ก่อนที่จะพบกับรีวิวตัวจริงของ MSI Alpha 15 สเปก AMD Ryzen 7 3750H + Radeon RX 5500M ในบทความนี้เราจะมาพรีวิวถึงราคาและสเปกขายจริงในไทยกันก่อน ที่จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ตัวแรง จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่ากับ NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti กับการทดสอบจากเกมชื่อดังต่างๆ บนความละเอียด Full HD และปรับกราฟิกแบบ High แน่นอนว่าทางฝั่งของ AMD ต้องมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาเพียง 27,900 บาทเท่านั้น
สำหรับ MSI Alpha 15 ที่เป็น Gaming Notebook ตระกูลใหม่จากทาง MSI โดยเป็นการแยกตัวมาจาก G Series แบบเดิมๆ (แต่มีความใกล้เคียงกับ GL65) พร้อมโลโก้ใหม่เป็นรูปนก phoenix สีเขียว ย้ำให้เห็นถึงความแตกต่าง จากการใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจออย่าง AMD Ryzen 7 3750H + Radeon RX 5500M ที่เชื่อได้ว่าสเปกอื่นๆ ก็คงจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่มาตรฐานความจุ 512GB ที่ในส่วนของหน้าจอจะเป็นขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง ความละเอียดที่ Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120 พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติอีกด้วย
MSI Alpha 15 A3DD-014TH ราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท
- CPU: AMD Ryzen 7 3750H
- GPU: AMD Radeon RX 5500M
- Display: 15.6″ FHD (1920*1080), IPS-Level 120Hz Thin Bezel
- Memory: DDR IV 8GB (2666MHz)
- Storage: 512GB NVMePCIe Gen3x4 SSD
- WLAN: AW-CB375NF
- Keyboard: Single Backlight (RED) Gaming Keyboard by SteelSeries
- OS: Windows 10 Home
รายละเอียดอื่นๆ ที่น่าสนใจของ MSI Alpha 15 ก็จะได้ในเรื่องของไฟคีย์บอร์ดของ SteelSeries มีไฟสีแดง ตามสไตล์ของ MSI ได้เรื่องระบบเสียงคุณภาพอย่าง Nahimic ร่วมกับลำโพง Giant Speaker พร้อมรองรับเสียงแบบ Hi-Res ที่สำคัญคือระบบระบายความร้อนก็จัดเต็มด้วย Cooler Boots 5 ได้ฮีต์ไปป์ 7 เส้นพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ ไว้ใจได้เรื่องของการจัดการอุณหภูมิ ในส่วนของมิติตัวเครื่องก็มีความกระทัดรัดที่ 357.7 x 248 x 27.5 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง รองรับและสนับสนุนการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi AC / Bluetooth 5.0 /Killer Gaming LAN / HDMI / USB-A / USB-C ที่ครบครัน
สำหรับ MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเน้นความคุ้มค่าจากสเปก AMD ที่ได้ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีการผลิตที่ โดยมาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำแดงเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำด้าน สัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้นกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเขียว โดยสื่อถึงความหมายในด้านความแข็งแกร่งในเชิงของนวัตกรรมและความทะเยอทะยานในการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ภายใต้ชื่อ “Alpha” นั่นเอง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายในดุดันสไตล์ Gaming Notebook พรีเมียมจากทาง MSI
ในส่วนของบานพับเป็นแบบแกนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาเรียบร้อยเนี๊ยบๆ ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ
ด้านฐานล่างออกแบบมาใหม่ดีไซน์วัสดุเป็นพลาสติก ABS สีดำเกรดดี พร้อมลวดลายกราฟิคเป็นเอกลักษณ์ และการเซาะร่องระบายอากาศที่หลากหลายตำแหน่ง ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัว ทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัปเกรดบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพราะแค่แกะน็อตออกหมดทุกตัวออก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนออกเท่านั้นเอง กรณีที่อยากจะอัปเกรดแรมเพิ่มเป็น 16GB หรือใส่ HDD 2.5″ เพื่อเพิ่มความจุนั่นเอง
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI Alpha 15 จะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมสีดำเรียบเนียนไม่ต่างจากภายนอกให้สัมผัสที่ดี พร้อมคีย์บอร์ด Full Size ไฟแดงที่ร้อนแรง
สำหรับ MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook มาตรฐานปี 2019 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 14″ เท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม และมีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกอยู่ รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
ในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI Alpha 15 มีความคล้ายกับ MSI GL65 ซึ่งทำได้ดีสมกับเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์ G เลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
คีย์บอร์ดของ MSI Alpha 15 โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็นสีแดง พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
MSI Alpha 15 มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพดี มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60 แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers จากแบรนด์ DYNAUDIO แบบ 2 ชาแนล รูปแบบลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้นขนาด 2W ซึ่งถูกติดตั้งไว้อยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ทำหน้าแบบยิงลงพื้นแล้วกระจายเสียงให้มีความกว้างกว่าการยิงเสียงตรงๆ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมและบันเทิงได้เต็มอารมณ์
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อก็จัดได้ว่า MSI Alpha 15 จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มิติเล็กกว่าปกติ แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, mini Display Port ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน จัดเต็มด้วย 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C, 3 x USB 3.2 Gen1 Type-A รองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมี 2-in-1 SD Card Reader, Lan RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน และ Kensington lock slot ไว้ตัวเครื่องกับโต๊ะทำงานอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (AC) ตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปัจจุบัน โดยมีขนาดตัวเครื่องของ MSI Alpha 15 จะอยู่ที่ 357.7 x 248 x 27. มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเบากว่า Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นอื่นพอสมควร (แต่ MSI GE65 ก็ยังเบาและบางกว่าเล็กน้อย) พอพกพาได้สบายๆ และเมื่อรวมกับที่สำคัญอะแดปเตอร์จ่ายแล้วก็จะมีน้ำหนักเราไม่เกิน 3.0 กิโลกรัม พร้อมใส่กระเป๋าไปข้างนอกได้ทันที
ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าตลาดของ Gaming Notebook นั้นเต็มไปด้วยการ์ดจอจากทาง NVIDIA จากการที่ได้ทั้งความแรงประสิทธิภาพ แต่ที่สำคัญที่สุดคือทาง AMD ไม่มีการ์ดจอ Gaming Notebook รุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดเลย ส่งผลให้ผู้ผลิต Gaming Notebook จำเป็นต้องใช้ของ NVIDIA เพียงอย่างเดียว แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าตลาด Gaming Notebook จะสนุกสนานไปอีกขั้นจากการมาของ Radeon RX 5500M ที่มีความแรงท้าชนการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti เลยล่ะ ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm แล้วก็คือ ราคาที่ถูกกว่าด้วยนั่นเอง
ไว้แอดมินโป้งมีโอกาสจะหามารีวิวให้ชมกันแบบด่วนที่สุดเลย เท่าที่ทราบตอนนี้คือจับตัวจริงปลายเดือนนี้แน่นอนในไทย ถือว่าการกลับมาของ AMD Gaming Notebook ที่รว่มมือกับ MSI นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ !!! ตอนนี้ไปชมวีดีโอที่เค้าบอกถึงเฟรมเรทแต่ละเกมกันก่อน ยังไงก็ต้องทดสอบเล่นจริงรีวิวจริง MSI Alpha 15 กันอีกที โดยจะเป็นของดีกว่า Gaming Notebook สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 ที่ใช้การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 16 Series แค่ไหนกัน รอติดตามกันนะครับ