MSI GP75 Leopard 9SD ในรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ได้มีการออกแบบรวมถึงคัดสรรค์คุณสมบัติการใช้งานภายในตัวเครื่อง ให้มีความเหมาะสมกับเกมเมอร์ระดับกลางที่ต้องการสัมผัสกับ Gaming Notebook ที่มีฟังก์ชั่นและประสิทธิภาพอยู่ในระดับ High-End เพราะนอกจาก CPU ที่ได้ Intel Core i Gen 9 และ NVIDIA GeForce GTX 16 Series รุ่นล่าสุดมาขับเคลื่อนประสิทธิภาพในการประมวลผลแล้ว ยังมีการออกแบบรูปทรงใหม่ให้โฉบเฉี่ยว เพิ่มเอกลักษณ์ที่ขับเน้นความเป็นเกมเมอร์ให้มากขึ้นกว่าเดิม
MSI GP75 Leopard 9SD มาพร้อมกับดีไซน์เล็กกระทัดรัดขอบจอบางเฉียบเพียง 5.7 มิลลิเมตร กับน้ำหนักเพียง 2.6 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่พกพาสะดวกกว่ารุ่นก่อนๆ ในส่วนของสเปกก็จัดเต็มด้วย ชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ผสานการทำงานกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ติดตั้งแรมมาให้ขนาด 16GB และ SSD จัดเต็มที่ความจุ 512GB ที่สำคัญคือหน้าจอเป็น 144Hz เล่นเกมได้ลื่นไหล ทำงานได้สบายตา รวมไปถึงได้ Windows 10 แท้เปิดใช้งานได้ทันที สนนราคา 52,900 บาท ประกัน 2 มาตรฐาน MSI
VDO Review
Specification
Gaming Notebook รุ่นใหม่ใช้สเปก Core i Gen 9 + GTX 16 Series อย่าง MSI GP75 Leopard 9SD ก็พร้อมขายเป็นรุ่นแรกๆ โดยเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เท่านั้น ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และการ์ดจอ GTX 1660Ti ก็จะเป็น MSI GP75 เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 8 และ GTX 10 Series แบบเดิมๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GTX 1660 Ti กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal ซึ่ง GTX 1660 Ti นั้นจะมาแทนที่ GTX 1060 ที่แม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี ray-tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS 144Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 พร้อม KILLER SHIELD ที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 52,900 บาท
Hardware / Design
สำหรับการออกแบบตัวเครื่อง MSI GP75 Leopard 9SD ยังคงเน้นความเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ แบบขอบจอบาง มิติตัวเครื่องเทียบเท่าพวก Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบจอหนาแบบก่อนๆ ซึ่งคงเอกลักษณ์ด้านความสวยงามดุดัน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนตัวเครื่องยังมาพร้อมกับวัสดุอะลูมิเนียมทั้งฝาหลังและด้านในให้ความแข็งแรงทนทาง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบากว่าพลาสติกทั่วไปและช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น
ด้วยรูปทรงสไตล์ยานรบอวกาศและฝาพับสีดำสลับข้างในเป็นสีเทาพร้อมลวดลายใหม่ โลโก้มังกรมีไฟ ดูพรีเมียมต่างจาก GP รุ่นก่อนๆ เสริมความโดดเด่นให้มากกว่าเดิม ด้วย Per-Key RGB คีย์บอร์ดจากแบรนด์เกมมิ่งชั้นนำอย่าง SteelSeries ทำให้ MSI GP75 Leopard 9SD รุ่นใหม่นี้ มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมทั้งฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์ที่ใส่ไว้ ยังคุ้มค่าคุ้มราคา เมื่อเทียบกับว่า นี่คือ Gaming Notebook ในราคาระดับกลางๆ เท่านั้นเอง
ในส่วนของบานพับเป็นแบบแกนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาแน่นหนาถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะดูบอบบางก็ตาม แต่ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด
ซึ่งการออกแบบโดยรวมไม่ว่ามองมุมไหนก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความเป็น Gaming Notebook รุ่นใหญ่ ในส่วนของประสิทธิภาพภายในดูได้จากสติกเกอร์ที่ติดเอาไว้ แสดงถึงชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 9 และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ GTX 16 Series ขอบหน้าจอบาง ระบบระบายความร้อน Cooler Boots 5 เป็นต้น
ส่วนตัวเครื่องด้านในจะเป็นสีเทาตัดกับภายนอกที่เป็นสีดำ พร้อมลวดลายขอบด้านข้างที่โดดเด่น มุมขวาบนของเครื่องยังมีอีก 3 ปุ่มพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ได้แก่ปุ่ม Cooler Boost, เปลี่ยนโปรไฟล์ไฟคีย์บอร์ด SteelSeries และปุ่ม POWER และในส่วนของทัชแพดยังถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวามากนัก สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาแบบแยก ที่ตอบสนองได้เป็นอย่าง
รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 4 ช่อง แบบหลัง 2 และด้านข้างอีก 2 ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS งานประกอบแน่นหนาแข็งแรง มียางรอง 4 มุม ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นทำให้มีพื้นที่ลมมากกว่าเดิม ช่วยส่งมวลลมเย็นเข้าช่องดูดลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ในจุดนี้สามารถถอดอัพเกรดเพิ่มแรมความจุสูงสุดถึง 32GB แบบ DDR4 หรือใส่ SSD M.2 NVMe เพิ่มก็สามารถทำได้แบบ Raid 0 สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลแบบทะลุขีดจำกัด รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวกสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Gaming Notebook ที่ลงตัว ในแบบฉบับของ MSI ซึ่ง MSI GP75 Leopard 9SD เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าต่อราคาก็จริง แต่ยังครบเครื่องในทุกมิติ ที่สำคัญด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 17.3″ ยิ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในช่วงราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเหมือนพวก GE Series จะเป็นรองก็แค่วัสดุและลำโพงที่ไม่ใช่ DYNAUDIO
Keyboard / Touchpad
เห็น MSI GP75 Leopard 9SD แล้วต้องบอกว่าแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ แบบสิ้นเชิง จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน Steelseries Engine 3 ได้ด้วยเช่นกัน
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบลื่นๆ แต่ติดนิ้วทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ดีเลย ถือว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่ใส่ใจในทัชแพดทีเดียว
Screen / Speaker
MSI GP75 Leopard 9SD มีหน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ขอบจอบาง 5.7 มิลลิเมตร ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมให้ค่าขอบเขตสีที่คุณภาพสูง มาตรฐาน sRGB ใกล้เคียง 100% พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดีจากการที่มีค่า Refresh Rate ที่ 144Hz
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ กว่า Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนมุมขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 9% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนด้านใต้เครื่อง แบบ Giant Speakers ขนาด 3W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพราะชุดลำโพงข้างในขยับได้เมื่อต้องการเสียงทุ่ม โดยตัวลำโพงของ MSI GP75 Leopard 9SD ในรุ่นนี้ไม่ได้ผลิตจาก DYNAUDIO เหมือน GE, GT Series แต่ใส่ส่วนของคุณภาพเสียงการใช้งานต่าง ๆ ยังสามารถทำออกมาได้ดี น่าประทับใจให้เสียงที่ดังพอตัว
Connector / Thin And Weight
MSI GP75 Leopard 9SD เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง SD Card Reader และช่องต่อไฟอแดปเตอร์ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45 LAN Killer E2500, Mini Display Port, HDMI, USB 3.1 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบแยกออกจากกัน เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเล่นเกมแบบสุดๆ
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ ดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด ส่วนน้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 180 Watt แล้วจะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวกในมาตรฐานโน๊ตบุ๊ค 17.3″ ซึ่งกระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย อย่างไรก็ตามถ้าให้สาวๆ ร่างเล็กแบกอาจคงไม่ไหว แต่ถ้าหนุ่มแบกไปทำงานไปมหาวิทยาลัยได้อยู่
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GP75 Leopard 9SD สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GP75 Leopard 9SD ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 2 แถว ซึ่งถ้าจะอัพก็จำเป็นต้องถอดออกก่อน รวมไปถึงสามารถเพิ่มการอัพเกรด SSD ได้อีก 1 ช่องเป็นมาตรฐาน M.2 NVMe แต่เดิมๆ ก็มีให้มาแล้ว 512GB จำนวน 1 ตัว นอกจากนั้นเรายังสามารถอัพเกรดฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีเงินซึ่งดูโดดเด่ดจากตัวเครื่องในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น
วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น รวมถึงลำโพงของที่ให้มาดอกค่อนข้างใหญ่ เป็นแบบ Gaint Speaker เสียงที่ดังฟังชัดเอามากๆ พร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ่มเพิ่มเข้ามา โดยไม่ต้องลำโพง S Subwoofer เหมือนรุ่นก่อนๆ
Performance / Software
*CPU-Z เวอร์ชั่นล่าสุด ยังไม่สามารถแสดงว่าเป็น Core i7-9750H ได้
โดย MSI GP75 Leopard 9SD มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-9750H โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.5 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 2 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม MSI GP75 Leopard 9SD มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU รุ่นล่าสุดจาก Intel Core i Gen 9 มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงระดับรองท็อปอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1060 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2060 และไม่มีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี แต่ก็ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ซึ่งทาง NVIDIA ได้เผยข้อมูลออกมาว่า 3/4 ของผู้ใช้งาน Gaming Notebook นั้นยังคงใช้เครื่องที่มาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง GTX 960M อยู่ ซึ่งเมื่อพวกเขาเหล่านั้นตัวสินใจที่จะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเป็นรุ่นใหม่ แน่นอนว่า GTX 1660 Ti จะทำให้เห็นความแตกต่างของประสิทธิภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยทาง NVIDIA ได้บอกเอาไว้ว่า GTX 1660 Ti นั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่า GTX 960M อยู่ถึง 4 เท่า และเมื่อเทียบกับ GTX 1060 นั้นพบว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ราวๆ 1.5 เท่า ซึ่งบางเกมก็เทียบเท่าหรือมากกว่า GTX 1070 ด้วยซ้ำ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1640MB/s และเขียนที่ 1452MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเร็วแรงกว่านี้ก็สามารถซื้อ SSD มาทำ Raid เพิ่มได้อีก 1 ตัว ความเร็วก็จะทะลุยิ่งขึ้นไปอีก หรือจะเอามาเพิ่มความจุก็แล้วแต่
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,460 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง GTX 1660 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 80 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX1660 Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้จะไม่รองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล เทียบกับการ์ดจอ RTX 2060 ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก
ซึ่งด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ ก็ได้
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- LED Wizard : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GP75 Leopard 9SD ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยระบบเสียงจาก MSI GP75 Leopard 9SD มาพร้อมกับระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิม คือ Nahimic v3 ที่ทำให้สุดยอด ที่ว่าสุดยอดอยู่แล้วนั้น ทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้มีระบบเสียง ไม่ว่าจะเสียงคนพูด, เสียงเบส และเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียง Nahimic และระบบเสียงอันสุดยอดของ MSI ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเยี่ยมยอด (พบได้บน MSI G Series ทุกรุ่น)
Battery / Heat / Noise
MSI GP75 Leopard 9SD นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Power Saver ใช้ได้ยาวนานประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่สเปกจะแรงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าสูงอยู่ไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าแตะ 100 องศาเซลเซียส เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ที่ว่าดีกว่า Gaming Notebook ก็เอาไม่อยู่ ถึงกระนั้นก็ยังทำได้ปกติ ไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ (แต่มีผลกับจิตใจแน่นอน ฮา) ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง GTX 1660 Ti นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 72 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GP75 Leopard 9SD เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ เน้นคุ้มค่ากว่า GE Series ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดระดับกลางค่อนบนอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น พร้อมให้หน้าจอ Refresh Rate ที่ 144 Hz เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูงซึ่งฟินมากๆ เพราะ GTX 1660Ti สามารถขับได้สบายๆ กับราคา 52,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ
ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 บนแรม DDR4 ขนาด 16GB ที่อัพเกรดได้ถึง 32GB และ SSD NVMe ความจุ 512GB ที่เราสามารถอัพเกดรเพิ่มได้อีกทั้งแบบ M.2 และ SATA 3 ตามแต่สะดวก เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย ลำโพงขนาดใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงดังฟังชัดแบบสะใจ ที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์ใหม่สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น
ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ก็ให้มาครบครันทั้งการเชื่อมต่อ USB 3.1 Type-C และ Mini Display Port ทำให้ MSI GL63 8SE เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์แบบมากๆ อีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Intel Wireless-AC 9560 + Bluetooth 5.0 ที่ระบบ Killer Gaming LAN ที่ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมมออนไลน์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม MSI GP75 Leopard 9SD ยังพอมีข้อสังเกตอยู่บ้างเล็กน้อยในเรื่องของการระบายความร้อนเป็นแบบ CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถเอาความร้อนของชิปประมวลผลตัวแรงรุ่นใหม่อย่าง Intel Core i7-9750H ได้ ที่ต้องบอกว่าด้วยประสิทธิภาพแรงกว่ารุ่นก่อนอย่าง Intel Core i7-8750H ด้วยการเพิ่มความเร็วเข้ามา แต่นั่นก็ส่งผลให้ก่อเกิดความร้อนที่สูงกว่าขึ้นด้วย แม้ว่าจะร้อนสุดที่ 100 องศาเซลเซียสก็จริง แต่ต้องว่าบอกไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ (มีผลกับจิตใจนี่สิ)
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าที่สุดล่ะก็ MSI GP75 Leopard 9SD น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่ 52,900 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรองในส่วนของ GE Series อยู่ที่บ้าง ในส่วนของลำโพงที่ไม่ใช่ DYNAUDIO กับวัสดุเล็กๆ น้อยๆ แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี
- หน้าจอขนาด 17.3″ขอบจอบาง พสเนล IPS 144Hz เล่นเกมได้สะใจกว่า 15.6″
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ i7-9750H + GTX 1660Ti 6GB GDDR6
- แรมให้มา 16GB (8GB x 2) และ SSD ที่ 512GB แรงลื่น ไม่ต้องอัพเกรด
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟัง ไมค์แบบแยกออกจากัน
- ลำโพงขนาดใหญ่ พร้อมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดังฟังชัดมากขึ้น
- รองรับการอัปเกรด SSD m.2 NVMe PCIe Gen3 ได้อีก 1 แถว และ 2.5″ SATA 3 อีกตัว
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟ Per-Key RGB
- ใช้เน็ตเวิร์คที่รองรับ Killer Gaming LAN ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 4 ชั่วโมง
- มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่แถมมาให้ในกล่องเลย
ข้อสังเกต
- อุณหภูมิของชิปประมวลผลค่อนข้างสูง
- ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน ราคาสูงกว่าอีกแบรนด์เล็กน้อย
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว ซึ่ง MSI GP75 Leopard 9S ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
BEST TECHNOLOGY
MSI GP75 Leopard 9S เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, จอ IPS 144Hz, Steelseries Keyboard Per-Key RGB, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
BEST PERFORMANCE
MSI GP75 Leopard 9Sมีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 32GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GP75 Leopard 9S ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม ไม่แพ้รุ่นพี่ ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับแดง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
VDO Review
Specification
Gaming Notebook รุ่นใหม่ใช้สเปก Core i Gen 9 + GTX 16 Series อย่าง MSI GP75 Leopard 9SD ก็พร้อมขายเป็นรุ่นแรกๆ โดยเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เท่านั้น ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H และการ์ดจอ GTX 1660Ti ก็จะเป็น MSI GP75 เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 8 และ GTX 10 Series แบบเดิมๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GTX 1660 Ti กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal ซึ่ง GTX 1660 Ti นั้นจะมาแทนที่ GTX 1060 ที่แม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี ray-tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS 144Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 พร้อม KILLER SHIELD ที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 52,900 บาท
Hardware / Design
สำหรับการออกแบบตัวเครื่อง MSI GP75 Leopard 9SD ยังคงเน้นความเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ แบบขอบจอบาง มิติตัวเครื่องเทียบเท่าพวก Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบจอหนาแบบก่อนๆ ซึ่งคงเอกลักษณ์ด้านความสวยงามดุดัน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนตัวเครื่องยังมาพร้อมกับวัสดุอะลูมิเนียมทั้งฝาหลังและด้านในให้ความแข็งแรงทนทาง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบากว่าพลาสติกทั่วไปและช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น
ด้วยรูปทรงสไตล์ยานรบอวกาศและฝาพับสีดำสลับข้างในเป็นสีเทาพร้อมลวดลายใหม่ โลโก้มังกรมีไฟ ดูพรีเมียมต่างจาก GP รุ่นก่อนๆ เสริมความโดดเด่นให้มากกว่าเดิม ด้วย Per-Key RGB คีย์บอร์ดจากแบรนด์เกมมิ่งชั้นนำอย่าง SteelSeries ทำให้ MSI GP75 Leopard 9SD รุ่นใหม่นี้ มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมทั้งฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์ที่ใส่ไว้ ยังคุ้มค่าคุ้มราคา เมื่อเทียบกับว่า นี่คือ Gaming Notebook ในราคาระดับกลางๆ เท่านั้นเอง
ในส่วนของบานพับเป็นแบบแกนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาแน่นหนาถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะดูบอบบางก็ตาม แต่ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด
ซึ่งการออกแบบโดยรวมไม่ว่ามองมุมไหนก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความเป็น Gaming Notebook รุ่นใหญ่ ในส่วนของประสิทธิภาพภายในดูได้จากสติกเกอร์ที่ติดเอาไว้ แสดงถึงชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 9 และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ GTX 16 Series ขอบหน้าจอบาง ระบบระบายความร้อน Cooler Boots 5 เป็นต้น
ส่วนตัวเครื่องด้านในจะเป็นสีเทาตัดกับภายนอกที่เป็นสีดำ พร้อมลวดลายขอบด้านข้างที่โดดเด่น มุมขวาบนของเครื่องยังมีอีก 3 ปุ่มพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ได้แก่ปุ่ม Cooler Boost, เปลี่ยนโปรไฟล์ไฟคีย์บอร์ด SteelSeries และปุ่ม POWER และในส่วนของทัชแพดยังถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวามากนัก สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาแบบแยก ที่ตอบสนองได้เป็นอย่าง
รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 4 ช่อง แบบหลัง 2 และด้านข้างอีก 2 ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS งานประกอบแน่นหนาแข็งแรง มียางรอง 4 มุม ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นทำให้มีพื้นที่ลมมากกว่าเดิม ช่วยส่งมวลลมเย็นเข้าช่องดูดลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ในจุดนี้สามารถถอดอัพเกรดเพิ่มแรมความจุสูงสุดถึง 32GB แบบ DDR4 หรือใส่ SSD M.2 NVMe เพิ่มก็สามารถทำได้แบบ Raid 0 สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลแบบทะลุขีดจำกัด รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวกสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Gaming Notebook ที่ลงตัว ในแบบฉบับของ MSI ซึ่ง MSI GP75 Leopard 9SD เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าต่อราคาก็จริง แต่ยังครบเครื่องในทุกมิติ ที่สำคัญด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 17.3″ ยิ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในช่วงราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเหมือนพวก GE Series จะเป็นรองก็แค่วัสดุและลำโพงที่ไม่ใช่ DYNAUDIO
Keyboard / Touchpad
เห็น MSI GP75 Leopard 9SD แล้วต้องบอกว่าแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ แบบสิ้นเชิง จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน Steelseries Engine 3 ได้ด้วยเช่นกัน
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบลื่นๆ แต่ติดนิ้วทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ดีเลย ถือว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่ใส่ใจในทัชแพดทีเดียว
Screen / Speaker
MSI GP75 Leopard 9SD มีหน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ขอบจอบาง 5.7 มิลลิเมตร ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมให้ค่าขอบเขตสีที่คุณภาพสูง มาตรฐาน sRGB ใกล้เคียง 100% พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดีจากการที่มีค่า Refresh Rate ที่ 144Hz
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ กว่า Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนมุมขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 9% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนด้านใต้เครื่อง แบบ Giant Speakers ขนาด 3W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพราะชุดลำโพงข้างในขยับได้เมื่อต้องการเสียงทุ่ม โดยตัวลำโพงของ MSI GP75 Leopard 9SD ในรุ่นนี้ไม่ได้ผลิตจาก DYNAUDIO เหมือน GE, GT Series แต่ใส่ส่วนของคุณภาพเสียงการใช้งานต่าง ๆ ยังสามารถทำออกมาได้ดี น่าประทับใจให้เสียงที่ดังพอตัว
Connector / Thin And Weight
MSI GP75 Leopard 9SD เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง SD Card Reader และช่องต่อไฟอแดปเตอร์ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45 LAN Killer E2500, Mini Display Port, HDMI, USB 3.1 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบแยกออกจากกัน เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเล่นเกมแบบสุดๆ
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ ดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด ส่วนน้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 180 Watt แล้วจะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวกในมาตรฐานโน๊ตบุ๊ค 17.3″ ซึ่งกระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย อย่างไรก็ตามถ้าให้สาวๆ ร่างเล็กแบกอาจคงไม่ไหว แต่ถ้าหนุ่มแบกไปทำงานไปมหาวิทยาลัยได้อยู่
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GP75 Leopard 9SD สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GP75 Leopard 9SD ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 2 แถว ซึ่งถ้าจะอัพก็จำเป็นต้องถอดออกก่อน รวมไปถึงสามารถเพิ่มการอัพเกรด SSD ได้อีก 1 ช่องเป็นมาตรฐาน M.2 NVMe แต่เดิมๆ ก็มีให้มาแล้ว 512GB จำนวน 1 ตัว นอกจากนั้นเรายังสามารถอัพเกรดฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีเงินซึ่งดูโดดเด่ดจากตัวเครื่องในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น
วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น รวมถึงลำโพงของที่ให้มาดอกค่อนข้างใหญ่ เป็นแบบ Gaint Speaker เสียงที่ดังฟังชัดเอามากๆ พร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ่มเพิ่มเข้ามา โดยไม่ต้องลำโพง S Subwoofer เหมือนรุ่นก่อนๆ
Performance / Software
*CPU-Z เวอร์ชั่นล่าสุด ยังไม่สามารถแสดงว่าเป็น Core i7-9750H ได้
โดย MSI GP75 Leopard 9SD มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-9750H โดยจะเป็นรุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.5 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 2 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม MSI GP75 Leopard 9SD มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU รุ่นล่าสุดจาก Intel Core i Gen 9 มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงระดับรองท็อปอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1060 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2060 และไม่มีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี แต่ก็ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ซึ่งทาง NVIDIA ได้เผยข้อมูลออกมาว่า 3/4 ของผู้ใช้งาน Gaming Notebook นั้นยังคงใช้เครื่องที่มาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง GTX 960M อยู่ ซึ่งเมื่อพวกเขาเหล่านั้นตัวสินใจที่จะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเป็นรุ่นใหม่ แน่นอนว่า GTX 1660 Ti จะทำให้เห็นความแตกต่างของประสิทธิภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยทาง NVIDIA ได้บอกเอาไว้ว่า GTX 1660 Ti นั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่า GTX 960M อยู่ถึง 4 เท่า และเมื่อเทียบกับ GTX 1060 นั้นพบว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ราวๆ 1.5 เท่า ซึ่งบางเกมก็เทียบเท่าหรือมากกว่า GTX 1070 ด้วยซ้ำ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1640MB/s และเขียนที่ 1452MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเร็วแรงกว่านี้ก็สามารถซื้อ SSD มาทำ Raid เพิ่มได้อีก 1 ตัว ความเร็วก็จะทะลุยิ่งขึ้นไปอีก หรือจะเอามาเพิ่มความจุก็แล้วแต่
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,460 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง GTX 1660 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 80 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX1660 Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้จะไม่รองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล เทียบกับการ์ดจอ RTX 2060 ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก
ซึ่งด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ ก็ได้
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- LED Wizard : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GP75 Leopard 9SD ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยระบบเสียงจาก MSI GP75 Leopard 9SD มาพร้อมกับระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิม คือ Nahimic v3 ที่ทำให้สุดยอด ที่ว่าสุดยอดอยู่แล้วนั้น ทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้มีระบบเสียง ไม่ว่าจะเสียงคนพูด, เสียงเบส และเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียง Nahimic และระบบเสียงอันสุดยอดของ MSI ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเยี่ยมยอด (พบได้บน MSI G Series ทุกรุ่น)
Battery / Heat / Noise
MSI GP75 Leopard 9SD นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Power Saver ใช้ได้ยาวนานประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่สเปกจะแรงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าสูงอยู่ไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าแตะ 100 องศาเซลเซียส เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ที่ว่าดีกว่า Gaming Notebook ก็เอาไม่อยู่ ถึงกระนั้นก็ยังทำได้ปกติ ไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ (แต่มีผลกับจิตใจแน่นอน ฮา) ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง GTX 1660 Ti นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 72 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GP75 Leopard 9SD เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ เน้นคุ้มค่ากว่า GE Series ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดระดับกลางค่อนบนอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น พร้อมให้หน้าจอ Refresh Rate ที่ 144 Hz เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูงซึ่งฟินมากๆ เพราะ GTX 1660Ti สามารถขับได้สบายๆ กับราคา 52,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ
ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 บนแรม DDR4 ขนาด 16GB ที่อัพเกรดได้ถึง 32GB และ SSD NVMe ความจุ 512GB ที่เราสามารถอัพเกดรเพิ่มได้อีกทั้งแบบ M.2 และ SATA 3 ตามแต่สะดวก เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย ลำโพงขนาดใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงดังฟังชัดแบบสะใจ ที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์ใหม่สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น
ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ก็ให้มาครบครันทั้งการเชื่อมต่อ USB 3.1 Type-C และ Mini Display Port ทำให้ MSI GL63 8SE เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์แบบมากๆ อีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Intel Wireless-AC 9560 + Bluetooth 5.0 ที่ระบบ Killer Gaming LAN ที่ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมมออนไลน์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม MSI GP75 Leopard 9SD ยังพอมีข้อสังเกตอยู่บ้างเล็กน้อยในเรื่องของการระบายความร้อนเป็นแบบ CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถเอาความร้อนของชิปประมวลผลตัวแรงรุ่นใหม่อย่าง Intel Core i7-9750H ได้ ที่ต้องบอกว่าด้วยประสิทธิภาพแรงกว่ารุ่นก่อนอย่าง Intel Core i7-8750H ด้วยการเพิ่มความเร็วเข้ามา แต่นั่นก็ส่งผลให้ก่อเกิดความร้อนที่สูงกว่าขึ้นด้วย แม้ว่าจะร้อนสุดที่ 100 องศาเซลเซียสก็จริง แต่ต้องว่าบอกไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ (มีผลกับจิตใจนี่สิ)
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าที่สุดล่ะก็ MSI GP75 Leopard 9SD น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่ 52,900 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรองในส่วนของ GE Series อยู่ที่บ้าง ในส่วนของลำโพงที่ไม่ใช่ DYNAUDIO กับวัสดุเล็กๆ น้อยๆ แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี
- หน้าจอขนาด 17.3″ขอบจอบาง พสเนล IPS 144Hz เล่นเกมได้สะใจกว่า 15.6″
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ i7-9750H + GTX 1660Ti 6GB GDDR6
- แรมให้มา 16GB (8GB x 2) และ SSD ที่ 512GB แรงลื่น ไม่ต้องอัพเกรด
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟัง ไมค์แบบแยกออกจากัน
- ลำโพงขนาดใหญ่ พร้อมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดังฟังชัดมากขึ้น
- รองรับการอัปเกรด SSD m.2 NVMe PCIe Gen3 ได้อีก 1 แถว และ 2.5″ SATA 3 อีกตัว
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟ Per-Key RGB
- ใช้เน็ตเวิร์คที่รองรับ Killer Gaming LAN ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 4 ชั่วโมง
- มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่แถมมาให้ในกล่องเลย
ข้อสังเกต
- อุณหภูมิของชิปประมวลผลค่อนข้างสูง
- ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน ราคาสูงกว่าอีกแบรนด์เล็กน้อย
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว ซึ่ง MSI GP75 Leopard 9S ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
BEST TECHNOLOGY
MSI GP75 Leopard 9S เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, จอ IPS 144Hz, Steelseries Keyboard Per-Key RGB, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
BEST PERFORMANCE
MSI GP75 Leopard 9Sมีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 32GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GP75 Leopard 9S ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม ไม่แพ้รุ่นพี่ ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับแดง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน