ASUS ZenBook Duo UX481 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำ ที่ได้สเปก Core i Gen 10 ที่สดใหม่ โดดเด่นด้วย ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อนอย่าง ScreenPad ที่ทัชแพดเป็นหน้าจอที่สอง แบ่งเป็นสองสเปกคือ Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 + GeForce MX250 สำหรับ ASUS ZenBook Duo UX481 สนนราคาเริ่มแค่ 34,990 บาท และ 39,990 บาท นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2019 ในราคาที่จับต้องง่ายกว่ารุ่นพี่ UX581
ในส่วนของ ScreenPad Plus จะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ใต้หน้าจอหลัก (14″ + 12.6″) ส่วนการใช้งานก็หลากหลายมากๆ จะเป็นหน้าจอที่สองเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือจะใช้งานเป็นส่วนของเครื่องมือโปรแกรมนั้นๆ ทำให้ในการใช้งานของเรานั้นมีความหยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คตัวไหนบนโลกทำได้มาก่อนโดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาหน้าจอภายนอกมาเชื่อมต่อแต่อย่างใด เรียกได้จบลงในตัวเดียวและไม่เทอะทะเกะกะอีกด้วย ยอมรับเลยว่า ASUS เป็นผู้นำในเรื่องของนวัตกรรมโน๊ตบุ๊คที่ไม่ใช่แค่ล้ำหน้า แต่ยังสามารถใช้งานได้จริงด้วย
VDO Review
Specification
สเปกของ ASUS ZenBook Duo UX481 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง พร้อม ScreenPad Plus ขนาด 12.6″ ความละเอียด 1920 x 515 พิกเซล พาเนล IPS รองรับ Touchscreen และ ASUS Active Stylus Pen ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX250 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB / 1TB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา ASUS ZenBook Duo UX481 รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวมีราคากลางอยู่ที่ 34,990 บาท ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้
- i5-10210U / MX250/ RAM 16GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / MX250/ RAM 16GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro UX481 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่า ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่เป็นรุ่นพี่อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาทเพียง 1.5 กิโลกรัม และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น นอกจากนี้ ASUS ZenBook Pro UX481 ยังบันเดิลของมาสุดพิเศษ อย่างซองหนังพรีเมียมสีขาวสะอาดภายในเป็นกำมะหยีที่ดูดีมากๆ อีกด้วย
การออกแบบดีไซน์ได้อย่างลงตัวดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบมุมเป็นเหลี่ยม มิติโดยรวมเป็นแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันเป็น Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใคร ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
ตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาแสดงถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรในด้านดีไซน์ฝาหลังใช้ลวดลายเป็นวงกลมล้อมรอบโลโก้ ASUS แต่ถูกขยับไปทางด้านขวา มีอีกจุดที่ทำมาได้น่าสนใจมากคือบานพับแบบ ErgoLift ที่เมื่อกางหน้าจอออก ตัวบานพับก็จะหนุนเครื่องให้ลาดเอียงขึ้นไปอีก (ทำมุมได้สูงสุดในทุกรุ่น)
ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้พิมพ์งาน รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และช่วยเพิ่มพลังเสียงให้กับลำโพงภายในจาก Harman / Kardon ได้อีกด้วย ส่วนช่องระบายอากาศซ่อนอยู่ใต้หน้าจออีก 1 แถวยาว โดยเป็นช่องที่ใช้ระบายความร้อนจากภายใน ส่วนช่องดูดลมจากภายนอกเข้าไปข้างในจะอยู่ที่ฝาด้านล่างของตัวเครื่อง
สำหรับตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง จากการที่ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดได้มีการติดตั้ง ScreenPad Plus เอาไว้นั่นเอง เรียกได้ว่ามีแนวคิดแบบเดียวกับ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เลย แต่มีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดและเบากว่า โดยแป้นพิมพ์มีการตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เต็มที่ มีไฟ LED สีขาว แม้รูปแบบจะดูแปลกๆ หน่อยแต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
สรุปดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Duo UX481 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง บอกได้เลยใครเอาไปใช้งานนนอกสถานที่ต้องมีคนเดินเข้ามาทักแน่นอน
Keyboard / Touchpad
เมื่อมีจอที่สองเกินขึ้น สำหรับ ASUS ZenBook Duo UX481 ก็ได้มีการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ไว้ติดตั้ง ScreeenPad Plus โดยแป้นพิมพ์มีการตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวปุ่มเป็นพลาสติกสี Celestial Blue เข้ากับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีขาวตัดกับปุ่ม ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.5 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี เพื่อให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบายในการพิมพ์ กดแรงๆ ก็ไม่มีอาการแป้นยวบให้เห็นแต่อย่างใด แถมมีไฟ Backlit สามารถปรับได้ 3 ระดับ พร้อมกันนั้นปุ่มแถวบนยังจัดเต็มด้วย Hot Key มากมาย
ดีไซน์ทัชแพดแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมากส่วนเหนือปุ่มทัชแพดจะมีปุ่มสลับหน้าต่างขึ้นลง และปุ่มปิดเปิด ScreenPad Plus อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้งานจริงๆ คงต้องปรับตัวซะหน่อยทั้งคีย์บอร์ดและทัชแพด เพราะข้อมือของเราต้องโดนขอบเครื่องตรงๆ
Screen / Speaker
ASUS ZenBook Duo UX481 มีจุดเด่นอย่างขอบหน้าจอ NanoEdge ให้พื้นกว่า 90% มีขนาดความบางเฉียบซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีมิติเล็กลงไปอีก ได้ติดตั้งหน้าจอหลักเป็นแบบด้าน ได้พาเนล IPS ขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล มาตรฐาน Full HD ซึ่งให้คุณภาพสูงในการแสดงสีสันพร้อมรองรับ HDR ให้ความเรียบเนียนสุดๆ โดยให้ขอบเขตของสีระดับใกล้เคียง 100% sRGB จริงๆ และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ไม่ว่ามองจากมุมไหนสีสันไม่มีเพี้ยนแน่นอน
รวมไปถึงยังมีตัวเลือกเป็นหน้าจอทัชสกรีน พร้อมรองรับ ASUS Active Stylus Pen หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยมาก่อนในตลาดของโน๊ตบุ๊คประเทศไทยเลย อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วย IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 90% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ทั้งหมดในตลาด ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูงและแม่นยำอย่างที่สุด ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับสูงเช่นกัน ทำให้เมื่อนำไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรง ที่เน้นความเป็นมืออาชีพก็สามารถไว้ใจได้อย่างสบายๆ ว่าสีถูกต้องแน่นอน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 250 cd/m2 แต่สำหรับช่องซ้ายบนจะมีแสงสว่างลดลงที่ระดับ 9% ปิดท้ายด้วยคะแนนรวมทุกด้าน ได้ 4 คะแนน เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite นับว่าได้เป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพหน้าจอที่ดีสุดในตลาด ณ ตอนนี้ก็ได้
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ScreenPad Plus
จอ ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งนิ้วและปากกา บนความละเอียดที่ 1920 x 515 พิกเซล อันเป็นเอกลักษณ์ของ ZenBook Duo นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินและใช้งานจอภาพทั้งสองบนโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่องได้อย่างเต็มความสามารถ หน้าจอสัมผัสขนาดอัตราส่วน 32:9 เหนือคีย์บอร์ดเพิ่มเนื้อที่การทำงานของจอภาพ ในขณะที่ยังคงรูปแบบโน๊ตบุ๊ค
โดยสามารถใช้งานจอ ScreenPad Plus ได้เสมือนเป็นจอแสดงผลที่สองของ Windows 10 ใช้แสดงภาพ หรือใช้ฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาผู้ใช้ด้วยซอฟท์แวร์ ScreenXpert ซึ่งช่วยให้การใช้งานหลายๆหน้าต่างและแอพลิเคชั่นเป็นเรื่องง่าย รวมถึงปุ่มลัดคอนโทรลอย่าง App Switcher, ViewMax และ App Navigator ที่สามารถใช้งานโต้ตอบข้ามหน้าจอระหว่างหน้าจอหลัก และ ScreenPad Plus ผู้ใช้สามารถเริ่มโหมดการทำงานเปิดโปรแกรมหลายโปรแกรมได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถลากแอพพลิเคชั่น, แถบเครื่องมือ หรือเมนูไปยังจอ ScreenPad Plus เพื่อลดความยุ่งเหยิงของหน้าจอหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น กลุ่มครีเอเตอร์สามารถเชื่อมต่อเครื่องมือในการทำงาน เช่น ตัวอย่างวีดีโอ. การควบคุมไทม์ไลน์, รหัสวินโดวส์ หรือพาแนลเสียงเข้ากับ ScreenPad Plus เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด และเมื่อใช้งานแอพลิเคชั่นทางด้านโซเชียลบน ScreenPad Plus ก็ยังช่วยให้สามารถติดตามข่าวสารและตอบข้อความได้ทันทีในขณะทำงานโดยไม่จำเป็นต้องสลับหน้าต่างไปมา
ASUS ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาซอฟแวร์ต่างๆ รวมถึง Corel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของ ScreenPad Plus ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม แอพลิเคชั่นบนวินโดวส์ทุกชนิดสามารถใช้งานบนจอ ScreenPad Plus ได้โดยไม่ต้องมีเวอร์ชั่นเฉพาะรองรับ สำหรับการใช้ปากกาสไตลัสที่ให้มากับเครื่องหรือปากกาสไตลัสรุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้งานกับจอ ScreenPad Plus ได้อย่างเสถียร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือวาดภาพ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Duo UX 481 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่มีพอร์ตมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, และ USB 3.1 Type-C จำนวน 1 พอร์ต อีกทั้งยังมี micro-SD Card Reader พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ZenBook Duo UX481 มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 1.5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 14″ ตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเหมือนกันถือว่าหนักและหนากว่าเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่จากฟีเจอร์ล้ำๆ มากมาย แต่ก็โดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 65 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่แตกต่างจาก Ultrabook ทั่วไปที่เน้นความบางเบา
Performance / Software
ASUS ZenBook Duo UX 481 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i5-10210U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.60 – 4.20 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB DDR3L 2133MHz ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m แต่ก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1644 MB/s และเขียนที่ 881 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับกลางๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,236 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกใกล้เคียงกัน โดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง แถมได้แรมมา 16GB อีกด้วย
ทดสอบเกมสำหรับ ASUS ZenBook Pro UX481 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 50 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 18 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) ในส่วนของเกมอื่นๆ อย่าง Overwatch / PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 74 / 28 ซึ่งช่วงต่ำสุดจะอยู่ที่ 53/17 นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน จากการที่เครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินปกติเวลาใช้งานหนักๆ ตัวชิปประมวลผลก็จะลดความเร็วลงมาเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง อย่างไรก็ตามถือว่าทำได้ดีกว่าหลายๆ รุ่นที่สเปกใกล้เคียงกันแล้วล่ะ
ASUS ZenBook Duo UX481 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Duo UX 481 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุ 4440mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode และปิดในส่วนของ ScreenPad Plus ลงด้วย (แน่นอนว่าถ้าเปิดน่าจะกินแบตเตอรี่มากกว่านี้)
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 97 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 66 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Duo UX 481 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ แม้ชิปประมวลผลจะดูว่าร้อน แต่ก็สามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตรเหมือน Gen 8 ส่วนการ์ดจอี่ถือว่าเย็นสบายๆ เลย
Conclusion / Award
อีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คที่ได้มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง ASUS ZenBook Duo UX481 เป็นโน๊ตบุ๊คพรีเมียมเน้นบางเบา ให้ความล้ำหน้ากว่าใครๆ ด้วยหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เน้นประสบการณ์ใช้งานประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมชนกับโน๊ตบุ๊คระดับท็อปในทุกๆ แบรนด์ โดดเด่นกับความใหญ่และใช้งานได้จริงๆ พร้อมด้วยหน้าจอหลักที่ใช้งานร่วมกับหน้าจอรองแบบ 14″ + 12.6″ ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับโน๊ตบุ๊คในตลาดประเทศไทย แสดงผลสีสันได้ระดับมืออาชีพ
ที่มีความเจ๋งยิ่งกว่าตรงที่ชิปประมวลผลมีรุ่น Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U และการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 ที่สามารถใช้งานได้ลื่นไหล รองรับการทำงานประมวลผลที่หนักๆ หรือหลากหลายพร้อมๆ กัน และความบันเทิงทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด จากความแรงของมันทำให้เหมือนเราต่อจอแยกใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ หรือถ้าไม่ใช้ก็ปิดการใช้งานได้ตามความสะดวก สนนราคาเริ่มแค่ 34,990 – 39,990 บาท นับว่าไม่แพงเลย มื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอเดียวปกติทั่วไป
ส่วนสเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มด้วยแรมขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB – 1TB รองรับงานทั่วไปลื่นไม่มีสะดุดด้วยประสิทธิภาพที่สูง สนับสนุนการทำงานหนักๆ ประมวลผลเยอะหน่อย เปิดหลายๆ โปรแกรมก็เอาอยู่ ส่วนการเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมออนไลน์ที่ความละเอียด Full HD ก็พอได้เลย เรียกได้ว่าจะทำงานหรือความบันเทิง หรือทำพร้อมๆ กันก็ได้หมด
บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงระบบระบายความร้อนที่ดีแบบเอาอยู่ (แม้ว่าจะร้อนไปซักหน่อย) แน่นอนว่ามี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งาน อีกทั้ง ScreenPad Plus ก็มีรูปแบบและแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกันอย่างลงตัว จะใช้งาน 4 – 5 โปรแกรมก็ปรับแต่งได้ตามความต้องการ ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมงด้วยกัน
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Duo UX481 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพต่อการพกพาได้สะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม พร้อมได้ความก้าวล้ำใช้งานได้ด้วยหน้าจอที่ 2 ต่างจาก Gaming Notebook ที่เน้นความแรงของการ์ดจอเป็นหลัก และรูปลักษณ์ที่ดุดันพร้อมไฟ RGB หลากสีสัน ฉะนั้นถ้าใครจะซื้อมาเน้นเล่นเกมเป็นหลัก มองข้ามตัวนี้ไปเลย แนะนำเป็นตระกูล ROG Strix G531 จะเหมาะกว่า ส่วนประกันก็มาตรฐานด้วยระยะเวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก ที่เราสามารถฝากเคลม – รับคืนผ่านทางร้าน 7-11 ได้
เอาว่าถ้าใครเน้นทำงานแบบได้ Productivity เยอะที่สุดด้วยสองหน้าจอ พร้อมพกพาไปนอกสถานที่ได้ และต้องการความแรงของชิปประมวลผลสูงๆ โดยที่บางโอกาสก็เล่นเกมบ้าง ASUS ZenBook Duo UX481 ก็ตอบโจทย์เป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังล้ำหน้าด้วย ScreenPad Plus ที่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งานอีกด้วย แม้ราคาจะสูงกว่าโน๊ตบุ๊คที่สเปกใกล้เคียงกันแต่ก็ไม่แพงกว่าอะไรขนาดนั้น สำหรับคนที่ต้องการความสดใหม่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตามอุณหภูมิตัวเครื่องจะสูงหน่อยเวลาใช้งานหนักๆ แต่ได้ความแรงที่โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊ค Core i Gen 10 + MX250 ด้วยกัน ถือว่าโอเลยทีเดียว
จุดเด่น
- ติดตั้งหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คไปตลอดกาล
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ + 12.6″ คุณภาพสูง ความละเอียด Full HD สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่ง
- ด้วยการใช้งาน 2 หน้าจอร่วมกัน ทำให้เราสามรถเปิดโปรแกรมและมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี NanoEdge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น
- หน้าจอแสดงผลขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB มีความผิดเพี้ยนน้อยมาก
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i Gen 10 + MX250 + RAM 16GB + SSD 512GB
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟใช้งานได้จริง กดเด้งรับกับนิ้วเป็นอย่างดี
- วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว สวยงามทนทาน ระดับ Military Standard
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อม IR Cameraใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- มีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX ใหม่ล่าสุด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 10 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- บันเดิลซอฟต์เคสพรีเมียมและปากกามาให้
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกใกล้เคียงกัน แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- ความร้อนค่อนข้างสูง จากการที่เป็นสเปก แต่ก็แรงกว่ารุ่นใกล้เคียงกัน
- หน้าจอหลัก 14″ ไม่รองรับการทัชสกรีน เหมือนจอรอง 12.6″
- ความร้อนชิปประมวลผลค่อนข้างสูง แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- SSD ที่ให้มา ความเร็วน้อยไปนิด ถ้าแรงกว่านี้จะเยี่ยมมาก
- พอร์ตการเชื่อมต่อไม่มีมาตรฐาน Thunderbolt 3 มาให้
- ต้องปรับตัวกับรูปแบบของคีย์บอร์ดและทัชแพดซักพัก
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Duo UX481 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS ZenBook Duo UX481 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Intel Core i Gen 10 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 16GB และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe ความจุ 512GB / 1TB ทีทั้งใหญ่โต และให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ IPS Full HD แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ZenBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ZenBook Duo UX481 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ สีตัวเครื่องอย่าง Celestial Blue ลักษณะโทนสีน้ำเงิน ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ชัดเจน มีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลหลักของ ASUS ZenBook Duo UX481 ที่เป็นหน้าจอขนาด 14″ บนความละเอียด Full HD ให้ค่าขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% พร้อมจอที่สอง ScreenPad Plus ขนาด 12.6″ เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียน สนับสนุนการทำงานหลากหลายโปรแกรม ส่งผลให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด
VDO Review
Specification
สเปกของ ASUS ZenBook Duo UX481 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง พร้อม ScreenPad Plus ขนาด 12.6″ ความละเอียด 1920 x 515 พิกเซล พาเนล IPS รองรับ Touchscreen และ ASUS Active Stylus Pen ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX250 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB / 1TB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา ASUS ZenBook Duo UX481 รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวมีราคากลางอยู่ที่ 34,990 บาท ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้
- i5-10210U / MX250/ RAM 16GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / MX250/ RAM 16GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro UX481 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่า ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่เป็นรุ่นพี่อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาทเพียง 1.5 กิโลกรัม และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น นอกจากนี้ ASUS ZenBook Pro UX481 ยังบันเดิลของมาสุดพิเศษ อย่างซองหนังพรีเมียมสีขาวสะอาดภายในเป็นกำมะหยีที่ดูดีมากๆ อีกด้วย
การออกแบบดีไซน์ได้อย่างลงตัวดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบมุมเป็นเหลี่ยม มิติโดยรวมเป็นแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันเป็น Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใคร ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
ตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาแสดงถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรในด้านดีไซน์ฝาหลังใช้ลวดลายเป็นวงกลมล้อมรอบโลโก้ ASUS แต่ถูกขยับไปทางด้านขวา มีอีกจุดที่ทำมาได้น่าสนใจมากคือบานพับแบบ ErgoLift ที่เมื่อกางหน้าจอออก ตัวบานพับก็จะหนุนเครื่องให้ลาดเอียงขึ้นไปอีก (ทำมุมได้สูงสุดในทุกรุ่น)
ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้พิมพ์งาน รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และช่วยเพิ่มพลังเสียงให้กับลำโพงภายในจาก Harman / Kardon ได้อีกด้วย ส่วนช่องระบายอากาศซ่อนอยู่ใต้หน้าจออีก 1 แถวยาว โดยเป็นช่องที่ใช้ระบายความร้อนจากภายใน ส่วนช่องดูดลมจากภายนอกเข้าไปข้างในจะอยู่ที่ฝาด้านล่างของตัวเครื่อง
สำหรับตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง จากการที่ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดได้มีการติดตั้ง ScreenPad Plus เอาไว้นั่นเอง เรียกได้ว่ามีแนวคิดแบบเดียวกับ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เลย แต่มีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดและเบากว่า โดยแป้นพิมพ์มีการตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เต็มที่ มีไฟ LED สีขาว แม้รูปแบบจะดูแปลกๆ หน่อยแต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
สรุปดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Duo UX481 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง บอกได้เลยใครเอาไปใช้งานนนอกสถานที่ต้องมีคนเดินเข้ามาทักแน่นอน
Keyboard / Touchpad
เมื่อมีจอที่สองเกินขึ้น สำหรับ ASUS ZenBook Duo UX481 ก็ได้มีการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ไว้ติดตั้ง ScreeenPad Plus โดยแป้นพิมพ์มีการตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวปุ่มเป็นพลาสติกสี Celestial Blue เข้ากับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีขาวตัดกับปุ่ม ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.5 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี เพื่อให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบายในการพิมพ์ กดแรงๆ ก็ไม่มีอาการแป้นยวบให้เห็นแต่อย่างใด แถมมีไฟ Backlit สามารถปรับได้ 3 ระดับ พร้อมกันนั้นปุ่มแถวบนยังจัดเต็มด้วย Hot Key มากมาย
ดีไซน์ทัชแพดแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมากส่วนเหนือปุ่มทัชแพดจะมีปุ่มสลับหน้าต่างขึ้นลง และปุ่มปิดเปิด ScreenPad Plus อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้งานจริงๆ คงต้องปรับตัวซะหน่อยทั้งคีย์บอร์ดและทัชแพด เพราะข้อมือของเราต้องโดนขอบเครื่องตรงๆ
Screen / Speaker
ASUS ZenBook Duo UX481 มีจุดเด่นอย่างขอบหน้าจอ NanoEdge ให้พื้นกว่า 90% มีขนาดความบางเฉียบซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีมิติเล็กลงไปอีก ได้ติดตั้งหน้าจอหลักเป็นแบบด้าน ได้พาเนล IPS ขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล มาตรฐาน Full HD ซึ่งให้คุณภาพสูงในการแสดงสีสันพร้อมรองรับ HDR ให้ความเรียบเนียนสุดๆ โดยให้ขอบเขตของสีระดับใกล้เคียง 100% sRGB จริงๆ และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ไม่ว่ามองจากมุมไหนสีสันไม่มีเพี้ยนแน่นอน
รวมไปถึงยังมีตัวเลือกเป็นหน้าจอทัชสกรีน พร้อมรองรับ ASUS Active Stylus Pen หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยมาก่อนในตลาดของโน๊ตบุ๊คประเทศไทยเลย อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วย IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 90% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ทั้งหมดในตลาด ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูงและแม่นยำอย่างที่สุด ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับสูงเช่นกัน ทำให้เมื่อนำไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรง ที่เน้นความเป็นมืออาชีพก็สามารถไว้ใจได้อย่างสบายๆ ว่าสีถูกต้องแน่นอน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 250 cd/m2 แต่สำหรับช่องซ้ายบนจะมีแสงสว่างลดลงที่ระดับ 9% ปิดท้ายด้วยคะแนนรวมทุกด้าน ได้ 4 คะแนน เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite นับว่าได้เป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพหน้าจอที่ดีสุดในตลาด ณ ตอนนี้ก็ได้
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ScreenPad Plus
จอ ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งนิ้วและปากกา บนความละเอียดที่ 1920 x 515 พิกเซล อันเป็นเอกลักษณ์ของ ZenBook Duo นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินและใช้งานจอภาพทั้งสองบนโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่องได้อย่างเต็มความสามารถ หน้าจอสัมผัสขนาดอัตราส่วน 32:9 เหนือคีย์บอร์ดเพิ่มเนื้อที่การทำงานของจอภาพ ในขณะที่ยังคงรูปแบบโน๊ตบุ๊ค
โดยสามารถใช้งานจอ ScreenPad Plus ได้เสมือนเป็นจอแสดงผลที่สองของ Windows 10 ใช้แสดงภาพ หรือใช้ฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาผู้ใช้ด้วยซอฟท์แวร์ ScreenXpert ซึ่งช่วยให้การใช้งานหลายๆหน้าต่างและแอพลิเคชั่นเป็นเรื่องง่าย รวมถึงปุ่มลัดคอนโทรลอย่าง App Switcher, ViewMax และ App Navigator ที่สามารถใช้งานโต้ตอบข้ามหน้าจอระหว่างหน้าจอหลัก และ ScreenPad Plus ผู้ใช้สามารถเริ่มโหมดการทำงานเปิดโปรแกรมหลายโปรแกรมได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถลากแอพพลิเคชั่น, แถบเครื่องมือ หรือเมนูไปยังจอ ScreenPad Plus เพื่อลดความยุ่งเหยิงของหน้าจอหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น กลุ่มครีเอเตอร์สามารถเชื่อมต่อเครื่องมือในการทำงาน เช่น ตัวอย่างวีดีโอ. การควบคุมไทม์ไลน์, รหัสวินโดวส์ หรือพาแนลเสียงเข้ากับ ScreenPad Plus เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด และเมื่อใช้งานแอพลิเคชั่นทางด้านโซเชียลบน ScreenPad Plus ก็ยังช่วยให้สามารถติดตามข่าวสารและตอบข้อความได้ทันทีในขณะทำงานโดยไม่จำเป็นต้องสลับหน้าต่างไปมา
ASUS ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาซอฟแวร์ต่างๆ รวมถึง Corel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของ ScreenPad Plus ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม แอพลิเคชั่นบนวินโดวส์ทุกชนิดสามารถใช้งานบนจอ ScreenPad Plus ได้โดยไม่ต้องมีเวอร์ชั่นเฉพาะรองรับ สำหรับการใช้ปากกาสไตลัสที่ให้มากับเครื่องหรือปากกาสไตลัสรุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้งานกับจอ ScreenPad Plus ได้อย่างเสถียร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือวาดภาพ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Duo UX 481 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่มีพอร์ตมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, และ USB 3.1 Type-C จำนวน 1 พอร์ต อีกทั้งยังมี micro-SD Card Reader พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ZenBook Duo UX481 มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 1.5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 14″ ตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเหมือนกันถือว่าหนักและหนากว่าเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่จากฟีเจอร์ล้ำๆ มากมาย แต่ก็โดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 65 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่แตกต่างจาก Ultrabook ทั่วไปที่เน้นความบางเบา
Performance / Software
ASUS ZenBook Duo UX 481 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i5-10210U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.60 – 4.20 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB DDR3L 2133MHz ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m แต่ก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1644 MB/s และเขียนที่ 881 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับกลางๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,236 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกใกล้เคียงกัน โดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันที่ไม่มีการ์ดจอแยกนั่นเอง แถมได้แรมมา 16GB อีกด้วย
ทดสอบเกมสำหรับ ASUS ZenBook Pro UX481 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 50 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 18 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) ในส่วนของเกมอื่นๆ อย่าง Overwatch / PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 74 / 28 ซึ่งช่วงต่ำสุดจะอยู่ที่ 53/17 นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน จากการที่เครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินปกติเวลาใช้งานหนักๆ ตัวชิปประมวลผลก็จะลดความเร็วลงมาเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง อย่างไรก็ตามถือว่าทำได้ดีกว่าหลายๆ รุ่นที่สเปกใกล้เคียงกันแล้วล่ะ
ASUS ZenBook Duo UX481 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Duo UX 481 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุ 4440mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode และปิดในส่วนของ ScreenPad Plus ลงด้วย (แน่นอนว่าถ้าเปิดน่าจะกินแบตเตอรี่มากกว่านี้)
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 97 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 66 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Duo UX 481 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ แม้ชิปประมวลผลจะดูว่าร้อน แต่ก็สามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตรเหมือน Gen 8 ส่วนการ์ดจอี่ถือว่าเย็นสบายๆ เลย
Conclusion / Award
อีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คที่ได้มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง ASUS ZenBook Duo UX481 เป็นโน๊ตบุ๊คพรีเมียมเน้นบางเบา ให้ความล้ำหน้ากว่าใครๆ ด้วยหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เน้นประสบการณ์ใช้งานประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมชนกับโน๊ตบุ๊คระดับท็อปในทุกๆ แบรนด์ โดดเด่นกับความใหญ่และใช้งานได้จริงๆ พร้อมด้วยหน้าจอหลักที่ใช้งานร่วมกับหน้าจอรองแบบ 14″ + 12.6″ ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับโน๊ตบุ๊คในตลาดประเทศไทย แสดงผลสีสันได้ระดับมืออาชีพ
ที่มีความเจ๋งยิ่งกว่าตรงที่ชิปประมวลผลมีรุ่น Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U และการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 ที่สามารถใช้งานได้ลื่นไหล รองรับการทำงานประมวลผลที่หนักๆ หรือหลากหลายพร้อมๆ กัน และความบันเทิงทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด จากความแรงของมันทำให้เหมือนเราต่อจอแยกใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ หรือถ้าไม่ใช้ก็ปิดการใช้งานได้ตามความสะดวก สนนราคาเริ่มแค่ 34,990 – 39,990 บาท นับว่าไม่แพงเลย มื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอเดียวปกติทั่วไป
ส่วนสเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มด้วยแรมขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB – 1TB รองรับงานทั่วไปลื่นไม่มีสะดุดด้วยประสิทธิภาพที่สูง สนับสนุนการทำงานหนักๆ ประมวลผลเยอะหน่อย เปิดหลายๆ โปรแกรมก็เอาอยู่ ส่วนการเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมออนไลน์ที่ความละเอียด Full HD ก็พอได้เลย เรียกได้ว่าจะทำงานหรือความบันเทิง หรือทำพร้อมๆ กันก็ได้หมด
บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงระบบระบายความร้อนที่ดีแบบเอาอยู่ (แม้ว่าจะร้อนไปซักหน่อย) แน่นอนว่ามี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งาน อีกทั้ง ScreenPad Plus ก็มีรูปแบบและแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกันอย่างลงตัว จะใช้งาน 4 – 5 โปรแกรมก็ปรับแต่งได้ตามความต้องการ ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมงด้วยกัน
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Duo UX481 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพต่อการพกพาได้สะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม พร้อมได้ความก้าวล้ำใช้งานได้ด้วยหน้าจอที่ 2 ต่างจาก Gaming Notebook ที่เน้นความแรงของการ์ดจอเป็นหลัก และรูปลักษณ์ที่ดุดันพร้อมไฟ RGB หลากสีสัน ฉะนั้นถ้าใครจะซื้อมาเน้นเล่นเกมเป็นหลัก มองข้ามตัวนี้ไปเลย แนะนำเป็นตระกูล ROG Strix G531 จะเหมาะกว่า ส่วนประกันก็มาตรฐานด้วยระยะเวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก ที่เราสามารถฝากเคลม – รับคืนผ่านทางร้าน 7-11 ได้
เอาว่าถ้าใครเน้นทำงานแบบได้ Productivity เยอะที่สุดด้วยสองหน้าจอ พร้อมพกพาไปนอกสถานที่ได้ และต้องการความแรงของชิปประมวลผลสูงๆ โดยที่บางโอกาสก็เล่นเกมบ้าง ASUS ZenBook Duo UX481 ก็ตอบโจทย์เป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังล้ำหน้าด้วย ScreenPad Plus ที่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งานอีกด้วย แม้ราคาจะสูงกว่าโน๊ตบุ๊คที่สเปกใกล้เคียงกันแต่ก็ไม่แพงกว่าอะไรขนาดนั้น สำหรับคนที่ต้องการความสดใหม่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตามอุณหภูมิตัวเครื่องจะสูงหน่อยเวลาใช้งานหนักๆ แต่ได้ความแรงที่โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊ค Core i Gen 10 + MX250 ด้วยกัน ถือว่าโอเลยทีเดียว
จุดเด่น
- ติดตั้งหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คไปตลอดกาล
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ + 12.6″ คุณภาพสูง ความละเอียด Full HD สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่ง
- ด้วยการใช้งาน 2 หน้าจอร่วมกัน ทำให้เราสามรถเปิดโปรแกรมและมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี NanoEdge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น
- หน้าจอแสดงผลขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB มีความผิดเพี้ยนน้อยมาก
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i Gen 10 + MX250 + RAM 16GB + SSD 512GB
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟใช้งานได้จริง กดเด้งรับกับนิ้วเป็นอย่างดี
- วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว สวยงามทนทาน ระดับ Military Standard
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อม IR Cameraใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- มีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX ใหม่ล่าสุด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 10 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- บันเดิลซอฟต์เคสพรีเมียมและปากกามาให้
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คสเปกใกล้เคียงกัน แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- ความร้อนค่อนข้างสูง จากการที่เป็นสเปก แต่ก็แรงกว่ารุ่นใกล้เคียงกัน
- หน้าจอหลัก 14″ ไม่รองรับการทัชสกรีน เหมือนจอรอง 12.6″
- ความร้อนชิปประมวลผลค่อนข้างสูง แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- SSD ที่ให้มา ความเร็วน้อยไปนิด ถ้าแรงกว่านี้จะเยี่ยมมาก
- พอร์ตการเชื่อมต่อไม่มีมาตรฐาน Thunderbolt 3 มาให้
- ต้องปรับตัวกับรูปแบบของคีย์บอร์ดและทัชแพดซักพัก
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Duo UX481 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS ZenBook Duo UX481 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Intel Core i Gen 10 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 16GB และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe ความจุ 512GB / 1TB ทีทั้งใหญ่โต และให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ IPS Full HD แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ZenBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ZenBook Duo UX481 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ สีตัวเครื่องอย่าง Celestial Blue ลักษณะโทนสีน้ำเงิน ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ชัดเจน มีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลหลักของ ASUS ZenBook Duo UX481 ที่เป็นหน้าจอขนาด 14″ บนความละเอียด Full HD ให้ค่าขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% พร้อมจอที่สอง ScreenPad Plus ขนาด 12.6″ เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียน สนับสนุนการทำงานหลากหลายโปรแกรม ส่งผลให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด