Lenovo Legion Y740 17 จัดว่าเป็นรุ่นพี่ใหญ่ของ Gaming Notebook ของ Legion Series ซึ่งมาพร้อมกับสเปกและฟีเจอร์ที่ครนครัน โดยเป็นรุ่นพี่ Lenovo Legion Y540 ซึ่งมีการอัพเกรดใหม่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 ตัวแรงอย่าง Core i7-9750H พร้อมการ์ดจอรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q อีกทั้งยังโดดเด่นจากการที่มีดีไซน์แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป รวมไปถึงมีไฟ RGB จัดเต็มทั้งชุดคีย์บอร์ดและช่องระบายความร้อน ของทาง Corsair ด้วยเทคโนโลยี iCUE RGB lighting ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Gaming Gear จาก Corsair แบบจัดเต็ม
สำหรับสเปกอื่นๆ ของ Lenovo Legion Y740 17 ก็ยังน่าสนใจด้วยการติดตั้งแรมมาขนาด 32 GB DDR4 Bus 2666 MHz พร้อมด้วย SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 17.3″พาเนล IPS ที่ครบครันด้วย Refresh Rate ที่ 144Hz ลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรับรองได้ว่ามันสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆ รองรับทั้งการทำงานที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูง อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์ 3 มิติ ก็เอาอยู่ สนนราคาที่ 69,990 บาท ได้ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน และ Microsoft Office มูลค่า 4,290 บาท
Unbox Preview
VDO Review
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y740 17 โดยรุ่นที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวจะเป็นรุ่นท็อปราคา 69,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q (8GB GDDR6) พร้อมติดตั้ง SSD NVME แบบ M.2 ความจุ 1TB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 2666 MHz ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
ได้หน้าจอขนาด 17.3″ แบบด้าน ขอบหน้าจอบางพิเศษเป็น ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม อีกทั้งมี Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ลื่นไหลแบบสุดๆ พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C , mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi มาตรฐาน AC (2×2) แบบ Killer Wireless ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand
Hardware / Design
Lenovo Legion Y740 17 เป็นรุ่นสูงกว่า ครบเครื่องกว่า Lenovo Legion Y540 ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ยอดนิยมประจำปี 2019 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย กับหน้าจอขนาด 17.3″ (มีรุ่นหน้าจอ 15.6″ ด้วย) ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพให้สีสันสวยงาม พร้อม Refresh Rate ที่ 144Hz เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ โดดเด่นด้วยวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมที่ให้ทั้งความสวยงามแข็งแรงทนทานสัมผัสดี เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 2.8 กก. และความบางสุดเพียง 22.45 มม. เท่านั้น สีสันพรีเมียม Iron Grey ที่ดูเท่และดุดัน
ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีคีย์บอร์ด CORSAIR iCue RGB backlit รองรับ Anti-ghosting แบบ 100% สามารถปรับแต่งสีได้สูงสุดถึง 16 ล้านเฉดสี รวมไปถึงช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ช่องก็มีไฟ RGB ลอดออกมา ซึ่งสามารถปรับแต่ได้เหมือนกัน เรียกได้ว่าไม่ซ้ำกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ในตลาดเลย จัดว่าเป็นกลุ่มราคาระดับกลางค่อนบน ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน โดยสามารถเลือกเปิดหรือปิดไฟ RGB แต่ละส่วนตามต้องการได้อย่างอิสระ
ตอกย้ำการออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นสีสันแดงดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามความร้อนคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง ด้วยเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront การออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือใช้งานแบบทั่วไป หรือเกมที่ใช้กราฟิกเยอะๆ
Lenovo Legion Y740 17 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นอลูมิเนียมเป็นหลักมีการใช้พลาสติกในบางส่วน โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่เรียบเนียนมีความันวาวเล็กน้อยพร้อมไฟ RGB บริเวณโลโก้ Legion พร้อมโลโก้ Y อยู่ด้านในอีกที โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความมันวาว พร้อมโลโก้ Y ซ่อนอยู่ตรงขอบแกน บอกได้เลยว่าประทับใจในการออกแบบส่วนนี้มากๆ เพราะดูสวยงามลงตัวและแตกต่างชัดเจน
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Y740 17 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นรองกว่าอย่าง Lenovo Legion Y540 ถือว่าต่อยอดและรักษา DNA ของ Legion ได้เป็นอย่างดี ให้ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ และสเปกภายในก็จัดเต็ม ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก อีกทั้งการเลือกใช้ไฟ RGB รอบตัวที่เราสามารถปรับแต่งได้เองเพิ่มเติม รวมถึงมีลูกเล่นเล็กๆ น้อยส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อด้านด้านหลังบริเวณโลโก้ต่างๆ ก็มัไฟ LED สีขาวด้วย
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y740 17 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ที่ 17.3″ สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ถอดแบบมาจากตระกูล ThinkPad ที่หลายคนประทับใจ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษรทั้งหมดเป็นขอบขาว สำหรับความรู้สึกในการกดพิมพ์นั้น ทำได้ดีทีเดียว นับว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พิมพ์ได้มันมือมาก
ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่าง RGB Backlit จากทาง CORSAIR iCue สวยงามใช้ได้จริง รองรับ Anti-ghosting แบบ 100% สามารถปรับแต่งสีได้สูงสุดถึง 16 ล้านเฉดสี รวมไปถึงความสว่างของแสงตามที่ต้องการ ทั้งยังตอบสนองการกดได้อย่างรวดเร็วด้วยการออกแบบให้มีระยะกดปุ่มเพียง 1.7 มิลลิเมตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายกว่าที่เคย ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Gaming Gear ต่างๆ ของ CORSAIR ได้ทันที
ในส่วนของทัชแพด Windows Precision ที่รองรับ gesture control ซึ่งทำให้การควบคุมไม่ว่าจะทั้งในการทำงาน หรือการเล่นเกม เป็นไปได้อย่างไหลลื่น ได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย แต่ทนทานรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y740 17 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 17.3″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ตอบสนองที่ 144 Hz ให้การแสดงผลที่สมจริงลื่นไหลและความสว่างสูงสุดถึงระดับ 500 nits มุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN และ สบายตากว่า 60Hz ทั่วไป เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน รวมถึงยังมีชิปฮาร์ดแวร์ที่ช่วยลดอาการภาพฉีกขาดอย่าง NVIDIA G-SYNC พร้อมฟีเจอร์ DolbyVision ที่สามารถแสดงภาพในระดับ HDR ได้ ตรงนี้บอกเลยว่ายกระดับมากกว่า Gaming Notebook ไปอีกขั้นเรื่องของการแสดงผล
ซึ่งเมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y740 17 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook ระดับบนได้น่าประทับใจ จากการที่ตัวหน้าจอให้สีสันภาพ ความสว่าง คอนทราสต์ที่สดใส ช่วยให้เกมของคุณมีความแตกต่างไปจากเดิม ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับการแสดงผลด้วยเทคโนโลยี HDR ในระดับเดียวกับโรงภาพยนตร์ที่ให้เฉดสีได้กว่าพันล้านสี ทำให้ภาพมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
ทดสอบแล้วให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 96% / AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม จัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ พร้อมเหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก สำหรับคนที่เอาไปทำงานเน้นความแม่นยำของสีสันสบายใจหายห่วงได้เลย
ที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมซ้ายบนที่ลดลงไปที่ระดับ 11% ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เหมาะสำหรับคนนำมาทำงานแบบจริงจังหรือเล่นเกมอย่างเต็มอารมณ์ รวมถึงดูหนังฟังเพลงแบบสบายๆ
Lenovo Legion Y740 17 ระบบ 2.1 Channel ซึ่งเป็นลำโพงขนาดใหญ่แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ในตัวใต้หน้าจอ โดยใช้ของแบรนด์ JBL ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และเทคโนโลยี Smart AMP เพื่อเสียงที่ทรงพลัง ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y740 17 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.1 Type-A, 1x USB 3.1 Type-C, 1x HDMI 1.4, Mini DisplayPort, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ แต่ในส่วนของ Card Reader ไม่มีมาให้ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Killer Wireless 2 x 2 802.11 AC ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 17.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรที่ 361.42mm x 267mm x 22.45mm กับการจ่ายไฟที่ 230Watt ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y740 17 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่หน้าจอขนาดนี้ ด้วยน้ำหนัก 2.8 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความลำบากอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y740 17 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัว โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4820 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ SSD M.2 NVMe ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 16GB 2 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y740 17 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
โดย Lenovo Legion Y740 17 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i7-9750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-8750HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ได้ถูกสั่งปิดไปแล้วใช้แต่กราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้ (เป็นรองแค่ GTX1080) เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน
กราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1080 รุ่นก่อนแบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 รุ่นปกติอีกที พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว รวมถึงทำงานร่วมกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย
สำหรับเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ซึ่งมีบนการ์ดจอ RTX 2070 Max-Q ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3373MB/s และเขียนที่ 2398MB/s จัดว่าดีมากๆ หรือความเร็วในการเขียนอ่าน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,047 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่ต่ำกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 3 เกม อยู่ที่ระดับ 70+ ทั้งหมดเลย
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 101) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน ถือว่าประสิทธิภาพการเล่นที่ได้ดีกว่า
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ หน่อย
Lenovo Legion Y740 17 ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งปรับหน้าตาเป็นสไตล์ Legion ช่วยตรวจเช็กสเปคตัวเครื่อง เพิ่มรอบพัดลมช่วยในการระบายความร้อน พร้อมเชื่อมต่อปรับจูนกับเกมที่ลงไว้ในเครื่องได้ด้วย เรียกได้ว่าทำให้การใช้งาน Gaming Notebook ใช้งานได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีในส่วนเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
ปิดท้ายด้วย Corsair iCUE RGB ที่อยู่บน Lenovo Legion Y740 17 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ Corsair แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด CORSAIR iCue RGB backlit ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟแบบอิสระ หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน ที่สำคัญคือสามารถปรับแต่งไฟ RGB ที่ช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ช่อง รวมไปถึงไฟโลโก้ RGB ด้วย บอกเลยว่าถูกใจ Gamer สายฮาร์ดคอร์แน่นอน
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y740 17 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4820 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 2:30 ชั่วโมง ด้วยการปรับ Power Saver Mode ที่แม้ว่าอาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะการปิดการ์ดจอออนบอร์ดไป แล้วใช้แต่การ์ดจอแยกเท่านั้น
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Y740 17 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง และเทคโนโลยี Lenovo Cooling Boots ช่วยจัดการ
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่า CPU จะร้อนที่สุดถึง 99 องศาเซลเซียสทีเดียว และ GPU จะอยู่ที่ 77 องศาเซลเซียส ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y740 17 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่สูงพอตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
จากการที่สัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion Y740 17 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่สมงามฟีเจอร์ครบ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 3 ปี On-site Service และโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
Lenovo Legion Y740 17 รุ่นราคา 69,990 บาท ได้สเปกชิปประมวลผลตัวแรงยอดนิยมอย่าง Intel Core i7-9750H พร้อมด้วยการ์ดจอประสิทธิภาพสูง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ร้อนน้อยกว่ารุ่นปกติ และแรม DDR4 ขนาด 32GB อีกทั้งยังมี SSD NVMe อีก 1TB ที่สำคัญได้หน้าจอ 17.3″ Full HD พาเนล IPS ระดับสูง ที่ 144Hz ทำให้แสดงผลได้ลื่นไหล รองรับ HDR อีกทั้งระบบเสียงเป็น 2.1 Channe ครบครันกับการใช้งาน สมกับเป็น Gaming Notebook ระดับสูง มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันพรีเมียม แต่เน้นประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งานด้วย
เรื่องของการออกแบบที่ Lenovo Legion Y740 17 ส่วนตัวทำได้ดีมาก น่าจะถูกใจหลายๆ คนอยู่ ด้วยดีไซน์สไตล์ Legion ปี 2019 ที่เป็น Gaming Notebook ที่เรียบง่าย สวยงามหรูหรา โดยตัวเครื่องมีความบางที่ 22.45 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ 2.8 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าดีกว่ามาตรฐานของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 17.3″ และที่โดดเด่นก็คือเรื่องเทคโนโลยี CORSAIR iCue RGB ที่ถูกใช้ในคีย์บอร์ดและช่องระบายความร้อนรวมไปถึงโลโก้ ที่เราสามารถปรับแต่งผ่านทางซอฟต์แวร์ได้อย่างอิสระ และด้วยเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront การออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนได้ดีเยี่ยมในส่วนของการ์ดจอ
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Lenovo Legion Y740 17 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว กับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานหนักๆ ที่ถึงแม้ว่าทาง Lenovo จะออกแบบชดระบายความร้อนใหม่แล้ว แต่ก็ยังมีอุณหภูมิที่สูงอยู่ อาจจะเป็นเพราะการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 ตระกูล H ซึ่งมีประสิทธิภาพความแรงที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยการเพิ่ม Clock และ Core ส่งผลให้มีความร้อนที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องใช้งานและหน่วงกระตุกแต่อย่างใด รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อยที่ 2:30 ชั่วโมง จากการที่ใช้งานแต่การ์ดจอแยกเท่านั้น สุดท้ายคือน่าเสียดายที่ไม่มี SD Card Reader ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องยังมีพื้นที่เหลือเยอะอยู่
สรุปแล้ว Lenovo Legion Y740 17 ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ตัวท็อปล่าสุดจากทาง Lenovo ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ด ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 69,990 บาท กับสเปกที่นำมาทดสอบรีวิวให้ได้ชมกัน อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเล็กน้อยอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ อแดปเตอร์มีขนาดใหญ่เกินไปหน่อย แต่ถ้าใครพกไหวก็คงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี มี DNA ของ Legion ชัดเจน แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ได้หน้าจอขนาด 17.3″ Full HD IPS ที่ 144Hz รองรับ Dolby Vision พร้อมมีชิป NVIDIA G-SYNC
- ตัวเครื่องมีความบาง 22.45 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.8 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ RTX 2070 Max-Q
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้งแนวออฟไลน์หนักๆ และออนไลน์แบบสบาย
- คีย์บอร์ด CORSAIR iCue RGB backlit รองรับ Anti-ghosting แบบ 100%
- ส่วนของช่องระบายความร้อนและโลโก้ก็มีไฟ RGB ผ่านฟีเจอร์ CORSAIR iCue
- มีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงระบบ 2.1 Channe คุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- ให้โปรแกรม Microsoft Office มูลค่า 4,290 บาท
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานแค่ 2:30 ชั่วโมง
- อแดปเตอร์มีขนาดใหญ่เกินไปหน่อย
- ไม่มีช่อง SD Card Reader
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Y740 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Y740 17 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาลง ไฟเป็น RGB ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 9 ตระกูล H ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 32GB แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q (8GB GDDR6) รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม
Best Multimedia
ลำโพง JBL พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง บนหน้าจอแสดงผลขนาด 17.3″ ความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS ที่ Refresh Rate 144Hz แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y740 17 จะได้รางวัลนี้ไป
Unbox Preview
VDO Review
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y740 17 โดยรุ่นที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวจะเป็นรุ่นท็อปราคา 69,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q (8GB GDDR6) พร้อมติดตั้ง SSD NVME แบบ M.2 ความจุ 1TB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 2666 MHz ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
ได้หน้าจอขนาด 17.3″ แบบด้าน ขอบหน้าจอบางพิเศษเป็น ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม อีกทั้งมี Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ลื่นไหลแบบสุดๆ พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C , mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi มาตรฐาน AC (2×2) แบบ Killer Wireless ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand
Hardware / Design
Lenovo Legion Y740 17 เป็นรุ่นสูงกว่า ครบเครื่องกว่า Lenovo Legion Y540 ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ยอดนิยมประจำปี 2019 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย กับหน้าจอขนาด 17.3″ (มีรุ่นหน้าจอ 15.6″ ด้วย) ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพให้สีสันสวยงาม พร้อม Refresh Rate ที่ 144Hz เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ โดดเด่นด้วยวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมที่ให้ทั้งความสวยงามแข็งแรงทนทานสัมผัสดี เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 2.8 กก. และความบางสุดเพียง 22.45 มม. เท่านั้น สีสันพรีเมียม Iron Grey ที่ดูเท่และดุดัน
ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีคีย์บอร์ด CORSAIR iCue RGB backlit รองรับ Anti-ghosting แบบ 100% สามารถปรับแต่งสีได้สูงสุดถึง 16 ล้านเฉดสี รวมไปถึงช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ช่องก็มีไฟ RGB ลอดออกมา ซึ่งสามารถปรับแต่ได้เหมือนกัน เรียกได้ว่าไม่ซ้ำกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ในตลาดเลย จัดว่าเป็นกลุ่มราคาระดับกลางค่อนบน ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน โดยสามารถเลือกเปิดหรือปิดไฟ RGB แต่ละส่วนตามต้องการได้อย่างอิสระ
ตอกย้ำการออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นสีสันแดงดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามความร้อนคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง ด้วยเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront การออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือใช้งานแบบทั่วไป หรือเกมที่ใช้กราฟิกเยอะๆ
Lenovo Legion Y740 17 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นอลูมิเนียมเป็นหลักมีการใช้พลาสติกในบางส่วน โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่เรียบเนียนมีความันวาวเล็กน้อยพร้อมไฟ RGB บริเวณโลโก้ Legion พร้อมโลโก้ Y อยู่ด้านในอีกที โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความมันวาว พร้อมโลโก้ Y ซ่อนอยู่ตรงขอบแกน บอกได้เลยว่าประทับใจในการออกแบบส่วนนี้มากๆ เพราะดูสวยงามลงตัวและแตกต่างชัดเจน
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Y740 17 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นรองกว่าอย่าง Lenovo Legion Y540 ถือว่าต่อยอดและรักษา DNA ของ Legion ได้เป็นอย่างดี ให้ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ และสเปกภายในก็จัดเต็ม ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก อีกทั้งการเลือกใช้ไฟ RGB รอบตัวที่เราสามารถปรับแต่งได้เองเพิ่มเติม รวมถึงมีลูกเล่นเล็กๆ น้อยส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อด้านด้านหลังบริเวณโลโก้ต่างๆ ก็มัไฟ LED สีขาวด้วย
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y740 17 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ที่ 17.3″ สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ถอดแบบมาจากตระกูล ThinkPad ที่หลายคนประทับใจ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษรทั้งหมดเป็นขอบขาว สำหรับความรู้สึกในการกดพิมพ์นั้น ทำได้ดีทีเดียว นับว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พิมพ์ได้มันมือมาก
ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่าง RGB Backlit จากทาง CORSAIR iCue สวยงามใช้ได้จริง รองรับ Anti-ghosting แบบ 100% สามารถปรับแต่งสีได้สูงสุดถึง 16 ล้านเฉดสี รวมไปถึงความสว่างของแสงตามที่ต้องการ ทั้งยังตอบสนองการกดได้อย่างรวดเร็วด้วยการออกแบบให้มีระยะกดปุ่มเพียง 1.7 มิลลิเมตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายกว่าที่เคย ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Gaming Gear ต่างๆ ของ CORSAIR ได้ทันที
ในส่วนของทัชแพด Windows Precision ที่รองรับ gesture control ซึ่งทำให้การควบคุมไม่ว่าจะทั้งในการทำงาน หรือการเล่นเกม เป็นไปได้อย่างไหลลื่น ได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย แต่ทนทานรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y740 17 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 17.3″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ตอบสนองที่ 144 Hz ให้การแสดงผลที่สมจริงลื่นไหลและความสว่างสูงสุดถึงระดับ 500 nits มุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN และ สบายตากว่า 60Hz ทั่วไป เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน รวมถึงยังมีชิปฮาร์ดแวร์ที่ช่วยลดอาการภาพฉีกขาดอย่าง NVIDIA G-SYNC พร้อมฟีเจอร์ DolbyVision ที่สามารถแสดงภาพในระดับ HDR ได้ ตรงนี้บอกเลยว่ายกระดับมากกว่า Gaming Notebook ไปอีกขั้นเรื่องของการแสดงผล
ซึ่งเมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y740 17 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook ระดับบนได้น่าประทับใจ จากการที่ตัวหน้าจอให้สีสันภาพ ความสว่าง คอนทราสต์ที่สดใส ช่วยให้เกมของคุณมีความแตกต่างไปจากเดิม ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับการแสดงผลด้วยเทคโนโลยี HDR ในระดับเดียวกับโรงภาพยนตร์ที่ให้เฉดสีได้กว่าพันล้านสี ทำให้ภาพมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
ทดสอบแล้วให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 96% / AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม จัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ พร้อมเหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก สำหรับคนที่เอาไปทำงานเน้นความแม่นยำของสีสันสบายใจหายห่วงได้เลย
ที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องมุมซ้ายบนที่ลดลงไปที่ระดับ 11% ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เหมาะสำหรับคนนำมาทำงานแบบจริงจังหรือเล่นเกมอย่างเต็มอารมณ์ รวมถึงดูหนังฟังเพลงแบบสบายๆ
Lenovo Legion Y740 17 ระบบ 2.1 Channel ซึ่งเป็นลำโพงขนาดใหญ่แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ในตัวใต้หน้าจอ โดยใช้ของแบรนด์ JBL ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และเทคโนโลยี Smart AMP เพื่อเสียงที่ทรงพลัง ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y740 17 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.1 Type-A, 1x USB 3.1 Type-C, 1x HDMI 1.4, Mini DisplayPort, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ แต่ในส่วนของ Card Reader ไม่มีมาให้ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Killer Wireless 2 x 2 802.11 AC ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 17.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรที่ 361.42mm x 267mm x 22.45mm กับการจ่ายไฟที่ 230Watt ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y740 17 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่หน้าจอขนาดนี้ ด้วยน้ำหนัก 2.8 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความลำบากอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y740 17 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัว โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4820 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ SSD M.2 NVMe ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 16GB 2 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y740 17 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
โดย Lenovo Legion Y740 17 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Intel Core i7-9750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-8750HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ได้ถูกสั่งปิดไปแล้วใช้แต่กราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้ (เป็นรองแค่ GTX1080) เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน
กราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1080 รุ่นก่อนแบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 รุ่นปกติอีกที พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว รวมถึงทำงานร่วมกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย
สำหรับเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ซึ่งมีบนการ์ดจอ RTX 2070 Max-Q ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3373MB/s และเขียนที่ 2398MB/s จัดว่าดีมากๆ หรือความเร็วในการเขียนอ่าน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,047 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่ต่ำกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 3 เกม อยู่ที่ระดับ 70+ ทั้งหมดเลย
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 101) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน ถือว่าประสิทธิภาพการเล่นที่ได้ดีกว่า
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ หน่อย
Lenovo Legion Y740 17 ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งปรับหน้าตาเป็นสไตล์ Legion ช่วยตรวจเช็กสเปคตัวเครื่อง เพิ่มรอบพัดลมช่วยในการระบายความร้อน พร้อมเชื่อมต่อปรับจูนกับเกมที่ลงไว้ในเครื่องได้ด้วย เรียกได้ว่าทำให้การใช้งาน Gaming Notebook ใช้งานได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีในส่วนเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
ปิดท้ายด้วย Corsair iCUE RGB ที่อยู่บน Lenovo Legion Y740 17 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ Corsair แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด CORSAIR iCue RGB backlit ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟแบบอิสระ หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน ที่สำคัญคือสามารถปรับแต่งไฟ RGB ที่ช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ช่อง รวมไปถึงไฟโลโก้ RGB ด้วย บอกเลยว่าถูกใจ Gamer สายฮาร์ดคอร์แน่นอน
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y740 17 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4820 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 2:30 ชั่วโมง ด้วยการปรับ Power Saver Mode ที่แม้ว่าอาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะการปิดการ์ดจอออนบอร์ดไป แล้วใช้แต่การ์ดจอแยกเท่านั้น
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Y740 17 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง และเทคโนโลยี Lenovo Cooling Boots ช่วยจัดการ
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่า CPU จะร้อนที่สุดถึง 99 องศาเซลเซียสทีเดียว และ GPU จะอยู่ที่ 77 องศาเซลเซียส ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y740 17 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่สูงพอตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
จากการที่สัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion Y740 17 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่สมงามฟีเจอร์ครบ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 3 ปี On-site Service และโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
Lenovo Legion Y740 17 รุ่นราคา 69,990 บาท ได้สเปกชิปประมวลผลตัวแรงยอดนิยมอย่าง Intel Core i7-9750H พร้อมด้วยการ์ดจอประสิทธิภาพสูง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ร้อนน้อยกว่ารุ่นปกติ และแรม DDR4 ขนาด 32GB อีกทั้งยังมี SSD NVMe อีก 1TB ที่สำคัญได้หน้าจอ 17.3″ Full HD พาเนล IPS ระดับสูง ที่ 144Hz ทำให้แสดงผลได้ลื่นไหล รองรับ HDR อีกทั้งระบบเสียงเป็น 2.1 Channe ครบครันกับการใช้งาน สมกับเป็น Gaming Notebook ระดับสูง มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันพรีเมียม แต่เน้นประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งานด้วย
เรื่องของการออกแบบที่ Lenovo Legion Y740 17 ส่วนตัวทำได้ดีมาก น่าจะถูกใจหลายๆ คนอยู่ ด้วยดีไซน์สไตล์ Legion ปี 2019 ที่เป็น Gaming Notebook ที่เรียบง่าย สวยงามหรูหรา โดยตัวเครื่องมีความบางที่ 22.45 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ 2.8 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าดีกว่ามาตรฐานของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 17.3″ และที่โดดเด่นก็คือเรื่องเทคโนโลยี CORSAIR iCue RGB ที่ถูกใช้ในคีย์บอร์ดและช่องระบายความร้อนรวมไปถึงโลโก้ ที่เราสามารถปรับแต่งผ่านทางซอฟต์แวร์ได้อย่างอิสระ และด้วยเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront การออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนได้ดีเยี่ยมในส่วนของการ์ดจอ
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Lenovo Legion Y740 17 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว กับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานหนักๆ ที่ถึงแม้ว่าทาง Lenovo จะออกแบบชดระบายความร้อนใหม่แล้ว แต่ก็ยังมีอุณหภูมิที่สูงอยู่ อาจจะเป็นเพราะการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 ตระกูล H ซึ่งมีประสิทธิภาพความแรงที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยการเพิ่ม Clock และ Core ส่งผลให้มีความร้อนที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องใช้งานและหน่วงกระตุกแต่อย่างใด รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อยที่ 2:30 ชั่วโมง จากการที่ใช้งานแต่การ์ดจอแยกเท่านั้น สุดท้ายคือน่าเสียดายที่ไม่มี SD Card Reader ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องยังมีพื้นที่เหลือเยอะอยู่
สรุปแล้ว Lenovo Legion Y740 17 ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ตัวท็อปล่าสุดจากทาง Lenovo ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ด ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 69,990 บาท กับสเปกที่นำมาทดสอบรีวิวให้ได้ชมกัน อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเล็กน้อยอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ อแดปเตอร์มีขนาดใหญ่เกินไปหน่อย แต่ถ้าใครพกไหวก็คงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี มี DNA ของ Legion ชัดเจน แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ได้หน้าจอขนาด 17.3″ Full HD IPS ที่ 144Hz รองรับ Dolby Vision พร้อมมีชิป NVIDIA G-SYNC
- ตัวเครื่องมีความบาง 22.45 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.8 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ RTX 2070 Max-Q
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้งแนวออฟไลน์หนักๆ และออนไลน์แบบสบาย
- คีย์บอร์ด CORSAIR iCue RGB backlit รองรับ Anti-ghosting แบบ 100%
- ส่วนของช่องระบายความร้อนและโลโก้ก็มีไฟ RGB ผ่านฟีเจอร์ CORSAIR iCue
- มีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงระบบ 2.1 Channe คุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- ให้โปรแกรม Microsoft Office มูลค่า 4,290 บาท
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานแค่ 2:30 ชั่วโมง
- อแดปเตอร์มีขนาดใหญ่เกินไปหน่อย
- ไม่มีช่อง SD Card Reader
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Y740 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Y740 17 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาลง ไฟเป็น RGB ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 9 ตระกูล H ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 32GB แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q (8GB GDDR6) รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม
Best Multimedia
ลำโพง JBL พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง บนหน้าจอแสดงผลขนาด 17.3″ ความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS ที่ Refresh Rate 144Hz แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y740 17 จะได้รางวัลนี้ไป