ASUS ZenBook 14 UM431D เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่เน้นความกะทัดรัด พกพาสะดวก โดดเด่นด้วยสเปกชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง AMD Ryzen 7 3700U ที่ทั้งแรงและร้อนน้อย พร้อมหน่วยความจำแรมและแหล่งเก็บข้อมูล SSD จัดเต็ม ได้ดีไซน์ตัวเครื่องขอบจอบางเป็นมาตรฐาน จากการใช้หน้าจอแสดงผล 14″ ขอบบางแบบ NanoEdge ซึ่งทำให้ ZenBook รุ่นนี้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คมิติตัวเครื่องเทียบเท่าขนาด 13.3″ เท่านั้น เบาสุดเพียงแค่ 1.4 กิโลกรัม ส่วนตัวเครื่องก็บางเพียง 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
สเปกภายในของตัว ASUS ZenBook 14 UM431D ที่ด้รับมารีวิวมีราคาแค่ 24,990 บาท หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูง สเปกชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 3700U เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร มาพร้อมความเร็ว 2.3 – 4.0 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon VEGA 10 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 8GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ในตัว ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS
Specification
ASUS ZenBook 14 UM431D รุ่นที่แอดมินโป้ง NBS ได้รับมารีวิวจากทาง ASUS ประเทศไทย มีราคากลางอยู่ที่ 24,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดตัวอย่างประพลังงานอย่าง AMD Ryzen 7 3700U (2.3 – 4.0 GHz) ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread โดยมี APU หรือการ์ดจอบนชิปเป็น Radeon VEGA 10 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ พร้อมแรมขนาด 8 GB DDR4 หน่วยความจำสำรองเลือกใช้ SSD m.2 ความจุ 512 GB PCIe NVMe ที่ทำให้ทุกๆ การใช้งานลื่นไหลอย่างแน่นอน
ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 14″ แบบด้าน พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD) มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีสแกนลายนิ้วมือ Finger Print ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อีกด้วยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ และมีน้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น
พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
Hardware / Design
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คที่หรูหราบางเบา แต่ก็ยังมาพร้อมความคุ้มค่าทำให้ ASUS ZenBook 14 UM431D มีความบางเบาที่สุด โดยบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 1.4 กิโลกรัม ทำให้ ASUS ZenBook 14 UM431D สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการที่สุดของโน๊ตบุ๊คในเกรดระดับสูง หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ที่สำคัญคือได้ภาพลักษณ์ด้วย
โดย ASUS ZenBook 14 UM431D วัสดุหลักเป็นอลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่าง Utopia Blue สีน้ำเงินอ่อนแซมด้วยทอง เพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut รวมไปถึงด้านในอย่างตัวอักษรคีย์บอร์ด เพื่อให้ ASUS ZenBook 14 UM431D มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกขั้น ดูแล้วมีความเหนือชั้นกว่า โน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ กับราคาก็ไม่แพงด้วยจากการที่สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3700U แต่ก็ยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 4.5 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง
ซึ่งมุม 5.5 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าด้วยฟีเจอร์บานพับเดียวนี้ ทำให้การใช้งานดีขึ้นทั้ง 3 ด้านเลย
ฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ASUS ZenBook 14 UM431D ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียม พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมแบบด้านที่ดูหรูหราไม่แพ้ด้านนอกทีเดียว นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลย สำหรับ ASUS ZenBook 14 UM431D ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งตัวเครื่อง ASUS ZenBook 14 UM431D เอง ก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งาน ASUS ZenBook 14 UM431D เครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบาหรูหราราคาคุ้มค่าที่ครบเครื่องในทุกด้านที่สุดในปี 2019 นี้ก็ว่าได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook 14 UM431D จัดว่าอยู่ในขนาดเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ทำให้พอมีพื้นที่เว้นว่างบ้าง โดยมีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งให้สัมผัสในการกด การเด้งของปุ่มที่ดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ส่วนไฟ LED ที่คีย์บอร์ดก็จะเป็นสีขาวตัวอักษรเป็นสีทองจากใต้ปุ่ม พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ซึ่งสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกโดยเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งขอบรอบๆ มีกรเล่นสีสันเป็นสีมันวาวสะดุดตา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมตัวทัชแพดเองจะมีการติดตั้ง Finger Print ที่มุมขวาบน ไว้ใช้งานผ่านทาง Windows Hello ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่อง ร่วมกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของเรา โดยไม่ต้องกรอกรหัสผ่านใดๆ
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM431D เป็นจอด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบเพียง 6.45 มม. ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 86% เป็นหน้าจอแสดงผล ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่
เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด และการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM431D ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM431D ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% และ AdobeRGB ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 4.0 คะแนน ถือว่าสูงกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปี 2019 นี้
ลำโพงของ ASUS ZenBook 14 UM431D มีอยู่ 4 ตัว จากแบรนด์ Harman/ Kardon ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านบนตัวเครื่อง 2 ตัว และด้านล่างอีก 2 ตัว แบบ Quad Speakers จะถูกวางไว้ที่ขอบเครื่องด้านล่าง ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาในลักษณะของลำโพงสเตอริโอ ซึ่งเมื่อกางบานพับจอแบบ ErgoLift ออกมา ฐานเครื่องก็จะยกขึ้นเพื่อให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกับพื้นเพิ่มมิติของทิศทางเสียง ทำให้เสียงที่ได้จากลำโพงของตัวเครื่องมีพลังมากยิ่งขึ้น
Connector / Thin And Weight
ASUS ZenBook 14 UM431DAในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คบางเบา ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 Type-A อีก 1 พอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้ 1 พอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของโน๊ตบุ๊ค AMD สายบางเบา ตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 14″ แค่ตัวเครื่องก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.6 กิโลกรัมขึ้นไปแน่นอน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM431DA ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาใส่กระเป๋าไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเอาไปใช้ตามร้านกาแฟ หรือออฟฟิศชิลๆ เลยล่ะ
Performance / Software
ASUS ZenBook 14 UM431DA เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก AMD Ryzen 7 3700U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำแต่แรง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.3 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core/ 8 Thread ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8 GB DDR4 ประเภทฝังบอร์ดที่ไม่สามารถอัพเกรดได้ แต่จริงๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ
ในส่วนของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้มีเพียงการ์ดจอออนบอร์ดที่อยู่ในชิปประมวลผล AMD ซึ่งเป็น Radeon RX VEGA 10 ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นบนสุดของ AMD Ryzen 3000 Series สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกระดับ 2 มิติสบายๆ ส่วน 3 มิติก็พอได้ ทั้งในส่วนของการตัดต่อวิดีโอหรือจะเล่นเกมสามารทำได้ดีในระดับหนึ่ง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของ AMD Ryzen 7 3700U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i5 ตระกูล U ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปได้อย่างลงตัว
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ M.2 NVMe PCIe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำกับความเร็วระดับ Read:1645 MB/s – Write: 880 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3872 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอก็พอทำได้ดีในระดับหนึ่งเลย หรือใครจะเอาไปเล่นเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch แล้วปรับกราฟิกกลางๆ หน่อย ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลเช่นเดียวกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook 14 UM431DA เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 3000 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้กว่า 8 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome จากการที่ใช้ AMD Ryzen 7 3700U ที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงานพิเศษ
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุด 70 องศาเซลเซียส จากการใช้โปรแกรมรีดประสิทธิภาพ นับว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook 14 UM431DA เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าในระดับนึงที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 40 องศาเซลเซียสตอนทำงานปกติ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล AMD รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง ที่ 12 นาโนเมตร แม้ว่าอาจจะดูร้อน แต่จริงๆ แล้วอย่าลืมด้วยว่าเครื่องมีความบางและมีพัดลมเพียงตัวเดียวเท่านั้น ระดับประมาณนี้ถือว่าดีมากแล้ว
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS ZenBook 14 UM431DA ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล ZenBook ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาระดับสูงของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีความทนทานมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
ทางด้านราคา ASUS ZenBook 14 UM431DA ถือว่าเป็นที่สุดของความคุ้มค่า สนนราคาที่ 24,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องชิปประมวลผล แรมและฮาร์ดดิสก์ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน จากการใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3700U ที่ทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า อีกทั้งด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบและมีหน้าจอขนาด 14″ แต่มิติรูปทรง น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 14″ ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมและบางเพียง 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น เทียบกับ ZenBook รุ่นก่อนๆ ถือว่าราคาไม่แพงเลย
เอาเป็นว่า ASUS ZenBook 14 UM431DA สมแล้วที่จะเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คบางเบาในราคาคุ้มค่า ยิ่งถ้าเทียบกับ Ultrabook ที่ใช้ชิปประมวลผลของ Intel นี่ยิ่งชัดเจน พร้อมชูนวัตกรรม ErgoLift ของคีย์บอร์ดที่ทำมุม 4.5 องศา ช่วยให้การพิมพ์งานง่ายกว่าเคย พร้อมระบายความร้อนดีขึ้น ระบบเสียงดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้ชิปประมวลผล แรม ฮาร์ดดิสก์ ที่พร้อมใช้งาน รวมถึง SSD ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีเยี่ยมนั่นเอง
สรุปแล้ว ASUS ZenBook 14 UM431DA ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 2x,xx บาท การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่แม้ว่าจะไม่ออนไลน์อย่างหลายๆ แบรนด์ แต่ก็สามารถเคลมผ่านทาง 7-11 ได้สะดวกไม่แพ้กัน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว ถือว่าได้อยู่เพราะก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป ให้เราได้ตัดสินใจเลือกอีกที
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น ในหลายๆ ส่วน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย AMD Ryzen 7 37000U + RAM 8GB + SSD NVMe 512GB
- เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้ ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน
- น้ำหนักเบากว่าเดิม วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว
- ลำโพง 4 ตัว Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- ราคาคุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้
ข้อสังเกต
- การแกะอัพเกรดทำได้ยาก ทำได้แต่ SSD
- ยังมีการติดตั้งพอร์ต USB 2.0 Type-A มาให้อยู่
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM431DA ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านของพกพา ก็คือขนาดที่กะทัดรัด แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM431DA ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ และนอกจากความบางเบา ยังมีความแข็งแกร่งอีกด้วย จากการใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานระดับกองทัพ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมงอีกด้วย
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook 14 UM431DA มีความโดดเด่นเรื่องสีสัน Utopia Blue รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบ NanoEdge ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 14 นิ้วภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ไปจนถึงบานพับ ErgoLift ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานได้เป็นอย่างดี รายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่
Best Value
ถึงแม้ ASUS ZenBook 14 UM431DA จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาประมาณสองหมื่นบาท ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 2x,xxx บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่าง AMD Ryzen 7 3700U รวมถึงมีแรม 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD PCIe ความจุ 256GB / 512GB แถมมีสแกนลายนิ้วมือและฟีเจอร์อื่นๆ จัดเต็ม เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลาย ดีไซน์ก็พรีเมียม เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Specification
ASUS ZenBook 14 UM431D รุ่นที่แอดมินโป้ง NBS ได้รับมารีวิวจากทาง ASUS ประเทศไทย มีราคากลางอยู่ที่ 24,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดตัวอย่างประพลังงานอย่าง AMD Ryzen 7 3700U (2.3 – 4.0 GHz) ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread โดยมี APU หรือการ์ดจอบนชิปเป็น Radeon VEGA 10 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ พร้อมแรมขนาด 8 GB DDR4 หน่วยความจำสำรองเลือกใช้ SSD m.2 ความจุ 512 GB PCIe NVMe ที่ทำให้ทุกๆ การใช้งานลื่นไหลอย่างแน่นอน
ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 14″ แบบด้าน พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD) มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีสแกนลายนิ้วมือ Finger Print ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อีกด้วยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ และมีน้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น
พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
Hardware / Design
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คที่หรูหราบางเบา แต่ก็ยังมาพร้อมความคุ้มค่าทำให้ ASUS ZenBook 14 UM431D มีความบางเบาที่สุด โดยบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 1.4 กิโลกรัม ทำให้ ASUS ZenBook 14 UM431D สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการที่สุดของโน๊ตบุ๊คในเกรดระดับสูง หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ที่สำคัญคือได้ภาพลักษณ์ด้วย
โดย ASUS ZenBook 14 UM431D วัสดุหลักเป็นอลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่าง Utopia Blue สีน้ำเงินอ่อนแซมด้วยทอง เพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut รวมไปถึงด้านในอย่างตัวอักษรคีย์บอร์ด เพื่อให้ ASUS ZenBook 14 UM431D มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกขั้น ดูแล้วมีความเหนือชั้นกว่า โน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ กับราคาก็ไม่แพงด้วยจากการที่สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3700U แต่ก็ยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 4.5 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง
ซึ่งมุม 5.5 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าด้วยฟีเจอร์บานพับเดียวนี้ ทำให้การใช้งานดีขึ้นทั้ง 3 ด้านเลย
ฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ASUS ZenBook 14 UM431D ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียม พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมแบบด้านที่ดูหรูหราไม่แพ้ด้านนอกทีเดียว นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลย สำหรับ ASUS ZenBook 14 UM431D ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งตัวเครื่อง ASUS ZenBook 14 UM431D เอง ก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งาน ASUS ZenBook 14 UM431D เครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบาหรูหราราคาคุ้มค่าที่ครบเครื่องในทุกด้านที่สุดในปี 2019 นี้ก็ว่าได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook 14 UM431D จัดว่าอยู่ในขนาดเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ทำให้พอมีพื้นที่เว้นว่างบ้าง โดยมีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งให้สัมผัสในการกด การเด้งของปุ่มที่ดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ส่วนไฟ LED ที่คีย์บอร์ดก็จะเป็นสีขาวตัวอักษรเป็นสีทองจากใต้ปุ่ม พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ซึ่งสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกโดยเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งขอบรอบๆ มีกรเล่นสีสันเป็นสีมันวาวสะดุดตา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมตัวทัชแพดเองจะมีการติดตั้ง Finger Print ที่มุมขวาบน ไว้ใช้งานผ่านทาง Windows Hello ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่อง ร่วมกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของเรา โดยไม่ต้องกรอกรหัสผ่านใดๆ
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM431D เป็นจอด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบเพียง 6.45 มม. ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 86% เป็นหน้าจอแสดงผล ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่
เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด และการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM431D ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM431D ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% และ AdobeRGB ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 4.0 คะแนน ถือว่าสูงกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปี 2019 นี้
ลำโพงของ ASUS ZenBook 14 UM431D มีอยู่ 4 ตัว จากแบรนด์ Harman/ Kardon ซึ่งวางส่วนของลำโพงไว้ด้านบนตัวเครื่อง 2 ตัว และด้านล่างอีก 2 ตัว แบบ Quad Speakers จะถูกวางไว้ที่ขอบเครื่องด้านล่าง ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาในลักษณะของลำโพงสเตอริโอ ซึ่งเมื่อกางบานพับจอแบบ ErgoLift ออกมา ฐานเครื่องก็จะยกขึ้นเพื่อให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกับพื้นเพิ่มมิติของทิศทางเสียง ทำให้เสียงที่ได้จากลำโพงของตัวเครื่องมีพลังมากยิ่งขึ้น
Connector / Thin And Weight
ASUS ZenBook 14 UM431DAในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คบางเบา ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 Type-A อีก 1 พอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้ 1 พอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของโน๊ตบุ๊ค AMD สายบางเบา ตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 14″ แค่ตัวเครื่องก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.6 กิโลกรัมขึ้นไปแน่นอน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM431DA ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาใส่กระเป๋าไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเอาไปใช้ตามร้านกาแฟ หรือออฟฟิศชิลๆ เลยล่ะ
Performance / Software
ASUS ZenBook 14 UM431DA เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก AMD Ryzen 7 3700U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำแต่แรง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.3 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core/ 8 Thread ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8 GB DDR4 ประเภทฝังบอร์ดที่ไม่สามารถอัพเกรดได้ แต่จริงๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ
ในส่วนของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้มีเพียงการ์ดจอออนบอร์ดที่อยู่ในชิปประมวลผล AMD ซึ่งเป็น Radeon RX VEGA 10 ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นบนสุดของ AMD Ryzen 3000 Series สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกระดับ 2 มิติสบายๆ ส่วน 3 มิติก็พอได้ ทั้งในส่วนของการตัดต่อวิดีโอหรือจะเล่นเกมสามารทำได้ดีในระดับหนึ่ง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของ AMD Ryzen 7 3700U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i5 ตระกูล U ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปได้อย่างลงตัว
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ M.2 NVMe PCIe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำกับความเร็วระดับ Read:1645 MB/s – Write: 880 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3872 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอก็พอทำได้ดีในระดับหนึ่งเลย หรือใครจะเอาไปเล่นเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch แล้วปรับกราฟิกกลางๆ หน่อย ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลเช่นเดียวกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook 14 UM431DA เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 3000 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้กว่า 8 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome จากการที่ใช้ AMD Ryzen 7 3700U ที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงานพิเศษ
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุด 70 องศาเซลเซียส จากการใช้โปรแกรมรีดประสิทธิภาพ นับว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook 14 UM431DA เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าในระดับนึงที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 40 องศาเซลเซียสตอนทำงานปกติ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล AMD รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง ที่ 12 นาโนเมตร แม้ว่าอาจจะดูร้อน แต่จริงๆ แล้วอย่าลืมด้วยว่าเครื่องมีความบางและมีพัดลมเพียงตัวเดียวเท่านั้น ระดับประมาณนี้ถือว่าดีมากแล้ว
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS ZenBook 14 UM431DA ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล ZenBook ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาระดับสูงของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีความทนทานมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
ทางด้านราคา ASUS ZenBook 14 UM431DA ถือว่าเป็นที่สุดของความคุ้มค่า สนนราคาที่ 24,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องชิปประมวลผล แรมและฮาร์ดดิสก์ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน จากการใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3700U ที่ทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า อีกทั้งด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบและมีหน้าจอขนาด 14″ แต่มิติรูปทรง น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 14″ ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมและบางเพียง 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น เทียบกับ ZenBook รุ่นก่อนๆ ถือว่าราคาไม่แพงเลย
เอาเป็นว่า ASUS ZenBook 14 UM431DA สมแล้วที่จะเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คบางเบาในราคาคุ้มค่า ยิ่งถ้าเทียบกับ Ultrabook ที่ใช้ชิปประมวลผลของ Intel นี่ยิ่งชัดเจน พร้อมชูนวัตกรรม ErgoLift ของคีย์บอร์ดที่ทำมุม 4.5 องศา ช่วยให้การพิมพ์งานง่ายกว่าเคย พร้อมระบายความร้อนดีขึ้น ระบบเสียงดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้ชิปประมวลผล แรม ฮาร์ดดิสก์ ที่พร้อมใช้งาน รวมถึง SSD ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีเยี่ยมนั่นเอง
สรุปแล้ว ASUS ZenBook 14 UM431DA ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 2x,xx บาท การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่แม้ว่าจะไม่ออนไลน์อย่างหลายๆ แบรนด์ แต่ก็สามารถเคลมผ่านทาง 7-11 ได้สะดวกไม่แพ้กัน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว ถือว่าได้อยู่เพราะก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป ให้เราได้ตัดสินใจเลือกอีกที
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น ในหลายๆ ส่วน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย AMD Ryzen 7 37000U + RAM 8GB + SSD NVMe 512GB
- เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้ ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน
- น้ำหนักเบากว่าเดิม วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว
- ลำโพง 4 ตัว Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- ราคาคุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้
ข้อสังเกต
- การแกะอัพเกรดทำได้ยาก ทำได้แต่ SSD
- ยังมีการติดตั้งพอร์ต USB 2.0 Type-A มาให้อยู่
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM431DA ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านของพกพา ก็คือขนาดที่กะทัดรัด แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM431DA ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ และนอกจากความบางเบา ยังมีความแข็งแกร่งอีกด้วย จากการใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานระดับกองทัพ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมงอีกด้วย
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook 14 UM431DA มีความโดดเด่นเรื่องสีสัน Utopia Blue รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบ NanoEdge ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 14 นิ้วภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ไปจนถึงบานพับ ErgoLift ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานได้เป็นอย่างดี รายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่
Best Value
ถึงแม้ ASUS ZenBook 14 UM431DA จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาประมาณสองหมื่นบาท ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 2x,xxx บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่าง AMD Ryzen 7 3700U รวมถึงมีแรม 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD PCIe ความจุ 256GB / 512GB แถมมีสแกนลายนิ้วมือและฟีเจอร์อื่นๆ จัดเต็ม เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลาย ดีไซน์ก็พรีเมียม เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย