Dell Inspiron 13 7391 จัดว่าเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ปลายปี 2019 หน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD / Ultra HD รองรับการทัชสกรีนและปากกา พร้อมมีช่องเก็บตรงบานพับในตัว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ที่ 1.4 กิโลกรัม ขอบจอก็บางเฉียบ แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล WVA ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย
มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา ที่สำคัญคือติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 มาให้พร้อมใช้งานด้วย สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 อยู่ที่ 44,990 บาท กับรุ่น Core i7-10510U ได้จอ Ultra HD / 39,990 บาท จอ Full HD ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i5-10210U ได้จอ Full HD จะอยู่ที่ 34,990 บาท สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน
Specification
สเปกของ Dell Inspiron 13 7391 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) พาเนลคุณภาพดี WVA ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง รองรับการทัชสกรีนและมีปากกา แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของการ์ดจอเป็นออนชิปอย่าง UHD Graphics 620 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีระดับหนึ่ง สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.40 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวมีราคากลางอยู่ที่ 34,990 บาท ส่วนรุ่น Core i7 จะมีราคา 39,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ส่วนรุ่นที่เป็น Core i7 ตัวท็อป จะได้สเปกที่เหนือกว่า คือแรมขนาด 16GB และหน้าจอเป็นความละเอียด Ultra HD (3840×2160 พิกเซล) ในราคา 44,990 บาท
- i5-10210U / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ Full HD / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ Full HD / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ Ultra HD / Windows 10 ราคา 44,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 13 7391 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Dell XPS 13 ที่เป็นรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันจะเป็น Abyss Black ออกแนวดำๆ เทาๆ เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นมี
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Inspiron 13 7391 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 13.66 -15.90 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Dell ฝาหลังที่สวยงามเป็นเทามันวาว ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก สำหรับ Dell Inspiron 13 7391 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ เครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว โดดเด่นด้วยเมื่อเราเปิดฝาขึ้นมาขอบตัวเครื่องด้านหลังก็จะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นด้วย ช่วยในการมองจอและการพิมพ์ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมฟีเจอร์เปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อเปิดฝาเครื่องทุกครั้งแม้ว่าเราจะ Shut Downไปแล้วก็ตาม ในส่วนนี้ทำให้เรามีความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เพราะทุกไม่จำเป็นต้องกดปุ่ม Power เพื่อเปิดเครื่องแต่อย่างใด
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Dell Inspiron 13 7391 ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบนของคีย์บอร์ด พร้อมความสามารถใช้งานสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ใช้งาน Login Windows 10 ผ่านทาง Window Hello
Precision Touchpad ตามสไตล์ Dell มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
Dell Inspiron 13 7391 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 13.3″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนลเป็น WVA เทคโนโลยี CinemaColor ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว
และด้วยความที่จอเป็นแบบกระจกที่ให้เรื่องสีสันสดใส แต่ก็ค่อนข้างสะท้อนแสงพอสมควร ส่งผลให้ในการใช้งานไม่ควรหันจอไปทางแหล่งกำเนิดแสงหรือในที่ที่สว่างมากๆ เพราะอาจจะรบกวนการทำงานของเราได้ อย่างไรก็ตามมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell Inspiron 13 7391 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุดโดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ระดับ 61% และ AdobeRGB ที่ 46% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ทั่วไปในระดับมาตรฐานของพาเนล WVA
ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนักเช่นงานระดับมืออาชีพ แต่ถ้าไม่จริงจังมากอันนี้ก็ถือว่าใช้ได้เลย เพราะก็ให้สีสันที่สดใสไม่ต่างจากจอรุ่นอื่นๆ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขอบมุมซ้ายบนที่ลดลงไประดับ 10% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม พอได้อยู่
ลำโพงสเตอริโอ Waves MaxxAudio Pro เทคโนโลยี CinemaSound ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
Dell Inspiron 13 7391 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ ของกลุ่ม 2-in-1 Notebook มาครบครัน เช่น USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และ Thunderbolt 3 (USB-C) สุดล้ำ ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แต่ในส่วนของ LAN RJ45 ได้ถูกตัดออกไป
เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ กิโลกรัมกว่าๆ เท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แม้ปัจจุบันโน๊ตบุ๊ค 13.3″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัมขึ้นไปอยู่แล้ว แต่รุ่นนี้เป็น 2-in-1 Notebook แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเอาไปทำงานตามร้านกาแฟ หรือเล่นเกมที่บ้านเพื่อน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว
User Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Dell Inspiron 13 7391 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ตามสมัยนิยม ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ Dell Inspiron 13 7391 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับโลหะนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่าหมื่นๆ ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศา อีกทั้งยังออกแบบให้มีที่เก็บปากกาในตัว เหนือชั้นกว่า 2-in-1 Notebook รุ่นอื่นแบบชัดเจน
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาพรีเมียมไฮเอนด์ มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i7 Gen 10 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก Dell Inspiron 13 7391 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย
Performance / Software
Dell Inspiron 13 7391 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i5-10210U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.60 – 4.20 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8 GB DDR3L แบบ Dual Chanel ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1740 MB/s และเขียนที่ 1449 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับกลางค่อนบน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,937 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่แรงยิ่งขึ้น ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปก Intel Core i Gen 8 รุ่นก่อนๆ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Inspiron 13 7391 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง My Dell โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
รวมไปถึงซอฟต์แวร์ Dell Power Manager ที่คอยเป็นตัวช่วยในการจัดการพลังงาน การชาร์จไฟ สถานะแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ที่เราสามารถเลือกการจัดการได้ ว่าจะใช้งานทั่วไป อัตโนมัติ หรือเร่งรอบพัดลม เพื่อให้ระบายความร้อนได้สูงสุด ตามแต่ลักษณะการใช้งานของเรา
ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับDell Inspiron 13 7391 ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดีย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell Inspiron 13 7391 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต ซึ่งเวลาอาจจะปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ExpressCharge Boost ที่ทำให้ชาร์จไฟกลับเข้าเครื่องได้รวดเร็ว โดยจากแบตเตอรี่ 0% ไปที่ 35% ใช้เวลาชาร์จเพียง 20 นาทีเท่านั้นเอง นับว่ามีความไวมากๆ ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส (ร้อนกว่านี้ตัวเครื่องจะลดความเร็วการทำงานลง) ถือว่าทำได้ดีไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ แต่ด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ Dell Inspiron 13 7391 ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด แม้ว่าชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดจะแรงขึ้น เรียกได้ว่าชุดระบายความร้อนของ Dell สามารถจัดการได้ดีตามมาตรฐานเวลาใช้งานหนักๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิวสำหรับ 2-in-1 Notebook สเปก Intel Core i Gen 10 อีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจ อย่าง Dell Inspiron 13 7391 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Inspiron 7000 Series รุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ พร้อมมีที่เก็บปากกาในตัวที่บานพับซ่อนไว้อย่างเรียบเนียน รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย (เมื่อเทียบกับสเปกที่ใกล้เคียงกัน)
โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 12.6″ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ วมไปถึงก็มีน้ำหนักเบากว่าด้วย เพียง 1.4 กิโลกรัมและบางสุดเพียง 13.66 มิลลิเมตรเท่านั้น พร้อมมีดีไซน์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนๆ ซึ่งมีความเรียบง่ายยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Dell ไว้เต็มเปี่ยม ที่สำคัญในรุ่นนี้มีสีสันที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ก็คือ สี Abyss Black ซึ่งเหมาะกับหนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่เน้นความเท่ ที่ได้ความหรูหราและเป็นทางการ นับว่าเป็นส่วนที่มีผลต่อการซื้อเหมือนกัน
โดยสนนเริ่มต้นที่ 34,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 44,900 บาท ซึ่งสเปกอื่นๆ แตกต่างกันที่แรมและหน้าจอ โดยส่วนตัวแล้วแนะนำว่าถ้างบถึงตัว Core i5 ก็จัได้เลย ส่วนถ้าขยับเป็น Core i7 ก็จัดรุ่นนี้จะดีกว่า กับราคาสูงกว่า 10,000 บาทในกรณีที่ยอมจ่ายเพิ่มได้ ก็จะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีราคา Dell Inspiron 13 7391 จะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กและการพกพา วัสดุและประสิทธิภาพ พร้อมแบตเตอรี่ที่ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง
Dell Inspiron 13 7391 เป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเกมและมัลติมีเดีย ด้วยฟีเจอร์มีสแกนลายนิ้ว Fingerprint และสเปคภายในที่ครบครัน ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อน แต่ก็ยังได้ชิปประมวลผล Core i5 / i7 Gen 10 สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร อีกทั้งได้แรมขนาด 8GB / 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที
อย่างไรก็ตามด้วยหน้าจอแบบกระจกที่สะท้อนแสงค่อนข้างมาก ได้พาเนล WVA ความละเอียด Full HD แต่ก็อยู่ในคุณภาพมาตรฐานของขอบเขตสีอยู่ในระดับกลางๆ และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ยังเป็น AC อยู่ (ควรต้องได้มาตรฐาน AX แล้ว) รวมไปถึงความร้อนที่เกิดขึ้นกรณีใช้งานหนักๆ ค่อนข้างสูง อันนี้อยู่ที่ว่าเพื่อนๆ รับกันได้ไหม ซึ่งถ้าข้าม 3 ข้อนี้ไปได้ ก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คสเปก Core i Gen 10 ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานกับแบรนด์ Dell โดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Inspiron 13 7391 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว เพราะถ้าเน้นเล่นเกมก็คงแนะนำไปดูรุ่น Gaming Notebook อย่าง Dell G5 15 5590 น่าจะเหมาะสมกว่าครับ
จุดเด่น
- วัสดุดีเยี่ยมด้วยอลูมิเนียมตลอดตั้งตัวเครื่อง งานประกอบเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามสไตล์ Dell มีที่เก็บปากกา พร้อมมีสีสันดำเทาๆ ให้เลือก
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ขอบขอบาง แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกระทัดรัก
- หน้าจอทัชสกรีน บนความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล เทคโนโลยี CinemaColor
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบาง พกพาสะดวก แบตเตอรี่ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 และสเปกอื่นๆ ดีเยี่ยม
- ใช้งาน Multi Mode ได้หลากหลายรูปแบบ ตามมาตรฐาน 2-in-1 Notebook
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อและการเชื่อมต่อไร้สายครบครัน มี Thunderbolt 3
- มีสแกนลายนิ้ว Fingerprint ใช้งาน Windows Hello ได้ดีเยี่ยม
- เปิดฝาเครื่องทุกครั้ง ตัวเครื่องจะเปิดเข้าสู่ Windows ทันที
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ต่างๆ
- ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม On-site Service มาตรฐาน Dell
ข้อสังเกตุ
- หน้าจอพาเนล WVA ได้ sRGB ที่ 63% ถ้าให้มาเป็น IPS ไปเลยน่าจะดีกว่านี้
- หน้าจอเป็นแบบกระจกค่อนข้างสะท้อนแสงมาก เวลาใช้งานนนอกสถานที่
- น่าจะให้มมาตรฐาน Wi-Fi มาเป็น AX เหมือนแบรนด์อื่นๆ มาเลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของ 2-in-1 Notebook ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Inspiron 13 7391 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Inspiron มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนในDell Inspiron 13 7391 โดยเป็น 2-in-1 Notebook ระดับสูง ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่แล้ว อีกทั้งมีความโดดเด่นที่สุดคือมีช่องเก็บปากกาในตัวบริเวณช่องบานพับด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพา Dell Inspiron 13 7391 ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 13.66 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.4 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.6 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ อีกทั้งใช้งานได้ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมงด้วยกัน
Specification
สเปกของ Dell Inspiron 13 7391 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) พาเนลคุณภาพดี WVA ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง รองรับการทัชสกรีนและมีปากกา แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของการ์ดจอเป็นออนชิปอย่าง UHD Graphics 620 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีระดับหนึ่ง สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.40 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวมีราคากลางอยู่ที่ 34,990 บาท ส่วนรุ่น Core i7 จะมีราคา 39,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ส่วนรุ่นที่เป็น Core i7 ตัวท็อป จะได้สเปกที่เหนือกว่า คือแรมขนาด 16GB และหน้าจอเป็นความละเอียด Ultra HD (3840×2160 พิกเซล) ในราคา 44,990 บาท
- i5-10210U / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ Full HD / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ Full HD / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ Ultra HD / Windows 10 ราคา 44,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 13 7391 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Dell XPS 13 ที่เป็นรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันจะเป็น Abyss Black ออกแนวดำๆ เทาๆ เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นมี
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Inspiron 13 7391 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 13.66 -15.90 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Dell ฝาหลังที่สวยงามเป็นเทามันวาว ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก สำหรับ Dell Inspiron 13 7391 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ เครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว โดดเด่นด้วยเมื่อเราเปิดฝาขึ้นมาขอบตัวเครื่องด้านหลังก็จะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นด้วย ช่วยในการมองจอและการพิมพ์ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมฟีเจอร์เปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อเปิดฝาเครื่องทุกครั้งแม้ว่าเราจะ Shut Downไปแล้วก็ตาม ในส่วนนี้ทำให้เรามีความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เพราะทุกไม่จำเป็นต้องกดปุ่ม Power เพื่อเปิดเครื่องแต่อย่างใด
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Dell Inspiron 13 7391 ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบนของคีย์บอร์ด พร้อมความสามารถใช้งานสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ใช้งาน Login Windows 10 ผ่านทาง Window Hello
Precision Touchpad ตามสไตล์ Dell มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
Dell Inspiron 13 7391 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 13.3″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนลเป็น WVA เทคโนโลยี CinemaColor ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว
และด้วยความที่จอเป็นแบบกระจกที่ให้เรื่องสีสันสดใส แต่ก็ค่อนข้างสะท้อนแสงพอสมควร ส่งผลให้ในการใช้งานไม่ควรหันจอไปทางแหล่งกำเนิดแสงหรือในที่ที่สว่างมากๆ เพราะอาจจะรบกวนการทำงานของเราได้ อย่างไรก็ตามมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell Inspiron 13 7391 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุดโดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ระดับ 61% และ AdobeRGB ที่ 46% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ทั่วไปในระดับมาตรฐานของพาเนล WVA
ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนักเช่นงานระดับมืออาชีพ แต่ถ้าไม่จริงจังมากอันนี้ก็ถือว่าใช้ได้เลย เพราะก็ให้สีสันที่สดใสไม่ต่างจากจอรุ่นอื่นๆ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขอบมุมซ้ายบนที่ลดลงไประดับ 10% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม พอได้อยู่
ลำโพงสเตอริโอ Waves MaxxAudio Pro เทคโนโลยี CinemaSound ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
Dell Inspiron 13 7391 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ ของกลุ่ม 2-in-1 Notebook มาครบครัน เช่น USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และ Thunderbolt 3 (USB-C) สุดล้ำ ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แต่ในส่วนของ LAN RJ45 ได้ถูกตัดออกไป
เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ กิโลกรัมกว่าๆ เท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แม้ปัจจุบันโน๊ตบุ๊ค 13.3″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัมขึ้นไปอยู่แล้ว แต่รุ่นนี้เป็น 2-in-1 Notebook แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเอาไปทำงานตามร้านกาแฟ หรือเล่นเกมที่บ้านเพื่อน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว
User Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Dell Inspiron 13 7391 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ตามสมัยนิยม ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ Dell Inspiron 13 7391 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับโลหะนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่าหมื่นๆ ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศา อีกทั้งยังออกแบบให้มีที่เก็บปากกาในตัว เหนือชั้นกว่า 2-in-1 Notebook รุ่นอื่นแบบชัดเจน
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาพรีเมียมไฮเอนด์ มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i7 Gen 10 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก Dell Inspiron 13 7391 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย
Performance / Software
Dell Inspiron 13 7391 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i5-10210U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.60 – 4.20 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8 GB DDR3L แบบ Dual Chanel ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1740 MB/s และเขียนที่ 1449 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับกลางค่อนบน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,937 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่แรงยิ่งขึ้น ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปก Intel Core i Gen 8 รุ่นก่อนๆ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Inspiron 13 7391 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง My Dell โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
รวมไปถึงซอฟต์แวร์ Dell Power Manager ที่คอยเป็นตัวช่วยในการจัดการพลังงาน การชาร์จไฟ สถานะแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ที่เราสามารถเลือกการจัดการได้ ว่าจะใช้งานทั่วไป อัตโนมัติ หรือเร่งรอบพัดลม เพื่อให้ระบายความร้อนได้สูงสุด ตามแต่ลักษณะการใช้งานของเรา
ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับDell Inspiron 13 7391 ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดีย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell Inspiron 13 7391 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต ซึ่งเวลาอาจจะปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ExpressCharge Boost ที่ทำให้ชาร์จไฟกลับเข้าเครื่องได้รวดเร็ว โดยจากแบตเตอรี่ 0% ไปที่ 35% ใช้เวลาชาร์จเพียง 20 นาทีเท่านั้นเอง นับว่ามีความไวมากๆ ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส (ร้อนกว่านี้ตัวเครื่องจะลดความเร็วการทำงานลง) ถือว่าทำได้ดีไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ แต่ด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ Dell Inspiron 13 7391 ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด แม้ว่าชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดจะแรงขึ้น เรียกได้ว่าชุดระบายความร้อนของ Dell สามารถจัดการได้ดีตามมาตรฐานเวลาใช้งานหนักๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิวสำหรับ 2-in-1 Notebook สเปก Intel Core i Gen 10 อีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจ อย่าง Dell Inspiron 13 7391 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Inspiron 7000 Series รุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ พร้อมมีที่เก็บปากกาในตัวที่บานพับซ่อนไว้อย่างเรียบเนียน รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย (เมื่อเทียบกับสเปกที่ใกล้เคียงกัน)
โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 12.6″ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ วมไปถึงก็มีน้ำหนักเบากว่าด้วย เพียง 1.4 กิโลกรัมและบางสุดเพียง 13.66 มิลลิเมตรเท่านั้น พร้อมมีดีไซน์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนๆ ซึ่งมีความเรียบง่ายยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Dell ไว้เต็มเปี่ยม ที่สำคัญในรุ่นนี้มีสีสันที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ก็คือ สี Abyss Black ซึ่งเหมาะกับหนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่เน้นความเท่ ที่ได้ความหรูหราและเป็นทางการ นับว่าเป็นส่วนที่มีผลต่อการซื้อเหมือนกัน
โดยสนนเริ่มต้นที่ 34,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 44,900 บาท ซึ่งสเปกอื่นๆ แตกต่างกันที่แรมและหน้าจอ โดยส่วนตัวแล้วแนะนำว่าถ้างบถึงตัว Core i5 ก็จัได้เลย ส่วนถ้าขยับเป็น Core i7 ก็จัดรุ่นนี้จะดีกว่า กับราคาสูงกว่า 10,000 บาทในกรณีที่ยอมจ่ายเพิ่มได้ ก็จะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีราคา Dell Inspiron 13 7391 จะมีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่ก็เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กและการพกพา วัสดุและประสิทธิภาพ พร้อมแบตเตอรี่ที่ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง
Dell Inspiron 13 7391 เป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเกมและมัลติมีเดีย ด้วยฟีเจอร์มีสแกนลายนิ้ว Fingerprint และสเปคภายในที่ครบครัน ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อน แต่ก็ยังได้ชิปประมวลผล Core i5 / i7 Gen 10 สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร อีกทั้งได้แรมขนาด 8GB / 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที
อย่างไรก็ตามด้วยหน้าจอแบบกระจกที่สะท้อนแสงค่อนข้างมาก ได้พาเนล WVA ความละเอียด Full HD แต่ก็อยู่ในคุณภาพมาตรฐานของขอบเขตสีอยู่ในระดับกลางๆ และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ยังเป็น AC อยู่ (ควรต้องได้มาตรฐาน AX แล้ว) รวมไปถึงความร้อนที่เกิดขึ้นกรณีใช้งานหนักๆ ค่อนข้างสูง อันนี้อยู่ที่ว่าเพื่อนๆ รับกันได้ไหม ซึ่งถ้าข้าม 3 ข้อนี้ไปได้ ก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง แถมยังมีการรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คสเปก Core i Gen 10 ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานกับแบรนด์ Dell โดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Inspiron 13 7391 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว เพราะถ้าเน้นเล่นเกมก็คงแนะนำไปดูรุ่น Gaming Notebook อย่าง Dell G5 15 5590 น่าจะเหมาะสมกว่าครับ
จุดเด่น
- วัสดุดีเยี่ยมด้วยอลูมิเนียมตลอดตั้งตัวเครื่อง งานประกอบเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามสไตล์ Dell มีที่เก็บปากกา พร้อมมีสีสันดำเทาๆ ให้เลือก
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ขอบขอบาง แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกระทัดรัก
- หน้าจอทัชสกรีน บนความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล เทคโนโลยี CinemaColor
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบาง พกพาสะดวก แบตเตอรี่ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง
- ประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 และสเปกอื่นๆ ดีเยี่ยม
- ใช้งาน Multi Mode ได้หลากหลายรูปแบบ ตามมาตรฐาน 2-in-1 Notebook
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อและการเชื่อมต่อไร้สายครบครัน มี Thunderbolt 3
- มีสแกนลายนิ้ว Fingerprint ใช้งาน Windows Hello ได้ดีเยี่ยม
- เปิดฝาเครื่องทุกครั้ง ตัวเครื่องจะเปิดเข้าสู่ Windows ทันที
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ต่างๆ
- ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม On-site Service มาตรฐาน Dell
ข้อสังเกตุ
- หน้าจอพาเนล WVA ได้ sRGB ที่ 63% ถ้าให้มาเป็น IPS ไปเลยน่าจะดีกว่านี้
- หน้าจอเป็นแบบกระจกค่อนข้างสะท้อนแสงมาก เวลาใช้งานนนอกสถานที่
- น่าจะให้มมาตรฐาน Wi-Fi มาเป็น AX เหมือนแบรนด์อื่นๆ มาเลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของ 2-in-1 Notebook ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Inspiron 13 7391 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Inspiron มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนในDell Inspiron 13 7391 โดยเป็น 2-in-1 Notebook ระดับสูง ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่แล้ว อีกทั้งมีความโดดเด่นที่สุดคือมีช่องเก็บปากกาในตัวบริเวณช่องบานพับด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพา Dell Inspiron 13 7391 ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 13.66 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.4 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.6 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ อีกทั้งใช้งานได้ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมงด้วยกัน