ถือว่าเป็นเรื่องราวดีที่ Gaming Notebook ในตลาดปี 2019 มีให้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย โดยในส่วนของ Acer Nitro 5 และ Acer Nitro 7 ก็เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นแรก ๆ ที่หลายคนนำมาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อกัน ซึ่งก็เป็นเพราะสเปกที่ได้มีความแรงลื่น รวมไปถึงมีความหลากหลาย
ทั้งชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H/i7-9750H ส่วนการ์ดจอก็มีทั้ง NVIDIA GeForce GTX 1050 / GTX 1650 / GTX 1660 Ti ส่งผลให้มีช่วงราคาที่เหมาะสมตามงบประมาณของแต่ละคนด้วย (สเปก AMD Ryzen 5 3550H + Radeon RX560X หรือรุ่นเก่า i5-8300H + GTX 1050 ก็มีให้เลือกอีก) โดยเริ่มต้นราคาไม่ถึง 20,000 บาท จนไปถึงเกือบ 40,000 บาท
นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องก็ทำได้ดุดันสวยงามลงตัว งานประกอบเรียบร้อย ถูกใจบรรดา Gamer นักเล่นเกม ที่สำคัญในเรื่องของฟีเจอร์อื่นๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ทั้งคีย์บอร์ดมีไฟสีแดง หน้าจอ IPS แบบ 144Hz ลื่นไหลคุณภาพสูง รวมไปถึงระบบระบายความร้อน CoolBoots และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ Killer LAN ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยมทั้งหมด ปิดท้ายด้วยการที่ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ได้รับการรับประกันขั้นเทพแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนเองก็เพียง 3 ชั่วโมง กรณีถ้านานกว่านั้นก็มีเครื่องสำรองให้ใช้งานด้วย
ซึ่งในตอนนี้ Acer Nitro 5 รุ่นปี 2019 ที่มีจำหน่ายในตอนนี้ มีให้เลือกถึง 10 รุ่น 10 สเปกด้วยกัน ส่วน Acer Nitro 7 นั้นก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น เรียกได้ว่าอาจจะทำให้หลายๆ คนเลือกซื้อกันไม่ถูกว่ารุ่นไหนเหมาะกับเราดี ในบทความนี้เราจะมาแนะนำกันว่า จริงๆ แล้ว การใช้งานแบบต่างๆ นั้น เหมาะที่จะซื้อ Acer Nitro 5/ Nitro 7 รุ่นไหนกันแน่ ???
Acer Nitro 5 ถูกที่สุด แต่ได้สเปกดีมี SSD 512GB ไม่ถึง 20,000 บาท
เป็น Gaming Notebook เน้นราคาถูกที่สุดจากทาง Acer กับ Acer Nitro 5 รุ่นก่อนหน้าที่มีการปรับปรุงใหม่ในเรื่องของที่เก็บข้อมูลแบบ SSD มาพร้อมกับสเปกเล่นเกมไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-8300H จับคู่มากับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 อีกทั้งได้แรมมาเลยที่ขนาด 8GB ที่เพียงพอในการเล่นเกมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยดีไซน์เดิมๆ ขอบจอยังหนาตัวเครื่องยังหลักอยู่ ถ้ารับได้กับราคาต่อประสิทธิภาพก็ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าซื้อมาใช้งานอยู่
*** Acer Nitro 5 รุ่นใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าตรงที่ ตัวเครื่องมีความบางเบากว่า ขอบจอบางลงเยอะ สเปกใหม่ล่าสุดทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอ รองรับการใส่ SSD M.2 NVMe สองช่อง ระบบระบายความร้อนดีขึ้น พอร์ตการเชื่อมต่อได้ USB 3.1 Type-A สองช่อง เป็นต้น
Acer Nitro 5 สเปกแรงคุ้มค่า ราคา 20,000 บาทกลางๆ
- Ryzen 5 3550H + RX560X + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 144Hz ราคา 21,990 บาท
- i5-9300H + GTX 1050 + RAM 8GB + HDD 1TB ราคา + จอ 60Hz 23,990 บาท
- i5-9300H + GTX 1050 + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 144Hz ราคา 26,990 บาท
สำหรับคนที่เพิ่มงบได้อีกและอยากได้ดีไซน์และฟีเจอร์ Acer Nitro 5 รุ่นปัจจุบัน รุ่นที่มาพร้อมกับสเปก AMD Ryzen 5 3550H + RX560X ก็ตอบโจทย์อยู่ ความแรงพอๆ กับรุ่นราคา 19,990 บาท แต่ได้หน้าจอที่ดีกว่าทั้งคุณภาพและ 144Hz แต่กรณีที่อยากไดเป็นฝั่ง Intel ก็ต้องเพิ่มงบขยับขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งรุ่นราคา 23,900 บาท
แนะนำเลยว่าให้ซื้อ SSD M.2 ความจุ 128GB มาติดตั้งทันที (ราคาประมาณ 1,000 บาท) โดยในสูนย์บริการ Acer ทำให้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือถ้าจบๆ ไปงบไม่เกี่ยง ก็รุ่นราคา 26,990 บาท ได้ทั้ง SSD 512GB + จอ 144Hz ไปเลย ส่วนจะอัพเกรดเพิ่มฮาร์ดดิสก์ 2.5″ SATA 3 ภายหลังหรือไม่ ก็แล้วแต่ก็ใช้งาน
Acer Nitro 5 สเปกแรงขึ้น งบไม่เกิน 30,000 บาท
- i5-9300H + GTX 1650 + RAM 8GB + HDD 1TB ราคา + จอ 60Hz ราคา 25,990 บาท
- i5-9300H + GTX 1650 + RAM 8GB + HDD 1TB ราคา + จอ 144Hz ราคา 27,990 บาท
- i5-9300H + GTX 1650 + RAM 8GB + SSD 512GB ราคา + จอ 144Hz ราคา 28,990 บาท
Acer Nitro 5 ในรุ่นราคา 25,990 บาท ดูมีความน่าสนใจมากๆ คือได้ i5-9300H + GTX 1650 ที่เป็นการ์ดจอตัวแรงคุ้มกว่า GTX 1050 โดยส่วนตัวแนะนำเป็นรุ่นนี้ แล้วให้ติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 ความจุ 128GB ทันที (ราคาประมาณ 1,000 บาท) หรือจะใส่ความจุมากกว่านี้ก็แล้วแต่สะดวก ซึ่งประสิทธิภาพต่อราคาก็จะคุ้มค่าที่สุด
ส่วนถ้าจะเลือกเป็นจอ 144Hz รุ่นราคา 27,990 บาท ก็น่าสนใจอยู่ แต่ก็ต้องไปหา SSD M.2 มาเพิ่มอยู่ดี หรือถ้างบถึงรุ่น 28,990 บาท ก็จัดไปเลยก็ได้ คือได้ SSD 512GB + จอ 144Hz อย่างน้อยสุดก็ไม่ต้องไปอัพเกรดให้ยุ่งยาก ส่วนจะเพิ่มฮาร์ดดิสก์ 2.5″ SATA 3 ภายหลังหรือไม่ก็แล้วแต่สะดวก แต่ก็อัพเกรดเองได้ไม่ยากแล้ว
Acer Nitro 5 ประสิทธิภาพสูงกว่า งบ 30,000 บาท +
- i7-9750H + GTX 1050 + RAM 8GB + HDD 1TB ราคา + จอ 60Hz ราคา 31,990 บาท
- i5-9300H + GTX 1660 Ti + RAM 8GB + HDD 1TB ราคา + จอ 60Hz ราคา 32,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1650 + RAM 16GB + HDD 1TB + SSD 128GB ราคา + จอ 144Hz ราคา 36,990 บาท
มาถึง Acer Nitro 5 รุ่นราคามากกว่า 30,000 บาท สำหรับสเปก i7-9750H + GTX 1050 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชิปประมวลผลแรงๆ ในราคาถูกที่สุด แต่ยังไงก็ต้องอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 อยู่ดีเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่ดีลื่นไหล เน้นการทำงานพวกตัอต่อวีดีโอเป็นหลักเป็นต้น คือไม่เน้นเล่นเกมมากแค่เล่นเกมบ้าง รวมไปถึงไม่ต้องจอ 144Hz
ส่วนรุ่นราคา i5-9300H + GTX 1660 Ti คือเน้นหนักเล่นเกมไปเลย ด้วยการ์ดจอี่แรงสุดของ GTX 16 Series ใกล้เคียงกับ RTX 2060 ทีเดียว แต่ก็อย่าลืมว่าเราต้องใส่ SSD M.2 เพิ่มอยู่ดี เผื่องบประมาณไว้ด้วย รวมไปถึงจอก็ได้แค่ 60Hz อันนี้อยู่ที่ว่ารับได้ไหม ส่วนตัวเอาจริงๆ 60Hz ก็เพียงพอแล้วกับสเปกประมาณนี้
หรือกรณีอยากไปให้สุดของ Acer Nitro 5 ก็ดูเป็นรุ่นราคา 36,990 บาท คือได้ทั้ง i7-9750H แรมที่ 16GB พร้อม SSD 512GB และหน้าจอ 144Hz แต่ๆ การ์ดจอที่ให้มาเป็น GTX 1650 ซึ่งถ้าได้เป็น GTX 1660 Ti จะดีกว่านี้มากๆ ยังไงคาดว่าในส่วนนี้เก็บไว้ไปให้เราสุดด้วย Acer Nitro 7 มากกว่า (ฮา)
Acer Nitro 7 ตัวเครื่องโลหะ พรีเมียม ประสิทธิภาพแรงสุด
- i7-9750H + GTX 1660 Ti + RAM 8GB + HDD 1TB + SSD 256GB ราคา + จอ 60Hz ราคา 37,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1660 Ti + RAM 8GB + HDD 1TB + SSD 256GB ราคา + จอ 144Hz ราคา 39,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1660 Ti + RAM 8GB + SSD 512GB ราคา + จอ 144Hz ราคา 39,990 บาท
Acer Nitro 7 ถูกวางให้เหนือกว่า Acer Nitro 5 ในเรื่องของดีไซน์วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปกด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้ Gaming Notebook คุ้มค่าจากทาง Acer ในช่วงราคาไม่เกิน 40,000 บาท ก็ถือว่าน่าสนใจ หลักๆ แล้วทั้ง 3 สเปก ของ Acer Nitro 5 ไม่ต่างกันมาก ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เป็นตัวแรงสุดในช่วงราคานี้ ได้แรมมา 8GB เพียงพอ หรือจะอัพเกรดเป็น 16GB เองก็ได้
ส่วนที่เก็บข้อมูลมีให้เลือกทั้ง SSD + HDD หรือ SSD อย่างเดียว สำหรับหน้าจอก็มีให้เลือกทั้ง 60Hz และ 144Hz โดยส่วนตัวแล้ว มาถึงจุดนี้คงเลือกเป็นรุ่นราคา 39,990 บาท แต่จะเลือกเป็น SSD 256GB + HDD 1TB หรือ SSD 512GB อันนี้แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคนจริงๆ
ปิดท้ายสำหรับหน้าจอ 144Hz จะมีประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อสเปกตัวเครื่องสามารถขับเฟรมเรทเกมได้ถึง ซึ่งการ์ดจอก็ควรจะเป็น GTX 1650 ขึ้นไป ส่วนที่เหลือคือการปรับเกมของเราให้กราฟิกกลางๆ หรือล่างๆ หน่อย เพื่อเน้นความลื่นไหลสูงสุด อย่างไรก็ตามสำหรับหน้าจอ 144Hz ก็เหมาะสำหรับบางเกมที่รองรับเท่านั้น รวมไปถึงคนใช้งานอย่างเราๆ พึงพอใจแค่ไหนด้วยครับ