ในปี 2019 นี้ได้มีโน๊ตบุ๊คใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่พัฒนาไปจากปีก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้ใช้งานสักเครื่อง การเลือกสเปคต่างๆให้ตรงกับความต้องการเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีความสุข
ในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คนั้นจะแบ่งตามการใช้งานเช่นเกมมิ่ง, กราฟฟิก หรือใช้งานทั่วไป โดยในการเลือกซื้อนั้นต้องดูอะไรบ้าง เพื่อให้ได้เครื่องที่มีสเปคตรงตามต้องการในราคาที่รับกันได้ มาดูกันได้เลยครับ
>> สามารถค้นหาโน๊ตบุ๊คที่สนใจได้ที่นี่ <<
1.CPU
CPU เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของเครื่องที่จะช่วยบอกความแรงของเครื่องได้ ใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องให้เหมาะกับการใช้งานได้ โดยในปัจจุบัน CPU นั้นมีอยู่ 2ยี่ห้อคือ Intel และ AMD โดยในรุ่นล่าสุดของ Intel จะเป็น Gen 9 ส่วนของ AMD จะเป็น Ryzen 3000
โดยหากนำมาเทียบกันทาง Intel จะชนะขาดในเรื่องความแรงแต่จะมีปัญหาเรื่องความร้อนกับการกินไฟ ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่าเพื่อแลกกับความแรงที่ไม่มีใครเทียบได้ ส่วน AMD จะได้เปรียบที่ราคาถูกกว่ากับความร้อนน้อยกว่า แต่ทางด้านความแรงแล้วเทียบได้กับ Intel Core i5 เท่านั้น
สำหรับตัวอักษรต่อท้ายรหัส CPU นั้นจะบ่งบอกถึงลักษณะของ CPU นั้นๆ เช่น H คือรุ่นประสิทธิภาพสูง, U คือรุ่นประหยัดพลังงานทว่าก็ยังแรงพอที่จะทำงานหนักๆได้บ้าง และ Y คือรุ่นประหยัดพลังงานสำหรับเครื่องที่บางมากๆเพราะไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมระบายความร้อนเลย
** คำแนะนำ **
ในการเลือก CPU นั้นให้ดูจากงานที่ต้องใช้เป็นหลัก หากเล่นเกมหรือตัดต่อควรจะเลือกรุ่นที่เป็นรหัส H เป็นหลัก สำหรับ Intel อย่างน้อยควรเป็น Gen 8 อย่าง I7-8750H หรือ i5-8300H หรือให้ดีก็ควรเป็น Gen 9 อย่าง i7-9750H หรือ i5-9300H ไปเลย ส่วน AMD ก็ควรจะเป็น Ryzen 7 3750H หรือ Ryzen 5 3550H
หากใช้งานทั่วไปหรือเน้นพกพาเป็นหลักก้ควรเลือกที่เป็นรุ่นรหัส U ที่จะใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า สำหรับ Intel อย่างน้อยควรเป็น Gen 8 เช่น I7-8550U หรือ i5-8250 โดย Gen 8 – U นั้นจะมีอยู่ 2 รุ่นย่อยโดย 8250U กับ 8550U จะเป็นรุ่นแรก และ 8265U กับ 8656U จะเป็นรุ่นใหม่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นย่อยนี้ความแรงจะไม่ห่างกันมากนัก ส่วน AMD ก็จะเป็น Ryzen 7 3700U หรือ Ryzen 5 3500U
สำหรับ Intel รหัส Y นั้นจะมีน้อยรุ่นมากที่จะเลือกใช้ และยังน้อยรุ่นเข้าไปอีกที่มีขายในประเทศไทย โดยในปัจจุบัน Intel Core i รหัส Y นั้นจะมีเพียง Macbook Air รุ่นใหม่เท่านั้น
2.GPU / การ์ดจอ
การ์ดจอเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการเลือกซื้อเลย โดยการ์ดจอจะมีอยู่ 2 ประเภทคือการ์ดจอออนบอร์ด(ติดมากับ CPU)กับการ์ดจอแยก โดยในที่นี้จะพูดถึงการ์ดจอแยกเป็นหลัก ส่วนการ์ดจอออนบอร์ดนั้นจะเหมาะกับการใช้งานทั่วๆไป ไม่ต้องการกราฟฟิกเยอะเช่นงานเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น ส่วนการ์ดจอแยกนั้นจะเอาไว้ใช้กับงานที่ต้องการกราฟฟิกเยอะๆหน่อย โดยจะมีอยู่ 2 ยี่ห้อหลักๆ คือ Nvidia และ AMD
Nvidia ในปัจจุบันจะมีอยู่ 3 ซีรี่ย์คือ GTX, RTX และ MX โดย GTX จะเป็นการ์ดจอสำหรับเล่นเกมในราคาไม่แพงมาก มีความแรงพอประมาณสำหรับ GTX จะมี 2 แบบคือเป็นรหัสรุ่นปกติกับมี Ti ต่อท้าย โดยรุ่นที่มี Ti ต่อท้ายจะเป็นตัวแรงสุดของรหัสนั้น เช่น GTX 1650, GTX 1660Ti เป็นต้น ส่วน RTX จะเป็นการ์ดจอสำหรับเล่นเกมประสิทธิภาพสูง โดยจะมีระบบ Ray Tracing ที่ช่วยให้สามารถทำการประมวลผลกราฟฟิกได้ตลอดเวลา สำหรับ RTX นั้นจะมีรุ่น RTX 2060 / RTX 2070 / RTX 2080 ซึ่งโน๊ตบุ๊คที่ใช้การ์ดจอ RTX นั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ส่วน MX นั้นจะเป็นการ์ดจอแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งมักจะอยู่ในเครื่องที่เน้นการพกพาหรือใช้งานทั่วไปมากกว่า ในด้านประสิทธิภาพถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ คือใช้งานกราฟฟิกหรือเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง
AMD ในปัจจุบันจะมี 2 ซีรี่ย์หลักๆคือ RX และ Vega สำหรับ RX จะเป็นการ์ดจอเล่นเกม โดยในปัจจุบันที่จะเห็นอยู่ในโน๊ตบุ๊คจะเป็นรุ่น RX560X เป็นหลัก ซึ่งประสิทธิภาพนั้นก็ถือว่ากลางๆ สามารถเล่นเกมหรือใช้งานกราฟฟิกทั่วๆไปได้หมด ส่วน Vega นั้นจะเป็นการ์ดจอแบบออนบอร์ด ส่วนประสิทธิภาพนั้นถือว่าพอใช้งานได้ทุกรูปแบบคือจะเล่นเกม หรือใช้งานทั่วไปก็ได้หมด
** คำแนะนำ **
ในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คในปี2019 นี้ในฝั่ง Nvidia ควรเลือกอย่างน้อยเป็น GTX 1650 ขึ้นไป(ถ้าเป็นมือสองควรเป็น GTX1060) เพราะเป็นรุ่นขั้นต่ำที่เล่นเกมได้ทุกเกมแน่นอน หากให้ดีเลือกเป็น GTX 1660Ti หรือ RTX 2060 ขึ้นไปเลยจะครอบคลุมได้ครบทุกเกมมากกว่า ทว่าหากงบไม่สูงก็จะมี GTX 1050 มาเป็นตัวเลือกอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นกับผู้ซื้อว่าจะต้องใช้ขนาดไหน หากซื้อเครื่องสำหรับใช้งานทั่วไปในปัจจุบันควรเน้นไปที่ MX250 เป็นหลัก(ถ้าเป็นมือสองควรเป็นMX150 ไม่ควรมองที่เป็น GT แล้ว)
ส่วนในฝั่ง AMD นั้นในปัจจุบันจะมีให้เลือกเพียงแค่ RX560X เพียงรุ่นเดียว ส่วนแบบใช้งานทั่วไปนั้นจะเป็นแบบออนร์บอร์ดทั้งหมด ดังนั้นเวลาเลือกซื้อก็จะสัมพันธ์กับ CPU ด้วย
3.Display
ในปัจจุบันโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่จะมีหน้าจอ LED เป็นพื้นฐานอยู่แล้วขึ้นอยู่กับชนิดของจอที่ผู้ผลิตจะให้มา โดยชนิดของหน้าจอจะมีหลักๆอยู่ 3 แบบคือ TN, VA และ IPS โดยโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งจะเลือกใช้จอแบบ VA กันเพราะสามารถทำเฟรมเรทได้สูง ส่วนจอ TN กับ IPS จะใช้กันในโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดย TN จะใช้ในเครื่องราคาถูก ส่วน IPS จะมาในเครื่องที่มีราคาแพงขึ้นมาหน่อย
** คำแนะนำ **
ในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คนั้นเป็นไปได้ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีความละเอียด FullHD ไว้เป็นดีที่สุด และในส่วนของรีเฟรชเรทนั้นจะมีอยู่หลายระดับคือ 60Hz, 120Hz, 144Hz และ 240Hz โดยแต่ละระดับจะเหมาะกับจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน โดยทั่วๆไปจอจะมีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz สำหรับใช้งานทั่วไป ส่วนนอกนั้นจะเหมาะกับการเล่นเกมเป็นหลัก ทว่าเอามาใช้ทำงานก็ดี โดยข้อดีของจอรีเฟรชเรทสูงคือจะช่วยให้หายปวดตาไปได้พอสมควรเวลาเลื่อนหน้าเร็วๆ ซึ่ง 120Hz นั้นจะเป็นจอสำหรับเล่นเกมงบไม่สูงนัก ส่วนของ 144Hz นั้นจะเป็นที่นิยมในโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งราคาสูงหน่อยที่จะมาพร้อมกับสเปคแรงๆ และหากมีงบสูงก็สามารถจัดตัว 240Hz ได้เลย
หากคาดหวังเรื่องความเที่ยงตรงของสีนี้จำเป็นต้องวัดกันเป็นตัวไป ไม่สามารถตัดสินจากชนิดจอได้เพราะไม่สามารถทำให้เที่ยงตรงที่สุดระหว่างกระบวนการผลิตได้ จึงต้องพึ่งเครื่องมืออย่าง Spyder มาช่วยวัด ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อให้หารีวิวที่มีการพูดถึงความเที่ยงตรงของหน้าจอประกอบด้วยจะดีกว่า
4.Ram
RAM เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้โน๊ตบุ๊คทำงานได้ไหลลื่น โดยจะเห็นชัดเจนเวลาเปิดโปรแกรมเยอะๆ จะทำให้สามารถใช้งานได้รวดเร็วขึ้น โดยในปัจจุบันจะใช้ RAM DDR4 กัน ซึ่งในปัจจุบันบัสทั่วไปจะอยู่ที่ 2400MHz ส่วนแบบเกมมิ่งจะอยู่ที่ 2666MHz สำหรับเครื่องราคาถูกมากนั้นจะมีบัสอยู่ที่ 2133MHz
** คำแนะนำ **
ในปัจจุบันโปรแกรมต่างๆนั้นใช้ RAM กันเยอะขึ้นเรื่อยๆดังนั้นทางที่ดี RAM ควรมีอย่างน้อยที่สุด 8GB เป็นอย่างต่ำ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสบายๆ และถ้าให้ดียิ่งขึ้นควรเพิ่ม RAM เป็น 16GB(โน๊ตบุ๊คทั่วไปจะรองรับได้ถึง32GB ส่วนเกมมื่งจะรับได้ถึง64GB) ไปเลยจะยิ่งดีมาก ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวๆ ไม่ต้องมากังวลในอนาคตอีกด้วย
5.SSD / HDD
SSD/HDD เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลเอาไว้ติดตั้งซอร์ฟแวร์ต่างๆ และยังเอาไว้เก็บข้อมูลต่างๆ เช่น หนัง เพลง หรือเกมได้ โดยในปัจจุบันอย่างน้อยโน๊ตบุ๊คต้องมากับ HDD ขนาด 1TB แล้ว ส่วนทั่วไปจะเริ่มมาพร้อมกับ SSD เริ่มต้น 128GB และ HDD ขนาด 1TB แล้ว และในบางรุ่นบางยี่ห้อจะให้เป็น SSD อย่างเดียวมาเลย โดยทั้ง SSD และ HDD จะมีอย่างละ 2 แบบคือ SSD จะแบ่งเป็น SATA กับ NVMe(ความเร็วสูง) ส่วน HDD จะแบ่งตามความเร็วโดยทั่วไปจะให้มาแบบ 5400 rpm(รอบต่อนาที) และแบบ 7200 rpm(รอบต่อนาที)
** คำแนะนำ **
ในปัจจุบัน Windows 10 นั้นค่อนข้างกินสเปคพอสมควร ทำให้เกิดปัญหา Disk 100% ดังนั้นเวลาเลือกซื้อควรเลือกเครื่องที่มี SSD มาให้เป็นหลัก หรือหากเครื่องไม่มี SSD มาให้ก็ควรซื้อ SSD มาเพิ่มเพื่อลง Windows 10 จะได้หมดปัญหา Disk 100% นอกจากนี้ยังช่วยให้เรียกใช้โปรแกรมต่างๆได้เร็วขึ้นด้วย การเลือกซื้อ SSD ในปัจจุบันนั้นควรมีความจุอย่างน้อย 256GB เพื่อให้สามารถลงโปรแกรมได้เยอะหน่อย และหากให้ดีขึ้นควรเป็น SSD แบบ M.2 NVMe เพราะจะมีความเร็วในการอ่าน/เขียนสูงมาก ทว่าต้องตรวจสอบ mainboard ก่อนด้วยว่ารองรับไหม