ที่เป็นฮือฮากันอย่างมากสำหรับการมาของ Mac Pro ปี 2019 ที่จัดว่าเป็นคอมพิวเตอร์สายทำงานมืออาชีพสไตล์ Workstation ที่ใช้กันในงานทำ 3 มิติ รวมไปถึงภาพยนตร์ หรืออะไรก็ตามที่เน้นประมวลผลหนักๆ ซึ่งราคาเริ่มต้นที่ทราบมาก็คือ 5,999 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 180,000 บาท) ส่วนหน้าจอที่เปิดตัวมาคู่กัน Pro Display XDR มีราคาอยู่ที่ 4,999 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 150,000 บาท) โดยยังไม่รวมขาตั้งจอ Pro Stand ที่ขายแยกในราคา 999 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30,000 บาท) อีกด้วย
โดยล่าสุดเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้มาลองวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการจัดสเปก Mac Pro ปี 2019 ให้ท็อปสุดๆ ด้วยการ CTO (Configure To Order) อัพเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ดีที่แรงที่ให้ประสิทธิภาพสูงที่สุด รวมไปถึงการใส่ Mac Pro Expansion Module หรือ MPX Module ส่วนต่อขยายอุปกรณ์การ์ดจอและอุปกรณ์อื่น ๆ อีกด้วย ที่แม้ว่าราคาอย่างเป็นทางการยังไม่ออก แต่ก็มาลองประเมินกันดูว่าตกแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อ Mac Pro ปี 2019 เพื่ออัพเกรดเป็นตัวท็อปที่เท่าไร โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
เริ่มจากชิปประมวลผล Intel Xeon 28-CORE ที่ Apple ไม่ได้บอกโดยตรง แต่ดูแล้วใกล้เคียงก็คือ Xeon W-3275M ซึ่งมีราคา 7,453 เหรียญสหรัฐ หรือตกเป็นเงินไทยก็ประมาณ 225,000 บาท ต่อมาเป็นการ์ดจอ AMD Radeon VEGA II โมดูล MPX สองชุดน่าจะมีราคาอย่างต่ำ 12,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 360,000 บาท ในส่วนของแรมก็จัดเต็มด้วย DDR4 ECC 128GB x 12 (1.5TB) ราคารวมประมาณ 18,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 540,000 บาท สุดท้ายกับที่เก็บข้อมูลอย่าง SSD 2TB x 2 เร็วแรงที่สุด คาดการณ์ราคาที่ 2,400 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 72,000 บาท
ซึ่งถ้าคิดจากราคาพื้นฐานเริ่มต้นของ Mac Pro ปี 2019 กับราคา 180,000 บาทแล้วล่ะก็ (เมาส์ – คีย์บอร์ดได้มาอยู่แล้ว) รวมเบ็ดเสร็จที่เราอัพเกรด CTO เข้าไป ก็จะตกอยู่ที่ 1,377,000 บาทโดยประมาณ ซึ่งกรณีที่เรารวมหน้าจอ Pro Display XDR ราคา 150,000 บาท พร้อมขาตั้ง Pro Stand ราคา 30,000 บาทแล้วล่ะก็ สรุปจบปิดบิลที่ 1,557,000 บาท ก็คือซื้อรถยนต์ D Segment ได้หนึ่งคันสบายๆ (ฮา)
อย่างไรก็ตามเมื่อ Mac Pro ปี 2019 เข้ามาขายในไทยอาจจะต้องเจออัตราแลกเงินเผื่อขาดทุนของ Apple เข้าไปอีก แน่นอนว่าน่าจะมีราคาสูงกว่าที่เราประเมินไว้เบื้องต้นตามข้อมูลด้านบนแน่นอน ฉะนั้นในข่าวนี้ให้ดูไว้เป็นแนวทางเฉยๆ ไม่ต้องไปจริงจังมาก ไว้คนไหนจะซื้อไปทำงานค่อยมาดูหน้าเว็บอย่างเป็นทางการของ Apple ประเทศไทยอีกทีก็แล้วกัน
ที่มา : TheVerge