ถึงแม้ว่าช่วงนี้นั้นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นของขาวอเมริกัน ทว่ากับผู้คนที่อยู่ในโซนยุโรปแล้วนั้นกลับไม่ได้มีทิศทางไปในแบบเดียวกันครับ โดยล่าสุดนั้นคุณ Klaus Frölich ผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาของทาง BMW ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ครับว่าประชาชนชาวยุโรปนั้นยังคงมีความต้องการรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันมากกว่าไฟฟ้า โดยกว่าที่ชาวยุโรปจะเริ่มให้ความสนใจกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั้นก็คงจะปาเข้าไปอีก 30 ปีนู่นเลยครับ
Vision M Next concept car รถยนต์ต้นแบบระบบ hybrid ระหว่างพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน
ตามข้อมูลนั้นได้ระบุเอาไว้ครับว่าทาง BMW นั้นจะผลิตรถตามความต้องการของชาวยุโรปมากกว่าโดยที่พวกเขาเองนั้นก็จะไม่พยายามยัดเยียดเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปบนตัวรถหากผู้ใช้ยังคงไม่ค้องการ ตามกำหนดการนั้นทาง BMW มีแผนการที่จะเปิดตัวรถยนต์แบบ battery-electric vehicles (BEVs) ในช่วงปี 2025 ทว่าในรถหลายๆ รุ่นนั้นก็จะยังคงเป็นแบบ hybrid ที่ยังคงสามารถที่จะใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงได้อยู่ครับ
ถึงแม้ว่าสำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปจะได้มีการรายงานเอาไว้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นมีอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพิ่มมากขึ้นจากรถยนต์ทว่าทาง BMW นั้นก็ยังคงไม่เห็นว่าจะมีผู้ใช้ชาวยุโรปร้องหารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแต่อย่างใดครับ ทว่าทาง BMW เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าวนี้ดังนั้นตามที่ได้บอกไว้ในตอนต้นครับว่าทาง BMW เองจะเริ่มค่อยๆ ขยับเข้าสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ในปี 2025 ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวนั้นก็จะยังคงเป็นระบบ hybrid ที่ผู้ใช้ยังคงสามารถเลือกใช้พลังงานจากน้ำมันได้อยู่ครับ
ตามที่ทาง BMW เห็นนั้นพบว่าโซนที่ต้องการรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากๆ นั้นจะเป็นโซนในประเทศจีนและอเมริกาเหนือมากกว่าโซนอื่นๆ ของโลกครับ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้วแต่ตามสถิติที่ทาง BMW เก็บไว้นั้นก็ยังคงพบว่ารถยนต์พลังงานน้ำมันของพวกเขานั้นก็ยังคงมียอดจำหน่ายสูงขึ้นถึง 1.6% ในโซนดังกล่าวดังนั้นแล้วทาง BMW เองก็ไม่อยากที่จะเร่งรัดเท่าไรนักในการยัดเยียดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กับผู้บริโภคครับ
ที่มา : forbes