ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำ ถือว่าเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2019 ก็ว่าได้ ซึ่งมาพร้อมกับ ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อนอย่าง ScreenPad ที่ทัชแพดเป็นหน้าจอที่สอง มาพร้อมสเปกแรงลื่นด้วย Intel Core i7-9750H + GeForce RTX 2060 + RAM 32GB + SSD 1TB พร้อมจอ OLED 4K ขนาด 15.6″ + 14″ IPS รองรับการทัชสกรีนทั้งคู่ และมีปากกาในชุดบันเดิลทันที ในราคา 89,990 บาท ส่วนรุ่นสเปกที่ได้เป็น Core i9-9980HK จะมีราคาอยู่ที่ 109,990 บาท ประกัน 2 ปีตามสไตล์ของ ASUS
การมาของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ทำเอาตลาดโน๊ตบุ๊คสั่นสะเทือนกันอีกครั้ง โดยเป็นโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานที่หลากหลายพร้อมๆ กันอย่างแท้จริง ด้วย ScreenPad Plus โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาหน้าจอภายนอกมาเชื่อมต่อแต่อย่างใด เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ โดยอยู่ใต้หน้าจอหลัก ส่วนการใช้งานก็หลากหลายมากๆ จะเป็นหน้าจอที่สองเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือจะใช้งานเป็นส่วนของเครื่องมือโปรแกรมนั้นๆ รวมไปถึงลงแอปเพิ่มเติมได้อีก ทำให้ในการใช้งานของเรานั้นมีความหยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คตัวไหนบนโลกทำได้มาก่อน
VDO Review
Specification
ในเรื่องของสเปก ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นั้น แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น ชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และ Core i9-9980HK ที่ในเรื่องของประสิทธิภาพความแรงหายห่วงได้ เมื่อเล่นเกมหรือประมวลผลหนักๆ รวมถึงรองรับการทำงานที่หลากหลายพร้อมๆ กันก็ทำได้อย่างดีที่สุด ซึ่งรุ่นที่เราได้รับมาทดสอบนั้นเป็นรุ่น Intel Core i7-9750H สนนราคาที่ 89,990 บาท ส่วนรุ่น Core i9-9980HK จะมีราคาอยู่ที่ 109,990 บาท โดยแตกต่างกันแค่สเปกของชิปประมวลผลเท่านั้น
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอแยกที่ติดมาให้นั้นจะเป็น NVIDIA GeForce RTX2060 (6GB GDDR6) ที่มีความแรงพอตัว เล่นเกมได้ลื่นและสนับสนุนหน้าจอความละเอียดสูง แรมก็ให้มา 32GB DDR4 แบบ 16GB x 2 ส่วน SSD M.2 NVMe มีมาให้ความจุ 1TB ทั้งใหญ่และแรง โดยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหรูหราระดับสูงสุดของทาง ASUS ก็ว่าได้
ที่สำคัญเลยก็คือใช้จอหลักเป็นมาตรฐานใหม่ OLED ขนาด 15.6″ ที่แสดงสีสันได้ดีเยี่ยมสุดของหน้าจอปัจจุบัน บนความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K และจอที่สอง ScreenPad Plus ได้ขนาดที่ 14″ บนความละเอียด 3840 x 1100 พิกเซล ซึ่งทั้ง 2 หน้าจอนี้รองรับการทัชสกรีนจากนิ้ว และปากกาไว้วาดขีดเขียนจากทาง ASUS ที่บันเดิลมาด้วย
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้น มีมาอย่างครบครัน ทั้ง USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, HDMI, ช่องต่อหูฟัง และ Thunderbolt 3 อีก 1 พอร์ต ส่งผลให้การใช้งานนั้นครอบคลุม ที่สำคัญยังมาพร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 รุ่นล่าสุดดีที่สุด แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย
- Core i7-9750H / RTX 2060 / RAM 32GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 89,990 บาท
- Core i9-9980HK / RTX 2060 / RAM 32GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 109,990 บาท
นอกจากนี้ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ยังบันเดิลของมาสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น Plam Rest ที่รองข้อมือต่อจากแป้นคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีแท่นรองตัวเครื่องที่สามารถพับเก็บไปมาได้ โดยออกแบบมาไม่ให้บังช่องลมด้านใต้ตัวเครื่อง บอกได้เลยว่า ASUS ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาทเพียง 2.5 กิโลกรัม และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น
ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว พร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง โดยมีการเพิ่มคำว่า ZenBook Series ลงไป ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำมิติเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย พร้อมกับติดตั้งไฟ LED หลากสีแสดงสถานะการทำงานเอาไว้ด้วย โดยสามารถใช้กับ Alexa ได้อีกด้วย
ซึ่งการออกแบบออกมาได้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบมุมเป็นเหลี่ยม มิติโดยรวมเป็นแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันเป็น Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใคร ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
ตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาแสดงถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรในด้านดีไซน์ฝาหลังใช้ลวดลายเป็นวงกลมล้อมรอบโลโก้ ASUS แต่ถูกขยับไปทางด้านขวา มีอีกจุดที่ทำมาได้น่าสนใจมากคือบานพับแบบ ErgoLift ที่เมื่อกางหน้าจอออก ตัวบานพับก็จะหนุนเครื่องให้ลาดเอียงขึ้นไปอีก (ทำมุมได้สูงสุดในทุกรุ่น)
ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้พิมพ์งาน รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และช่วยเพิ่มพลังเสียงให้กับลำโพงภายในจาก Harman / Kardon ได้อีกด้วย ส่วนช่องระบายอากาศก็จะมีอยู่ทั้งสองฝั่งซ้ายขวาของตัวเครื่อง พร้อมซ่อนอยู่ใต้หน้าจออีก 1 แถวยาว โดยเป็นช่องที่ใช้ระบายความร้อนจากภายใน ส่วนช่องดูดลมจากภายนอกเข้าไปข้างในจะอยู่ที่ฝาด้านล่างของตัวเครื่อง
สำหรับตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง จากการที่ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดได้มีการติดตั้ง ScreenPad Plus เอาไว้นั่นเอง เรียกได้ว่ามีแนวคิดแบบเดียวกับ ASUS ROG ZEPHYRUS S เลย แต่เปลี่ยนจากชุดระบายความร้อนเป็นหน้าจอแทนที่ โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 และ ASUS ZenBook Duo การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เต็มที่ มีไฟ LED สีขาว แม้รูปแบบจะดูแปลกๆ หน่อยแต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
Keyboard / Touchpad
เมื่อมีจอที่สองเกินขึ้น สำหรับ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ก็ได้มีการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ไว้ติดตั้ง ScreeenPad Plus ซึ่งจริงๆ นั้นทาง ASUS ได้ติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบจัดเต็มเอาไว้ด้วยด้านล่าง โดยมีช่องขนาดเล็กทำหน้าที่ดูดลมเย็นลงไปให้ผ่านทางฮีต์ไปป์ เรียกได้ว่างานประณีตละเอียดดีจริงๆ
โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวปุ่มเป็นพลาสติกสี Celestial Blue เข้ากับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีขาวตัดกับปุ่ม ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.5 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี้ เพื่อให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบายในการพิมพ์ กดแรงๆ ก็ไม่มีอาการแป้นยวบให้เห็นแต่อย่างใด แถมมีไฟ Backlit สามารถปรับได้ 3 ระดับ พร้อมกันนั้นปุ่มแถวบนยังจัดเต็มด้วย Hot Key มากมาย
ดีไซน์ทัชแพดแบบ NumberPad นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิก โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกเหนือจากนั้นทัชแพดยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบของปุ่ม NumPad ได้ ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า ASUS สามารถที่จะใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด ส่วนเหนือปุ่มทัชแพดจะมีปุ่ม Turbo มาให้ เพื่อให้เครื่องทำงาน 100% และปุ่มปิดเปิด ScreenPad Plus อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้งานจริงๆ คงต้องปรับตัวซะหน่อยทั้งคีย์บอร์ดและทัชแพด เพราะข้อมือของเราต้องโดนขอบเครื่องตรงๆ แต่จริงๆ ASUS ก็มี Plam Rest มาให้อยู่แล้ว เราก็สามารถนำมาวางต่อได้ทันที
Screen / Speaker
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีจุดเด่นอย่างขอบหน้าจอ NanoEdge มีขนาดความบางเฉียบซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีมิติเล็กลงไปอีก ได้ติดตั้งหน้าจอหลักเป็นแบบกระจกเทคโนโลยี OLED (Organic light-emitting diode) ขนาด 15.6″ ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K ซึ่งให้คุณภาพสูงมากในการแสดงสีสันพร้อมรองรับ HDR ให้ความเรียบเนียนสุดๆ โดยให้ขอบเขตของสีระดับ 100% sRGB จริงๆ และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ไม่ว่ามองจากมุมไหนสีสันไม่มีเพี้ยนแน่นอน
รวมไปถึงยังมีตัวเลือกเป็นหน้าจอทัชสกรีน พร้อมรองรับ ASUS Pen อีกด้วย หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยมาก่อนในตลาดของโน๊ตบุ๊คประเทศไทยเลย อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วย IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพด้วยอุปกรณ์ Spyder5Elite แบบละเอียด ของหน้าจอของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอเทคโนโลยี OLED ที่ได้มาตราฐานการแสดงสีสันที่เหนือชั้นกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คพาเนล IPS ทั่วไปที่เป็นแบบ LED Backlight ซึ่งในการแสดงสีสันที่สดใสมากๆ อย่างสีขาวก็สว่างสุดๆ และสีดำก็มีความลึกดำที่สุด ให้ความสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสำหรับโน๊ตบุ๊คที่ผ่านมาทั้งหมด รองรับทั้งการทำงานที่จริงจัง รวมไปถึงความบันเทิง ซึ่งสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้นได้
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ทั้งหมดในตลาด ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูงและแม่นยำอย่างที่สุด ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 350 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับสูงเช่นกัน ทำให้เมื่อนำไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรง ที่เน้นความเป็นมืออาชีพก็สามารถไว้ใจได้อย่างสบายๆ ว่าสีถูกต้องแน่นอน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถวบบมุมซ้ายจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 350 cd/m2 แต่สำหรับช่องแถวกลางด้านขวาจะมีแสงสว่างลดลงที่ระดับ 14% ปิดท้ายด้วยคะแนนรวมทุกด้าน ได้ 4 คะแนน เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite นับว่าได้เป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพหน้าจอที่ดีสุดในตลาด ณ ตอนนี้ก็ได้
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ScreenPad Plus
จอ ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีน บนความคมชัดระดับ 4K ที่ 3840 x 1100 พิกเซล อันเป็นเอกลักษณ์ของ ZenBook Pro Duo นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินและใช้งานจอภาพทั้งสองบนโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่องได้อย่างเต็มความสามารถ หน้าจอสัมผัสขนาดอัตราส่วน 32:9 เหนือคีย์บอร์ดเพิ่มเนื้อที่การทำงานของจอภาพ ในขณะที่ยังคงรูปแบบโน๊ตบุ๊ค
โดยสามารถใช้งานจอ ScreenPad Plus ได้เสมือนเป็นจอแสดงผลที่สองของ Windows 10 ใช้แสดงภาพ หรือใช้ฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาผู้ใช้ด้วยซอฟท์แวร์ ScreenXpert ซึ่งช่วยให้การใช้งานหลายๆหน้าต่างและแอพลิเคชั่นเป็นเรื่องง่าย รวมถึงปุ่มลัดคอนโทรลอย่าง App Switcher, ViewMax และ App Navigator ที่สามารถใช้งานโต้ตอบข้ามหน้าจอระหว่างหน้าจอหลัก และ ScreenPad Plus ผู้ใช้สามารถเริ่มโหมดการทำงานเปิดโปรแกรมหลายโปรแกรมได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถลากแอพพลิเคชั่น, แถบเครื่องมือ หรือเมนูไปยังจอ ScreenPad Plus เพื่อลดความยุ่งเหยิงของหน้าจอหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น กลุ่มครีเอเตอร์สามารถเชื่อมต่อเครื่องมือในการทำงาน เช่น ตัวอย่างวีดีโอ. การควบคุมไทม์ไลน์, รหัสวินโดวส์ หรือพาแนลเสียงเข้ากับ ScreenPad Plus เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด และเมื่อใช้งานแอพลิเคชั่นทางด้านโซเชียลบน ScreenPad Plus ก็ยังช่วยให้สามารถติดตามข่าวสารและตอบข้อความได้ทันทีในขณะทำงานโดยไม่จำเป็นต้องสลับหน้าต่างไปมา
ASUS ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาซอฟแวร์ต่างๆ รวมถึง Corel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของ ScreenPad Plus ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม แอพลิเคชั่นบนวินโดวส์ทุกชนิดสามารถใช้งานบนจอ ScreenPad Plus ได้โดยไม่ต้องมีเวอร์ชั่นเฉพาะรองรับ สำหรับการใช้ปากกาสไตลัสที่ให้มากับเครื่องหรือปากกาสไตลัสรุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้งานกับจอ ScreenPad Plus ได้อย่างเสถียร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือวาดภาพ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, และ USB 3.1 Type-C จำนวน 1 พอร์ต (Pro Duo UX581 จะเป็น Thunderbolt 3) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเหมือนกันถือว่าหนักและหนากว่าเล็กน้อย ที่รับได้อยู่จากฟีเจอร์ล้ำๆ มากมาย แต่ก็โดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 150 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร
Performance / Software
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i7-9750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Thread มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 16GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมหรือทำงานบน ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU ทรงพลังจาก Intel Core i Gen 9 ตระกูล H มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้เป็น 100 FPS
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3328MB/s และเขียนที่ 2391MB/s จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับสูงที่ดีทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,954 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยม + – 60 FPS บนความละเอียดที่ปรับเป็น Full HD (ถ้าปรับ UHD อาจจะปรับกราฟิกได้ไม่สุด) ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้ไม่เต็มที่นัก แม้จะใช้แรม 32GB DDR4 ซึ่งดูเหลือๆ ในการใช้งานทุกอย่าง ส่วน SSD NVMe ที่ให้มานั้นความเร็วถือว่าดีเยี่ยมมากๆ
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เลือกปิดฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing ที่แม้ทำให้ภาพสวยงามแบบสุดๆ แต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่เกือบๆ 70 – 100 + ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน จากการทดสอบใช้งานจริง สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ จากการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต เชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode อย่างไรก็ตามถือว่าใช้งานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแล้วล่ะ อย่างลืมว่านี่ใช้ชิปเป็น Core i7 + RTX 2060 พร้อม 2 หน้าจอนะ คาดว่าอาจจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่ 100% ยาวนาน จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียสสำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจออยู่ที่ 81 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581เ ครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ที่แม้ว่ามีอุณหภูมิที่สูงระดับ 100 องศาอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด รวมไปถึงตัวเครื่องก็ไม่ได้ร้อนจนรบกวนการใช้งานด้วย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่า ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เป็นโน๊ตบุ๊คโน๊ตบุ๊คสายหรูหรา ให้ความล้ำหน้ากว่าใครๆ ด้วยหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เน้นประสบการณ์ใช้งานประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมชนกับโน๊ตบุ๊คระดับท็อปในทุกๆ แบรนด์ โดดเด่นกับความใหญ่และใช้งานได้จริงๆ พร้อมด้วยหน้าจอหลักที่เป็นเทคโนโลยี OLED ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับโน๊ตบุ๊คในตลาดประเทศไทย แสดงผลสีสันได้ขั้นเทพอย่างที่สุด
ที่มีความเจ๋งยิ่งกว่าตรงที่ชิปประมวลผลมีรุ่น Core i9-9980HK เป็นตัวเลือก และการ์ดจอ RTX 2060 ที่สามารถใช้งานได้ลื่นไหล รองรับการทำงานประมวลผลที่หนักๆ หรือหลากหลายพร้อมๆ กัน และความบันเทิงทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด จากความแรงของมันทำให้เหมือนเรายก Desktop PC สเปกเทพๆ ไปใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ
ส่วนสเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มด้วยแรมขนาด 32GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB รองรับงานทั่วไปลื่นไม่มีสะดุด หรืองานหนักๆ ประมวลผลเยอะ เปิดหลายๆ โปรแกรมก็เอาอยู่ ส่วนการเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นปรับแค่ Full HD ก็พอ เพราะ Ultra HD อาจจะไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร
บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงระบบระบายความร้อนที่ดีแบบเอาอยู่ (แม้ว่าจะร้อนไปซักหน่อย) แน่นอนว่ามี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งาน อีกทั้ง ScreenPad Plus ก็มีรูปแบบและแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกันอย่างลงตัว จะใช้งาน 4 – 5 โปรแกรมก็ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังที่เน้นประสิทธิภาพการประมวลและความก้าวล้ำใช้งานได้ด้วยหน้าจอที่ 2 ต่างจาก Gaming Notebook ที่เน้นความแรงของการ์ดจอเป็นหลัก และรูปลักษณ์ที่ดุดันพร้อมไฟ RGB หลากสีสัน ฉะนั้นถ้าใครจะซื้อมาเน้นเล่นเกมเป็นหลัก มองข้ามตัวนี้ไปเลย แนะนำเป็นตระกูล ROG จะเหมาะกว่า ส่วนประกันก็มาตรฐานด้วยระยะเวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก ที่เราสามารถฝากเคลม – รับคืนผ่านทางร้าน 7-11 ได้
เอาว่าถ้าใครเน้นทำงานแบบได้ Productivity เยอะที่สุดด้วยสองหน้าจอ พร้อมพกพาไปนอกสถานที่ได้ และต้องการความแรงของชิปประมวลผลสูงๆ โดยที่บางโอกาสก็เล่นเกมบ้างASUS ZenBook Pro Duo UX581 ก็ตอบโจทย์เป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังล้ำหน้าด้วย ScreenPad ที่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งานอีกด้วย กับราคารุ่น Core i7-9750H อยู่ที่ 89,990 บาท ที่ต้องบอกว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับนวัตกรรมที่ได้แบบจัดเต็มอย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ
ASUS ZenBook Duo UX481 ที่จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำเหมือนกัน แต่ได้หน้าจอ 14″ + 12.6″ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊ครุ่นเล็กกว่าแห่งปี 2019 ก็ว่าได้ มาพร้อมกับ ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อนอย่าง ScreenPad ที่ทัชแพดเป็นหน้าจอที่สอง มาพร้อมสเปกใหม่สดอย่าง Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 + GeForce MX250 สนนราคาเริ่มแค่ 34,990 บาท นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอเดียวปกติทั่วไป ที่เดี๋ยวจะมีรีวิวตามมาอีกทีนะครับ
จุดเด่น
- ติดตั้งหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คไปตลอดกาล
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ OLED 15.6 นิ้ว คุณภาพสูง ความละเอียด 4K Ultra HD สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่ง
- ด้วยการใช้งาน 2 หน้าจอร่วมกัน ทำให้เราสามรถเปิดโปรแกรมและมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี NanoEdge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น
- หน้าจอแสดงผลขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB มีความผิดเพี้ยนน้อยมาก
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i7-9750H + RTX 2060 + RAM 32GB + SSD 1TB
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟใช้งานได้จริง กดเด้งรับกับนิ้วเป็นอย่างดี
- วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว สวยงามทนทาน ระดับ Military Standard
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน มี Thunderbolt 3 มาให้
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อม IR Cameraใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- มีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX ใหม่ล่าสุด
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- บันเดิลอุปกรณ์มากมาย อาทิ ปากกา / Plam Rest / แผ่นรองเครื่อง
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- ความร้อนค่อนข้างสูง จากการที่เป็นสเปก Core i7-9750H + RTX 2060
- ความละเอียด 4K Ultra HD ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมในเครื่องนี้
- ความร้อนค่อนข้างสูง แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- ด้วยที่จอเป็นคนละประเภท ทำให้แสดงผลได้มาตรฐานแตกต่างกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 32GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 2666 MHz และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe ความจุ 1TB ทีทั้งใหญ่โต และให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ OLED 4K UHD แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ZenBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ สีบอดี้วยสีสันอย่าง Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใครพร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ZenBook Pro Duo UX5810 ที่เป็นหน้าจอ OLED ขนาด 15.6″ บนความละเอียด Ultra HD ระดับสูง sRGB 100% พร้อมจอที่สอง ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งคู่ ซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียนไม่เห็นรอยหยัก ด้วยการ เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด
VDO Review
Specification
ในเรื่องของสเปก ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นั้น แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น ชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และ Core i9-9980HK ที่ในเรื่องของประสิทธิภาพความแรงหายห่วงได้ เมื่อเล่นเกมหรือประมวลผลหนักๆ รวมถึงรองรับการทำงานที่หลากหลายพร้อมๆ กันก็ทำได้อย่างดีที่สุด ซึ่งรุ่นที่เราได้รับมาทดสอบนั้นเป็นรุ่น Intel Core i7-9750H สนนราคาที่ 89,990 บาท ส่วนรุ่น Core i9-9980HK จะมีราคาอยู่ที่ 109,990 บาท โดยแตกต่างกันแค่สเปกของชิปประมวลผลเท่านั้น
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอแยกที่ติดมาให้นั้นจะเป็น NVIDIA GeForce RTX2060 (6GB GDDR6) ที่มีความแรงพอตัว เล่นเกมได้ลื่นและสนับสนุนหน้าจอความละเอียดสูง แรมก็ให้มา 32GB DDR4 แบบ 16GB x 2 ส่วน SSD M.2 NVMe มีมาให้ความจุ 1TB ทั้งใหญ่และแรง โดยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหรูหราระดับสูงสุดของทาง ASUS ก็ว่าได้
ที่สำคัญเลยก็คือใช้จอหลักเป็นมาตรฐานใหม่ OLED ขนาด 15.6″ ที่แสดงสีสันได้ดีเยี่ยมสุดของหน้าจอปัจจุบัน บนความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K และจอที่สอง ScreenPad Plus ได้ขนาดที่ 14″ บนความละเอียด 3840 x 1100 พิกเซล ซึ่งทั้ง 2 หน้าจอนี้รองรับการทัชสกรีนจากนิ้ว และปากกาไว้วาดขีดเขียนจากทาง ASUS ที่บันเดิลมาด้วย
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้น มีมาอย่างครบครัน ทั้ง USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, HDMI, ช่องต่อหูฟัง และ Thunderbolt 3 อีก 1 พอร์ต ส่งผลให้การใช้งานนั้นครอบคลุม ที่สำคัญยังมาพร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 รุ่นล่าสุดดีที่สุด แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย
- Core i7-9750H / RTX 2060 / RAM 32GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 89,990 บาท
- Core i9-9980HK / RTX 2060 / RAM 32GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 109,990 บาท
นอกจากนี้ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ยังบันเดิลของมาสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น Plam Rest ที่รองข้อมือต่อจากแป้นคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีแท่นรองตัวเครื่องที่สามารถพับเก็บไปมาได้ โดยออกแบบมาไม่ให้บังช่องลมด้านใต้ตัวเครื่อง บอกได้เลยว่า ASUS ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร โดยมีน้ำหนักเบาทเพียง 2.5 กิโลกรัม และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น
ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว พร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง โดยมีการเพิ่มคำว่า ZenBook Series ลงไป ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำมิติเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย พร้อมกับติดตั้งไฟ LED หลากสีแสดงสถานะการทำงานเอาไว้ด้วย โดยสามารถใช้กับ Alexa ได้อีกด้วย
ซึ่งการออกแบบออกมาได้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบมุมเป็นเหลี่ยม มิติโดยรวมเป็นแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันเป็น Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใคร ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
ตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาแสดงถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรในด้านดีไซน์ฝาหลังใช้ลวดลายเป็นวงกลมล้อมรอบโลโก้ ASUS แต่ถูกขยับไปทางด้านขวา มีอีกจุดที่ทำมาได้น่าสนใจมากคือบานพับแบบ ErgoLift ที่เมื่อกางหน้าจอออก ตัวบานพับก็จะหนุนเครื่องให้ลาดเอียงขึ้นไปอีก (ทำมุมได้สูงสุดในทุกรุ่น)
ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้พิมพ์งาน รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และช่วยเพิ่มพลังเสียงให้กับลำโพงภายในจาก Harman / Kardon ได้อีกด้วย ส่วนช่องระบายอากาศก็จะมีอยู่ทั้งสองฝั่งซ้ายขวาของตัวเครื่อง พร้อมซ่อนอยู่ใต้หน้าจออีก 1 แถวยาว โดยเป็นช่องที่ใช้ระบายความร้อนจากภายใน ส่วนช่องดูดลมจากภายนอกเข้าไปข้างในจะอยู่ที่ฝาด้านล่างของตัวเครื่อง
สำหรับตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง จากการที่ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดได้มีการติดตั้ง ScreenPad Plus เอาไว้นั่นเอง เรียกได้ว่ามีแนวคิดแบบเดียวกับ ASUS ROG ZEPHYRUS S เลย แต่เปลี่ยนจากชุดระบายความร้อนเป็นหน้าจอแทนที่ โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 และ ASUS ZenBook Duo การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เต็มที่ มีไฟ LED สีขาว แม้รูปแบบจะดูแปลกๆ หน่อยแต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
Keyboard / Touchpad
เมื่อมีจอที่สองเกินขึ้น สำหรับ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ก็ได้มีการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ไว้ติดตั้ง ScreeenPad Plus ซึ่งจริงๆ นั้นทาง ASUS ได้ติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบจัดเต็มเอาไว้ด้วยด้านล่าง โดยมีช่องขนาดเล็กทำหน้าที่ดูดลมเย็นลงไปให้ผ่านทางฮีต์ไปป์ เรียกได้ว่างานประณีตละเอียดดีจริงๆ
โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวปุ่มเป็นพลาสติกสี Celestial Blue เข้ากับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีขาวตัดกับปุ่ม ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.5 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี้ เพื่อให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบายในการพิมพ์ กดแรงๆ ก็ไม่มีอาการแป้นยวบให้เห็นแต่อย่างใด แถมมีไฟ Backlit สามารถปรับได้ 3 ระดับ พร้อมกันนั้นปุ่มแถวบนยังจัดเต็มด้วย Hot Key มากมาย
ดีไซน์ทัชแพดแบบ NumberPad นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิก โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกเหนือจากนั้นทัชแพดยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบของปุ่ม NumPad ได้ ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า ASUS สามารถที่จะใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด ส่วนเหนือปุ่มทัชแพดจะมีปุ่ม Turbo มาให้ เพื่อให้เครื่องทำงาน 100% และปุ่มปิดเปิด ScreenPad Plus อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้งานจริงๆ คงต้องปรับตัวซะหน่อยทั้งคีย์บอร์ดและทัชแพด เพราะข้อมือของเราต้องโดนขอบเครื่องตรงๆ แต่จริงๆ ASUS ก็มี Plam Rest มาให้อยู่แล้ว เราก็สามารถนำมาวางต่อได้ทันที
Screen / Speaker
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีจุดเด่นอย่างขอบหน้าจอ NanoEdge มีขนาดความบางเฉียบซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีมิติเล็กลงไปอีก ได้ติดตั้งหน้าจอหลักเป็นแบบกระจกเทคโนโลยี OLED (Organic light-emitting diode) ขนาด 15.6″ ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K ซึ่งให้คุณภาพสูงมากในการแสดงสีสันพร้อมรองรับ HDR ให้ความเรียบเนียนสุดๆ โดยให้ขอบเขตของสีระดับ 100% sRGB จริงๆ และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ไม่ว่ามองจากมุมไหนสีสันไม่มีเพี้ยนแน่นอน
รวมไปถึงยังมีตัวเลือกเป็นหน้าจอทัชสกรีน พร้อมรองรับ ASUS Pen อีกด้วย หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยมาก่อนในตลาดของโน๊ตบุ๊คประเทศไทยเลย อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วย IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพด้วยอุปกรณ์ Spyder5Elite แบบละเอียด ของหน้าจอของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอเทคโนโลยี OLED ที่ได้มาตราฐานการแสดงสีสันที่เหนือชั้นกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คพาเนล IPS ทั่วไปที่เป็นแบบ LED Backlight ซึ่งในการแสดงสีสันที่สดใสมากๆ อย่างสีขาวก็สว่างสุดๆ และสีดำก็มีความลึกดำที่สุด ให้ความสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสำหรับโน๊ตบุ๊คที่ผ่านมาทั้งหมด รองรับทั้งการทำงานที่จริงจัง รวมไปถึงความบันเทิง ซึ่งสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้นได้
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ทั้งหมดในตลาด ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูงและแม่นยำอย่างที่สุด ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 350 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับสูงเช่นกัน ทำให้เมื่อนำไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรง ที่เน้นความเป็นมืออาชีพก็สามารถไว้ใจได้อย่างสบายๆ ว่าสีถูกต้องแน่นอน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถวบบมุมซ้ายจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 350 cd/m2 แต่สำหรับช่องแถวกลางด้านขวาจะมีแสงสว่างลดลงที่ระดับ 14% ปิดท้ายด้วยคะแนนรวมทุกด้าน ได้ 4 คะแนน เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite นับว่าได้เป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพหน้าจอที่ดีสุดในตลาด ณ ตอนนี้ก็ได้
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ScreenPad Plus
จอ ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีน บนความคมชัดระดับ 4K ที่ 3840 x 1100 พิกเซล อันเป็นเอกลักษณ์ของ ZenBook Pro Duo นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินและใช้งานจอภาพทั้งสองบนโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่องได้อย่างเต็มความสามารถ หน้าจอสัมผัสขนาดอัตราส่วน 32:9 เหนือคีย์บอร์ดเพิ่มเนื้อที่การทำงานของจอภาพ ในขณะที่ยังคงรูปแบบโน๊ตบุ๊ค
โดยสามารถใช้งานจอ ScreenPad Plus ได้เสมือนเป็นจอแสดงผลที่สองของ Windows 10 ใช้แสดงภาพ หรือใช้ฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาผู้ใช้ด้วยซอฟท์แวร์ ScreenXpert ซึ่งช่วยให้การใช้งานหลายๆหน้าต่างและแอพลิเคชั่นเป็นเรื่องง่าย รวมถึงปุ่มลัดคอนโทรลอย่าง App Switcher, ViewMax และ App Navigator ที่สามารถใช้งานโต้ตอบข้ามหน้าจอระหว่างหน้าจอหลัก และ ScreenPad Plus ผู้ใช้สามารถเริ่มโหมดการทำงานเปิดโปรแกรมหลายโปรแกรมได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถลากแอพพลิเคชั่น, แถบเครื่องมือ หรือเมนูไปยังจอ ScreenPad Plus เพื่อลดความยุ่งเหยิงของหน้าจอหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น กลุ่มครีเอเตอร์สามารถเชื่อมต่อเครื่องมือในการทำงาน เช่น ตัวอย่างวีดีโอ. การควบคุมไทม์ไลน์, รหัสวินโดวส์ หรือพาแนลเสียงเข้ากับ ScreenPad Plus เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด และเมื่อใช้งานแอพลิเคชั่นทางด้านโซเชียลบน ScreenPad Plus ก็ยังช่วยให้สามารถติดตามข่าวสารและตอบข้อความได้ทันทีในขณะทำงานโดยไม่จำเป็นต้องสลับหน้าต่างไปมา
ASUS ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาซอฟแวร์ต่างๆ รวมถึง Corel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของ ScreenPad Plus ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม แอพลิเคชั่นบนวินโดวส์ทุกชนิดสามารถใช้งานบนจอ ScreenPad Plus ได้โดยไม่ต้องมีเวอร์ชั่นเฉพาะรองรับ สำหรับการใช้ปากกาสไตลัสที่ให้มากับเครื่องหรือปากกาสไตลัสรุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้งานกับจอ ScreenPad Plus ได้อย่างเสถียร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือวาดภาพ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Pro Duo UX581 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, และ USB 3.1 Type-C จำนวน 1 พอร์ต (Pro Duo UX581 จะเป็น Thunderbolt 3) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเหมือนกันถือว่าหนักและหนากว่าเล็กน้อย ที่รับได้อยู่จากฟีเจอร์ล้ำๆ มากมาย แต่ก็โดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 150 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร
Performance / Software
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i7-9750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Thread มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 16GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมหรือทำงานบน ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU ทรงพลังจาก Intel Core i Gen 9 ตระกูล H มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้เป็น 100 FPS
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3328MB/s และเขียนที่ 2391MB/s จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับสูงที่ดีทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,954 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยม + – 60 FPS บนความละเอียดที่ปรับเป็น Full HD (ถ้าปรับ UHD อาจจะปรับกราฟิกได้ไม่สุด) ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้ไม่เต็มที่นัก แม้จะใช้แรม 32GB DDR4 ซึ่งดูเหลือๆ ในการใช้งานทุกอย่าง ส่วน SSD NVMe ที่ให้มานั้นความเร็วถือว่าดีเยี่ยมมากๆ
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เลือกปิดฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing ที่แม้ทำให้ภาพสวยงามแบบสุดๆ แต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่เกือบๆ 70 – 100 + ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน จากการทดสอบใช้งานจริง สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ จากการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต เชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode อย่างไรก็ตามถือว่าใช้งานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแล้วล่ะ อย่างลืมว่านี่ใช้ชิปเป็น Core i7 + RTX 2060 พร้อม 2 หน้าจอนะ คาดว่าอาจจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่ 100% ยาวนาน จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียสสำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจออยู่ที่ 81 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581เ ครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ที่แม้ว่ามีอุณหภูมิที่สูงระดับ 100 องศาอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด รวมไปถึงตัวเครื่องก็ไม่ได้ร้อนจนรบกวนการใช้งานด้วย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่า ASUS ZenBook Pro Duo UX581 เป็นโน๊ตบุ๊คโน๊ตบุ๊คสายหรูหรา ให้ความล้ำหน้ากว่าใครๆ ด้วยหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เน้นประสบการณ์ใช้งานประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมชนกับโน๊ตบุ๊คระดับท็อปในทุกๆ แบรนด์ โดดเด่นกับความใหญ่และใช้งานได้จริงๆ พร้อมด้วยหน้าจอหลักที่เป็นเทคโนโลยี OLED ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับโน๊ตบุ๊คในตลาดประเทศไทย แสดงผลสีสันได้ขั้นเทพอย่างที่สุด
ที่มีความเจ๋งยิ่งกว่าตรงที่ชิปประมวลผลมีรุ่น Core i9-9980HK เป็นตัวเลือก และการ์ดจอ RTX 2060 ที่สามารถใช้งานได้ลื่นไหล รองรับการทำงานประมวลผลที่หนักๆ หรือหลากหลายพร้อมๆ กัน และความบันเทิงทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด จากความแรงของมันทำให้เหมือนเรายก Desktop PC สเปกเทพๆ ไปใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ
ส่วนสเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มด้วยแรมขนาด 32GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB รองรับงานทั่วไปลื่นไม่มีสะดุด หรืองานหนักๆ ประมวลผลเยอะ เปิดหลายๆ โปรแกรมก็เอาอยู่ ส่วนการเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นปรับแค่ Full HD ก็พอ เพราะ Ultra HD อาจจะไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร
บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงระบบระบายความร้อนที่ดีแบบเอาอยู่ (แม้ว่าจะร้อนไปซักหน่อย) แน่นอนว่ามี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งาน อีกทั้ง ScreenPad Plus ก็มีรูปแบบและแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกันอย่างลงตัว จะใช้งาน 4 – 5 โปรแกรมก็ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังที่เน้นประสิทธิภาพการประมวลและความก้าวล้ำใช้งานได้ด้วยหน้าจอที่ 2 ต่างจาก Gaming Notebook ที่เน้นความแรงของการ์ดจอเป็นหลัก และรูปลักษณ์ที่ดุดันพร้อมไฟ RGB หลากสีสัน ฉะนั้นถ้าใครจะซื้อมาเน้นเล่นเกมเป็นหลัก มองข้ามตัวนี้ไปเลย แนะนำเป็นตระกูล ROG จะเหมาะกว่า ส่วนประกันก็มาตรฐานด้วยระยะเวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก ที่เราสามารถฝากเคลม – รับคืนผ่านทางร้าน 7-11 ได้
เอาว่าถ้าใครเน้นทำงานแบบได้ Productivity เยอะที่สุดด้วยสองหน้าจอ พร้อมพกพาไปนอกสถานที่ได้ และต้องการความแรงของชิปประมวลผลสูงๆ โดยที่บางโอกาสก็เล่นเกมบ้างASUS ZenBook Pro Duo UX581 ก็ตอบโจทย์เป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังล้ำหน้าด้วย ScreenPad ที่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งานอีกด้วย กับราคารุ่น Core i7-9750H อยู่ที่ 89,990 บาท ที่ต้องบอกว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับนวัตกรรมที่ได้แบบจัดเต็มอย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ
ASUS ZenBook Duo UX481 ที่จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำเหมือนกัน แต่ได้หน้าจอ 14″ + 12.6″ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊ครุ่นเล็กกว่าแห่งปี 2019 ก็ว่าได้ มาพร้อมกับ ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อนอย่าง ScreenPad ที่ทัชแพดเป็นหน้าจอที่สอง มาพร้อมสเปกใหม่สดอย่าง Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 + GeForce MX250 สนนราคาเริ่มแค่ 34,990 บาท นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอเดียวปกติทั่วไป ที่เดี๋ยวจะมีรีวิวตามมาอีกทีนะครับ
จุดเด่น
- ติดตั้งหน้าจอที่สอง ScreenPad Plus เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คไปตลอดกาล
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ OLED 15.6 นิ้ว คุณภาพสูง ความละเอียด 4K Ultra HD สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่ง
- ด้วยการใช้งาน 2 หน้าจอร่วมกัน ทำให้เราสามรถเปิดโปรแกรมและมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี NanoEdge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น
- หน้าจอแสดงผลขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB มีความผิดเพี้ยนน้อยมาก
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i7-9750H + RTX 2060 + RAM 32GB + SSD 1TB
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟใช้งานได้จริง กดเด้งรับกับนิ้วเป็นอย่างดี
- วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว สวยงามทนทาน ระดับ Military Standard
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน มี Thunderbolt 3 มาให้
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อม IR Cameraใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- มีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX ใหม่ล่าสุด
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- บันเดิลอุปกรณ์มากมาย อาทิ ปากกา / Plam Rest / แผ่นรองเครื่อง
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- ความร้อนค่อนข้างสูง จากการที่เป็นสเปก Core i7-9750H + RTX 2060
- ความละเอียด 4K Ultra HD ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมในเครื่องนี้
- ความร้อนค่อนข้างสูง แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- ด้วยที่จอเป็นคนละประเภท ทำให้แสดงผลได้มาตรฐานแตกต่างกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS ZenBook Pro Duo UX581 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 32GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 2666 MHz และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe ความจุ 1TB ทีทั้งใหญ่โต และให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ OLED 4K UHD แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ZenBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ สีบอดี้วยสีสันอย่าง Celestial Blue ลักษณะสีน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไปที่ไม่เหมือนใครพร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ZenBook Pro Duo UX5810 ที่เป็นหน้าจอ OLED ขนาด 15.6″ บนความละเอียด Ultra HD ระดับสูง sRGB 100% พร้อมจอที่สอง ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีนทั้งคู่ ซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียนไม่เห็นรอยหยัก ด้วยการ เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด