สำหรับการมาของ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 และ ASUS ZenBook Duo UX481 แอดมินโป้งไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้วจริงๆ ถือว่าเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2019 ก็ว่าได้ ซึ่งมาพร้อมกับ ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อนอย่าง ScreenPad ที่ทัชแพดเป็นหน้าจอที่สอง มาพร้อมสเปกแรงๆ อย่าง Intel Core i9 + GeForce RTX 2060 สำหรับ ASUS ZenBook Pro Duo UX581 และ Intel Core i7 + GeForce MX250 สำหรับ ASUS ZenBook Duo UX481 รุ่นน้องตัวรองกว่า
โดยทาง ASUS ได้มีการเปิดตัวที่ประเทศไต้หวันกรุงไทเป ซึ่งแอดมินโป้งก็ได้รับเชิญมาร่วมงานเปิดตัวพร้อมสัมผัสตัวจริงเลยทันที โดยในบทความนี้จะเป็นการพรีวิว ASUS ZenBook Pro Duo UX581 และ ASUS ZenBook Duo UX481 กันแบบเท่าที่มีข้อมูลก่อน ยังไงถ้ามีข้อมูลอัพเดทอย่างเป็นทางการจะมาเสริมอีกทีนึงกันแบบเรื่อยๆ เลย ส่วนการวางจำหน่ายคาดว่าไม่นานเกินรอ เพราะ ASUS เค้าไว้อยู่แล้ว !!!
สเปก ASUS ZenBook Pro Duo UX581
- CPU : Intel Core i9-9980H / i7-9750H
- GPU : NVIDIA GeForce RTX 2060
- RAM : 8GB / 16GB / 32GB
- Storage : SSD PCIe 1TB / 512GB
- Display : 15.6″ 4k UHD (3840 x 2160) OLED Touchscreen
- ScreenPad Plus : 14″ 4K (3840 x 1100) IPS
สเปก ASUS ZenBook Duo UX581
- CPU : Intel Core i7-8565U
- GPU : NVIDIA GeForce MX250
- RAM : 8GB / 16GB
- SSD : 1TB 1TB / 512GB
- Display : 14″ Full HD (1920 x 1080) IPS
- ScreenPad Plus : 12.6″ Full HD IPS Touchscreen
แนวคิดของ ASUS ZenBook Pro Duo หน้าจอ 15.6″ + 14″ และ ASUS ZenBook Duo หน้าจอ 14″ + 12.6″ เป็นโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานที่หลากหลายพร้อมๆ กันอย่างแท้จริง ด้วย ScreenPad Plus โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาหน้าจอภายนอกมาเชื่อมต่อแต่อย่างใด เรียกได้จบลงในตัวเดียวและไม่เทอะทะเกะกะอีกด้วย
ยอมรับเลยว่า ASUS เป็นผู้นำในเรื่องของนวัตกรรมโน๊ตบุ๊คที่ไม่ใช่แค่ล้ำหน้า แต่ยังสามารถใช้งานได้จริงด้วย เป็นการต่อยอดมาจาก ScreenPad ใน ASUS ZenBook Pro 15 UX580 รุ่นปีที่แล้ว ซึ่งนั่นเป็นการเปลี่ยนทัชแพดเดิมๆ ให้เป็นหน้าจอเสริม พร้อมแอปรองรับในการใช้งานอื่นๆ
แต่ในส่วนของ ScreenPad Plus จะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ โดยอยู่ใต้หน้าจอหลักเลย ส่วนการใช้งานก็หลากหลายมากๆ จะเป็นหน้าจอที่สองเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือจะใช้งานเป็นส่วนของเครื่องมือโปรแกรมนั้นๆ รวมไปถึงลงแอปเพิ่มเติมได้อีก ทำให้ในการใช้งานของเรานั้นมีความหยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คตัวไหนบนโลกทำได้มาก่อน
โดย ScreenPad Plus นั้น ทำหน้าที่เป็นทัชสกรีน พร้อมชิปประมวลผลแยกภายใน (ARM) ช่วยนำเสนอรูปแบบใหม่ในการทำงานร่วมกับโน๊ตบุ๊ค มีฟังก์ชั่นการใช้งานอันชาญฉลาดที่ปรับการทำงานตัวเองให้เข้ากับการทำงานของผู้ใช้ ช่วยการทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล อาทิ สตรีมมิ่งเกม หน้าจอหลักก็เปิดเกมไป หน้าจอรองก็แบ่งเป็นอีก 2 หน้าจอ ไว้ดูแชทกับกล้องเว็บแคมของเรา เป็นต้น
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับ ASUS ZenBook Pro Duo หน้าจอหลักขนาด 15.6″ จะเป็นความละเอียด 4k UHD (3840 x 2160) OLED Touchscreen พร้อมความสามารถในการแสดงขอบเขตสีระดับ P3 ให้สีสันที่เกินคำว่าสมจริงไปอีกขั้น รวมไปถึงรองรับการแสดงผล HDR 10 อย่างที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน เห็นกับตาแล้วต้องบอกว่ามันเทพและสุดทางจริงๆ
ส่วนหน้าจอรอง 14″ ScreenPad Plus ได้ความละเอียดเป็น 4K (3840 x 1100) พาเนล IPS แบบจอด้าน รองรับการ Touchscreen ที่เราสามารถใช้ปากกาขีดเขียนได้ รวมไปถึงเรายังสามารถเปิดหน้าจอสองอันนี้ให้ติดกันได้ ทำให้เราจะมีการแสดงผลที่ 3840 x (2160 + 1100 = 3260) พิกเซลกันเลยทีเดียว เจ๋งสุดๆ ไปเลย ส่วน ASUS ZenBook Duo ก็สามารถทำได้ไม่ต่างกัน จะเป็นรองหน้าตรงที่หน้าจอหลักเป็นพาเนล IPS ปกติ และ Touchscreen ไม่ได้เท่านั้น
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro Duo และ ASUS ZenBook Duo นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว พร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง โดยมีการเพิ่มคำว่า ZenBook Series ลงไป ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำมิติเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย พร้อมกับติดตั้งไฟ LED แสดงสถานะการทำงานเอาไว้ด้วย
ซึ่งการออกแบบออกมาได้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบมุมเป็นเหลี่ยม มิติโดยรวมเป็นแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันน้ำเงินพร้อมแซมด้วยสีเงินลงไป ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอะลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมด ทั้งในส่วนของสวนของตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด โดยใช้เกรดยานอวกาศระดับพรีเมี่ยม ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาแสดงถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรง
ในด้านดีไซน์ฝาหลังใช้ลวดลายเป็นวงกลมล้อมรอบโลโก้ ASUS แต่ถูกขยับไปทางด้านขวา มีอีกจุดที่ทำมาได้น่าสนใจมากคือบานพับแบบ ErgoLift ที่เมื่อกางหน้าจอออก ตัวบานพับก็จะหนุนเครื่องให้ลาดเอียงขึ้นไปอีก (ทำมุมได้สูงสุดในทุกรุ่น) ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้พิมพ์งาน รวมถึงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และช่วยเพิ่มพลังเสียงให้กับลำโพงภายในได้อีกด้วย ส่วนช่องระบายอากาศก็จะมีอยู่ทั้งสองฝั่งซ้ายขวาของตัวเครื่อง พร้อมซ่อนอยู่ใต้หน้าจออีก 1 ช่อง โดยเป็นช่องที่ใช้ระบายความร้อนจากภายใน ส่วนช่องระบายลมจากภายนอกเข้าไปข้างในจะอยู่ที่ฝาด้านล่างของตัวเครื่อง
สำหรับตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง จากการที่ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดได้มีการติดตั้ง ScreenPad Plus เอาไว้นั่นเอง เรียกได้ว่ามีแนวคิดแบบเดียวกับ ASUS ROG ZEPHYRUS S เลยแหละ แต่เปลี่ยนจากชุดระบายความร้อนเป็นหน้าจอแทนที่ โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ZenBook Pro Duo และ ASUS ZenBook Duo การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เต็มที่ มีไฟ LED สีขาว แม้รูปแบบจะดูแปลกๆ หน่อยแต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
ดีไซน์ทัชแพดนั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกเหนือจากนั้นทัชแพดยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบของปุ่ม NumPad ได้ ด้วยฟีเจอร์ NumberPad เหมือนกับ ZenBook รุ่นก่อนหน้นี้ ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า ASUS สามารถที่จะใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด นอกจากนี้ยังไม่มีส่วนของ Palm Rest มาช่วยเป็นอุปกรณ์เสริมในการรองข้อมืออีกด้วย
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Pro Duo และ ASUS ZenBook Duo นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ทมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A Gen 2 จำนวน 2 พอร์ต, และ Thunderbolt 3 จำนวน 1 พอร์ต พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
เรื่องรายละเอียดสเปกเท่าที่ทราบ แต่หลักๆ คือ ASUS ZenBook Pro Duo ใช้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i9 Gen9 ตระกูล H อย่าง i9-9980HK การ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 และ ASUS ZenBook Duo จะใช้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 8 ตระกูล U อย่าง i7-8565U การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 ส่วนแรมและ SSD จัดเต็มมาอย่างแน่นอน สุดๆ ก็แรม 32GB กับ SSD NVMe 1TB ไปเลย
ไว้มีโอกาสแอดมินโป้งได้ ASUS ZenBook Pro Duo และ ASUS ZenBook Duo อย่างแน่นอน รอติดตามกันได้ สำหรับราคานั้นก็ต้องบอกว่ายังไม่ทราบ แต่ยังไงถ้ามีอะไรอัพเดทจะแจ้งให้ทราบกันอีกครั้ง แต่คาดว่าราคาก็น่าจะสมเหตุสมผลอยู่ มีหลายหมื่นหรืออาจจะเป็นแสนบาทได้สำหรับ ASUS ZenBook Pro Duo ตัวท็อปสุด แต่ตอนนี้ไปชมพรีวิวและวีดีโอพรีวิว ASUS ZenBook Pro Duo และ ASUS ZenBook Duo กันก่อนเลย