990 บาท
- Core i7-1065G7 / MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB ประกัน 3 ปี : ราคา 23,990 บาท
ทดสอบเกมสำหรับ Acer Swift 3 ปี 2019 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 42 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 15 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และในส่วนของเกม Overwatch ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 47 ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 26 ถือว่าลื่นไหล แต่อย่างไรก็ตามจากการที่ตัวเครื่องเน้นบางเบา ส่งผลให้อุณหภูมิสูงต่อเนื่องเวลาใช้งานหนักๆ ตัวชิปประมวลผลก็จะลดความเร็วลงมาเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
นอกเหนือจาก 3 สิ่งนี้ ในส่วนของ Acer Swift 3 ยังมีความน่าสนใจอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมงในการทดสอบจริงๆ พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ที่ให้ความปลอดภัยที่สูงกว่า รวมไปถึงความร้อนก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานจริงจัง พนักงานออฟฟิศ หรือนักเรียนนักศึกษา ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว รวมไปถึงเล่นเกมได้ลื่นไหล ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัวเหมือนอย่างที่ Ultrabook ราคาแพงหลายหมื่นบาทสมัยก่อนทำได้เลยล่ะ