MSI GL63 ปี 2019 ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแสดงผลให้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยการ์ดจอ GTX 16 series รุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ GL series ตัวใหม่นี้ เป็น Gaming Notebook ในระดับเริ่มต้นที่มีความคุ้มค่ามาก เพราะด้วยประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นใหม่ๆที่ให้มา ทำให้สามารถรับมือกับเกมระดับ AAA ในปัจจุบันนี้ได้อย่างสบายๆ ส่วนชิปประมวลผลยังคงใช้ Core i Gen 8 ตระกูล H ที่ให้ความแรงที่เหลือเฟือในการเล่นเกมหรือทำงานประมวลผลหนักๆ อยู่
สำหรับ MSI GL63 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่เน้นให้เรื่องของความคุ้มค่าเป็นหลัก แม้ดีไซน์ยังไม่ใช่ขอบจอบางรวมไปถึงฟีเจอร์อื่นไ ก็อาจจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่ในแง่ของสเปกนอกจากการ์ดจอและชิปประมวลผลที่ดีแล้วนั้น สเปกอื่นๆ อย่างเช่น หน้าจอก็เป็น 120Hz ที่แสดงผลได้ลื่นไหล อีกทั้งแรมก็ให้มาขนาด 8GB ส่วนที่เก็บข้อมูลก็เป็นมาตรฐาน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่เราสามารถเลือกอัพเกรดใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ ได้ภายหลัง สนนราคา MSI GL63 รุ่นใหม่ทั้งหมด ที่ใช้การ์ดจอ GTX 16 series มีราคาอยู่ที่ 35,900 – 45,900 บาท
VDO Review
Specification
สเปค MSI GL63-8SD ที่แอดมินโป้ง NBS ได้ว่ารีวิวนั้นถือว่ามีเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง MSI ศักยภาพสูงที่มาพร้อมกับ CPU เป็น Intel Core i7-8750H ความเร็ว 2.2 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.1 GHz การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX1660Ti (6GB GDDR6) พร้อม Ram 8 GB DDR4 Bus 2666 อัพเกรดได้สูงสุด 32 GB (มี Ram 2 Slot) ที่เก็บข้อมูล SSD ความจุ 512GB ที่สามารถเพิ่ม SSD m.2 แบบ PCIe ได้อีกแถว (Combo SATA or PCIe, PCIe only) และฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ SATA 3 ได้อีก 1 ช่อง
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล VA 120 Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 พร้อม KILLER SHIELD ที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 45,900 บาท
- Core i7-8750H / GTX 1660Ti/ RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ 120Hz ราคา 45,900 บาท
- Core i5-8300H / GTX 1660Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ 120Hz ราคา 40,900 บาท
- Core i7-8750H / GTX 1650/ RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ 120Hz ราคา 35,900 บาท
Hardware / Design
MSI GL63-8SD ถือเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ด้วยการออกแบบที่มอบความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่แพ้เจ้าอื่นๆ ด้วยการดีไซน์บอดี้ใหม่เหมือนรุ่นพี่ซีรีส์ GP / GE ที่ให้ตัวเครื่องเป็นฟีลคล้ายโลหะที่สีดำโฉบเฉี่ยว ไม่หวือหวาจนเกินไป ด้วยฝาหลังเป็นพลาสสติกสัมผัสเคลือบแบบเงาสีดำด้าน พร้อมโลโก้ Dragon Army MSI สีแดงคลาสสิคตามสไตล์ และมีสติ๊กเกอร์ไฟสีแดงขนาบข้าง แม้อาจจะมีข้อสังเกตุในเรื่องของเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็พอที่จะเช็ดออกได้ไม่ยาก รวมไปถึงขอบหน้าจอก็ยังแบบเป็นหนาอยู่ ไม่บางเฮียบเหมือน Gaming Notebook MSI หลายๆ รุ่น
ด้านในดีไซน์เหมือนรุ่นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แกนมาพับเป็นแบบสองแกน และมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาด Full Size สีแดงจาก SteelSeries พร้อมมีไฟ Backlit สีแดงตามแบบฉบับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขนานแท้ ไม่มีลวดลายหรือสีอื่นให้กวนใจแนวคลาสสิค แต่ดูจะเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย และส่วนฐานล่างของเจ้าตัวนี้จะใช้วัสดุพลาสติก ABS อย่างดี งานประกอบแน่นหนาแข็งแรงตามสไตล์ MSI มียางรอง 4 จุด สำหรับยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเพื่อให้การระบายความร้อนและการสัมผัสคีย์บอร์ดที่ดีกว่า
และในจุดนี้ตัวเครื่อง MSI GL63-8SD สามารถถอดฝาหลังเพื่ออัพเกรดเพิ่มหน่วยความจำแรมได้ความจุสูงสุดถึง 32 GB (ตัวเครื่องใส่ได้ 2 ช่อง ซึ่งตัวเครื่องใส่มาแล้ว 8 GB หนึ่งช่อง) และสามารถเพิ่ม SSD m.2 PCI-E Gen 3 ความเร็วสูง ซึ่งมีความเร็วที่เร็วกว่า SSD SATA 3 ที่นิยมใช้กันทั่วไปกว่า 5 เท่ากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ช่องระบายความร้อนถูกอัพเกรดขึ้นมาเป็นแบบ 4 ช่องพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด
ส่วนเรื่องของตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์พอร์ทต่างๆ หรือกระทั่งตำแหน่งของระบบระบายความร้อนก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและให้ประสิทธิภาพได้ดีมากๆ โดยเฉพาะระยะห่างของแต่ละพอร์ตที่ห่างกันพอสมควรไม่วางติดๆ กันเหมื่อนรุ่นอื่น ทำให้สามารถใช้งานได้หลายๆ ช่องพร้อมกันโดยที่ปลั๊กไม่ติดกันนั่นเอง
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ MSI ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในราคาคุ้มค่าดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความแรงและเรียบง่ายอาไว้ แม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่ใช่แนว Gaming Notebook ปี 2019 ที่ได้ขอบหน้าจอบางและมิติตัวเครื่องที่เล็กลง ซึ่งก็แลกมาด้วยชุดระบายความร้อนจัดเต็มเหมือนเดิม อย่างที่หาได้ยากในแบรนด์อื่นๆ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง MSI GL63-8SD มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว นั้นทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาสมบูรณ์ ซึ่งผลิตโดย SteelSeries แบรนด์เกมมิ่งระดับโลกที่ได้ออกแบบคีย์บอร์ดตัวนี้มาเพื่อการเล่นเกมบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค MSI โดยเฉพาะ ทั้งฟีลแรงกด ฟีลการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED สีแดงปรับได้ 3 ระดับ บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟสีแดงสว่างน่าใช้มากยิ่งขึ้น
มาดูทางด้านปุ่มพิเศษกันบ้าง ด้านบนขวามือปุ่มแรกทางซ้าย คือ ปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ เพื่อช่วยระบายความร้อนเรียกใช้ Dragon Gaming Center สำหรับเช็คความร้อนและควบคุมระบบในภาพรวม และถัดไปคือปุ่มเปิดปิดเครื่อง ในส่วนของทัชแพดเป็นแบบแยกชื้นมีปุ่มแยกคลิกซ้ายคลิกขวาชัดเจน ปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ พลาสติกเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย วัสดุเดียวกับตัวเครื่อง การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป แต่ก็ลื่นไม่เท่าทันแพดรุ่นใหม่ๆ ของ MSI อย่าง GS65
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ MSI GL63-8SD เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6 บนความละเอียดในระดับ Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล VA รองรับที่ 120 Hz ที่แม้พาเนล VA จะให้สีสันที่สวยสมจริงทุกมุมมองไม่เท่ากับ IPS แต่เรื่องของขอบเบตสีถือว่าทำได้ดีและค่อนข้างตรง โดยเมื่อทีมงานได้ลองใช้งานจริงแล้วพบว่าให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่ดีน่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามถ้าได้เป็นหน้าจอพาเนล IPS ที่ 144Hz ก็จะดีมากๆ เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ติเลนทีเดียว
Spyder5Elite เป็นเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 99% และ Adobe RGB ที่ 85% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันที่เยี่ยมยอกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องแถวล่างทางขวามีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 15% รวมไปถึงช่องอื่นๆ ก็ลดลงไปพอสมควร ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite จัดเป็นหน้าจอที่มีคุณภาพเหนือมาตรฐานโน๊ตบุ๊คทั่วไป
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าของ MSI GL63-8SD ในส่วนด้านใต้เครื่อง แบบ Giant Speakers ขนาด 3W x 2 ที่ดังกว่าเดิม คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพราะชุดลำโพงข้างในขยับได้เมื่อต้องการเสียงทุ่ม และใช้ระบบเสียงของ Nahimic 3 ทำให้ได้เสียงที่มีคุณภาพที่ดีการใช้งานต่าง ๆ ยังสามารถทำออกมาได้ดี น่าประทับใจให้เสียงที่น่าประทับใจตามสไตล์ของ Gaming Notebook MSI
Connector / Thin And Weight
MSI GL63-8SD จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, Mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 รวมถึงยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wireless 802.11 AC ที่ใช้ชิปเป็น Intel Wireless-AC 9560 รองรับ Killer Gaming LAN อีกด้วย รองรับทุกอย่างที่ควรจะมี มากกว่า Gaming Notebook ทั่วไปในหลายๆ รุ่น
จากรูปดูการจัดวางรูปแบบของแต่ละพอร์ตต่างๆ ของ MSI GL63-8SD ทำได้ดีมาก ทั้งระยะห่างของช่องว่างต่างๆ หรือการวางพอร์ตแต่ละ ทำให่สามารถเสียบอุปกรณ์หลายๆ อย่างได้พร้อมกันโดยไม่หัวเสียบไม่ติดกัน ถือว่าในของพอร์ตทาง MSI ดูใส่ใจรายละเอียดในส่วนนี้พอสมควรเลยทีเดียวครับ ขนาดของอแอปเตอร์สายชาร์จเมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 ด้วยกันถือว่าใหญ่และหนักกว่าพอสมควร และตัวเครื่องดูก็สมดุลปกติไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป และมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาเพียง 2.2 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอะแดปเตอร์สายชาร์จก็จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ไม่เกิน 2.8 กิโลกรัม อยู่ในเกณ์ที่พกพาไปนอกสถานที่ได้ไม่ลำบากนัก
Inside / Upgrade
การแกะอัพเกรดของ MSI GL63-8SD ต้องแกะฝาล่างออกทั้งหมด ซึ่งการแกะบอกตามตรงว่าค่อนข้างยาก ไม่เก่งจริงให้ช่างทำให้จะดีกว่า เพราะสลักค่อนข้างแน่น และเมื่อไขน็อตออกหมดแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ เอาบัตรรูดตามมุม ตามขอบทีละส่วนซึ่งต้องใช้ความใจเย็นระมัดระวังมากๆ เพราะถ้าแรงไปสลักอาจจะหักได้ และเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด ซึ่งบอกเลยว่าว่า MSI เขาให้แต่ของดีๆ มาจริงๆ
เริ่มจาก Ram กันก่อนตัวเครื่องใส่มาให้ 1 แถวเป็นแบบขนาด 8 GB DDR4 2666 Mz และใส่ได้อีก 1 แถวทันที (ตัวเครื่องใส่ได้ 2 แถว) ส่วนการอัพเกรด SSD m.2 เครื่องนี้จะพิเศษกว่าใครนั่นก็คือสามารถใส่ m.2 ได้ถึง 2 ช่อง โดยจะเป็นแบบ Combo SATA or PCIe และ PCIe only ซึ่งตัวเครื่องจะใส่แบบ PCIe มาให้แล้วขนาด 512GB 1 แถวด้วยกัน ส่วนฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ จะว่างๆ มา โดยเราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ภายหลัง
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 ในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้หากสังเกตดูดีๆ ในช่องแรงจะเห็นสัญลักษณ์ Killer Shield ที่เป็นระบบ Lan ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์ รวมถึงลำโพงของที่ให้มาดอกค่อนข้างใหญ่ เป็นแบบ Gaint Speaker เสียงที่ดังฟังชัดเอามากๆ
*ใช้ภาพมาจาก MSI GL63-8SE ที่มีสเปกมาเป็นฮาร์ดดิสก์ 2.5″
Performance / Software
โดย MSI GL63-8SD มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-8750HQ (รุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีแรกของ 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.20 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 2 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงตระกูล GTX 16 Series อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1060 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2060 และไม่มีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี แต่ก็ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1550MB/s และเขียนที่ 698MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเร็วแรงกว่านี้ก็สามารถซื้อ SSD มาทำ Raid เพิ่มได้อีก 1 ตัว ความเร็วก็จะทะลุยิ่งขึ้นไปอีก หรือจะเอามาเพิ่มความจุก็แล้วแต่
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,619 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง GTX 1660 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX1660 Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้จะไม่รองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล เทียบกับการ์ดจอ RTX 2060 ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก
ซึ่งด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ ก็ได้
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- LED Wizard : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
ปิดท้ายด้วยระบบเสียงจาก MSI GL63-8SD มาพร้อมกับระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิม คือ Nahimic v3 ที่ทำให้สุดยอด ที่ว่าสุดยอดอยู่แล้วนั้น ทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้มีระบบเสียง ไม่ว่าจะเสียงคนพูด, เสียงเบส และเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียง Nahimic และระบบเสียงอันสุดยอดของ MSI ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเยี่ยมยอด (พบได้บน MSI G Series ทุกรุ่น)
Battery / Heat / Noise
MSI GL63-8SD นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 6-Cell Li-Ion 51 Whr ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด ได้ยาวนานประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ก็สามารถเล่นทำได้ดีมากทีเดียว ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ จากรูปจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิ CPU สูงสุด 97 องศาและ GPU อยู่ที่ 67 องศา หลายคนอาจจะมองว่าตัวเลขค่อนข้างสูง แต่การใช้งานจริงบอดี้แทบจะไม่ร้อนเลย และไม่พบอาการกระตุกหรือแลคแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเรื่องความร้อนไม่ต้องกังวลกันไปเลย
Conclusion / Award
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมซีรีส์ GL ถึงราคาสูงขนาดนี้ ซึ่งปกติจะอยู่ในระดับไม่เกินสี่หมื่นบาท แต่ด้วย MSI GL63-8SD ที่จัดสเปคมาแบบใหม่ แรงกว่าใครเขา ด้วยชิปประมวผล i7-8750H ที่จับคู่กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti (6GB GDDR6) ตัวล่าสุดแรงเหลือๆ และตัวเครื่องสามารถขับได้ไม่มีคอขวด ผสานกับ Ram 8 GB DDR4 (Bus 2666) พร้อมรองรับ SSD m.2 แบบความเร็วสูง PCI-E Gen 3 ได้ 2 แถว (เป็น Combo SATA or PCIe x 1, PCIe only x 1), ลำโพงขนาดใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงดังฟังชัดแบบสะใจ และคีย์บอร์ดเลือกใช้ของ SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มมันมือ พร้อมไฟสีแดงปรับได้ 3 ระดับ จัดเต็มมากๆ
ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ก็ให้มาครบครันทั้งการเชื่อมต่อ USB 3.1 Type C และ Mini Display Port การระบายความร้อนเป็นแบบ CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง จัดหนักจัดเต็มไม่มีกั๊ก ทำให้ MSI GL63 8SE เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์แบบมากๆ อีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Intel Wireless-AC 9560 + Bluetooth 5.0 ที่ระบบ Killer Gaming LAN ที่ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมมออนไลน์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม MSI GL63-8SD ยังพอมีข้อสังเกตอยู่บ้างเล็กน้อยในเรื่องของหน้าจอที่น่าจะให้ Refresh Rate แบบ 144 Hz ที่เป็นพาเนล IPS จะฟินมากๆ เพราะ GTX 1660Ti สามารถขับได้สบายๆ กับเรื่องของดีไซน์ที่ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งน่าจะให้ขอบจอเป็นขอบบางเพื่อลดขนาดตัวเครื่องให้เล็กกว่านี้จะเพอร์เฟคมากเลยทีเดียวนั่นเอง รวมไปถึงในส่วนของทัชแพดน่าจะใช้งานได้ลื่นไหลกว่านี้ด้วย แม้ว่าจะเป็น Gaming Notebook แต่ถ้าได้ทัชแพดดีๆ ก็จะประทับใจมากกว่า
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าที่สุดล่ะก็ MSI GL63-8SD น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่ 45,900 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรองในส่วนของ GP Series อยู่ที่บ้าง ในส่วนของหน้าจอที่ไม่ใช้พาเนล IPS รวมไปถึงดีไซน์การออกแบบอาจจะดูดุดันน้อยกว่านิด แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ i7-8750H + GTX 1660Ti 6GB GDDR6
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟัง ไมค์แบบแยกออกจากัน
- ลำโพงขนาดใหญ่ พร้อมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดังฟังชัดมากขึ้น
- รองรับการอัปเกรด SSD m.2 NVMe PCIe Gen3 ได้ 2 แถว (Combo x 1, PCIe Only x 1)
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง จัดเต็มกว่าเดิม
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟสีแดงปรับได้ 3 ระดับ
- ใช้เน็ตเวิร์คที่รองรับ Killer Gaming LAN ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่แถมมาให้ในกล่องเลย
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่ใช่ขอบบางตามสมัยนิยม
- หน้าจอเป็น 120 Hz ปกติ พาเนล VA
- วัสดุเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ทัชแพดไม่ค่อยลื่น
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GL63-8SD ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
MSI GL63-8SD มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-8750H และการ์ดจอรุ่นล่าสุดอย่าง GTX 1660Ti ที่แน่นอนว่าสามารถเล่นเกมทุกเกมบนโลกนี้ได้เหลือๆ อีกทั้งยังรองรับเกมใหม่ๆ ที่มาทำตลาดแทนที่ GTX 1060 ทำให้รองรับเกมที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงปลดปล่อยความร้อนลง จากการที่ใช้เทคโนโลยีเดียว RTX Series ด้วย แถมตัวเครื่องรองรับการอัปเกรด SSD m.2 NVMe PCIe Gen3 ได้ถึง 2 แถว ความจุแรงๆ เหลือๆ (Combo x 1, PCIe Only x 1)
VDO Review
Specification
สเปค MSI GL63-8SD ที่แอดมินโป้ง NBS ได้ว่ารีวิวนั้นถือว่ามีเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง MSI ศักยภาพสูงที่มาพร้อมกับ CPU เป็น Intel Core i7-8750H ความเร็ว 2.2 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.1 GHz การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX1660Ti (6GB GDDR6) พร้อม Ram 8 GB DDR4 Bus 2666 อัพเกรดได้สูงสุด 32 GB (มี Ram 2 Slot) ที่เก็บข้อมูล SSD ความจุ 512GB ที่สามารถเพิ่ม SSD m.2 แบบ PCIe ได้อีกแถว (Combo SATA or PCIe, PCIe only) และฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ SATA 3 ได้อีก 1 ช่อง
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล VA 120 Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 พร้อม KILLER SHIELD ที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 45,900 บาท
- Core i7-8750H / GTX 1660Ti/ RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ 120Hz ราคา 45,900 บาท
- Core i5-8300H / GTX 1660Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ 120Hz ราคา 40,900 บาท
- Core i7-8750H / GTX 1650/ RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ 120Hz ราคา 35,900 บาท
Hardware / Design
MSI GL63-8SD ถือเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ด้วยการออกแบบที่มอบความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่แพ้เจ้าอื่นๆ ด้วยการดีไซน์บอดี้ใหม่เหมือนรุ่นพี่ซีรีส์ GP / GE ที่ให้ตัวเครื่องเป็นฟีลคล้ายโลหะที่สีดำโฉบเฉี่ยว ไม่หวือหวาจนเกินไป ด้วยฝาหลังเป็นพลาสสติกสัมผัสเคลือบแบบเงาสีดำด้าน พร้อมโลโก้ Dragon Army MSI สีแดงคลาสสิคตามสไตล์ และมีสติ๊กเกอร์ไฟสีแดงขนาบข้าง แม้อาจจะมีข้อสังเกตุในเรื่องของเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็พอที่จะเช็ดออกได้ไม่ยาก รวมไปถึงขอบหน้าจอก็ยังแบบเป็นหนาอยู่ ไม่บางเฮียบเหมือน Gaming Notebook MSI หลายๆ รุ่น
ด้านในดีไซน์เหมือนรุ่นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แกนมาพับเป็นแบบสองแกน และมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาด Full Size สีแดงจาก SteelSeries พร้อมมีไฟ Backlit สีแดงตามแบบฉบับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขนานแท้ ไม่มีลวดลายหรือสีอื่นให้กวนใจแนวคลาสสิค แต่ดูจะเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย และส่วนฐานล่างของเจ้าตัวนี้จะใช้วัสดุพลาสติก ABS อย่างดี งานประกอบแน่นหนาแข็งแรงตามสไตล์ MSI มียางรอง 4 จุด สำหรับยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเพื่อให้การระบายความร้อนและการสัมผัสคีย์บอร์ดที่ดีกว่า
และในจุดนี้ตัวเครื่อง MSI GL63-8SD สามารถถอดฝาหลังเพื่ออัพเกรดเพิ่มหน่วยความจำแรมได้ความจุสูงสุดถึง 32 GB (ตัวเครื่องใส่ได้ 2 ช่อง ซึ่งตัวเครื่องใส่มาแล้ว 8 GB หนึ่งช่อง) และสามารถเพิ่ม SSD m.2 PCI-E Gen 3 ความเร็วสูง ซึ่งมีความเร็วที่เร็วกว่า SSD SATA 3 ที่นิยมใช้กันทั่วไปกว่า 5 เท่ากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ช่องระบายความร้อนถูกอัพเกรดขึ้นมาเป็นแบบ 4 ช่องพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด
ส่วนเรื่องของตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์พอร์ทต่างๆ หรือกระทั่งตำแหน่งของระบบระบายความร้อนก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและให้ประสิทธิภาพได้ดีมากๆ โดยเฉพาะระยะห่างของแต่ละพอร์ตที่ห่างกันพอสมควรไม่วางติดๆ กันเหมื่อนรุ่นอื่น ทำให้สามารถใช้งานได้หลายๆ ช่องพร้อมกันโดยที่ปลั๊กไม่ติดกันนั่นเอง
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ MSI ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในราคาคุ้มค่าดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความแรงและเรียบง่ายอาไว้ แม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่ใช่แนว Gaming Notebook ปี 2019 ที่ได้ขอบหน้าจอบางและมิติตัวเครื่องที่เล็กลง ซึ่งก็แลกมาด้วยชุดระบายความร้อนจัดเต็มเหมือนเดิม อย่างที่หาได้ยากในแบรนด์อื่นๆ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง MSI GL63-8SD มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว นั้นทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาสมบูรณ์ ซึ่งผลิตโดย SteelSeries แบรนด์เกมมิ่งระดับโลกที่ได้ออกแบบคีย์บอร์ดตัวนี้มาเพื่อการเล่นเกมบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค MSI โดยเฉพาะ ทั้งฟีลแรงกด ฟีลการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED สีแดงปรับได้ 3 ระดับ บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟสีแดงสว่างน่าใช้มากยิ่งขึ้น
มาดูทางด้านปุ่มพิเศษกันบ้าง ด้านบนขวามือปุ่มแรกทางซ้าย คือ ปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ เพื่อช่วยระบายความร้อนเรียกใช้ Dragon Gaming Center สำหรับเช็คความร้อนและควบคุมระบบในภาพรวม และถัดไปคือปุ่มเปิดปิดเครื่อง ในส่วนของทัชแพดเป็นแบบแยกชื้นมีปุ่มแยกคลิกซ้ายคลิกขวาชัดเจน ปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ พลาสติกเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย วัสดุเดียวกับตัวเครื่อง การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป แต่ก็ลื่นไม่เท่าทันแพดรุ่นใหม่ๆ ของ MSI อย่าง GS65
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ MSI GL63-8SD เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6 บนความละเอียดในระดับ Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล VA รองรับที่ 120 Hz ที่แม้พาเนล VA จะให้สีสันที่สวยสมจริงทุกมุมมองไม่เท่ากับ IPS แต่เรื่องของขอบเบตสีถือว่าทำได้ดีและค่อนข้างตรง โดยเมื่อทีมงานได้ลองใช้งานจริงแล้วพบว่าให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่ดีน่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามถ้าได้เป็นหน้าจอพาเนล IPS ที่ 144Hz ก็จะดีมากๆ เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ติเลนทีเดียว
Spyder5Elite เป็นเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 99% และ Adobe RGB ที่ 85% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันที่เยี่ยมยอกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องแถวล่างทางขวามีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 15% รวมไปถึงช่องอื่นๆ ก็ลดลงไปพอสมควร ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite จัดเป็นหน้าจอที่มีคุณภาพเหนือมาตรฐานโน๊ตบุ๊คทั่วไป
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าของ MSI GL63-8SD ในส่วนด้านใต้เครื่อง แบบ Giant Speakers ขนาด 3W x 2 ที่ดังกว่าเดิม คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพราะชุดลำโพงข้างในขยับได้เมื่อต้องการเสียงทุ่ม และใช้ระบบเสียงของ Nahimic 3 ทำให้ได้เสียงที่มีคุณภาพที่ดีการใช้งานต่าง ๆ ยังสามารถทำออกมาได้ดี น่าประทับใจให้เสียงที่น่าประทับใจตามสไตล์ของ Gaming Notebook MSI
Connector / Thin And Weight
MSI GL63-8SD จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, Mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 รวมถึงยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wireless 802.11 AC ที่ใช้ชิปเป็น Intel Wireless-AC 9560 รองรับ Killer Gaming LAN อีกด้วย รองรับทุกอย่างที่ควรจะมี มากกว่า Gaming Notebook ทั่วไปในหลายๆ รุ่น
จากรูปดูการจัดวางรูปแบบของแต่ละพอร์ตต่างๆ ของ MSI GL63-8SD ทำได้ดีมาก ทั้งระยะห่างของช่องว่างต่างๆ หรือการวางพอร์ตแต่ละ ทำให่สามารถเสียบอุปกรณ์หลายๆ อย่างได้พร้อมกันโดยไม่หัวเสียบไม่ติดกัน ถือว่าในของพอร์ตทาง MSI ดูใส่ใจรายละเอียดในส่วนนี้พอสมควรเลยทีเดียวครับ ขนาดของอแอปเตอร์สายชาร์จเมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 ด้วยกันถือว่าใหญ่และหนักกว่าพอสมควร และตัวเครื่องดูก็สมดุลปกติไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป และมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาเพียง 2.2 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอะแดปเตอร์สายชาร์จก็จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ไม่เกิน 2.8 กิโลกรัม อยู่ในเกณ์ที่พกพาไปนอกสถานที่ได้ไม่ลำบากนัก
Inside / Upgrade
การแกะอัพเกรดของ MSI GL63-8SD ต้องแกะฝาล่างออกทั้งหมด ซึ่งการแกะบอกตามตรงว่าค่อนข้างยาก ไม่เก่งจริงให้ช่างทำให้จะดีกว่า เพราะสลักค่อนข้างแน่น และเมื่อไขน็อตออกหมดแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ เอาบัตรรูดตามมุม ตามขอบทีละส่วนซึ่งต้องใช้ความใจเย็นระมัดระวังมากๆ เพราะถ้าแรงไปสลักอาจจะหักได้ และเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด ซึ่งบอกเลยว่าว่า MSI เขาให้แต่ของดีๆ มาจริงๆ
เริ่มจาก Ram กันก่อนตัวเครื่องใส่มาให้ 1 แถวเป็นแบบขนาด 8 GB DDR4 2666 Mz และใส่ได้อีก 1 แถวทันที (ตัวเครื่องใส่ได้ 2 แถว) ส่วนการอัพเกรด SSD m.2 เครื่องนี้จะพิเศษกว่าใครนั่นก็คือสามารถใส่ m.2 ได้ถึง 2 ช่อง โดยจะเป็นแบบ Combo SATA or PCIe และ PCIe only ซึ่งตัวเครื่องจะใส่แบบ PCIe มาให้แล้วขนาด 512GB 1 แถวด้วยกัน ส่วนฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ จะว่างๆ มา โดยเราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ภายหลัง
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 ในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้หากสังเกตดูดีๆ ในช่องแรงจะเห็นสัญลักษณ์ Killer Shield ที่เป็นระบบ Lan ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์ รวมถึงลำโพงของที่ให้มาดอกค่อนข้างใหญ่ เป็นแบบ Gaint Speaker เสียงที่ดังฟังชัดเอามากๆ
*ใช้ภาพมาจาก MSI GL63-8SE ที่มีสเปกมาเป็นฮาร์ดดิสก์ 2.5″
Performance / Software
โดย MSI GL63-8SD มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-8750HQ (รุ่นยอดนิยมประจำช่วงครึ่งปีแรกของ 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.20 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 2 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงตระกูล GTX 16 Series อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1060 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2060 และไม่มีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี แต่ก็ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1550MB/s และเขียนที่ 698MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเร็วแรงกว่านี้ก็สามารถซื้อ SSD มาทำ Raid เพิ่มได้อีก 1 ตัว ความเร็วก็จะทะลุยิ่งขึ้นไปอีก หรือจะเอามาเพิ่มความจุก็แล้วแต่
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,619 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง GTX 1660 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX1660 Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้จะไม่รองรับฟีเจอร์ DLSS / Ray Tracing อย่าง RTX Series ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล เทียบกับการ์ดจอ RTX 2060 ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก
ซึ่งด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลางๆ ก็ได้
MSI DRAGON CENTER Version 2 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นคือใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูมีอาทิเช่น
- System Monitoring : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- LED Wizard : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- Gaming Mode : ตรวจสอบว่าเครื่องมีเกมไหนอยู่ พร้อมปรับแต่งเล่นเกมให้
- Voice Wizard : ปรับแต่งด้านเสียง หรือเร่งคุณภาพเสียง
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
หรือจะย่อเป็นหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ สะดวกใช้งานด้วย
ปิดท้ายด้วยระบบเสียงจาก MSI GL63-8SD มาพร้อมกับระบบเสียงที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิม คือ Nahimic v3 ที่ทำให้สุดยอด ที่ว่าสุดยอดอยู่แล้วนั้น ทำงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้มีระบบเสียง ไม่ว่าจะเสียงคนพูด, เสียงเบส และเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียง Nahimic และระบบเสียงอันสุดยอดของ MSI ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเยี่ยมยอด (พบได้บน MSI G Series ทุกรุ่น)
Battery / Heat / Noise
MSI GL63-8SD นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 6-Cell Li-Ion 51 Whr ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด ได้ยาวนานประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ก็สามารถเล่นทำได้ดีมากทีเดียว ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ จากรูปจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิ CPU สูงสุด 97 องศาและ GPU อยู่ที่ 67 องศา หลายคนอาจจะมองว่าตัวเลขค่อนข้างสูง แต่การใช้งานจริงบอดี้แทบจะไม่ร้อนเลย และไม่พบอาการกระตุกหรือแลคแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเรื่องความร้อนไม่ต้องกังวลกันไปเลย
Conclusion / Award
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมซีรีส์ GL ถึงราคาสูงขนาดนี้ ซึ่งปกติจะอยู่ในระดับไม่เกินสี่หมื่นบาท แต่ด้วย MSI GL63-8SD ที่จัดสเปคมาแบบใหม่ แรงกว่าใครเขา ด้วยชิปประมวผล i7-8750H ที่จับคู่กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti (6GB GDDR6) ตัวล่าสุดแรงเหลือๆ และตัวเครื่องสามารถขับได้ไม่มีคอขวด ผสานกับ Ram 8 GB DDR4 (Bus 2666) พร้อมรองรับ SSD m.2 แบบความเร็วสูง PCI-E Gen 3 ได้ 2 แถว (เป็น Combo SATA or PCIe x 1, PCIe only x 1), ลำโพงขนาดใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงดังฟังชัดแบบสะใจ และคีย์บอร์ดเลือกใช้ของ SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มมันมือ พร้อมไฟสีแดงปรับได้ 3 ระดับ จัดเต็มมากๆ
ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ก็ให้มาครบครันทั้งการเชื่อมต่อ USB 3.1 Type C และ Mini Display Port การระบายความร้อนเป็นแบบ CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง จัดหนักจัดเต็มไม่มีกั๊ก ทำให้ MSI GL63 8SE เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์แบบมากๆ อีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Intel Wireless-AC 9560 + Bluetooth 5.0 ที่ระบบ Killer Gaming LAN ที่ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมมออนไลน์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม MSI GL63-8SD ยังพอมีข้อสังเกตอยู่บ้างเล็กน้อยในเรื่องของหน้าจอที่น่าจะให้ Refresh Rate แบบ 144 Hz ที่เป็นพาเนล IPS จะฟินมากๆ เพราะ GTX 1660Ti สามารถขับได้สบายๆ กับเรื่องของดีไซน์ที่ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งน่าจะให้ขอบจอเป็นขอบบางเพื่อลดขนาดตัวเครื่องให้เล็กกว่านี้จะเพอร์เฟคมากเลยทีเดียวนั่นเอง รวมไปถึงในส่วนของทัชแพดน่าจะใช้งานได้ลื่นไหลกว่านี้ด้วย แม้ว่าจะเป็น Gaming Notebook แต่ถ้าได้ทัชแพดดีๆ ก็จะประทับใจมากกว่า
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าที่สุดล่ะก็ MSI GL63-8SD น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่ 45,900 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรองในส่วนของ GP Series อยู่ที่บ้าง ในส่วนของหน้าจอที่ไม่ใช้พาเนล IPS รวมไปถึงดีไซน์การออกแบบอาจจะดูดุดันน้อยกว่านิด แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ i7-8750H + GTX 1660Ti 6GB GDDR6
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟัง ไมค์แบบแยกออกจากัน
- ลำโพงขนาดใหญ่ พร้อมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดังฟังชัดมากขึ้น
- รองรับการอัปเกรด SSD m.2 NVMe PCIe Gen3 ได้ 2 แถว (Combo x 1, PCIe Only x 1)
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง จัดเต็มกว่าเดิม
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟสีแดงปรับได้ 3 ระดับ
- ใช้เน็ตเวิร์คที่รองรับ Killer Gaming LAN ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่แถมมาให้ในกล่องเลย
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่ใช่ขอบบางตามสมัยนิยม
- หน้าจอเป็น 120 Hz ปกติ พาเนล VA
- วัสดุเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ทัชแพดไม่ค่อยลื่น
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GL63-8SD ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
MSI GL63-8SD มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-8750H และการ์ดจอรุ่นล่าสุดอย่าง GTX 1660Ti ที่แน่นอนว่าสามารถเล่นเกมทุกเกมบนโลกนี้ได้เหลือๆ อีกทั้งยังรองรับเกมใหม่ๆ ที่มาทำตลาดแทนที่ GTX 1060 ทำให้รองรับเกมที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงปลดปล่อยความร้อนลง จากการที่ใช้เทคโนโลยีเดียว RTX Series ด้วย แถมตัวเครื่องรองรับการอัปเกรด SSD m.2 NVMe PCIe Gen3 ได้ถึง 2 แถว ความจุแรงๆ เหลือๆ (Combo x 1, PCIe Only x 1)