MSI GE65 Raider เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ ที่เน้นความเป็นที่สุดในเกือบทุกด้าน โดยเป็นรองเพียง GT Series เท่านั้น ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดระดับสูงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 20 Series ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี
ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น พร้อมให้หน้าจอ Refresh Rate ที่ 240Hz เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูงซึ่งฟินมากๆ เพราะ RTX 2060 – RTX 2070 สามารถขับได้สบายๆ กับราคา 62,900 – 72,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ สำหรับในช่วงราคา Gaming Notebook ระดับนี้
- Core i7-9750H / RTX 2060/ RAM 16GB / SSD 1TB / 15.6″ 240Hz ราคา 62,900 บาท
- Core i7-9750H / RTX 2070/ RAM 16GB / SSD 1TB / 15.6″ 240Hz ราคา 72,900 บาท
โดยในบทความนี้เราจะมาสรุป 3 สิ่งเด็ด ของ MSI GE65 Raider ว่าทำไมถึงกลายเป็นหนึ่งใน Gaming Notebook ที่น่าซื้อมาใช้งานที่สุด ลองมาดูกันได้เลย
MSI GE65 Raider มีดีไซน์เยี่ยม ระบายความร้อนยอด !!!
สำหรับ MSI GE65 Raider ถือว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์รองมาจากตระกูล GT โดยตัวล่าสุดนี้ MSI GE65 Raider มาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำแดงเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอะลูมิเนียมสีดำ ผิวเรียบหรูสวยงาม พร้อมมีไฟ LED สีแดงที่พอร์ต USB-A ทั้ง 3 ช่องอีกด้วย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ อย่างชัดเจน !!!
พร้อมขีดเส้นซ้ายขวาสีแดงออกทองสะท้อนแสง ผสานกับโลโก้มังกร MSI มีไฟสว่างสีขาวเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่าดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ ที่สำคัญคือเบาเพียง 2.27 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GE65 Raider จะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว เน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร
โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูแล้วเรียบเนียนจากตัวเครื่องในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น โดยจัดเต็มกว่าแบรนด์อื่นๆ เหมือนเคย วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงที่มีการชุบด้วยสีดำอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ
จากการที่สเปกจะแรงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าสูงอยู่ไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าเกือบๆ 100 องศาเซลเซียส เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ที่ว่าดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ถึงกระนั้นก็ยังทำได้ปกติ ไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ (แต่มีผลกับจิตใจแน่นอน ฮา) ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง RTX 2060 นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 69 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว
MSI GE65 Raider ประสิทธิภาพดีเล่นเกมลื่น เกินสเปกที่คาด !!!
MSI GE65 Raider ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 4.50 GHz) ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและยอดนิยมที่สุดใน Gaming Notebook ทุกๆ รุ่น ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด รองรับหลากหลายการใช้งานแบบเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (หรือ RTX 2070) เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 8 และ GTX 10 Series แบบเดิมๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 6GB GDDR6 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal เหนือชั้นกว่า GTX 1660 Ti โดยมาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี ray-tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพแรงเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 80 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ระดับสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมรองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงาม แต่ก็ต้องแลกกับการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
MSI GE65 Raider ได้ฟีเจอร์ Gaming เทพๆ ครบครัน
คีย์บอร์ดของเป็นฟีเจอร์เทพๆ ของ MSI GE65 Raider โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3
MSI GE65 Raider มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 240 Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60/ 144 Hz แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers แบรนด์ DYNAUDIO 2.2 ชาแนล โดยลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้นขนาด 2W + 2W พร้อมมีซัพวูฟเฟอร์ในตัว 2 ตัวขนาด 3W + 3W โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ แถมซัพพอร์ทไฟล์ Hi-res 24bit/192kHz ที่ใช้ ESS Sabre Hi-Fi DAC ในการขับได้อีกด้วยสมกับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับบนจริงๆ
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ สามารถใช้งานได้จริงๆ มีประโยชน์ทั้งนั้น อย่างที่หาได้ยากใน Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ