อย่างที่หลาย ๆ ท่านคงทราบกันไปแล้ว ว่าเมื่อช่วงวันที่ 7-11 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมในฐานะของทีม NotebookSPEC ที่เป็นหนึ่งในตัวแทนสื่อไอทีจากประเทศไทยที่ได้ไปร่วมงาน AMD Next Horizon Gaming Tech Day ที่ Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พบกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จากทาง AMD มากมาย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการเกม ตามในบทความเหล่านี้
- AMD E3 – รวมข้อมูลชิป AMD Ryzen 3000 Series ว่าแต่ละรุ่นแรงขนาดไหน พร้อมราคา
- AMD E3 – AMD เปิดตัว Ryzen 9 3950X อัดมา 16 คอร์ เร็วสุด 4.7GHz แต่กิน TDP แค่ 105W พร้อมโชว์ OC
- AMD E3 – เจาะเทคโนโลยีในสถาปัตยกรรมชิปประมวลผล Zen 2 ของ AMD Ryzen 3000 Series
- AMD E3 – เจาะชิปตระกูล Navi พร้อมสถาปัตยกรรม RDNA ใหม่ล่าสุดที่อยู่ใน AMD Radeon RX 5700 Series พร้อมราคา
แต่สำหรับในบทความนี้ก็จะเป็นบันทึกเก็บตกการเดินทางต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านเทคนิคกันบ้างครับ โดยจะขอลงภาพประกอบพร้อมข้อมูลเป็นวัน ๆ ไปแล้วกัน เริ่มตั้งแต่การเดินทางออกจากประเทศไทยในวันที่ 7 มิถุนายนกันเลย
วันเดินทาง: 7 มิถุนายน
จุดเริ่มต้นของการเดินทางก็อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ โดยไฟลท์บินจะเป็นการไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง รวมเวลาคร่าว ๆ ก็ประมาณนี้
- ไทย -> ฮ่องกง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รอเปลี่ยนเครื่อง 1 ชั่วโมง
- ฮ่องกง -> ลอส แองเจลิส ใช้เวลาประมาณ 13 ชั่วโมง
ที่นั่งที่ผมได้ก็จะเป็นแถบริบหน้าต่าง บังเอิญโชคดีที่ไม่ค่อยเจอผู้โดยสารที่ก่อให้เกิดปัญหาซักเท่าไหร่ จะมีก็แค่คนข้างหลังที่ชอบกระแทกเบาะบ้างในบางครั้ง เลยทำให้พอหลับลงบ้างเป็นช่วง ๆ
ภาพนี้ผมใช้มือถือถ่ายเมื่อเครื่องออกมาจากฮ่องกงได้ซักพักครับ เมื่อประมาณ 5 โมงครึ่งตามเวลาฮ่องกง ดวงอาทิตย์ใกล้ลับหมู่เมฆลงไปแล้ว
จากนั้นก็นั่งเครื่องข้ามโซนเวลากันมาต่อยาว ๆ จนเครื่องลงที่สนามบิน LA ตอนประมาณบ่ายสองครึ่งของวันที่ 7 มิถุนายน ผ่านกระบวนการของฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองเล็กน้อย รอกระเป๋านิดหน่อย ก็เดินออกมาเจอเจ้าหน้าที่ของทาง AMD รอรับอยู่แล้ว เมื่อตรวจสอบข้อมูลกันเรียบร้อยแล้วก็หิ้วกระเป๋าขึ้นรถเพื่อเดินทางมาที่โรงแรมได้เลย
สภาพอากาศที่ LA ในช่วงนี้ ถ้าตามจริงแล้วคือควรจะเริ่มเข้าฤดูร้อนแล้ว แต่ปรากฏว่าเหมือนปีนี้อากาศจะแปลก ๆ ไปนิด เลยทำให้อากาศยังเย็นกว่าที่ควรจะเป็นนิดหน่อย อุณหภูมิในช่วงกลางวันไม่เกิน 26 องศาเซลเซียส ส่วนตอนกลางคืนก็อยู่ที่ราว ๆ 17 องศาเท่านั้น ขนาดคนที่อยู่ในเมืองนี้ยังบ่นเหมือนกันว่าหนาวไปหน่อย ส่วนตัวเลขอุณหภูมิ เห็นว่าต่ำกว่าไทยแบบนี้ แต่แดดแรงมากจ้าาา นั่งในรถยังรู้สึกแสบผิวหน่อย ๆ เลย
การจราจรในช่วงที่ผมอยู่บนรถก็มีรถติดนิดหน่อยครับ แต่เป็นการติดตามการจราจรปกติ คือเป็นพวกติดจากไฟจราจร กับติดเพราะถูกบังคับหยุดตามทางแยกที่เป็นกฏหมายของที่นี่ซะมากกว่า รวมแล้วใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาที่โรงแรมประมาณ 1 ชั่วโมง
โรงแรมที่เป็นสถานที่จัดงานหลัก รวมถึงเป็นที่พักของสื่อจากนานาประเทศก็คือโรงแรม Beverly Hilton ที่จัดว่าอยู่ใจกลางเมืองพอสมควรเลย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็จัดว่าครบครัน มี iPad ให้ใช้สั่งบริการของโรงแรม มีทีวีแบบ on demand ที่สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อดูหนังใหม่ ๆ เช่น Captain Marvel, Shazam! ได้ รวมถึงหนังผู้ใหญ่ 18+ ก็มีเช่นกัน ราคาต่อเรื่อง ส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่ $19.99+ภาษี ครับ
วันที่สอง: 8 มิถุนายน
วันนี้จะยังไม่ได้เข้าสู่เนื้อหาสาระมากนัก โดยในช่วงเช้าจะมีพาทัวร์ Warner Bros. Studio ครับ เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่ราว ๆ 8 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไปถึงที่สตูดิโอแล้ว
เริ่มแรกก็จะเป็นการเข้าชมวิดีโอแนะนำคร่าว ๆ ก่อน จากนั้นถึงได้นั่งรถออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ สาเหตุที่ต้องนั่งรถก็เพราะว่าพื้นที่ของสตูดิโอทั้งหมดนั้นกว้างใหญ่มาก ถ้าปล่อยให้เดินเองอาจจะเหนื่อย รวมถึงอาจเตลิดออกนอกทางกันได้ง่ายนั่นเอง โดยรถแต่ละคันก็จะมีวิทยากรเป็นผู้ขับรถเอง และเป็นผู้บรรยายในแต่ละพื้นที่อีกด้วย
ไฮไลท์ที่น่าสนใจก็เช่น ถนน Hennesy เส้นนี้ครับ เพราะบรรดาตึกต่าง ๆ เหล่านี้ ได้ถูกใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ชื่อดังหลาย ๆ เรื่องเลย ซึ่งวิทยากรก็จะบรรยายเป็นจุด ๆ เลยว่า ตรงไหนเคยอยู่ในฉากไหน เรื่องอะไรบ้าง เท่าที่จำได้ก็จะมีในเรื่อง Minority Report รวมถึงฉากที่ Spiderman ห้อยตัวลงมาจูบ Mary Jane ด้วย เรียกว่าเป็นถนนที่เหล่าดาราชื่อดัง ทีมงาน ผู้กำกับที่มีฝืมือของฮอลลีวูดล้วนต้องเดินผ่านกันแทบทั้งนั้นเลย
ส่วนพวกวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างฉากเหล่านี้ขึ้นมา ก็ได้รับการใส่ใจในรายละเอียดด้วยเช่นกันครับ อย่างผนังอิฐเหล่านี้ ที่จริงแล้วทำมาจากพลาสติกที่ถูกตกแต่งพื้นผิวให้เหมือนกับอิฐมาก ๆ จนแทบมองไม่ออก ส่วนพื้นไม้ที่ใช้ภายในบางอาคารที่ใช้สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ ก็จะได้เลือกใช้พื้นผิวที่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนต่ำ เพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปได้ง่ายขึ้น
ส่วนต่อมาก็เป็นงานจัดแสดงสิ่งของ ชุดตัวละครจากในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องในเครือ Warner Bros. เช่น Harry Potter, Batman, Wonder Woman และ Aquaman เป็นต้น เรียกได้ว่าใครเป็นแฟน ๆ ภาพยนตร์เหล่านี้ น่าจะเต็มอิ่มจุใจกันแน่นอน เพราะของต่าง ๆ ที่จัดแสดงคือของที่ใช้จริงแทบทั้งหมด อย่างตัวรถ Tumbler ในเรื่อง Batman ก็เป็นรถจริง มีเครื่องยนต์จริง
ถัดมาก็มีพาไปชมโกดังเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก สำหรับให้แต่ละกองถ่ายสามารถเบิกไปใช้งานได้ครับ เรียกว่ามีของให้ดูกันละลานตาเลยทีเดียว สามารถชมภาพอื่น ๆ เพิ่มเติมได้จากในแกลเลอรี่นี้ครับ
ส่วนในช่วงเย็นถึงค่ำ ก็จะเป็นเซสชั่นในการให้ข้อมูลแบบน้ำจิ้ม ๆ ก่อนเริ่มงานจริง โดยทาง ดร. Lisa Su ซีอีโอของ AMD เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง AMD Ryzen 9 3950X และ AMD Radeon RX 5700 XT ให้กับสื่อที่ร่วมงานได้เห็นเป็นครั้งแรกอีกด้วย แต่เนื่องจากยังติดสัญญา NDA อยู่ จึงทำให้ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นทางการออกมาก่อนวันเปิดตัวสู่สาธารณชนจริง ๆ ได้ ประกอบกับยังมีข้อมูลส่วนสำคัญที่ยังไม่เปิดเผยด้วย นั่นคือราคาของทั้ง Ryzen 9 3950X และ Radeon RX 5700 Series นั่นเอง
ส่วนที่มีสื่อต่างประเทศปล่อยภาพออกมาก่อนนั้น แน่นอนว่าโดนสืบต่ออย่างแน่นอน รวมถึงในวันรุ่งขึ้น ทาง AMD ยังได้ขอความร่วมมือว่าอย่าปล่อยข้อมูลออกไปก่อนอีกด้วยครับ
หลังจากจบการบรีฟข้อมูลผลิตภัณฑ์แบบคร่าว ๆ ก็เป็นเซสชั่นของการโชว์โอเวอร์คล็อก AMD Ryzen 9 3950X ที่เป็นชิปรุ่นทดสอบภายในให้ชมกัน ซึ่งรายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความอื่นในข้างต้นได้เลย
วันที่สาม: 9 มิถุนายน
เข้าสู่วันที่สามของงาน วันนี้ก็จะเป็นการฟังบรรยายแทบทั้งวันเลยครับ โดยในช่วงเช้าก็จะเป็นการให้ข้อมูลภาพรวมของทั้ง AMD Ryzen 3rd gen ร่วมกับแพลตฟอร์ม X570 รวมถึงการ์ดจอ AMD Radeon RX 5700 Series ด้วย
ในช่วงบ่ายก็จะเป็นการเวียนฐานเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกของแต่ละผลิตภัณฑ์ครับ ลึกถึงขนาดที่มีข้อมูลชุดคำสั่ง โครงสร้างการทำงานคร่าว ๆ ของแต่ละส่วนในตัวชิปเลย โดยเป็นการเจาะลึกทั้งชิป Ryzen 3rd gen ชิปเซ็ต X570 และก็ชิป Radeon RX 5700 Series ให้รู้กันไปเลยว่ามีอะไรที่ได้รับการปรับปรุงบ้าง มีฟีเจอร์อะไรใหม่ที่น่าสนใจบ้าง เป็นต้น
นอกจากนี้ก็จะมีเซสชั่นที่เป็นการพูดถึงความร่วมมือระหว่าง AMD กับทางผู้พัฒนาโปรแกรม ผู้พัฒนาเกม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราน่าจะได้เห็นเกมที่รองรับกับผลิตภัณฑ์ของ AMD มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
ข้อมูลโดยรวมของแต่ละฐาน ถือว่ามีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างเหมือนกันครับ ติดที่ว่ามันเป็นเวลาบ่าย ซึ่งมันตรงกับเวลาช่วงหลังเที่ยงคืน-เช้าของไทย ทำให้ตัวผมเองที่ยังมีอาการ jet lag อยู่ เกิดอาการง่วงและเพลียพอสมควรเลย
จบจากการฟังบรรยาย ก็จะเป็นการเปิดให้เข้าชมบูธเดโมฟีเจอร์ใหม่ต่าง ๆ ที่เพิ่งจะได้ฟังไปครับ โดยเฉพาะในส่วนของฟีเจอร์ที่มากับการ์ดจอแพลตฟอร์มใหม่
พอมองออกมาด้านนอก ก็พบกับตัวการ์ดจอ AMD Radeon RX 5700 XT ตัวจริงให้ถ่ายรูปได้อยู่ แน่นอนว่าสื่อแต่ละรายก็เข้าไปรุมถ่ายเหมือนกับถ่ายรูปดาราเลยทีเดียว (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)
จบวันที่สามด้วยการรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ชั้นบนของโรงแรมที่พักครับ ตอนที่ถ่ายภาพนี้ก็เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่า ๆ แต่ฟ้ายังค่อนข้างสว่างอยู่ กว่าจะมืดก็ร่วมสองทุ่มกว่าเลยครับ เนื่องจากที่ LA นั้นเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่ปีนี้อากาศค่อนข้างแปลกไปกว่าปีก่อนเล็กน้อยครับ เพราะอากาศภายนอกยังเย็น ๆ อยู่ อุณหภูมิตอนกลางวันประมาณ 25 องศาเท่านั้นเอง
วันที่สี่: 10 มิถุนายน
เข้าสู่วันที่สี่ของงาน วันนี้เป็นวันงานใหญ่ครับ เพราะในช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็จะเป็นงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของทั้ง AMD Ryzen 3rd gen และ Radeon RX 5700 XT ที่เป็นการเปิดตัวก่อนงาน E3 ซึ่ง AMD ได้ให้สื่อทั้งหมดเข้าร่วมภายในงานด้วย โดยมีพื้นที่ให้สื่อได้นั่งทำข่าว ซึ่งสื่อส่วนใหญ่รวมทั้งผมก็ได้เตรียมบทความ เตรียมข้อมูลกันไว้เรียบร้อยแล้วแทบทั้งนั้นครับ เหลือแต่รอข้อมูลราคา และก็รอให้ถึงเวลาเปิดเผยข้อมูลได้ตามสัญญา NDA ที่เซ็นต์ไว้ด้วย
ในงานนี้ก็ได้พบกับ ดร. Lisa Su อีกครั้ง โดยในส่วนของเกม ก็ได้ Geoff Keighly พิธีกรสายงานเกมชื่อดังมาร่วมในงานด้วยครับ
สำหรับใครที่ดูใน live อาจจะเห็นไม่ชัดว่าตุ๊กตาที่มีคนมอบให้ ดร. Lisa หน้าตาเป็นยังไง ผมใช้กล้องซูมมาจากแถวหลังก็ได้ประมาณนี้ครับ
ซึ่งในงานนี้ สิ่งที่สื่อ (ที่ร่วมงานเข้าแคมป์ด้วยกัน) ตั้งตารอที่สุด ก็คือราคาของทั้ง AMD Ryzen 9 3950X และราคาของ AMD Radeon RX 5700 series ครับ ส่วนสิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุดก็คือการเปิดตัวการ์ดจอ RX 5700 XT รุ่น 50th Anniversary เพราะทาง AMD ไม่เคยพูดถึงหรือบอกใบ้มาก่อนเลย เรียกว่ามาทราบพร้อมกันกับใน live เลยทีเดียว
ส่วน WiFi ที่ใช้ทำงานนั้น แม้จะมีสื่อใช้งานจำนวนมาก แต่ก็ไม่พบปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อเลยครับ สามารถใช้อัพบทความได้สบาย
หลังจบงาน live ก็จะมีงานสังสรรค์เล็ก ๆ พร้อมกับมีบูธเดโมความสามารถของผลิตภัณฑ์ใหม่บางส่วนให้สื่อได้ลองเล่นกัน มีอาหารให้รองท้องก่อนถึงมื้อเย็นเล็กน้อยด้วย
บรรยากาศก็จะแน่น ๆ หน่อยครับ ที่น่าสนใจคือมีการเอาเดโมเกม Borderlands 3 มาให้ลองเล่นด้วย
แน่นอนว่าผมก็ไม่พลาด ด้วยความที่เป็นแฟนเกมซีรีส์นี้อยู่แล้ว เลยขอลองเล่นซักหน่อยครับ โดยตัวเดโมจะมีภารกิจให้เล่นพอกรุบกริบ ส่วนวิธีการเล่นก็จะเหมือนกับภาคเก่า ๆ เลย คือเป็นแนวยิงแล้วเก็บของตามทาง เก็บปืนใหม่ ๆ แต่ในส่วนของการปรับแต่งสกิลตัวละคร เหมือนจะมีความลึกขึ้นจากภาคเดิมพอสมควร
ในงานนี้ ทาง AMD ได้นำกล่องที่มี Ryzen 9 3950X ตัวจริงออกมาให้สื่อได้สัมผัสและถ่ายรูปกันด้วยจ้า แต่ด้วยบรรยากาศที่แสงค่อนข้างน้อย เลยต้องอาศัยการเลือกมุมถ่ายกันพอสมควรเลย
หลังจากนั้นไม่นาน การ์ดจอ AMD Radeon RX 5700 XT 50th Anniversary Edition ตัวจริงก็ปรากฏตัวมาให้สื่อได้ถ่ายรูปเช่นกันครับ มาชมกันเลย (ของจริง ส่วนที่เป็นสีทองจะชัดกว่านี้อีก)
หลังจากนี้ก็เป็นการรับประทานอาหารค่ำ และก็พอมีเวลาเดินเที่ยวชมในละแวกใกล้ ๆ อีกเล็กน้อยก่อนกลับที่พักครับ น่าเสียดายที่งาน E3 ยังไม่เปิดให้เข้าชม เลยอดเข้าไปเดินชมงานเลย
ก็จบกันไปแล้วนะครับ ในส่วนของภาพบรรยากาศในกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างงาน AMD Next Horizon Gaming Tech Day 2019 ที่ทาง AMD ให้การสนับสนุนทาง NotebookSPEC ให้ได้เข้าร่วมในงานสำคัญครั้งนี้ ส่วนด้านล่างนี้ เป็นภาพจากที่ผมอยู่เที่ยวต่อกับญาติของผมที่อยู่ที่อเมริกาหลังจากวันงานครับ เห็นว่ามีบางจุดน่าสนใจ เลยขอหยิบมาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยเลย
สำหรับการเดินทางต่อในครั้งนี้ จะอาศัยการขับรถเป็นหลัก โดยเป็นการเดินทางจากตัวเมือง LA ไปกลับ San Francisco หนึ่งทริป และก็เดินทางจากตัวเมือง LA เช่นเดิม ไปกลับ Las Vegas อีกหนึ่งทริป สำหรับการขับรถจาก LA ไป SF จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ส่วนจาก LA ไป Las Vegas ก็ใช้เวลาน้อยกว่ากันนิดหน่อยครับ คือประมาณ 6 ชั่วโมง
ที่แรกที่น่าสนใจก็คือร้าน Apple Store ที่ Apple Park ซึ่งเป็นตึกสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน โดยตัวร้านจะอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Apple Park Visitor Center ครับ ภายในก็มีสินค้าพวก iPhone Mac วางจำหน่ายเหมือนร้านปกติ แต่ที่พิเศษคือมีเสื้อ ถุงผ้าลายของ Apple เองวางจำหน่ายด้วย สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดแบบเต็ม ๆ ได้จากบทความนี้เลยครับ
ถัดมาไม่ไกลก็จะเป็นบ้าน+โรงรถที่ Steve Jobs เคยอาศัยอยู่ รวมถึงเป็นสถานที่แรกที่คอมพิวเตอร์ของ Apple ถือกำเนิดขึ้นมาอีกด้วย แต่ตอนนี้มีคนอื่นเข้าอยู่เรียบร้อยแล้วนะครับ เลยได้แต่ถ่ายรูปอยู่ไกล ๆ
ถัดมาก็เป็น Google Visitor Center บ้าง จุดเด่นคือมีสวนที่รวบรวมหุ่นมาสค็อต Android แต่ละเวอร์ชันเอาไว้ให้ถ่ายรูปได้ตามใจชอบ และก็มีร้านขายของ Google Merchandise Store ให้เลือกซื้อสินค้าเช่น เสื้อ สมุด ปากกาของ Google ได้ สินค้าจะมีอะไรบ้าง มาชมต่อได้ที่บทความนี้เลยจ้า
ส่วนอาหารละแวก Silicon Valley (ตึกของ Apple Google และบริษัทไอทีชื่อดังหลาย ๆ แห่งตั้งอยู่บริเวณนี้) ก็มีค่อนข้างหลากหลายมาก อาหารไทยก็มี อย่างในจานข้างบนนี้เป็นข้าวกล้อง+ผัดกะเพราหมูสับในร้านอาหารไทยครับ แม้ว่าพริกหยวกจะเยอะไปหน่อย แต่รสชาติเข้มข้นดีมาก เผลอ ๆ จะเข้มข้นกว่าบางร้านที่ขายในไทยเท่าที่ผมเคยลองมาซะอีก ส่วนราคาของจานนี้ก็อยู่ที่ราว ๆ $11 ครับ คิดเป็นเงินไทยก็ 300 กว่าบาท อิ่มแน่นดีมาก
สถานที่ต่อมาที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบคอมพิวเตอร์ก็คือ Computer History Museum (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์) ที่ตั้งอยู่ในละแวก Silicon Valley ด้วยเช่นกันครับ ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่คนละประมาณ $17 ซึ่งถ้าเทียบกับสิ่งที่จะได้เห็นข้างใน บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก แต่จะคุ้มค่ายิ่งกว่าเมื่อคุณซื้อตั๋วผ่านดีลครับ 555
เพราะวันที่ผมไป ดันมีดีลลดราคาใน Groupon พอดี ผมก็เลยซื้อตั๋วผ่านเว็บ Groupon ไป แล้วเอามาแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ราคาใน Groupon นั้นถูกกว่าราคาปกติพอสมควรเลย แต่จะเป็นการซื้อขั้นต่ำที่ 2 ใบนะครับ
การจัดแสดงภายในก็จะใช้การเรียงตามช่วงเวลาต่าง ๆ นับตั้งแต่กลุ่มของอุปกรณ์ช่วยคำนวณสมัยโบราณอย่างลูกคิด ไม้บรรทัดคำนวณ ตารางคำนวณ ไล่มาจนถึงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันเช่น อินเตอร์เน็ต
สำหรับวัตถุที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ก็จะมีทั้งที่เป็นของจริง ซึ่งได้รับการบริจาคมาจากหลาย ๆ แห่ง บางชิ้นก็เป็นการสร้างเลียนแบบขึ้นมา บางชิ้นก็ได้มาจากการเช่ายืมมาอีกที โดยแต่ละชิ้นก็จะมีข้อมูลระบุให้ครบครัน (แน่นอนว่าภาษาอังกฤษล้วน)
หนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงในแวดวงคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่อดีตก็คือ IBM ครับ ซึ่งในพิพิธภัณฑ์นี้ก็มีการจัดแสดงเรื่องราว และผลิตภัณฑ์ของ IBM อยู่เยอะพอสมควรเลย
ใครที่เรียนสายคอมพิวเตอร์ หรือผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์คงจะเคยได้ยินชื่อของ ENIAC กันอย่างแน่นอน ซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้มีเครื่อง ENIAC มาตั้งโชว์นะครับ มีแค่โมดูลบางส่วนมาแค่นั้น ส่วนในภาพด้านบนนี้คือชิปที่มีผู้ผลิตขึ้นมาในปี 1995 โดยภายในบรรจุการทำงาน ความสามารถ และประสิทธิภาพของเครื่อง ENIAC จากที่แต่เดิมมีขนาดเท่าห้อง ให้ลงมาเหลือเพียงชิปที่วางบนฝ่ามือได้สบาย
ขนาดในปี 1995 ยังย่อมาเหลือขนาดเล็กกว่าฝ่ามือได้ ในยุคปัจจุบัน มือถือเราคงแซงไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเดินไล่มาเรื่อย ๆ ก็จะเห็นวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ขึ้นมาตามลำดับ ส่วนในภาพข้างบนนี้ ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ของ NotebookSPEC (NBS) แต่อย่างใด แค่ชื่อบังเอิญเหมือนกันเฉย ๆ
เครื่อง Super computer ระดับบุคคลของ Intel ก็มีการจัดแสดงด้วยครับ
ยิ่งใกล้เคียงกับปัจจุบันมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่เห็นก็จะเริ่มคุ้นหูคุ้นตามากขึ้นเช่นกัน ในภาพด้านบนนี้ก็เป็น Powerbook 140 จาก Apple และก็ ThinkPad 701 จาก IBM ครับ มีใครเคยใช้กันบ้างงงงง
ผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็มีจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นี้อยู่พอสมควรเลย เช่น Apple II, Macintosh และก็ Lisa
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในตำนานเหมือนกันครับ กับเครื่อง IBM PC ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1991
ไล่มาเรื่อย ๆ ก็จะเข้าสู่ยุคของเกมคอมพิวเตอร์ เริ่มต้นกันด้วยตู้ Pong ที่เป็นเกมให้ผู้เล่นสองคนตีลูกบอลโต้กันไปมา ลักษณะคล้ายการเล่นเทนนิส ซึ่งถือเป็นเกมคอมพิวเตอร์เกมแรก ๆ ของโลกเลย
ส่วนของเครื่องเกมคอนโซลก็มีจัดแสดงให้ดูกันเต็มอิ่มเลยครับ มีใครคุ้นกับเครื่องไหนบ้างเอ่ย
เดินต่อมาเรื่อย ๆ ก็จะเข้าสู่ยุคของอินเตอร์เน็ตแล้ว โดยหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ของยุคก็คือ Google ซึ่งมีการนำเครื่อง server ของ Google ที่มีการใช้งานจริงตั้งแต่ปี 1999 มาให้ชมกันด้วย
Cisco ก็มาจ้า โดยเป็นการนำ router ที่ทำหน้าที่เป็น gateway server ในยุค 1986 มาแสดง
ส่วนเครื่องนี้ก็ถือเป็นคอมพิวเตอร์ในยุคใหม่ครับ นั่นคือ NeXT computer ที่มาจาก Steve Jobs ก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปทำงานที่ Apple อีกครั้งในภายหลัง
ต่อมาก็เป็น Las Vegas ครับ อากาศระหว่างเดินทางช่วงกลางวันนั้นอยู่ที่ 40-44 องศาเซลเซียส แต่มีลมพัดอยู่เรื่อย ๆ เลยไม่รู้สึกร้อนเท่าไหร่ ส่วนในเวลากลางคืนก็อยู่ที่ประมาณ 32 องศาเซลเซียสครับ แม้ตัวเลขจะสูง แต่ความรู้สึกกลับไม่ร้อนเหมือนที่ไทยนะ สามารถเดินเล่นได้สบายมาก แต่ระหว่างเดินเล่นก็จะฉุน ๆ จมูกหน่อย เพราะมีแต่คนสูบกัญชาเต็มถนนไปหมดเลย ส่วนแสงสีในยามค่ำคืน บอกเลยว่าสุดจริง ๆ ครับ ตีสองแล้วยังมีคนเดินอยู่เต็มทางเดินเลย
ก่อนบินกลับ ผมแวะไปซื้อของที่ห้าง Target แถวบ้าน ก็มาเจอเจ้าเครื่องเกม Sony PlayStation Classic (US) ของใหม่มือหนึ่งวางขายอยู่บนชั้น clearance ด้วยราคาเพียง $29.99 คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 940 บาทเท่านั้นเอง สอยมาแบบไม่ต้องคิดเลยจ้า สามารถใช้กับไฟบ้านเราได้สบาย เพราะตามปกติแล้ว ในกล่องไม่ได้แถมอะแดปเตอร์กับสายไฟมา ผู้ใช้ต้องหามาใช้เอง โดยสามารถใช้อะแดปเตอร์มือถือ+สาย Micro USB ทั่วไปได้เลย เพราะตัวเครื่องกินไฟแค่ 5V 1A เท่านั้น
สุดท้ายแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณทาง AMD และ AMD ประเทศไทย ที่ให้โอกาสกับทาง NotebookSPEC ได้ไปร่วมงาน AMD Next Horizon Gaming Tech Day 2019 ในครั้งนี้ครับ