ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าวุ่นวายสำหรับคนใช้ Facebook จริงๆ ครับเพราะทาง facebook เอานั้นก็ได้รับสิทธิ์ในสิทธิบัตรที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของความไม่เป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอีกต่อไป ซึ่งสิทธิบัตรดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกว่า ‘Computer-vision content detection for sponsored stories’ โดยที่ข้อมูลในสิทธิบัตรนั้นก็ตรงกับหัวข้อของสิทธิบัตรทุกประการครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับส่วนที่ได้บอกเอาไว้ว่าทาง Facebook นั้นสามารถที่จะเอารูปภาพที่เราถือผลิตภัณฑ์หนึ่งไว้ เอาไปใช้เป็นภาพประกอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์นั้นๆ กับเพื่อนของเราได้ครับ
ตามตัวสิทธิบัตรนั้นทาง Facebook จะเขียนโปรแกรมหนึ่งขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้ในการตรวจจับภาพที่มีการแสดงให้เห็นของตัวผลิตภัณธ์ชัดมากพอที่จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นคืออะไร เมื่อทำการตรวจจับได้แล้วนั้นทาง Facebook จะนำเอาภาพดังกล่าวไปประกอบการโฆษณาของตัวผลิตภัณฑ์โดยภาพนั้นๆ จะแสดงให้เพื่อนและเครือข่ายของเพื่อนเราเห็นเท่านั้นซึ่งหลักการดังกล่าวนี้นั้นทาง Facebook ก็ได้บอกเอาไว้ในสิทธิบัตรครับ ว่าโฆษณาที่เห็นคนใกล้ตัวใช้อยู่นั้นจะสามารถกระตุ้นความอยากของเพื่อและเครื่อยข่ายเพื่อนของเราให้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้บ้างครับ
ยังไม่จบเพียงเท่านั้นนะครับเพราะในสิทธิบัตรได้มีการกล่าวถึงวิธีการที่ใช้ชื่อว่า ‘heat map’ ซึ่งด้วยวิธีการดังกล่าวนี้เองนั้นจะช่วยทำให้ทาง Facebook รู้ว่าคุณได้ซื้อผลิตภัณฑ์มาจากที่ไหน รวมไปถึงความถี่ในการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ของผู้ใช้ Facebook(ตามจำนวนภาพที่ได้มีการโพสลงไปหากพบว่ามีความถี่ในการโพสมากๆ นั่นหมายความว่าในการโฆษณานั้นทาง Facebook จะยังสามารถทำการบอกได้อีกว่าร้านที่คุณซื้อผลิตภัณฑ์นั้นมาใช้อยู่ในโซนใดเพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำมาใช้ในการโฆษณาสามารถหาจุดขายที่ใกล้ที่สุดได้ครับ
วิธีการโฆษณาดังกล่าวนั้นทาง Facebook ได้ให้ชื่อเอาไว้ว่า sponsored story ครับ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทาง Facebook ยังคงถือความเป็นส่วนตัวของเราเป็นหลักดังนั้นแล้วหากคุณไม่ได้เปิดการรับเพื่อนหรือรับเพื่อนในจำนวนน้อย โฆษณาที่ใช้รูปของคุณนั้นก็จะไม่กระจายมากไปกว่าเพื่อนและเครือข่ายเพื่อนของคุณครับ แต่ถ้าบัญชี Facebook ของคุณถูกตั้งไว้เป็นแบบสาธารณะนั่นหมายความว่าก็จะมีคนจำนวนมากขึ้นที่จะเห็นโฆษณาจากภาพของคุณครับ
จริงๆ แล้วนั้นก่อนหน้านี้ทาง Facebook ก็เคยมีขั้นตอนวิธีในการทำโฆษณาคล้ายๆ กับสิทธิบัตรนี้อยู่ โดยเจ้าขั้นตอนวิธีนี้นั้นจะมีชื่อว่า Rosetta ซึ่งมันสามารถที่จะอ่านและเข้าใจความหมายของข้อความที่อยู่ในรูปภาพได้ครับ ทว่าสำหรับ Rosetta เองแล้วนั้นทาง Google ได้พัฒนาขึ้นมาในการใช้งานตรวจจับคำหยาบหรือคำด่าที่อยู่บนรูปมากกว่าเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดการทะเลาะระหว่างผู้ใช้ขึ้นเนื่องจากไม่พอใจคำที่ถูกเขียนไว้บนรูปนั้นๆ ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าพึ่งตื่นตระหนกอะไรกันมากมายนะครับเพราะแนวความคิดดังกล่าวนี้นั้นยังคงอยู่ในรูปของสิทธิบัตรเท่านั้นซึ่งมันก็ยังไม่ชัดเจนว่า Facebook จะนำวิธีดังกล่าวนี้มาใช้จริงหรือและถ้ามีการใช้จริงๆ แล้ว Facebook จะเริ่มต้นเมื่อใดครับ
ที่มา : dailymail.co.uk