ดูเหมือนว่าการสั่งแบน Huawei ของทางสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้นั้นจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิดแล้วล่ะครับ หลังจากที่ทาง Google เองนั้นได้มีการออกมาบอกกล่าวก่อนหน้านี้ไปถึงประธานาธิบดีว่าการแบน Huawei นั้นอาจจะส่งผลที่ไม่ดีเท่าไรนักกับทาง Google ล่าสุดดูเหมือนว่าองค์กรที่ใหญ่กว่าอย่าง The White House Office of Management and Budget หรือสำนักบริการและงบประมาณทำเนียบขาว
ได้ออกมาแถลงการมาแจ้งต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่าควรที่จะทำการยืดเวลาในการแบนอย่างเป็นทางการสำหรับ Huawei ออกไปมากกว่านี้เนื่องจากว่าต้องให้ทางบริษัทต่างๆ ที่ทำสัญญาทางด้านการค้ากับทาง Huawei ไว้ได้ปรับตัวกันก่อนครับ
อย่างที่ทุกท่านน่าจะพอทราบกันดีแล้วครับว่าการแบน Huawei ของทางสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้นั้นก็เนื่องมาจากทางสหรัฐได้อ้างว่าทาง Huawei มีการโจรกรรมข้อมูลของทางสหรัฐอเมริกาไปให้กับรัฐบาลจีนซึ่งนั่นทำให้เกิดความกระทบกระเทือนกับความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ตอนแรกนั้นทางสหรัฐอเมริกาได้ออกมาสั่งให้ทำการแบนทันทีซึ่งก็มีหลายบริษัทที่ทำการค้ากับทาง Huawei เริ่มที่จะประกาศแบน Huawei ทว่าหลังจากผ่านไปได้ไม่นานนักทางสหรัญอเมริกาก็ได้ออกมายืดเวลาให้การแบนนั้นต้องทำภายในระยะเวลา 90 วันหลังจากที่มีการประกาศออกจากทางรัฐบาลมาครับ
ล่าสุดนั้นดูเหมือนกับว่าการแบนในครั้งนี้จะเริ่มไม่เป็นผลดีกับทางรัฐบาลสหรัฐและบริษัทสัญชาติสหรัฐมากสักเท่าไรแล้วครับ เพราะทางสำนักบริการและงบประมาณทำเนียบขาว ได้ออกมาบอกว่ากฎหมายป้องกันประเทศที่มีชื่อว่า National Defense Authorization Act (NDAA) ที่มีการระบุให้แบน Huawei นั้นควรที่จะได้รับการแก้ไขใหม่เพราะในข้อกฎหมายดังกล่าวนั้นได้มีการสั่งห้ามไม่ให้มีการใช้เงินของรัฐบาลกลางเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์จาก Huawei อีกด้วยซึ่งนั่นทำให้ผิดสัญญาการซื้อขายที่เคยมีการทำออกไปก่อนหน้านี้
เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางของมันนั้นทางสำนักบริการและงบประมาณทำเนียบขาวได้ยื่นข้อเสนอให้กับรัฐสภาสหรัฐทำการแก้กฎหมายใหม่หรือออกกฎหมายเพิ่มเติมโดยการยืดระยะเวลาการแบนที่มีผลในทันมทีให้กลายเป็นภายในระยะเวลา 2 ปีเพื่อที่ทั้งทางหน่วยงานรัฐเองและบริษัทที่ทำธุรกิจกับทาง Huawei จะได้มีเวลาเพิ่มในการจัดการเรื่องดังกล่าวนี้ ทว่าทางสำนักบริการและงบประมาณทำเนียบขาวก็ไม่ได้ยืนข้อเสนอในการแก้กฎหมายในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมโดยเฉพาะไม่ลดทอนวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยที่ทางรัฐบาลสหรัฐต้องการ งานก็ก็คงต้องรอดูกันต่อไปครับว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร
ที่มา : reuters