การที่เครื่องโน๊ตบุ๊คนั้นมาพร้อมกับหน้าจอสำหรับการใช้งานที่ 2 ถือว่าเป็นเรื่องดีครับ ทว่านั่นก็อยู่ที่การออกแบบตัวหน้าจอที่ 2 ด้วยเหมือนกันว่าทางผู้ผลิตนั้นจะสามารถขับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ในการใช้งานออกมาได้มากขนาดไหนครับ สำหรับทาง ASUS เองนั้นก็มีการออกแบบหน้าจอที่ 2 สำหรับใช้งานบนโน๊ตบุ๊คด้วยเช่นเดียวกัน
โดยย้อนกลับไปในปี 2018 นั้นเราได้เห็นโน๊ตบุ๊ครุ่น ZenBook Pro 15 UX580 ที่มาพร้อมกับ ScreenPad 1.0 ส่วนในปีนี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการเปิดตัว ScreenPad 2.0 ในงาน Computex 2019 ที่ผ่านมาซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้นั้น ASUS ได้ทำการส่งโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับ ScreenPad 2.0 ลงตลาดแล้วครับ
สำหรับโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับ ScreenPad 2.0 ของทาง ASUS นั้นก็คือ VivoBook S15 รุ่น 2019 ครับ ตัว ScreenPad 2.0 นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.95 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 2160 x 1080 pixels ซึ่งนอกเหนือจากจะใช้งานเป็น TouchPad ได้แล้วนั้นมันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อีกมากมาย ก่อนอื่นนั้นไปดูสเปคของ ScreenPad 2.0 กันก่อนครับ
ทาง NotebookCheck นั้นได้ทำการทดสอบ ScreenPad 2.0 บน VivoBook S15 รุ่น 2019 แล้วและนี่คือสิ่งที่ทาง NotebookCheck ชื่นชอบต่อ ScreenPad 2.0 ครับ
- Windows สามารถที่จะมองเห็น ScreenPad 2.0 เป็นหน้าจอที่ 2 ของตัวเครื่องทำให้ในการใช้งานนั้นสามารถที่จะสั่งการจาก Windows ได้ทันทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องเซ็ทค่าใดๆ เพิ่มเติม
- ScreenPad 2.0 ช่วยให้คุณสามารถที่จะทำงานต่างๆ ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ที่มีอยู่บนตัวของ ScreenPad 2.0 เอง
- ScreenPad 2.0 ไม่มีความจำเป็นยุ่งยากในการที่นักพัฒนาโปรแกรมจะต้องทำการพัฒนาโปรแกรมออกมาให้สามารถใช้งานร่วมกันได้กับ ScreenPad 2.0
- รองรับการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการเล่นไฟล์เสียงหรือวีดีโอ ตามมาด้วยการแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ของตัวระบบปฎิบัติการ Windows ในขณะที่คุณเล่นเกมอยู่บนหน้าจอหลักเป็นต้น
- หน้าตาของซอฟต์แวร์การแสดงผลของทาง ASUS นั้นคล้ายคลึงกับการใช้งานระบบปฎิบัติการ Android ทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะใช้งานได้โดยง่าย
หน้าจอแสดงฟีเจอร์ต่างๆ ของ ScreenPad 2.0
อย่างไรก็ตามครับเมื่อมีข้อดีและสิ่งที่ชื่นชอบแล้วนั้นย่อมจะต้องมีข้อด้อยที่ทาง NotebookCheck ไม่ชอบบน ScreenPad 2.0 เช่นเดียวกันอันได้แก่
- ด้วยอัตราส่วนของ ScreenPad 2.0 ที่อยู่ที่ 2 : 1 นั้นอาจจะทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานแบบเป็นหน้าจอที่ 2 นั้นอาจจะดูแล้วค่อนข้างแตกต่างจากหน้าจอหลักที่มีอัตราส่วน 16 : 9 พอสมควรอันเนื่องมาจากความไม่ต่อเนื่องของอัตราส่วนของหน้าจอทั้ง 2
- ScreenPad 2.0 ใข้หน้าจอแสดงผลแบบด้านซึ่งดูแล้วเป็นเม็ดๆ ต่างจากหน้าจอสมาร์ทโฟนทำให้ในการแสดงผลต่างๆ นั้นค่อนข้างที่จะทำได้ไม่ดีเท่าไรถึงแม้ว่าตัวหน้าจอจะมีความละเอียดสูงก็ตาม
- เมื่อใช้งาน ScreenPad 2.0 นั้นพบว่าแบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่าเดิมมาก โดยจากการทดสอบนั้นพบว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่จะลดลงมากถึง 90 นาทีเมื่อเปิดใช้งาน ScreenPad 2.0 เป็นหน้าจอที่ 2
- ตัวหน้าจอไม่สามารถแสดงความสว่างได้มากพอที่จะทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจนเมื่อผู้ใช้ทำการใช้งานในที่ที่มีแสดงสถาพแวดล้อมสว่างมาก นอกไปจากนั้นแล้วมุมมองของหน้าจอ ScreenPad 2.0 ยังถือว่าทำได้ต่ำเอามากๆ
- การใช้งานหน้าจอ ScreenPad 2.0 พร้อมกับหน้าจอหลักนั้นทำให้ Windows จะสลับโฟกัสหน้าจอโดยอัตโนมัติทำให้ในการใช้งานจริงค่อนข้างสร้างความลำบากพอควรอย่างเช่นการเล่นเหมที่หน้าจอหลักแล้วให้แสดงผลอีเมลเข้าที่หน้าจอ ScreenPad 2.0 ตัว Windows จะเปลี่ยนโฟกัสมาที่หน้าจอ ScreenPad 2.0 ทำให้ที่หน้าจอหลักที่เล่นเกมอยู่นั้นเกิดการหยุดการทำงานชั่วขณะ
- ด้วยระยะห่างระหว่างหน้าจอหลักกับหน้าจอ ScreenPad 2.0 นั้นค่อนข้างที่จะมากทำให้ในการใช้งานจริงผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องละสายตาไปๆ มาๆ ไม่เหมือนกับการใช้หน้าจอที่ 2 ที่อยู่ติดกับหน้าจอที่หลักโดยตรง
- ScreenPad 2.0 ไม่ได้มาพร้อมกับการตอบสนองทั้งในส่วนของการสั่นและเสียงดังนั้นจึงทำให้มันยากขึ้นที่ผู้ใช้จะรับรู้ได้ว่าได้มีการสั่งการใช้งานผ่านทาง ScreenPad 2.0
ที่มา : notebookcheck