Gaming Notebook ในช่วงปลายปี 2019 มีให้เลือกซื้อกันหลากหลายรุ่นหลากหลายสเปกมากๆ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ไม่ถึง 20,000 บาท จนไปถึงหลายหมื่นบาท ตามแต่และความแรงรวมไปถึงฟีเจอร์ Gaming ต่างๆ ซึ่งแต่แบรนด์ก็นำเสนอให้เราได้เลือกสรรค์กันมากมาย ซึ่งจากการที่ทดสอบ Gaming Notebook มาหลายรุ่น ทำให้ทราบถึงว่าสเปกแบบไหนที่เราน่าซื้อหามาเล่นเกมกันอย่างคุ้มค่า โดยให้ประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีที่สุด ในบทความนี้เราก็จะมาคัดสรรแนะนำพร้อมจัดอันดับรุ่นที่น่าซื้อ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแบบง่ายๆ
โดยมีเงื่อนไขสเปกก็คือ ต้องเป็นการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ที่ให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ดีในราคาที่ไม่สูงเกินไป มีความแรงใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง RTX 2060 ก็ว่าได้ ซึ่งเฟรมเรทที่ดีกว่า GTX 1650 ที่เป็นรุ่นรอง เหมาะสมกับการเล่นเกมออนไลน์ออฟไลน์ทั้งหมด ที่สำคัญควรต้องใช้แรมขนาด 16GB ถึงจะเพียงพอต่อการใช้งานที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหลว่า 8GB อย่างแน่นอน ซึ่งก็ขอแนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ทันที (ถ้าเพิ่มงบอีกหน่อยได้)
และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ที่เก็บข้อมูลต้องเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ถึงจะเรียกได้ว่าแรงลื่นทั้งระบบ ไม่มีอาการคอขวดให้รำคาญใจกันไป ปิดท้ายด้วยชิปประมวลผลกหรือ CPU ก็มีให้เลือกทั้ง Intel Core i Gen 9 รหัส H และ AMD Ryzen 3000 Series รหัส H ขึ้นอยู่กับงบประมาณกันอีกที แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ใช้งานได้ทันที ตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรก ซึ่งบทความนี้เราจะพาไปจัดอันดับ Gaming Notebook การ์ดจอ GTX 1660Ti + RAM 8GB + SSD 512GB แรงลื่นของครบ ถูกสุด 29,900 บาท ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันต่อเลย
ASUS TUF Gaming FX505DU-AL052T ราคา 29,900 บาท
ASUS TUF Gaming FX505DU ก็มีความน่าสนใจเช่นเดิม อย่างในเรื่องของขอบหน้าจอบาง นั่นก็ทำให้ตัวเครื่องมิติโดยรวมมีความเล็กกระทัดรัดลง แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่ก็มีความใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนๆ มาก ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้
สเปกของ ASUS TUF Gaming FX505DU ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างที่ไม่มีใน Intel ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 10 ส่วนการ์ดจอก็อย่างที่รู้กันดีคือ GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) ที่นับว่าเป็นรุ่นที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้ ส่วนแรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 2666MHz และให้ SSD NVME PCIe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง)
ได้หน้าจอที่ 120Hz แบบ NanoEdge ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขนาด 15.6″ ได้ค่าขอบเขตสีมาตรฐาน sRGB 61% และ AdobeRGB 45% สามารถติดตั้งแรมได้สูงสุด 32GB DDR4 Bus 2400MHz รวมไปถึงที่เก็บข้อมูลก็รองรับทั้ง SSD M.2 และฮาร์ดดิสก์ปกติ SATA 3 ด้วย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC และ Bluetooth 5.0 พร้อมกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาให้พอตัวทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0, Kensington lock slot, LAN RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบ Combo ซึ่งพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่อง พร้อมระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม
HP Pavilion Gaming 15-ec0015ax ราคา 30,900 บาท
ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen มีความคล้ายคลึงกับสเปกที่เป็น Intel Core i แต่ก็แตกต่างด้วยกันหลายๆ ส่วน ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นก่อนๆ โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.3 กิโลกรัม พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก ด้านในตัวเครื่องมาพร้อมสีสันที่โดดเด่นดำม่วง (หรือเขียว) เช่นเดียวกัน วัสดุจะเป็นพลาสติกเกรดดีให้ความรู้สึกที่แข็งแรง ตัดด้วยไฟสีม่วง (หรือเขียว)จากแป้นคีย์บอร์ดแบบใหม่ ที่ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี
HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD รุ่นที่แนะนำจะเป็น Ryzen 7 3750H จำนวน 2 สี คือ ม่วงและเขียว หลักๆ โดยจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H เพียงรุ่นเดียว ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 2400MHz ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา
ได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD ที่ 144Hz มาตรฐาน sRGB ที่ 96% และ AdobeRGB ที่ 72% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก AMD Ryzen 7 3750H (หรือ i5-9300H) + GTX 1660 Ti ในรุ่นอื่นๆ ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญจัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้การ์ดจอ GTX 1660 Ti
นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Realtek Wi-Fi 5 แบบ MU-MIMO มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดแถมมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย
MSI GF75 Thin 9SD-009TH ราคา 34,900 บาท
หน้าตาการออกแบบ MSI GF75 Thin 9SD มีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ขอบจอบาง ที่เน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ซึ่งด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม และมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่เล็ก บางเบา กระทัดรัด ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลย
แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz มาตรฐาน sRGB ที่ 64% AdobeRGB ที่ 47% พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ
MSI GF75 Thin 9SD ใช้สเปกตัวแรงลื่นเน้นประสิทธิภาพ ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.4 – 4.1 GHz และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) ประสิทธิภาพแรงรองมาจาก RTX Sereis เท่านั้น ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมรองรับการอัพเกรดด้วย HDD 2.5″ อีก 1 ตัว ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A Gen 1 จำนวนสามช่อง, USB 3.1 Type-C Gen 1 หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 34,900 บาท
Acer Nitro 7 AN715-51-79G1 ราคา 39,990 บาท
ดีไซน์ออกแบบ หลักๆ Acer Nitro 7 ยังมีทรงคล้ายๆ กับ Acer Nitro 5 แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับลงอีก ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัด ขอบหน้าจอที่บางเฉียบที่ 7.48 มิลลิเมตร พื้นที่แสดงผลเป็น 78% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ ฝาหลังที่เป็นอะลูมิเนียมดูสวยงามดุดัน โดยมีความบางที่ 19.9 มิลลิเมตรเท่านั้น รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น กับน้ำหนักเบาเพียง 2.5 กิโลกรัม โดยติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio และ Killer Ethernet E2500 RJ-45 อีกเช่นกัน ให้ประสบการณ์การใช้งานเล่นเกมที่เยี่ยมของเกมเมอร์ทีเดียว
สเปก i7-9750H + GTX 1660 Ti ราคา 37,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 Core/12 Thread ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงกว่า i7-8750H พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) รุ่นใหม่ มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB โดยติดตั้งมาแล้ว 2 ช่อง (รองรับ SSD M.2 อีก 1 ช่อง สามารถทำ Raid ได้) พร้อมรองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ ได้ภายหลัง ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8 GB แบบ DDR 4 Bus 2666 สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB
นอกจากนี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS แบบ 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง ได้มาตรฐาน sRGB ที่ 96% และ Adobe RGB ที่ 72% และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi Intel Dual Band MU-Mimo มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุด ณ เวลานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว
Lenovo Legion Y545-81Q60016TA ราคา 42,900 บาท
Lenovo Legion Y545 เป็นรุ่นใหม่สดกว่า Lenovo Legion Y540 ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ยอดนิยมประจำปี 2019 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย กับหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพให้สีสันสวยงาม พร้อม Refresh Rate ที่ 144Hz เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ โดดเด่นด้วยวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมที่ให้ทั้งความสวยงามแข็งแรงทนทานสัมผัสดี เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 2.35 กก. และความบางสุดเพียง 24.7 – 26.6 มม. เท่านั้น สีสันพรีเมียม Iron Grey ที่ดูเท่และดุดันไปพร้อมๆ กัน
วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นอลูมิเนียมเป็นหลักมีการใช้พลาสติกในบางส่วน โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่เรียบเนียนมีความมันวาวเล็กน้อยพร้อมโลโก้ Y ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางฝาหลังที่มีความชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ของ Legion Y Series รวมถึงมีไฟ LED สีขาว โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความแข็งแรงทนทาน บอกได้เลยว่าประทับใจในการออกแบบส่วนนี้มากๆ เพราะดูสวยงามลงตัวและแตกต่างชัดเจนกว่ารุ่นก่อนๆ
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y545 ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti (6GB GDDR6) พร้อมติดตั้ง SSD NVME แบบ M.2 ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2666 MHz ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ ได้หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ขอบหน้าจอบางพิเศษเป็น ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม อีกทั้งมี Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ลื่นไหลแบบสุดๆ กับมาตรฐาน sRGB ที่ 93% / AdobeRGB ที่ 70%
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐาน AC (2×2) แบบ Killer Wireless ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็นประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand พิเศษสุดๆ กับโปรแกรม Microsoft Office อย่าง Word / Excel / Power Point มูลค่า 4,290 บาท ที่สามารถใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งาน