สำหรับ “smart materials” นั้นเราๆ ท่านๆ น่าจะได้ยินกันมาก่อนในช่วงที่ทางสหรัฐอเมริกาและจีนมีปัญหาเรื่องการแบนสินค้าจากประเทศจีนครับ โดยเจ้า “smart materials” นี้นั้นเป็นผลบิตภัณฑ์ตั้งต้นสำหรับนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะที่สหรัฐอเมริกาต้องการซึ่งจะมีจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อยู่ โดย ณ เวลานั้นเราๆ ท่านๆ น่าจะได้ยินกันว่าประเทศจีนนั้นจะเอาผลิตภัณฑ์ในสาย “smart materials” เข้ามาไว้ใช้ต่อรองกับทางสหรัฐอเมริกาเรื่องที่สหรัฐฯ แบนสินค้าจากประเทศจีนครับ
อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นการใช้ “smart materials” เป็นตัวประกันของทางจีนอย่างจริงจังทว่าก็ไม่สามารถที่จะปฎิเสธได้เลยครับว่าทางสหรัฐฯเองนั้นก็มีความระแวงไม่น้อยเช่นเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้นั้นได้มีผู้วิเคราะห์ตลาดของ “smart materials” เอาไว้ครับว่ามันจะสามารถเติบโตจนมีมูลค่าสูงมากถึง US$100+ billion หรือประมาณ 3,046,300,000,000 บาทขึ้นไปในปี 2026 ที่จะถึงนี้จากในตอนนี้มูลค่าในตลาดนั้นจะอยู่ที่ราวๆ $36 billion หรือประมาณ 1,096,452,000,000 บาทครับ
“smart materials” นั้นถือได้ว่าเป็นการสร้างรูปแบบของสสารใหม่โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ ทางด้านฟิสิกส์และเคมีครับ ตัวอย่างเช่น สนามไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็ก, แสง, ความชื้น, pH, แรงทางกายภาพอุณหภูมิหรือสารเคมีอื่นๆ ซึ่งผลผลิตที่ได้นั้นก็สามารถที่จะนำไปใช้งานได้ในหลายๆ ด้านตัวอย่างเช่นหน้าจอที่สามารถพับได้หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้งานในสถานีอวกาศเป็นต้นครับ
ที่มา : notebookcheck