ขึ้นชื่อว่า Razer หลายคนก็น่าจะต้องนึกถึงบรรดาเกมเมอร์เกียร์ ที่มาในโทนสีดำคาดเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ และสิ่งที่สร้างชื่อให้กับเหล่าเกมเมอร์ได้รู้จัก คงหนีไม่พ้น เมาส์ หูฟัง และ คีย์บอร์ด Razer ที่เรียกว่าเป็นอีกค่ายหนึ่ง ที่มีเกมมิ่งเกียร์เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก โดยเฉพาะเกมมิ่งคีย์บอร์ดที่มีผู้คนให้ความสนใจและยังเป็นแฟนบอยกันเหนียวแน่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น BlackWidow, Ornata, Cynosa หรือจะเป็น Huntsman ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา ซึ่งล่าสุดทาง Razer ก็ได้นำคีย์บอร์ดตัวแกร่งในตระกูล Huntsman ที่เป็น Tournament series มาให้ได้สัมผัสกันแล้ว โดยทาง Razer เลือกใช้ Linear Optical Switch ที่ให้การตอบสนองไว และมีความทนทานเป็นพิเศษ มาใช้บนคีย์บอร์ดรุ่นนี้ รวมถึงลูกเล่นและแสงไฟ RGB ที่ปรับแต่งร่วมกับซอฟต์แวร์ Razer Synapse 3 พร้อมฟีเจอร์สำหรับคอเกมอัดแน่น เรียกว่าเต็มอิ่มสำหรับคอเกมกันอย่างแน่นอน ส่วนรูปลักษณ์และความน่าใช้จะเป็นอย่างไรนั้น มาชมกันในรีวิวนี้ครับ
Razer Huntsman Tournament Edition เรียกว่าเป็นคีย์บอร์ดระดับพรีเมียมในสายเกมเมอร์ ที่ต้องการความสะดวกในการพกพา ราคานั้นย่อมเยากว่ารุ่นพี่ในตระกูล Tournament Edition ในรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร เคาะอยู่ที่ราวๆ 3,990 บาทเท่านั้น ความต่างจะอยู่ที่การใช้คีย์สวิทช์แบบ Linear Optical โดยคีย์สวิทช์นี้มีกลไกคล้ายกับ Mechanical switch แต่ต่างออกไปตรงที่ไม่มีหน้าสัมผัสที่เป็นทองแดง ซึ่งหลายคนทราบดีว่า ตรงนี้จะกลายเป็นข้อจำกัดที่เกิดการเสื่อมสภาพได้ตามระยะการใช้งาน อุณหภูมิและรูปแบบการใช้ของแต่ละบุคคล โดย Optical switch นี้ จะใช้เป็นเซ็นเซอร์แสงแทน ทำให้การสั่งงานอยู่ในสถานะเปิดและปิด กลไกที่มีจะทำหน้าที่ในการเปิดหรือปิดลำแสงเหล่านั้น ข้อดีของคีย์สวิทช์แบบนี้ คือลดความหน่วงเวลา ทำให้ตอบสนองได้เร็วและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น เช่นเดียวกับ Huntsman TE รุ่นนี้ ที่เคลมไว้ถึง 100 ล้านคลิ๊ก ต่างจาก Mechanical switch ทั่วไปอยู่หลายสิบล้านเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของอารมณ์หรือฟิลลิ่งในการ Clicky เสียงก็ยังพอมีเสียงให้ได้สนุกกันบ้าง แต่ถ้าจะไปเทียบกับ Blue Switch ก็คงจะห่างกันอยู่ จะเทไปทาง Red เสียมากกว่า โดยคีย์ของ Razer ในลักษณะนี้จะมีอยู่ 2 แบบคือ Clicky Optical Switch และ Red Optical Switch สำหรับคีย์ที่เราได้รับมาทดสอบนี้ เป็นแบบ Optical Switch ซึ่งคีย์นี้จะค่อนข้างไว และระยะการตอบสนองที่สั้นกว่า Mechanical Switch ทั่วไป ให้น้ำหนักการกดแค่ 40g เท่านั้น
Specification
- Razer™ Linear Optical Switch with 40 G actuation force
- 100 million keystroke lifespan
- Razer Doubleshot PBT Keycaps
- Standard Bottom Row Layout
- Compact form factor
- Detachable USB-C Braided Fiber Cable
- Hybrid onboard storage – up to 5 profiles
- Chroma backlighting with 16.8 million customizable color options
- Razer Synapse 3 enabled
- Fully programmable keys with on-the-fly macro recording
- N-key roll-over with built-in anti-ghosting
- Gaming mode option
- 1000 Hz Ultrapolling
- Aluminum matte top plate
การออกแบบและฟังก์ชั่น
มาดูกันที่แพ็คเกจของ Razer Huntsman Tournament Edition รุ่นนี้ มาในสไตล์สีดำ ตัดโทนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของทาง Razer ด้านหน้าใส่ภาพกราฟิก และสีสันจากฟีเจอร์ Chroma พร้อมรูปแบบของ Optical Switch ที่นำมาใช้บนคีย์บอร์ดรุ่นนี้ ส่วนด้านหลังเป็นการขยายฟีเจอร์ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อแกะกล่องออกมา ด้านในมีเพียงตัว คีย์บอร์ด Razer สายสัญญาณ และเอกสารประกอบสินค้า
Razer Huntsman Tournament Edition มาในดีไซน์กระทัดรัด ไม่มี Numpad หรือที่เรียกว่า Tenkeyless มาด้วย ซึ่งบางคนอาจจะไม่ถนัดหรือเกมเมอร์บางรายก็ชอบ เพราะตามจริงแล้ว หลายๆ คนก็ถนัดกับการพิมพ์ตัวเลขจากแป้นพิมพ์ด้านบนซ้ายได้ และยังไม่เปลืองพื้นที่จัดวาง โดยเฉพาะ
คนที่ซีเรียสกับพื้นที่อันน้อยนิดบนโต๊ะ เพื่อให้มีพื้นที่ของการวางเมาส์ได้สะดวกขึ้น และยังมีประโยชน์อีกมากมายเลยทีเดียว แรกๆ ที่ใช้อยู่อาจจะไม่ชินนัก แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้สึกว่าสะดวกไม่น้อย
ด้านใต้ของ คีย์บอร์ด Razer มีตัวปรับให้ 2 ระดับคือ นอนเรียบลงไปเลย กับยกขึ้นมาอีกนิดหน่อย ซึ่งพิื้นฐานของคีย์บอร์ด ทำออกมาให้มีความลาดเอียดอยู่แล้ว ก็ถือว่าการวางมือค่อนข้างถนัด
เลย์เอาท์ของปุ่ม เป็นไปตามมาตรฐาน ระดับความสูงและความลาดเอียงเป็นแบบที่เกมเมอร์คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว คีย์แคปของคีย์บอร์ดนี้ เน้นความทนทาน ด้วยการใช้วัสดุเทอร์โมพลาสติกให้ความแข็งแรงและดูพรีเมียม เท่าที่จับและลองเล่น ความกว้างและแนวการเลื่อนนิ้วไปมาระหว่างที่เล่น ทำได้มั่นใจ ไม่มีสะดุด พร้อมพื้นผิวที่ให้สัมผัสในการกดที่ดี ด้วยการขึ้นรูปแบบ Double shot จึงทำให้ฟอนต์ที่ปรากฏทนและให้แสงลอดออกมาได้ชัดดีทีเดียว
ปุ่มหรือคีย์สวิทช์ที่ Razer™ Linear Optical Switches นำมาใช้เป็นแบบ Red optical คีย์แบบออพติคอลนี้เป็นแบบที่อาจเรียกว่า ประยุกต์มาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการตอบสนองได้ไว และยังให้ฟิลลิ่งในการเล่นที่สนุก และยังมีคีย์ที่เป็นรุ่น Blue ให้เลือกสำหรับคนที่ชอบแนว Clicky มีเสียงแบบเดียวกับคีย์ที่เป็น Blue switch ที่คุ้นเคยกันดีนั่นเอง เป็นลักษณะของเซ็นเซอร์ในการทำงาน ไม่ได้เป็นแบบหน้าสัมผัสทองแดงอีกต่อไป จึงมีความทนทานมากกว่า โดยให้ระยะการกดหรือ Lifespan ราวๆ 100 ล้านครั้ง
ด้านหลังมาพร้อมกับพอร์ตต่อพ่วง USB Type-C ใช้ร่วมกับสายต่อ USB Type-C to Type-A
สายต่อจะเป็นหัว Type-C เมื่อต่อเข้ากับคีย์บอร์ด และเป็น Type-A เมื่อต่อเข้ากับพีซี
เมื่อใช้งาน สำหรับค่าเริ่มต้น คีย์บอร์ดจะมีแสงไฟปรากฏขึ้นทันที เมื่อต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ส่วนถ้าอยากจะเพิ่มเติมหรือปรับแต่งสีสันไฟ RGB ให้เข้าไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Razer Synapse 2 หรือถ้าใครอยากจะลิ้มลองเวอร์ชั่นใหม่ Rev3 ก็ลองดาวน์โหลดที่เป็น Beta มาใช้ได้
Razer Synapse 2
สำหรับการใช้งาน คีย์บอร์ด razer รุ่นนี้ ค่อนข้างจะง่าย อินเทอร์เฟส แม้จะซับซ้อนเล็กน้อย เนื่องจากมีลูกเล่นให้เลือกปรับใช้งานจำนวนมาก ซึ่งหากกลัวจะยุ่งยาก ก็เลือกใช้โพรไฟล์ตามที่ทาง Razer กำหนดมาให้ ใช้ไปเรื่อยๆ จนชำนาญ แล้วจึงลองปรับแต่งเอง รับรองว่าสนุกสนานครับ เพราะมีรายละเอียดให้ปรับแต่งเยอะแยะเลยทีเดียว
แสงสีต้องบอกเลยว่าจัดเต็ม คมชัดในทุกมุมมอง ซึ่งทาง Razer ยังคงออกแบบปุ่มคีย์แคปรุ่นนี้มาเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของสัมผัสและแสงไฟที่ลอดออกมาได้ชัดเจน
Conclusion
ในภาพรวมของเกมมิ่ง คีย์บอร์ด Razer รุ่นนี้ แม้ว่าจะเลือกใช้คีย์สวิทช์ที่เป็น Red Optical switch ซึ่งความต่างกับการใช้งานบน Mechanical switch ที่เป็น Red switch มีน้อยมาก ความสนุกในการกดยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ส่วนในแง่การตอบสนอง ค่อนข้างไว ถึงไวมาก สำหรับคอเกมแนว FPS ได้อิ่มเอมกับแอ็คชั่นมันส์หยดกันอย่างแน่นอน จังหวะการกดไม่ลึก ทำให้การเคลื่อนไหวและการเรียกสกิลหรือจังหวะการคอนโทรลทำได้สะดวกรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ใครที่เคยใช้คีย์สวิทช์อื่นๆ อาจจะต้องปรับตัวกันเล็กน้อย สำหรับการเปลี่ยนมาใช้ Huntsman Tournament Edition รุ่นนี้ ยิ่งถ้าใช้คีย์ Blue switch มาก่อนด้วยแล้ว แทบจะคนละจังหวะกันเลยทีเดียว ในแง่ของแสงสี คงต้องบอกว่าเป็นคีย์บอร์ดอีกรุ่นหนึ่งของค่ายนี้ ที่มีการคีย์แคปได้น่าสัมผัสยิ่งนัก ทั้งแสงสีที่สว่างสดใส ทะลุตัวฟอนต์ออกมาคมชัด รวมถึงลูกเล่นการปรับแต่งก็สะดวก คงไม่ย้อนกลับไปกล่าวถึงเรื่องซอฟต์แวร์ Synapse เพราะได้ให้ข้อมูลกันไว้ในข้างต้นแล้ว ใครที่ชื่นชอบการปรับแต่ง ก็สามารถดูรายลเอียดและการใช้งานกันได้ที่ส่วนนั้นเลย
เรื่องของการตอบสนองหรือลูกเล่นต่างๆ ถือว่าทำได้ดี แต่สิ่งหนึ่งที่คอเกมหลายๆ คน อาจจะยังมีข้อกังขาก็คือ การเป็น Tenkeyless ไม่มี Numpad จะทำให้การเล่นสนุกน้อยลงมั้ย บอกได้เลยว่า อยู่ที่เกมและการปรับแต่งของคุณเอง เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นเกมแอ็คชั่นหรือเรซซิ่ง การควบคุมหลัก ก็จะยังอยู่ที่คีย์ด้านซ้ายที่เป็นตัวอักษร และสามารถใช้ปุ่มลัดได้จากการตั้งค่าด้านบน รวมถึงการใช้คำสั่งพิเศษต่างๆ ก็ถูกรวมอยู่ในคีย์ทางแถบด้านซ้ายเกือบทั้งหมด ผู้เล่นหลายคน แทบจะไม่ได้ใช้ปุ่ม Numpad เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าจะใช้ประเด็นสำคัญแต่อย่างใด ยิ่งเมื่อมองไปถึงการพกพาและเคลื่อนย้ายได้ง่าย ลดการเสียพื้นที่ ให้มีที่วางเมาส์มากขึ้น แบบนี้ดูจะได้ประโยชน์กลับมาไม่น้อยเลยทีเดียว
จุดเด่น
- คีย์ตอบสนองได้ไว ระยะกดไม่ลึกเกิน ตามสไตล์ของคีย์ Red
- เสียงจากการกดมีพอสมควร แม้จะไม่ได้เป็นเสียงคลิ๊กแบบคีย์ Blue ก็ตาม
- สายต่อแบบ USB Type-C ถอดสายได้สะดวก
- ปรับแต่งได้สนุก กับซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับแต่งมาดี
ข้อสังเกต
- เป็นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless ไม่มี Numpad
ราคา: ประมาณ 3,990 บาท
ติดต่อ: Ascenti