MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook ระดับกลางที่จัดเต็มไม่แพ้รุ่นท็อปที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) ได้แรมมาขนาด 8GB DDR4 หนึ่งแถว (อัปเกรดได้อีก 1 แถว) โดยได้แหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (อัปเกรด HDD 2.5″ ได้อีก) หน้าจอ 15.6″ Full HD พาเนล IPS พร้อมรีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ Dragon Center เวอร์ชันใหม่
นอกจากนี้ MSI GL65 9SEK ยังมีฟีเจอร์มากมาย อาทิ ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 คีย์บอร์ด SteelSeries พร้อมไฟ Per-key RGB แบบปรับแต่งแยกได้รายปุ่ม พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น USB-C 3.2 Gen 2 โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ประกอบกับการใช้หน้าจอที่ขอบบาง ทำให้ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด สะดวกต่อการพกพามากยิ่งขึ้น พกไปเล่นเกมนอกสถานที่ได้สบาย สนนราคาที่ 46,900 บาท ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน MSI
VDO Review
Specification
MSI GL65 9SEK ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผลตัวแรงตระกูล H ของทาง Intel อย่าง Core i7-9750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 4.50 GHz) ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและยอดนิยมที่สุดใน Gaming Notebook ทุกๆ รุ่น ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด รองรับหลากหลายการใช้งานแบบเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 8 และ GTX 10 Series รุ่นก่อนๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 6GB GDDR6 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal เหนือชั้นกว่า GTX 1660 Ti โดยมาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี Ray-Tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพแรงเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ได้หน่วยความจำแรมมาขนาด 8GB DDR4 Bus 2666 MHz ที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งสามารถอัปเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 64GB และในส่วนของที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ที่เร็วแรงลื่น และรองรับการอัปเกรดเพิ่ม HDD 2.5″ SATA 3 อีก 1 ตัวได้เลย
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 46,900ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล GE ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
Hardware / Design
สำหรับ MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์รองมาจากตระกูล GE / GT โดยรุ่นล่าสุดนี้เน้นความคุ้มค่า โดยมาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำแดงเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำด้าน สัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้มังกร MSI มีไฟสว่างสีขาวเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่าดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End
ในส่วนของบานพับเป็นแบบแกนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาเรียบร้อยเนี๊ยบๆ ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ
ด้านฐานล่างออกแบบมาใหม่ดีไซน์วัสดุเป็นพลาสติก ABS สีดำเกรดดี พร้อมลวดลายกราฟิคเป็นเอกลักษณ์ และการเซาะร่องระบายอากาศที่หลากหลายตำแหน่ง ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัว ทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัปเกรดบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพราะแค่แกะน็อตออกหมดทุกตัวออก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนออกเท่านั้นเอง กรณีที่อยากจะอัปเกรดแรมเพิ่มเป็น 16GB หรือใส่ HDD 2.5″ เพื่อเพิ่มความจุนั่นเอง
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GL65 9SEK จะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมสีดำเรียบเนียนไม่ต่างจากภายนอกให้สัมผัสที่ดี พร้อมคีย์บอร์ด Full Size ไฟ RGB Pre-Key
สำหรับ MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook มาตรฐานปี 2019 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 14″ เท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม และมีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกอยู่ รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
สรุปแล้วในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI GL65 9SEK มีความคล้ายกับ MSI GE65 Raider ทำได้ดีสมกับเป็นตระกูล GL รุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์ท๊อปเลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GL65 9SEK โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
Screen / Speaker
MSI GL65 9SEK มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพดี มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60 แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
ดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 59% AdobeRGB ที่ 44% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ กว่า Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนล่างมุมขวาและช่องแถวกลางซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 7% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers แบบ 2 ชาแนล รูปแบบลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้นขนาด 2W ซึ่งถูกติดตั้งไว้อยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ทำหน้าแบบยิงลงพื้นแล้วกระจายเสียงให้มีความกว้างกว่าการยิงเสียงตรงๆ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมและบันเทิงได้เต็มอารมณ์
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GL65 9SEK สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GL65 9SEK ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 1 แถว ซึ่งเราสามารถเพิ่ม 8GB อีก 1 แถวได้ทันที ก็จะรวมเป็นขนาด 16GB โดยเราสามารถอัปเกรดเพิ่มได้สูงสุดถึง 64GB ทีเดียว ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้งมาให้แล้ว รวมไปถึงมีช่องว่างทางด้านซ้ายที่สามารถเพิ่มการอัปฮาร์ดดิสก์ HDD ขนาด 2.5″ ได้ทันทีเช่นกัน ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูแล้วเรียบเนียนจากตัวเครื่องในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น โดยจัดเต็มกว่าแบรนด์อื่นๆ เหมือนเคย วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงที่มีการชุบด้วยสีดำอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ
และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น โดดเด่นคือแบตเตอรี่เราสามารถถอดเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ กับความจุ 4730 mAh ที่อยู่ในเกณฑ์เยอะกว่ามาตรฐานทั่วไป รวมถึงลำโพงมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ้มเพิ่มเข้ามา โดยไม่ต้องลำโพง Subwoofer เหมือนรุ่นก่อนๆ โดยรวมแล้วถือว่า MSI มีความใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ จุดเลยทีเดียว
Connector / Thin And Weight
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อก็จัดได้ว่า MSI GL65 9SEK จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มิติเล็กกว่าปกติ แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, mini Display Port ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน จัดเต็มด้วย 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C, 3 x USB 3.2 Gen1 Type-A รองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมี 2-in-1 SD Card Reader, Lan RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน และ Kensington lock slot ไว้ตัวเครื่องกับโต๊ะทำงานอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (AC) ตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปี 2019 โดยมีขนาดตัวเครื่องของ MSI GL65 9SEK จะอยู่ที่ 357.7 x 248 x 27. มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเบากว่า Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นอื่นพอสมควร (แต่ MSI GE65 ก็ยังเบาและบางกว่าเล็กน้อย) พอพกพาได้สบายๆ และเมื่อรวมกับที่สำคัญอะแดปเตอร์จ่ายแล้วก็จะมีน้ำหนักเราไม่เกิน 3.0 กิโลกรัม พร้อมใส่กระเป๋าไปข้างนอกได้ทันที
Performance / Software
โดย MSI GL65 9SEK ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวนั้นมาพร้อมสเปกขายจริง ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 9 ตระกูล H อย่าง Intel Core i7-9750H โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.5 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม MSI GL65 9SEK มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU รุ่นล่าสุดจาก Intel Core i Gen 9 มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ จากทาง WD ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1747 MB/s และเขียนที่ 1453 MB/s หรือในอนาคตจะเอา HDD 2.5″ มาเพิ่มความจุก็แล้วแต่
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,107 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 70 + FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ระดับสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมรองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงาม แต่ก็ต้องแลกกับการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 – 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
และด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่แล้ว
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ อาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- Battery Health Option : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GE65 Raider ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยระบบเสียงจาก MSI GE65 Raider มาพร้อมกับระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิม คือ Nahimic v3 ที่ทำให้สุดยอด ที่ว่าสุดยอดอยู่แล้วนั้น ทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้มีระบบเสียง ไม่ว่าจะเสียงคนพูด, เสียงเบส และเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียง Nahimic และระบบเสียงอันสุดยอดของ MSI ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเยี่ยมยอด (พบได้บน MSI G Series ทุกรุ่น)
Battery / Heat / Noise
MSI GL65 9SEK นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4730 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Power Saver ใช้ได้ยาวนานประมาณ 4:30 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่สเปกจะแรงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถืออยู่ในเกณฑ์ที่ปกติและรับได้ที่ไม่เกิน 94 องศาเซลเซียส เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ที่ว่าดีกว่า Gaming Notebook แล้ว โดยสามารถทำงานได้ปกติไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง RTX 2060 นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 71 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว สมกับเป็น MSI จริงๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ ที่มีฟีเจอร์ที่คล้ายกับ MSI GE65 เกือบทุกด้าน โดยเป็นรองในส่วนของรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น พร้อมติดตั้งชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 และการ์ดจอตัวแรงระดับกลางอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น กับราคาเพียง 46,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ สำหรับในช่วงราคา Gaming Notebook ระดับนี้
รายละเอียดสเปกอื่นๆ ได้แรม DDR4 ขนาด 8GB ที่อัพเกรดได้ถึง 64GB (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB – 32GB ก็พอ) เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย ลำโพงทำงานร่วมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงคุณภาพดี พร้อม CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น เทียบแล้วหนักกว่า MSI GE65 แค่ 30 กรัมเท่านั้นเอง
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 3 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 8GB DDR4 พร้อมใส่เพิ่มได้อีกแถว อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้เพิ่มอีกหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกันสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Wi-Fi AC ดีที่สุดใหม่ที่สุด พร้อม Bluetooth 5.0 ที่พร้อมเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์
อย่างไรก็ตาม MSI GL65 9SEK ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ถือว่าเป็นรุ่นน้องร่างแยกของ MSI GE65 ก็ว่าได้ ส่งผลให้มีหลายอย่างเป็นรองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ IPS แบบ 120Hz ที่ให้คุณภาพการแสดงสีสันระดับดีแบบกลางๆ ไม่สุดเท่า เรื่องของลำโพงไม่ใช่แบบ Giant Speakers แบรนด์ DYNAUDIO 2.2 อีกทั้งตัวเครื่องก็หนาและหนักกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงฟีเจอร์เล็กๆ บางอย่างก็ถูกตัดออก แต่ด้วยราคาที่คุ้มค่ามากๆ เพียง 46,900 บาท ทำให้ MSI GL65 9SEK เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่ครบเครื่องที่สุด ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- หน้าจอขนาด 15.6″ขอบจอบาง พาเนล IPS แบบ 120Hz เล่นเกมได้ลื่นไหล
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ i7-9750H + RTX 2060 6GB GDDR6
- แรมให้มา 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB แรงลื่น แทบไม่ต้องอัพเกรด
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึง
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟังไมค์แยกออกจากัน
- รองรับการอัปเกรด HDD 2.5″ SATA 3 อีกตัว
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟ Per-Key RGB
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4:30 ชั่วโมง
- มิติตัวเครื่องเล็ก พกพาใส่กระเป๋าเป้สะดวก
ข้อสังเกต
- คุณภาพหน้าจอการแสดงขอบเขตสีอยู่ในระดับกลางๆ
- ถ้าอัปกรดแรมเป็น 16GB ประสิทธิภาพโดยรวมน่าจะดีกว่านี้
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GL65 9SEK ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ IPS ที่ 120Hz ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, จอ IPS 120Hz, Steelseries Keyboard Per-Key RGB, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
MSI GL65 9SEK มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 64GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ที่ใส่มาแล้ว 8GB ที่ 1 แถว และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 512GB พร้อมใส่เพิ่มได้อีกด้วย HDD 2.5″ SATA 3 ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GL65 9SEK ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับแดง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม
VDO Review
Specification
MSI GL65 9SEK ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผลตัวแรงตระกูล H ของทาง Intel อย่าง Core i7-9750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 4.50 GHz) ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและยอดนิยมที่สุดใน Gaming Notebook ทุกๆ รุ่น ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด รองรับหลากหลายการใช้งานแบบเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 8 และ GTX 10 Series รุ่นก่อนๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 6GB GDDR6 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal เหนือชั้นกว่า GTX 1660 Ti โดยมาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี Ray-Tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพแรงเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ได้หน่วยความจำแรมมาขนาด 8GB DDR4 Bus 2666 MHz ที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งสามารถอัปเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 64GB และในส่วนของที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ที่เร็วแรงลื่น และรองรับการอัปเกรดเพิ่ม HDD 2.5″ SATA 3 อีก 1 ตัวได้เลย
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 46,900ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล GE ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
Hardware / Design
สำหรับ MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์รองมาจากตระกูล GE / GT โดยรุ่นล่าสุดนี้เน้นความคุ้มค่า โดยมาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำแดงเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำด้าน สัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้มังกร MSI มีไฟสว่างสีขาวเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่าดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End
ในส่วนของบานพับเป็นแบบแกนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาเรียบร้อยเนี๊ยบๆ ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ
ด้านฐานล่างออกแบบมาใหม่ดีไซน์วัสดุเป็นพลาสติก ABS สีดำเกรดดี พร้อมลวดลายกราฟิคเป็นเอกลักษณ์ และการเซาะร่องระบายอากาศที่หลากหลายตำแหน่ง ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัว ทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัปเกรดบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพราะแค่แกะน็อตออกหมดทุกตัวออก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนออกเท่านั้นเอง กรณีที่อยากจะอัปเกรดแรมเพิ่มเป็น 16GB หรือใส่ HDD 2.5″ เพื่อเพิ่มความจุนั่นเอง
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GL65 9SEK จะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมสีดำเรียบเนียนไม่ต่างจากภายนอกให้สัมผัสที่ดี พร้อมคีย์บอร์ด Full Size ไฟ RGB Pre-Key
สำหรับ MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook มาตรฐานปี 2019 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 14″ เท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม และมีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกอยู่ รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
สรุปแล้วในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI GL65 9SEK มีความคล้ายกับ MSI GE65 Raider ทำได้ดีสมกับเป็นตระกูล GL รุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์ท๊อปเลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GL65 9SEK โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
Screen / Speaker
MSI GL65 9SEK มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพดี มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60 แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
ดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 59% AdobeRGB ที่ 44% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ กว่า Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนล่างมุมขวาและช่องแถวกลางซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 7% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers แบบ 2 ชาแนล รูปแบบลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้นขนาด 2W ซึ่งถูกติดตั้งไว้อยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ทำหน้าแบบยิงลงพื้นแล้วกระจายเสียงให้มีความกว้างกว่าการยิงเสียงตรงๆ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมและบันเทิงได้เต็มอารมณ์
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GL65 9SEK สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GL65 9SEK ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 1 แถว ซึ่งเราสามารถเพิ่ม 8GB อีก 1 แถวได้ทันที ก็จะรวมเป็นขนาด 16GB โดยเราสามารถอัปเกรดเพิ่มได้สูงสุดถึง 64GB ทีเดียว ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้งมาให้แล้ว รวมไปถึงมีช่องว่างทางด้านซ้ายที่สามารถเพิ่มการอัปฮาร์ดดิสก์ HDD ขนาด 2.5″ ได้ทันทีเช่นกัน ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูแล้วเรียบเนียนจากตัวเครื่องในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น โดยจัดเต็มกว่าแบรนด์อื่นๆ เหมือนเคย วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงที่มีการชุบด้วยสีดำอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ
และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น โดดเด่นคือแบตเตอรี่เราสามารถถอดเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ กับความจุ 4730 mAh ที่อยู่ในเกณฑ์เยอะกว่ามาตรฐานทั่วไป รวมถึงลำโพงมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ้มเพิ่มเข้ามา โดยไม่ต้องลำโพง Subwoofer เหมือนรุ่นก่อนๆ โดยรวมแล้วถือว่า MSI มีความใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ จุดเลยทีเดียว
Connector / Thin And Weight
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อก็จัดได้ว่า MSI GL65 9SEK จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มิติเล็กกว่าปกติ แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, mini Display Port ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน จัดเต็มด้วย 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C, 3 x USB 3.2 Gen1 Type-A รองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมี 2-in-1 SD Card Reader, Lan RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน และ Kensington lock slot ไว้ตัวเครื่องกับโต๊ะทำงานอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (AC) ตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปี 2019 โดยมีขนาดตัวเครื่องของ MSI GL65 9SEK จะอยู่ที่ 357.7 x 248 x 27. มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเบากว่า Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นอื่นพอสมควร (แต่ MSI GE65 ก็ยังเบาและบางกว่าเล็กน้อย) พอพกพาได้สบายๆ และเมื่อรวมกับที่สำคัญอะแดปเตอร์จ่ายแล้วก็จะมีน้ำหนักเราไม่เกิน 3.0 กิโลกรัม พร้อมใส่กระเป๋าไปข้างนอกได้ทันที
Performance / Software
โดย MSI GL65 9SEK ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวนั้นมาพร้อมสเปกขายจริง ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 9 ตระกูล H อย่าง Intel Core i7-9750H โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.5 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม MSI GL65 9SEK มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU รุ่นล่าสุดจาก Intel Core i Gen 9 มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ จากทาง WD ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1747 MB/s และเขียนที่ 1453 MB/s หรือในอนาคตจะเอา HDD 2.5″ มาเพิ่มความจุก็แล้วแต่
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,107 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 70 + FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ระดับสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมรองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงาม แต่ก็ต้องแลกกับการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 – 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
และด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่แล้ว
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ อาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- Battery Health Option : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GE65 Raider ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยระบบเสียงจาก MSI GE65 Raider มาพร้อมกับระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิม คือ Nahimic v3 ที่ทำให้สุดยอด ที่ว่าสุดยอดอยู่แล้วนั้น ทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้มีระบบเสียง ไม่ว่าจะเสียงคนพูด, เสียงเบส และเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียง Nahimic และระบบเสียงอันสุดยอดของ MSI ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเยี่ยมยอด (พบได้บน MSI G Series ทุกรุ่น)
Battery / Heat / Noise
MSI GL65 9SEK นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4730 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Power Saver ใช้ได้ยาวนานประมาณ 4:30 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่สเปกจะแรงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถืออยู่ในเกณฑ์ที่ปกติและรับได้ที่ไม่เกิน 94 องศาเซลเซียส เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ที่ว่าดีกว่า Gaming Notebook แล้ว โดยสามารถทำงานได้ปกติไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง RTX 2060 นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 71 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว สมกับเป็น MSI จริงๆ
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ ที่มีฟีเจอร์ที่คล้ายกับ MSI GE65 เกือบทุกด้าน โดยเป็นรองในส่วนของรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น พร้อมติดตั้งชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 และการ์ดจอตัวแรงระดับกลางอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น กับราคาเพียง 46,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ สำหรับในช่วงราคา Gaming Notebook ระดับนี้
รายละเอียดสเปกอื่นๆ ได้แรม DDR4 ขนาด 8GB ที่อัพเกรดได้ถึง 64GB (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB – 32GB ก็พอ) เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย ลำโพงทำงานร่วมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงคุณภาพดี พร้อม CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น เทียบแล้วหนักกว่า MSI GE65 แค่ 30 กรัมเท่านั้นเอง
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 3 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 8GB DDR4 พร้อมใส่เพิ่มได้อีกแถว อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้เพิ่มอีกหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกันสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Wi-Fi AC ดีที่สุดใหม่ที่สุด พร้อม Bluetooth 5.0 ที่พร้อมเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์
อย่างไรก็ตาม MSI GL65 9SEK ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ถือว่าเป็นรุ่นน้องร่างแยกของ MSI GE65 ก็ว่าได้ ส่งผลให้มีหลายอย่างเป็นรองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ IPS แบบ 120Hz ที่ให้คุณภาพการแสดงสีสันระดับดีแบบกลางๆ ไม่สุดเท่า เรื่องของลำโพงไม่ใช่แบบ Giant Speakers แบรนด์ DYNAUDIO 2.2 อีกทั้งตัวเครื่องก็หนาและหนักกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงฟีเจอร์เล็กๆ บางอย่างก็ถูกตัดออก แต่ด้วยราคาที่คุ้มค่ามากๆ เพียง 46,900 บาท ทำให้ MSI GL65 9SEK เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่ครบเครื่องที่สุด ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- หน้าจอขนาด 15.6″ขอบจอบาง พาเนล IPS แบบ 120Hz เล่นเกมได้ลื่นไหล
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ i7-9750H + RTX 2060 6GB GDDR6
- แรมให้มา 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB แรงลื่น แทบไม่ต้องอัพเกรด
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึง
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟังไมค์แยกออกจากัน
- รองรับการอัปเกรด HDD 2.5″ SATA 3 อีกตัว
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟ Per-Key RGB
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 4:30 ชั่วโมง
- มิติตัวเครื่องเล็ก พกพาใส่กระเป๋าเป้สะดวก
ข้อสังเกต
- คุณภาพหน้าจอการแสดงขอบเขตสีอยู่ในระดับกลางๆ
- ถ้าอัปกรดแรมเป็น 16GB ประสิทธิภาพโดยรวมน่าจะดีกว่านี้
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GL65 9SEK ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
MSI GL65 9SEK เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ IPS ที่ 120Hz ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, จอ IPS 120Hz, Steelseries Keyboard Per-Key RGB, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
MSI GL65 9SEK มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 64GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ที่ใส่มาแล้ว 8GB ที่ 1 แถว และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 512GB พร้อมใส่เพิ่มได้อีกด้วย HDD 2.5″ SATA 3 ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GL65 9SEK ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับแดง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม