เปิดขายกันเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ MacBook Air ปี 2019 ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทั้งบางและเบาในสีสันที่สวยงามถึง 3 สี ชิปประมวลผล Core i5 ตระกูล Y Gen 8 มาพร้อม Touch ID และ Thunderbolt 3×2 พอร์ต ก็ได้เปิดตัวสเปกใหม่รุ่นใหม่ออกมา ด้วยการเพิ่มการแสดงผลแบบ True Tone ให้กับหน้าจอ Retina Display เพื่อประสบการณ์การรับชมที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เหมือนกับที่มีมาแล้วในฝั่งของ MacBook Pro และราคาก็ปรับให้ถูกลงเริ่มต้นเพียง 35,900 บาท อีกทั้งยังประหยัดยิ่งขึ้นอีกสำหรับนักศึกษาระดับวิทยาลัยในราคาเพียง 31,900 บาทเท่านั้น โดยแบ่งออกด้วยกันเป็น 2 รุ่นคือ
- Core i5 / UHD Graphics 617 / RAM 8GB / SSD 128GB ราคา 35,900 บาท (ราคานักศึกษา 31,900 บาท)
- CPU i5 / UHD Graphics 617 / RAM 8GB / SSD 256GB ราคา 42,900 บาท (ราคานักศึกษา 38,900 บาท)
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่า Apple มีการปรับราคาของ MacBook Air ให้มีราคาถูกลงมากว่าเมื่อก่อน จากรุ่นปี 2018 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 42,900 บาท ซึ่งจากการที่สื่อต่างประเทศได้มีโอกาสทดสอบรุ่นปี 2019 แล้ว ก็พบว่าที่เก็บข้อมูล SSD ของ MacBook Air รุ่นล่าสุด ได้มีความเร็วลดลงกว่ารุ่นปี 2018 โดยรุ่นเก่านั้นมีความความเร็วในการอ่านอยู่ที่ราวๆ 2000B/s และความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 920MB/s ซึ่งเทียบกับรุ่นใหม่จะมีความเร็วในการอ่านอยู่ที่ราวๆ 1300MB/s และความเร็วในการเขียนอยู่ที่ราวๆ 1000MB/s
ที่ต้องบอกว่าถ้าดูความเร็วในการอ่านการเขียนของ SSD ใน MacBook Air ปี 2018 และปี 2019 เทียบกันแล้วด้วยโปรแกรมทดสอบ SSD มาตรฐานของ macOS อย่าง Disk Speed Test พบว่ารุ่นปี 2018 เขียนได้เร็วกว่าประมาณ 35% แต่ในการเขียนก็ช้ากว่ารุ่นใหม่เล็กน้อย ที่คาดว่าการที่ Apple ได้มีการปรับสเปกของ SSD ซึ่งมาตรฐานเป็น M.2 NVMe PCIe เกรดกลางๆ ทั้ง 2 ปีนี้ คาดว่าช่วยในการลดต้นทุนของ MacBook Air เองให้มีราคาถูกลงมา ส่วนประสบการณ์ใช้งานกับความเร็วประมาณนี้ก็ไม่มีผลอะไรมาก เพราะเอาเข้าจริงๆ MacBook Air ก็ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5 ตระกูล Y Gen 8 ซึ่งก็ไม่ได้แรงมากอยู่แล้ว ร่วมกับแรมขนาด 8GB เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไป ตามกลุ่มที่ Apple วางเอาไว้เช่นนักศึกษาหรือคนที่เน้นใช้งานพื้นฐานนั่นเอง
อย่างไรก็ตามแม้การใช้งานจริงๆ อาจจะไม่มีผลอะไร แต่กระทบต่อความรู้สึกมากกว่าาสำหรับคนที่รู้เรื่องสเปกเชิงลึก ต่างจากคนทั่วไปถ้า MacBook Air รุ่นใหม่ราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะจับต้องได้ง่ายขึ้นก็เป็นอะไรที่รับได้ เพราะก็ไม่ได้ใช้โปรแกรมหรืออะไรหนักๆ อยู่แล้ว ตรงนี้ต่างจากกรณีของ MacBook Pro หรือ Notebook ที่เน้นใช้งานหนักๆ อย่างเล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอจริงจัง เพราะความเร็วของ SSD มาตรฐานเป็น M.2 NVMe PCIe ควรจะเป็นเกรดสูง ที่มีความเร็วในการเขียนระดับ 3000MB/s และอ่านอยู่ที่ 2000MB/s ขึ้นไปนั่นเอง ซึ่งนั่นเห็นผลชัดเจนแน่นอนสำหรับความเร็วที่มากขึ้น
ที่มา : wccftech