Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ อย่าง MSI GF75 Thin เป็นรุ่นที่น่าสนใจมากๆ เพราะด้วยตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น โดยเป็นรุ่นหน้าจอ 17.3″ ก็จริง แต่น้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 15.6″ แบบก่อนๆ เลย โดดเด่นด้วยสเปคสุดแรง Intel Core i7-9750H และ NVIDIA GeForce GTX 1650 พร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 และ SSD 512GB บอกเลยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เยี่ยมยอด ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพ และความสวยงามในเครื่องเดียว ในราคาเพียง 35,900 บาทเท่านั้น !!!
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาสรุปถึง 3 เหตุผลของ MSI GF75 Thin ที่ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่คุ้มค่าน่าซื้อที่สุด ด้วยราคาเพียง 35,900 บาท แต่ได้สเปกประสิทธิภาพสูงอย่าง i7-9750H + GTX 1650 + จอ 17.3″ รวมไปถึงเบาเพียง 2.2 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย จะมีอะไรบ้างไปดูกันต่อเลย
1 . MSI GF75 Thin ไม่ใช่แค่เบา แต่ยังดีไซน์เฉียบ
หน้าตาการออกแบบเอง MSI GF75 Thin ต้องบอกว่ามีการต่อยอดทั้งหมดทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดย MSI GF75 Thinใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม ซึ่งมีดีไซน์และแนวทางการออกแบบคล้ายกับ MSI GF63 ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ซึ่งมีขอบหน้าจอที่บางลงคิดเป็น 88% ของหน้าจอทั้งหมด โดยบางทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ดูได้จากกล้องเว็บแคมถูกติดตั้งลงไปบนขอบที่บางมากๆ
แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD แต่มีมิติตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ซึ่งขอบจอบางใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อน พร้อมดีไซน์ที่ได้ฟีเจอร์สุดเฉียบ Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
เน้นความบางเบาและพกพาได้สะดวก เบาที่ 2.2 กิโลกรัม โดยมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ยังคงรักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลัง ด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้แต่ฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ วัสดุอลูมิเนียมขัดเงาบรัชเป็นล่นเส้นๆ แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่าย พร้อม ด้วยโลโก้มังกรแดง Dragon Army มินิมอลสุดๆ ในส่วนของขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย
2. MSI GF75 Thin สเปกดี ให้ประสิทธิภาพสูง
MSI GF75 Thin 9SC มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-9750HQ โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.5 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มีการ์ดจอออนบอร์ดเป็น Intel UHD Graphics 630 มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล GTX 16 Series อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่ามาทดแทนในส่วนของการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง GTX 1050Ti ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมเดียวกับ RTX Seriesแม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี ray-tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติได้ดี โดยปลดปล่อยความร้อนและประหยัดพลังงานมากกว่า
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1708MB/s และเขียนที่ 1454MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ได้อีกตัวด้วย
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1650 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้จะไม่รองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 60 – 80 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
3. MSI GF75 Thin ฟีเจอร์จัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่
MSI GF75 Thin มาพร้อมกับ MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ, ความเร็วของพัดลม, ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าโหมดการใช้งานต่างๆ ทั้งประสิทธิภาพและรอบพัดลม
- Battery Wizard : ดูสถานะ พร้อมปรับแต่งการใช้งานแบตเตอรี่
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ Gaming Notebook จาก MSI มีความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งทีเดียว ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง รวมไปถึงมีฟีเจอร์ไม่แพ้รุ่นพี่ของ MSI ด้วยกันอีกด้วย
ด้านระบบระบายความร้อนของ MSI GF75 Thin เป็นเทคโนโลยี Cooler Boost 3 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูเรียบเนียนไปกับตัวเครื่องตัวเครื่อง ในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 4 เส้น แบ่งเป็น CPU 2 เส้น และ GPU อีก 2 เส้น แยกออกจากกันอิสระ ที่เพียงพอต่อการระบายร้อนได้ในระดับที่น่าพอใจเมื่อใช้งานจริง
โดยทดสอบระบบระบายความร้อนของ Cooler Boost 3 บนตัวเครื่อง MSI GF75 Thin สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 32 – 44 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 89 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 59 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล GTX 16 Series รุ่นใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ CoolerBoots เพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
สรุปปิดท้ายสำหรับ MSI GF75 Thin นับว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ที่ครบเครื่องเรื่องของดีไซน์ที่สวยงามบางเบา สเปกแรงประสิทธิภาพดี มีฟีเจอร์ที่ครบครันมากๆ ในราคาแค่ 35,900 บาท ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.6 – 4.5 GHz และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ประสิทธิภาพแรงก่วารุ่นก่อนๆ แน่นอน พร้อมแรม 8GB DDR4 และ SSD 512GB ที่เหมาะสมกับการใช้งาน
มีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้
หรือถ้าใครอยากอัพเกรดอีกหน่อยในส่วนของ MSI GF75 Thin ที่ได้แรม 16GB มาด้วย ราคาจะอยู่ที่ 37,900 บาท ก็สามารถหาซื้อมาใช้งานได้เช่นเดียวกัน สามารถเข้าไปดูหน้าสเปกเต็มๆ จากลิ้งค์ด้านล่างได้เลย