หลังจากที่ MSI ได้เปิดตัว Prestige 14 และ 15 โน๊ตบุ๊คสำหรับสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้งานในด้านการสร้างคอนเทนต์และความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้ CPU Intel 10th Generation ตัวล่าสุด มาเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนให้กับโน๊ตบุ๊คเป็นครั้งแรกของโลก กับทาง Intel ในงาน IFA เมื่อวันที่ 6-11 กันยายน ที่ผ่านมา ในส่วนของสเปกเต็มๆ ที่ขายในไทยแบ่งออกด้วยกันเป็น 3 รุ่น คือ Prestige 14 จำนวน 1 รุ่น และ Prestige 15 จำนวน 2 รุ่น ดังต่อไปนี้
- Prestige 14 : i7-10710U / GTX 1650 Max-Q / RAM 16GB / SSD 512GB / 14″ Full HD ราคา 43,900 บาท
- Prestige 15 : i7-10710U / GTX 1650 Max-Q / RAM 16GB / SSD 1TB / 15.6″ Full HD ราคา 47,900 บาท
- Prestige 15 : i7-10710U / GTX 1650 Max-Q / RAM 32GB / SSD 1TB / 15.6″ Ultra HD ราคา 59,900 บาท
โดยในซีรี่ส์ MSI Prestige 14 และ 15 รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่ง CPU ที่ใช้ในรุ่น Prestige 14 และ 15 เป็น CPU ที่มีแกนประมวลผลมากถึง 6 คอร์ จาก CPU Intel 10th Generation ตัวล่าสุด, พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ True Pixel ที่จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เติมเต็มประสบการณ์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานได้มากยิ่งขึ้น
โน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์ขับเคลื่อนโดยขุมพลังที่มีประสิทธิภาพ ให้คุณได้สัมผัสกับช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์อย่างไร้ที่ติ
MSI Prestige 14 และ 15 มี หน่วยประมวลผล Intel® Core™ i7 10th Generation ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการทำงานและยังมีการปรับปรุงด้านการประมวลผลข้อมูลให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น MSI Prestige 14 และ 15 มีการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถทำงานรวมกันกับซอฟต์แวร์อย่าง Creator Center ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ใช้งานจึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานทั้งในรูปแบบ 2D และ ที่ต้องมีการใช้งานโปรแกรมหลายๆตัวพร้อมกันได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมกับเหล่า ยูทูปเบอร์, ช่างภาพ, อนิเมเตอร์ และนักดนตรีมากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ในการใช้งานโปรแกรมต่างๆที่ต้องผ่านการประมวลผลด้วยการ์ดจอ NVIDIA® GeForce® GTX 16 Series ในโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige ตัวล่าสุดนี้สามารถให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลความละเอียดวีดีโอในระดับ 4K ได้ราบรื่นกว่าเดิมอย่างมาก โดยเฉพาะในรุ่น Prestige 15 ที่มาพร้อมความเร็วที่มากขึ้นถึง 4 เท่า
สู่โลกแห่งความสมจริง กับหน้าจอแสดงผลแบบ True Pixel เติมเต็มประสบการณ์ในด้านภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักออกแบบ ก็คือความคมชัดรวมถึงความแม่นยำของสีในระดับที่สูงและใกล้เคียงที่สุด ทำให้การสร้างสรรค์ผลงานสามารถทำได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ True Pixel ของ MSI Prestige ซึ่งมีความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K UHD
พร้อมการตั้งค่าสีด้วยฟีเจอร์ True Color เพื่อให้สีสันมีความแม่นยำตรงกับใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ด้วยมาตรฐาน 100% AdobeRGB ทำให้การแสดงผลของสีที่มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยมาตรฐานความแม่นยำของสีที่เป็นที่ยอมรับกันในอุตสาหกรรมชั้นนำอย่าง Delta-E<2 ที่จะช่วยการันตีว่าสีที่ได้นั้น มีความถูกต้องและแม่นยำแน่นอน หน้าจอ True Pixel ทั้งหมดของ MSI นั้น ยังได้รับประกันคุณภาพจากการตรวจสอบของมาตรฐานระดับโลกอย่าง CalMAN เพื่อการแสดงผลของภาพที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
MSI Prestige 14 และ 15 นี้ยังมาพร้อมหน้าจอที่มีขอบบางที่เรียกว่า Thin-Bezel ซึ่งมีส่วนช่วยให้หน้าจอ True Pixel ตัวใหม่นั้น มีสัดส่วนที่เหมาะสมต่อการใช้งานผ่านจอ แบบ Thin-Bezel ได้ถึง 90% เลยทีเดียว
Prestige Series ด้วยประสิทธิภาพ และภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัย พร้อมการออกแบบที่ใส่ใจในเพื่อให้คุณทำงานได้อย่างคล่องตัว
ด้วยการออกแบบที่เน้นให้มีน้ำหนักเบา ช่วยให้ผู้ใช้งาน MSI Prestige จึงทำให้สามารถพกพาโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องที่ทำจากอลูมิเนียมเคลือบพื้นผิวด้วยเนื้อทรายขัดละเอียด ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาแค่เพียง 1.2 และ 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น
MSI ซีรี่ส์ Prestige เป็นผู้ช่วยชั้นดีของเหล่าครีเอเตอร์ โดย MSI ได้คำนึงถึงประโยชน์ของผู้ใช้งาน เริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบเพื่อให้เข้ากับหลักสรีรศาสตร์, แป้นพิมพ์ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ไวขึ้น นอกจากนี้บานพับของหน้าจอยังสามารถกางออกได้กว้างถึง 180 องศา เพื่อที่ว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีที่สุดในการนำเสนอผลงานนั่นเอง
ตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบหรู เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ใช้งานที่จะได้เลือกสิ่งที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเองมากที่สุด เพื่อให้สมกับชื่อซีรี่ส์ Prestige ที่แสดงออกถึงความมีระดับของการเป็นผู้นำในด้านความคิดสร้างสรรค์ และจากการออกแบบที่พิถีพิถันนั้น ตัวเครื่องสี Carbon Gray ของ Prestige 14 และ 15 มีตกแต่งรายละเอียดบริเวณขอบด้วยเทคโนโลยี diamond-cutting สีฟ้าสดใส เสริมให้เห็นถึงจิตวิญญาณของผู้ใช้งานที่มีความเป็นครีเอเตอร์ผสมกับความเป็นบิสเนสยูเซอร์ได้อย่างชัดเจน
แบตเตอรี่ยาวนานถึง 16 ชั่วโมงเพื่อตอบสนองการใช้งานด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีขีดจำกัด
ครีเอเตอร์นอกจากจะได้รับประสิทธิภาพในการทำงานและขนาดหน้าจอที่เพิ่มขึ้น และยังรวมถึงระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานสูงสุดถึง 16 ชั่วโมง*(ใช้งานในโหมด Super battery ECO Mode) โดยการผู้ทำงานด้านการออกแบบส่วนใหญ่ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับการใช้งานของโน๊ตบุ๊คสำหรับพวกเขานั้นก็คือ ระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานของแบตเตอรี่
หลายคนที่ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ใน Prestige ตัวล่าสุดนี้ ต่างก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า สามารถใช้พลังงานได้อย่างยาวนานสมกับเป็นโน๊ตบุ๊คของชาวครีเอเตอร์อย่างแท้จริง และนั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่ทาง MSI ออกแบบให้ซีรี่ส์ Prestige ตัวล่าสุดนี้มีระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่าปกตินั่นเอง
ในส่วนของการเชื่อมต่อ ทั้ง Prestige 14 และ 15 มาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt™ 3 เสริมประสิทธิภาพในความเร็วของการโอนถ่ายข้อมูลด้วยการประมวลผลจาก CPU Intel® Core™ 10th Generation ตัวล่าสุด ซึ่งทำให้พอร์ตการเชื่อมต่อสารพัดประโยชน์นี้มีความรวดเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อน และที่สำคัญนั้น ยังมาพร้อมกับมาตรฐาน Wi-Fi 6 ตัวใหม่ล่าสุด สำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณแบบไร้สายที่เร็วกว่ามาตรฐานก่อนหน้าถึง 3 เท่าตัว
MSI Prestige 14 และ 15 เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานด้านคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากที่สุดเครื่องหนึ่งในปัจจุบัน ทำให้ MSI ซีรี่ส์ Prestige ใหม่ล่าสุดนี้ จะทำให้คุณได้สัมผัสกับช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ที่ไร้ที่ติ ไว้ยังไงเร็วๆ นี้มีโอกาสแอดมินโป้งจะมารีวิว MSI Prestige 14 และ 15 กันเต็มๆ อีกทีครับ บอกได้เลยว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว