ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue จัดว่าเป็น Gaming Notebook สายบางเบาที่สุดในโลกรุ่นล่าสุด ที่ได้สีสันที่แตกต่าง ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนที่เป็น สีดำ Brushed Black รุ่นที่นำมารีวิวเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 สเปกอื่นๆ จัดเต็มด้วยแรมขนาด 16GB และได้ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB พร้อมหน้าจอ IPS 240Hz โดยมีราคาอยู่ที่ 59,990 บาท (หรือรุ่นการ์ดจอ RTX 2070 จะมีราคาอยู่ที่ 69,990 บาท) ได้ประสิทธิภาพความแรงที่พอตัว เล่นเกมได้ลื่นๆ ทุกเกมแน่นอน
เรียกได้ทำให้เป็น Gaming Notebook ที่ตอบโจทย์ทุกๆ การใช้งานอย่างแท้จริง โดยได้ทั้งประสิทธิภาพที่ทรงพลังและน้ำหนักตัวเครื่องที่บางเบาไปพร้อมๆ กัน โดยบางสุดเพียง 18.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.0 กิโลกรัมเท่านั้น ใครจะเอาไปเล่นเกมก็เยี่ยมยอดจากสเปกที่แรงลื่น หรือเอาไว้ทำงานก็สบายๆ ด้วยดีไซน์ที่พกพาสะดวก นอกจากนี้ฟีเจอร์อื่นๆ ก็ยังจัดเต็ม ซึ่งในซีรีส์ ZEPHYRUS ที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบา ในตอนนี้จะมีอยู่ 3 ซีรีส์ด้วยกันคือ ZEPHYRUS G , ZEPHYRUS M และ ZEPHYRUS S รุ่นที่เรานำมารีวิวนั่นเอง
VDO Review
Coming Soon
Specification
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H รุ่นยอดนิยม ทำงานความเร็ว 2.6 – 4.5 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด แตกต่างกันที่การติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 หรือ RTX 2070 (รุ่นที่ได้รับมารีวิว) ให้ความแรงที่พอเพียงเหลือเฟือในการเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบลื่นไหล ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz มีที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 NVMe PCIE 3.0 ความจุ 512GB หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS รองรับ 240Hz 3ms ทำงานมืออาชีพ เล่นเกมตอบสนอง
ความบางสุดของตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.0 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ไม่เกิน 2.5 กิโลกรัมแน่นอน ถ้าลองย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ใครจะเชื่อละว่าจะมี Gaming Notebook ที่เบาและบางขนาดนี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Mini DisplayPort, HDMI
พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac 2×2 (Wi-Fi 5) สนนราคา ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เหมือนกันกับรุ่นที่เป็นสี Brushed Black โดยอยู่ที่ 59,990 – 69,990 บาท แบ่งเป็น 2 รุ่นชัดเจนคือ RTX 2060 / RTX 2070 ได้ประกัน 2 ปี สามารถเคลมฝากผ่านร้าน 7-11 ได้ และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น
- Core i7-9750H + RTX 2060 + RAM 16GB + SSD 512GB ราคา 59,990 บาท
- Core i7-9750H + RTX 2070 + RAM 16GB + SSD 512GB ราคา 69,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มาพร้อมแรงบันดาลใจจาก ASUS ROG ZEPHYRUS Series รุ่นต่างๆ มาต่อยอดรวมกัน ที่มีความโดดเด่นแต่ไม่เตะตาจนเกินไป ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีความโค้งเว้าใดๆ ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุโลหะที่แข็งแรงทนทานอย่างแม็กนีเซียมอัลลอยด์และพลาสติก มาในโทนสีสันฟ้าอ่อนๆ ออกสีเงินตลอดทั้งตัวเครื่อง ขอบของตัวเครื่องรวมไปถึงขอบด้านหลังนั้นถูกออกแบบมุมมาเป็นอย่างดีมีคำว่า ZEPHYRUS
ซึ่งฝาหลังจะถูกออกแบบให้มีความเรียบง่ายด้วยลวดลายโลหะแบบขัดลายตลอดทั้งฝาหลัง ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 2 โซน พร้อมด้วยด้วยโลโก้ ROG สีเงินที่มีไฟสีแดง LED ที่จะติดก็ต่อเมื่อเปิดเครื่อง ถือว่าหลายส่วนนั้นเป็นการต่อยอดมาจาก ROG รุ่นก่อนหน้า แถมทำได้ดีกว่าเพราะเป็นการพัฒนาต่อยอด ด้วยชิ้นส่วนประกบทั้งด้านบนและล่างถูกขึ้นรูปอย่างบรรจงจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแกร่ง ให้ความทนทานและหรูหราไปพร้อมๆ กัน ทั้งหมดนี้จากกระบวนการขึ้นรูป CNC ด้วยเครื่องจักรที่ทำได้ยาก
จุดเด่นที่สุดซึ่งนั่นเป็นความภูมิใจของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ที่เป็น Gaming Notebook ตัวบางเบาแต่ประสิทธิภาพความแรงไม่แพ้โน๊ตบุ๊ครุ่นที่หนาๆ หนักๆ เลย จากการติดตั้งการ์ดจอระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 (หรือ RTX 2070) ที่ตอบสนองทั้งการเล่นเกมระดับ AAA ที่ลื่นไหล รวมไปถึงการประมวลผลหนักๆ อย่างงานประมวลผล 3 มิติ ซึ่งตัวเครื่องของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 นั้นจะมีความบางอยู่ที่ 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พกพาใส่กระเป๋าเป้ได้สะดวกสบายไม่เป็นรอง Ultrabook เลยล่ะ
แถมน้ำหนักของตัวเครื่องก็อยู่ที่ 2 กิโลกรัม ทำให้เป็นโน้ตบุ๊ตเล่นเกมการ์ดจอตัวแรงที่สามารถพกพาได้สะดวกมากๆ ไม่ต่างจากโน๊ตบุ๊คสายบางเบาที่เน้นการพกพาเลย แต่นี่ได้ความแรงกราฟิกแบบเหลือเฟือด้วย อย่างที่โน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ทั่วไปไม่เคยให้ได้มาก่อน เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทั้งเรื่องการเล่นเกมสมกับ ROG พร้อมด้วยการทำงานแบบจริงจังจบในเครื่องเดียว ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย ที่สำคัญคือมีนวัตกรรมของระบบระบายความร้อนแบบอากาศพลศาสตร์ (Active Aerodynamic System – AAS) เปิดช่องว่างให้อากาศไหลเวียนมากขึ้นถึง 22% พร้อมไฟ RGB ส่องสว่างออกมาเมื่อเปิดฝาขึ้น ตัวเครื่องจะยกขึ้นเพื่อเพิ่มอากาศเย็นไหลผ่านผ่านโดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 3 ช่องด้านล่างใต้เครื่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ติดตั้งด้านหลังด้วยช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 4 ช่อง (หลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละช่อง) หนาแน่นด้วยฟินกว่า 205 ครีบ
พร้อม 2 สองพัดลมขนาดใหญ่ ที่มีกว่า 83 ใบ ทำงานร่วมกับฮีตต์ไปป์ 6 เส้น พร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต โดยมีซอฟต์แวร์ ROG Armory Crate สามารถสลับระหว่างโหมดการทำงานของพัดลม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดเสียงรบกวนจากพัดลมได้เป็นอย่างดีรวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ
สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์ของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook แรงลื่น และบางเบาได้อย่างลงตัว หรือคนทำงานที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง เน้นการทำงานระดับมืออาชีพ ที่จะเอาไปประมวลผลหนักๆ เช่นงาน 3D ตัดต่อวีดีอก็เอาอยู่แบบสบายๆ
ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตระกูล ZEPHYRUS S รุ่นก่อนๆ ที่สำคัญคือได้สเปกที่แรงขึ้นด้วย และด้วยสีสัน Glacier Blue ก็ยังเป็นตัวเลือกที่แตกต่างจากหลายๆ แบรนด์โน๊ตบุ๊คอีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เป็น Per-Key RGB Gaming Keyboard สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ พร้อมแป้นที่ใหญ่พิเศษ ตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กันแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง
ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่ม ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ด้วยฟีเจอร์ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Turbo mode สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode เพื่อความสมดุลในการใช้งาน
Screen / Speaker
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบเพียง 6.2 มิลลิเมตร คิดเป็นสัดส่วนคือ 81% ทั้งขอบด้านข้างและด้านบนบางเท่าๆ กัน ทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม (ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง) โดดเด่นด้วยหน้าจอสุดเทพขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงที่ได้ PANTONE-validated พร้อมเทคโนโลยี Asus’s ProArt TruColor ได้ในเรื่องของสีสันที่สมจริงเหนือชั้นกว่า Notebook ทั่วไป รวมไปถึงรองการแสดงผลที่ 240Hz ซึ่งทำงานร่วมกับ NVIDIA G-SYNC อีกด้วย เรียกได้หาได้ยากให้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาดปี 2019
ทดสอบหน้าจอของASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ที่แม้จะเป็นพาเนล IPS แต่ก็มีหลายเกณฑ์ โดยการดูประสิทธิภาพต่างๆ นแต่ละด้าน ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 90% และ AdobeRGB 70% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีเขียวและสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับกลางๆ ค่อนไปทางดี ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพหน่อยก็ทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 250 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมขวาบนเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 10% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูงด้วย Smart AMP ASUS Sonic Studio พร้อมมีการ์ดเสียงในตัวอย่าง ESS SABRE DAC และรองรับ Hi-Res Audio certified ที่น้อยรุ่นที่จะติดตั้งมา Gaming Notebook เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue กันบ้าง ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็น Gaming Notebook บางเบาที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่องทั้งหมด มีทั้ง USB 3.1 Type-A (Gen 1) จำนวน 3 พอร์ต, USB 3.1 Gen2 Type-C with DisplayPort 1.4 (รองรับ USB Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Wireless แบบ 802.11 ac 2×2 หรือเรียกว่ามาตราฐาน Wi-Fi 5 ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 360 x 252 x 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.0 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 180 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว
Performance / Software
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i7-9750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Thread มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 16GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU ทรงพลังจาก Intel Core i Gen 9 ตระกูล H มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้เป็น 100 FPS
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1719MB/s และเขียนที่ 895MB/s ส่วนตัวถ้าใส่ NVMe ที่เร็วระดับ 3xxx MB/s มาจะดีมากๆ เหมาะกับ Gaming Notebook ระดับนี้มากกว่า
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,954 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook ที่สเปกใกล้เคียงกัน น่าทำคะแนนได้ดีกว่านี้
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาแบบมีข้อสังเกต โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้ไม่เต็มที่นัก แม้จะใช้แรม 16GB DDR4 ซึ่งดูเหลือๆ ในการใช้งานทุกอย่าง ส่วน SSD NVMe ที่ให้มานั้นก็ความเร็วน้อยไปหน่อย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เลือกปิดฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing ที่แม้ทำให้ภาพสวยงามแบบสุดๆ แต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่เกือบๆ 70 – 80 – 100 ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ก็น่าจะทำได้ลื่นไหลกว่านี้
และด้วยพาเนล IPS แบบ 240Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 240Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
ซอฟต์แวร์ Armoury Crate ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆของระบบรวมไปถึงการปรับแต่งไฟด้วย Aura Sync นั้นทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว หรือผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้มากถึงสี่โปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆจะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต
นอกจากนี้ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 4800mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 6:40 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ และอาจจะยาวนานกว่านี้ก็ได้อยู่ที่ลักษณะการใช้งานจริงๆ ของแต่ละคนอีกที
ที่สำคัญยังเป็น Gaming Notebook ที่รองรับ USB Power Delivery (พอร์ตทางขวาของตัวเครื่อง ฟอร์มคือ USB-C) ทำให้ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue สามาถชาร์จไฟจากอุปกรณ์สำรองไฟภายนอกได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปลั๊กไฟอีกต่อไป รองรับระบบชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จไฟกลับให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นได้โดยมีกำลังไฟสูงสุดถึง 3A และยังสามารถพกพาไปทำงานได้ทุกวันด้วยอแดปเตอร์ 65W ขนาดเล็ก ที่เบาและสะดวกสบายยิ่งกว่า หรือแม้แต่ใช้ Power Bank ที่รองรับในการใช้ USB Power Delivery ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 40 – 45 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมด Turbo
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 89 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 74 องศาเซลเซียสโดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา แน่นอนว่ามากกว่า Gaming Notebook ในสเปกเดียวกัน สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึง แต่ถ้าใช้งานปกติทั่วไป เรียกว่าแทบจะเงิียบก็ว่าได้
Conclusion / Award
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue นั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ให้ความแตกต่างเรื่องของสีสัน ตอบโจทย์การเล่นเกมเน้นความบางเบา ให้การพกพาที่สะดวกสบาย พร้อมรองรับการใช้งานระดับมืออาชีพที่หลากหลาย จากประสิทธิภาพที่แรงลื่น โดยมีน้ำหนักแค่ 2 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย โดยมีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย ถ้าใครจะใช้งานต้องหาซื้อมาเชื่อมต่อเอง
การมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 Coffee Lake ทรงประสิทธิภาพและการ์ดจอตัวเทพ NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่แรงพอตัว ประกอบกับใช้หน่วยความจำแรม DDR4 ที่ 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ได้ความเร็วน้อยไปหน่อย) สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Active Aerodynamic System ที่ถึงสเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานเกือบๆ 7 ชั่วโมง ในการใช้งานทั่วไป
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมดทำให้มีความแข็งแรงทนทาน โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน ด้วยการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ ROG ZEPHYRUS Series ที่ไม่ใช่แค่เป็น Gaming Notebook ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานเรื่องเล่นเกม แต่ความบางเบาก็สามารถไปด้วยกันได้
สำหรับคนที่กำลังมองหา Gaming Notebook ที่สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึง ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ถือว่าตัวเลือกที่ดีในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดที่แรงเพียงพอกับทุกเกมในตลาด พร้อมจอพาเนล IPS 240Hz ซึ่งเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดของ Gaming Notebook ในตลาดที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ไม่แค่นั้นเรื่องระบบระบายความร้อนก็ทำได้ดี ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 59,990 – 69,990 บาทเหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว ถ้าในพูดถึงคงเป็นเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อ ที่ไหนๆ ก็เป็น ZEPHYRUS รุ่นพี่สุดแล้ว เป็นไปได้ก็ควรติดตั้ง Thunderbolt 3 มาให้เลยก็จะดีมากๆ ไว้รองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงในอนาคต ส่วนเรื่องคงเป็น SSD M.2 NVMe ที่ติดตั้งมาให้ แม้ว่าจะมีความเร็วกว่า SATA 3 แล้ว แต่ยังไม่ได้รุ่นระดับสูง ดูได้จากความเร็วในการเขียนอ่าน ที่ไม่ได้จัดเต็มระดับ 3,xxx MB/s – 2,xxxMB/s รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทดสอบและเล่นเกมโดยรวมก็ได้เฟรมเรทน้อยไปหน่อย เหมือนบางแบรนด์ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน สุดท้ายกับวัสดุน่าจะเป็นโลหะทั้งหมดไปเลยเพื่อความพรีเมียมอย่างที่สุดนั่นเอง
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์พันธุ์ ROG งานประกอบแน่นวัสดุดี
- ตัวเครื่องมีความบางเบามากๆ เพียง 18.9 มิลลิเมตรและหนักเพียง 2 กิโลกรัม
- สีสันใหม่ Glacier Blue ไม่ซ้ำใคร
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-9750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060
- ส่วนของแรมก็ขนาด 16GB DDR4 พร้อม SSD ความจุ 512GB
- หน้าจอ IPS มุมมองกว้าง พร้อม Refresh Rate 240Hz แสดงผลได้ลื่นไหล
- ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC
- ระดับเสียงจัดเต็มด้วย Smart AMP ASUS Sonic Studio / ESS SABRE DAC
- ด้วย AAS ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน
- คีย์บอร์ดและช่องดูดลมเย็นมีไฟหลากสี ด้วย ROG AURA RGB
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานยาวนานเกือบ 7 ชั่วโมง
- รองรับ USB Power Delivery ทำให้ชาร์จไฟได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 พร้อมประกันอุบัติเหตุปีแรก
ข้อสังเกต
- ไม่มีมาตรฐานพอร์ต Thunderbolt 3 ถ้ามีจะดีมากๆ
- น่าจะให้ SSD M.2 NVMe เกรดสูงกว่านี้ที่เป็นระดับ 3xxx MB/s มา
- จากสเปกที่ติดตั้งมาในส่วนของประสิทธิภาพน่าจะแรงกว่านี้อีกหน่อย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย ดีไซน์ความบางตัวเครื่องที่เบาซึ่งและการ์ดจอ GeForce RTX 2060 ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน ตัวคีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วย ROG AURA RGB อีกทั้งมีนวัตกรรมอย่าง Active Aerodynamic System (AAS) โดยเมื่อยกหน้าจอของตัวเครื่องขึ้นก็จะเป็นการเปิดช่องลมพิเศษบริเวณด้านใต้ของตัวเครื่องเพื่อให้ดึงลมเย็นเข้าภายในได้มากขึ้น เช่นเดียวกันกับ AAS บน Zephyrus Sที่เปิดช่องลมให้มากขึ้นถึง 5มม. ตลอดทั้งแนวด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อให้ได้ปริมาณไหลเวียนของอากาศที่มากขึ้น
Best Performance
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 16GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 2666 MHz และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 512GB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ IPS พร้อม Refresh Rate 240 Hz แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบที่ 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 2 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมไปถึงแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานเกือบ 7 ชั่วโมง ถือว่าดีกว่ามาตรฐานในโน๊ตบุ๊คสเปกใกล้เคียงกัน พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ USB PD ด้วย ผ่านทาง USB-C
VDO Review
Coming Soon
Specification
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H รุ่นยอดนิยม ทำงานความเร็ว 2.6 – 4.5 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด แตกต่างกันที่การติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 หรือ RTX 2070 (รุ่นที่ได้รับมารีวิว) ให้ความแรงที่พอเพียงเหลือเฟือในการเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบลื่นไหล ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz มีที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 NVMe PCIE 3.0 ความจุ 512GB หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS รองรับ 240Hz 3ms ทำงานมืออาชีพ เล่นเกมตอบสนอง
ความบางสุดของตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.0 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ไม่เกิน 2.5 กิโลกรัมแน่นอน ถ้าลองย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ใครจะเชื่อละว่าจะมี Gaming Notebook ที่เบาและบางขนาดนี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Mini DisplayPort, HDMI
พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac 2×2 (Wi-Fi 5) สนนราคา ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เหมือนกันกับรุ่นที่เป็นสี Brushed Black โดยอยู่ที่ 59,990 – 69,990 บาท แบ่งเป็น 2 รุ่นชัดเจนคือ RTX 2060 / RTX 2070 ได้ประกัน 2 ปี สามารถเคลมฝากผ่านร้าน 7-11 ได้ และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น
- Core i7-9750H + RTX 2060 + RAM 16GB + SSD 512GB ราคา 59,990 บาท
- Core i7-9750H + RTX 2070 + RAM 16GB + SSD 512GB ราคา 69,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มาพร้อมแรงบันดาลใจจาก ASUS ROG ZEPHYRUS Series รุ่นต่างๆ มาต่อยอดรวมกัน ที่มีความโดดเด่นแต่ไม่เตะตาจนเกินไป ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีความโค้งเว้าใดๆ ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุโลหะที่แข็งแรงทนทานอย่างแม็กนีเซียมอัลลอยด์และพลาสติก มาในโทนสีสันฟ้าอ่อนๆ ออกสีเงินตลอดทั้งตัวเครื่อง ขอบของตัวเครื่องรวมไปถึงขอบด้านหลังนั้นถูกออกแบบมุมมาเป็นอย่างดีมีคำว่า ZEPHYRUS
ซึ่งฝาหลังจะถูกออกแบบให้มีความเรียบง่ายด้วยลวดลายโลหะแบบขัดลายตลอดทั้งฝาหลัง ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 2 โซน พร้อมด้วยด้วยโลโก้ ROG สีเงินที่มีไฟสีแดง LED ที่จะติดก็ต่อเมื่อเปิดเครื่อง ถือว่าหลายส่วนนั้นเป็นการต่อยอดมาจาก ROG รุ่นก่อนหน้า แถมทำได้ดีกว่าเพราะเป็นการพัฒนาต่อยอด ด้วยชิ้นส่วนประกบทั้งด้านบนและล่างถูกขึ้นรูปอย่างบรรจงจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแกร่ง ให้ความทนทานและหรูหราไปพร้อมๆ กัน ทั้งหมดนี้จากกระบวนการขึ้นรูป CNC ด้วยเครื่องจักรที่ทำได้ยาก
จุดเด่นที่สุดซึ่งนั่นเป็นความภูมิใจของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ที่เป็น Gaming Notebook ตัวบางเบาแต่ประสิทธิภาพความแรงไม่แพ้โน๊ตบุ๊ครุ่นที่หนาๆ หนักๆ เลย จากการติดตั้งการ์ดจอระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 (หรือ RTX 2070) ที่ตอบสนองทั้งการเล่นเกมระดับ AAA ที่ลื่นไหล รวมไปถึงการประมวลผลหนักๆ อย่างงานประมวลผล 3 มิติ ซึ่งตัวเครื่องของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 นั้นจะมีความบางอยู่ที่ 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พกพาใส่กระเป๋าเป้ได้สะดวกสบายไม่เป็นรอง Ultrabook เลยล่ะ
แถมน้ำหนักของตัวเครื่องก็อยู่ที่ 2 กิโลกรัม ทำให้เป็นโน้ตบุ๊ตเล่นเกมการ์ดจอตัวแรงที่สามารถพกพาได้สะดวกมากๆ ไม่ต่างจากโน๊ตบุ๊คสายบางเบาที่เน้นการพกพาเลย แต่นี่ได้ความแรงกราฟิกแบบเหลือเฟือด้วย อย่างที่โน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ทั่วไปไม่เคยให้ได้มาก่อน เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทั้งเรื่องการเล่นเกมสมกับ ROG พร้อมด้วยการทำงานแบบจริงจังจบในเครื่องเดียว ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย ที่สำคัญคือมีนวัตกรรมของระบบระบายความร้อนแบบอากาศพลศาสตร์ (Active Aerodynamic System – AAS) เปิดช่องว่างให้อากาศไหลเวียนมากขึ้นถึง 22% พร้อมไฟ RGB ส่องสว่างออกมาเมื่อเปิดฝาขึ้น ตัวเครื่องจะยกขึ้นเพื่อเพิ่มอากาศเย็นไหลผ่านผ่านโดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 3 ช่องด้านล่างใต้เครื่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ติดตั้งด้านหลังด้วยช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 4 ช่อง (หลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละช่อง) หนาแน่นด้วยฟินกว่า 205 ครีบ
พร้อม 2 สองพัดลมขนาดใหญ่ ที่มีกว่า 83 ใบ ทำงานร่วมกับฮีตต์ไปป์ 6 เส้น พร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต โดยมีซอฟต์แวร์ ROG Armory Crate สามารถสลับระหว่างโหมดการทำงานของพัดลม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดเสียงรบกวนจากพัดลมได้เป็นอย่างดีรวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ
สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์ของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook แรงลื่น และบางเบาได้อย่างลงตัว หรือคนทำงานที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง เน้นการทำงานระดับมืออาชีพ ที่จะเอาไปประมวลผลหนักๆ เช่นงาน 3D ตัดต่อวีดีอก็เอาอยู่แบบสบายๆ
ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตระกูล ZEPHYRUS S รุ่นก่อนๆ ที่สำคัญคือได้สเปกที่แรงขึ้นด้วย และด้วยสีสัน Glacier Blue ก็ยังเป็นตัวเลือกที่แตกต่างจากหลายๆ แบรนด์โน๊ตบุ๊คอีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เป็น Per-Key RGB Gaming Keyboard สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ พร้อมแป้นที่ใหญ่พิเศษ ตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กันแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง
ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่ม ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ด้วยฟีเจอร์ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Turbo mode สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode เพื่อความสมดุลในการใช้งาน
Screen / Speaker
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบเพียง 6.2 มิลลิเมตร คิดเป็นสัดส่วนคือ 81% ทั้งขอบด้านข้างและด้านบนบางเท่าๆ กัน ทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม (ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง) โดดเด่นด้วยหน้าจอสุดเทพขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงที่ได้ PANTONE-validated พร้อมเทคโนโลยี Asus’s ProArt TruColor ได้ในเรื่องของสีสันที่สมจริงเหนือชั้นกว่า Notebook ทั่วไป รวมไปถึงรองการแสดงผลที่ 240Hz ซึ่งทำงานร่วมกับ NVIDIA G-SYNC อีกด้วย เรียกได้หาได้ยากให้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาดปี 2019
ทดสอบหน้าจอของASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ที่แม้จะเป็นพาเนล IPS แต่ก็มีหลายเกณฑ์ โดยการดูประสิทธิภาพต่างๆ นแต่ละด้าน ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 90% และ AdobeRGB 70% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีเขียวและสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับกลางๆ ค่อนไปทางดี ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพหน่อยก็ทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 250 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมขวาบนเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 10% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูงด้วย Smart AMP ASUS Sonic Studio พร้อมมีการ์ดเสียงในตัวอย่าง ESS SABRE DAC และรองรับ Hi-Res Audio certified ที่น้อยรุ่นที่จะติดตั้งมา Gaming Notebook เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue กันบ้าง ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็น Gaming Notebook บางเบาที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่องทั้งหมด มีทั้ง USB 3.1 Type-A (Gen 1) จำนวน 3 พอร์ต, USB 3.1 Gen2 Type-C with DisplayPort 1.4 (รองรับ USB Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Wireless แบบ 802.11 ac 2×2 หรือเรียกว่ามาตราฐาน Wi-Fi 5 ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 360 x 252 x 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.0 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 180 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว
Performance / Software
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i7-9750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Thread มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 16GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU ทรงพลังจาก Intel Core i Gen 9 ตระกูล H มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้เป็น 100 FPS
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1719MB/s และเขียนที่ 895MB/s ส่วนตัวถ้าใส่ NVMe ที่เร็วระดับ 3xxx MB/s มาจะดีมากๆ เหมาะกับ Gaming Notebook ระดับนี้มากกว่า
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,954 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook ที่สเปกใกล้เคียงกัน น่าทำคะแนนได้ดีกว่านี้
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาแบบมีข้อสังเกต โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้ไม่เต็มที่นัก แม้จะใช้แรม 16GB DDR4 ซึ่งดูเหลือๆ ในการใช้งานทุกอย่าง ส่วน SSD NVMe ที่ให้มานั้นก็ความเร็วน้อยไปหน่อย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เลือกปิดฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing ที่แม้ทำให้ภาพสวยงามแบบสุดๆ แต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่เกือบๆ 70 – 80 – 100 ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ก็น่าจะทำได้ลื่นไหลกว่านี้
และด้วยพาเนล IPS แบบ 240Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 240Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
ซอฟต์แวร์ Armoury Crate ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆของระบบรวมไปถึงการปรับแต่งไฟด้วย Aura Sync นั้นทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว หรือผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้มากถึงสี่โปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆจะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต
นอกจากนี้ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 4800mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 6:40 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ และอาจจะยาวนานกว่านี้ก็ได้อยู่ที่ลักษณะการใช้งานจริงๆ ของแต่ละคนอีกที
ที่สำคัญยังเป็น Gaming Notebook ที่รองรับ USB Power Delivery (พอร์ตทางขวาของตัวเครื่อง ฟอร์มคือ USB-C) ทำให้ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue สามาถชาร์จไฟจากอุปกรณ์สำรองไฟภายนอกได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปลั๊กไฟอีกต่อไป รองรับระบบชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จไฟกลับให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นได้โดยมีกำลังไฟสูงสุดถึง 3A และยังสามารถพกพาไปทำงานได้ทุกวันด้วยอแดปเตอร์ 65W ขนาดเล็ก ที่เบาและสะดวกสบายยิ่งกว่า หรือแม้แต่ใช้ Power Bank ที่รองรับในการใช้ USB Power Delivery ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 40 – 45 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมด Turbo
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 89 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 74 องศาเซลเซียสโดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา แน่นอนว่ามากกว่า Gaming Notebook ในสเปกเดียวกัน สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึง แต่ถ้าใช้งานปกติทั่วไป เรียกว่าแทบจะเงิียบก็ว่าได้
Conclusion / Award
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue นั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ให้ความแตกต่างเรื่องของสีสัน ตอบโจทย์การเล่นเกมเน้นความบางเบา ให้การพกพาที่สะดวกสบาย พร้อมรองรับการใช้งานระดับมืออาชีพที่หลากหลาย จากประสิทธิภาพที่แรงลื่น โดยมีน้ำหนักแค่ 2 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย โดยมีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย ถ้าใครจะใช้งานต้องหาซื้อมาเชื่อมต่อเอง
การมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 Coffee Lake ทรงประสิทธิภาพและการ์ดจอตัวเทพ NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่แรงพอตัว ประกอบกับใช้หน่วยความจำแรม DDR4 ที่ 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ได้ความเร็วน้อยไปหน่อย) สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Active Aerodynamic System ที่ถึงสเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานเกือบๆ 7 ชั่วโมง ในการใช้งานทั่วไป
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมดทำให้มีความแข็งแรงทนทาน โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน ด้วยการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ ROG ZEPHYRUS Series ที่ไม่ใช่แค่เป็น Gaming Notebook ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานเรื่องเล่นเกม แต่ความบางเบาก็สามารถไปด้วยกันได้
สำหรับคนที่กำลังมองหา Gaming Notebook ที่สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึง ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ถือว่าตัวเลือกที่ดีในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดที่แรงเพียงพอกับทุกเกมในตลาด พร้อมจอพาเนล IPS 240Hz ซึ่งเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดของ Gaming Notebook ในตลาดที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ไม่แค่นั้นเรื่องระบบระบายความร้อนก็ทำได้ดี ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 59,990 – 69,990 บาทเหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว ถ้าในพูดถึงคงเป็นเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อ ที่ไหนๆ ก็เป็น ZEPHYRUS รุ่นพี่สุดแล้ว เป็นไปได้ก็ควรติดตั้ง Thunderbolt 3 มาให้เลยก็จะดีมากๆ ไว้รองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงในอนาคต ส่วนเรื่องคงเป็น SSD M.2 NVMe ที่ติดตั้งมาให้ แม้ว่าจะมีความเร็วกว่า SATA 3 แล้ว แต่ยังไม่ได้รุ่นระดับสูง ดูได้จากความเร็วในการเขียนอ่าน ที่ไม่ได้จัดเต็มระดับ 3,xxx MB/s – 2,xxxMB/s รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทดสอบและเล่นเกมโดยรวมก็ได้เฟรมเรทน้อยไปหน่อย เหมือนบางแบรนด์ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน สุดท้ายกับวัสดุน่าจะเป็นโลหะทั้งหมดไปเลยเพื่อความพรีเมียมอย่างที่สุดนั่นเอง
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์พันธุ์ ROG งานประกอบแน่นวัสดุดี
- ตัวเครื่องมีความบางเบามากๆ เพียง 18.9 มิลลิเมตรและหนักเพียง 2 กิโลกรัม
- สีสันใหม่ Glacier Blue ไม่ซ้ำใคร
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-9750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060
- ส่วนของแรมก็ขนาด 16GB DDR4 พร้อม SSD ความจุ 512GB
- หน้าจอ IPS มุมมองกว้าง พร้อม Refresh Rate 240Hz แสดงผลได้ลื่นไหล
- ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC
- ระดับเสียงจัดเต็มด้วย Smart AMP ASUS Sonic Studio / ESS SABRE DAC
- ด้วย AAS ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน
- คีย์บอร์ดและช่องดูดลมเย็นมีไฟหลากสี ด้วย ROG AURA RGB
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานยาวนานเกือบ 7 ชั่วโมง
- รองรับ USB Power Delivery ทำให้ชาร์จไฟได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 พร้อมประกันอุบัติเหตุปีแรก
ข้อสังเกต
- ไม่มีมาตรฐานพอร์ต Thunderbolt 3 ถ้ามีจะดีมากๆ
- น่าจะให้ SSD M.2 NVMe เกรดสูงกว่านี้ที่เป็นระดับ 3xxx MB/s มา
- จากสเปกที่ติดตั้งมาในส่วนของประสิทธิภาพน่าจะแรงกว่านี้อีกหน่อย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย ดีไซน์ความบางตัวเครื่องที่เบาซึ่งและการ์ดจอ GeForce RTX 2060 ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน ตัวคีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วย ROG AURA RGB อีกทั้งมีนวัตกรรมอย่าง Active Aerodynamic System (AAS) โดยเมื่อยกหน้าจอของตัวเครื่องขึ้นก็จะเป็นการเปิดช่องลมพิเศษบริเวณด้านใต้ของตัวเครื่องเพื่อให้ดึงลมเย็นเข้าภายในได้มากขึ้น เช่นเดียวกันกับ AAS บน Zephyrus Sที่เปิดช่องลมให้มากขึ้นถึง 5มม. ตลอดทั้งแนวด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อให้ได้ปริมาณไหลเวียนของอากาศที่มากขึ้น
Best Performance
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 16GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 2666 MHz และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 512GB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ IPS พร้อม Refresh Rate 240 Hz แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ ASUS ROG ZEPHYRUS S GX502 Glacier Blue อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบที่ 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 2 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมไปถึงแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานเกือบ 7 ชั่วโมง ถือว่าดีกว่ามาตรฐานในโน๊ตบุ๊คสเปกใกล้เคียงกัน พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ USB PD ด้วย ผ่านทาง USB-C