การเลือกซื้อ Gaming Notebook ซักเครื่องในตอนนี้บอกเลยครับว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ ส่วนด้วยกัน จากการที่เทคโนโลยีนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เราต้องมาดูกันว่า มีอะไรใหม่ๆ ที่จะเป็นมาตรฐานของโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่กันบ้าง โดยเมื่อเราทราบแล้วก็จะได้ซื้อหามาใช้งานกันได้อย่างทันสมัยและถูกใจไม่ตกยุค รวมไปถึงตอบสนองความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบและลงตัว ประเด็นคือ แล้วเราจะแยกความแตกต่างระหว่าง Gaming Notebook กับ Notebook ทั่วไป (เน้นทำงาน) อย่างไรกันดีล่ะ
ในบทความนี้ทีมงาน NBS ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังถึง 5 ความต่างระหว่าง Gaming Notebook กับ Notebook ทั่วไป เชื่อได้ว่าจะเป็นแนวทางในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คซักเครื่อง ให้ตรงกับลักษณะการใช้งาน หรือตอบโจทย์มากที่สุด เอาล่ะไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1. สเปกแรงด้วย CPU / GPU มี SSD เป็นมาตรฐาน
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ สำหรับด้านชิปประมวลผล (CPU) และการ์ดจอ (GPU) ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ Intel, AMD ที่แข่งขันกันเข้มข้นมาก ขยันส่งรุ่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Core i5-8300H / Core i7-8750H / Ryzen 3550H เป็นต้น สำคัญคือต้องเป็นซีรีส์ที่เน้นความแรงดูง่ายว่ามี H ต่อท้ายไหม ส่วน NVIDIA ก็นำเสนอการ์ดจอแยก GeForce RTX ที่เป็นรุ่นใหม่ออกมาอีก ซึ่ง RTX 2060 ขึ้นไปก็ถือว่าแรงเหลือเฟือ แต่สำหรับซีรีส์ GTX แม้อาจจะไม่ใหม่สด ก็ยังตอบสนองได้อยู่ แนะนำเป็น GTX 1060 ขึ้นไปก็จะดีมากๆ รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันได้ในระดับกลางๆ แน่นอน (ส่วน AMD รออัพเดทกันอีกที)
ส่วนถ้าเป็น Notebook ทั่วไป ทั้งเน้นทำงานเอกสารหรือเน้นพกพาบางเบาเป็นหลัก CPU ก็จะเป็นซีรีส์ U นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น Core i5-8265U / Core i7-8565U / Ryzen 5 2500U / Ryzen 7 2700U หรือต่ำกว่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าไม่แรงเพียงพอในการเล่นเกมนะ แต่ถ้าแนะนำก็ควรเป็นซีรีส์ H จะดีกว่า ส่วนการ์ดจอก็จะเป็นพวกออนบอร์ดไปเลย หรือ MX 150 / MX 250คือ เพียงพอต่อการใช้งานปกติ หรือเล่นเกมออนไลน์ก็พอได้บ้างนั่นเอง
อย่างไรก็ตามโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ จากนี้ ทำให้ประสิทธิภาพ ความแรง ทั้งในการทำงานไปไกลกว่าเดิม รวมไปถึงการเล่นเกมก็มีความลื่นไหลพร้อมภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น ที่สำคัญ SSD จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ว่าจะโน๊ตบุ๊คราคาถูกราคาแพง จะติดตั้ง SSD มาทั้งหมด แนะนำก็ควรเป็น SSD มารตรฐานอย่าง NVMe ด้วยนะ เพราะได้ความเร็วระดับ 3,xxx MB/s เลย ส่วนฮาร์ดดิสก์จานหมุนธรรมดาจะค่อยๆ หายไปจากโน๊ตบุ๊คในโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ จากนี้
2. หน้าจอ Full HD IPS ที่ 144Hz 3ms
เรียกได้ว่าในส่วนของเทคโนโลยีหน้าจอนั้นก็มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด พร้อมนำเสนอความต้องการแบบทันท่วงที จากการที่เราได้เห็นถึงโน๊ตบุ๊คช่วงปีที่ผ่านมา มีการใช้งานหน้าจอความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) ที่ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอเท่าไร ก็จะความละเอียด Full HD มาเป็นมาตรฐาน พร้อมด้วยพาเนลคุณภาพดีกว่าทั่วไปอย่าง IPS (in-plane switching) ซึ่งให้สีสันและมุมมองที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การซื้อ Gaming Notebook สเปกหน้าจอก็สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ควรเลือกเป็น Full HD พาเนล IPS หรือถ้าเทคโนโลยีอื่นๆ อย่าง 144Hz 3ms พร้อมชิป G-Sync หรือมีเทคโนโลยี FreeSync เพื่อการเล่นเกมเน้นๆ ก็ยิ่งดี ช่วยในเรื่องความลื่นไหลของการแสดงผลเร็วๆ ลดการฉีกขาด ส่งภาพไม่ทันนั่นเอง
แต่สำหรับ Notebook ทั่วไป ไม่มีความจำเป็นต้องมีหน้าจอระดับ 144Hz 3ms แต่อย่างใด เพราะไม่ได้ซื้อมาเพื่อเล่นเกมอยู่แล้ว โดยปกติก็จะเป็น 60Hz ที่รองรับการใช้งานได้แทบทุกอย่างอยู่แล้ว จริงๆ จะเล่นเกมก็พอได้อยู่ ยังไงก็ตามก็ควรเป็นพาเนล IPS อยู่ดี เพราะได้เรื่องของคุณภาพหน้าจอที่สูงสีสันสดใสสวยงาม มุมมองกว้าง รวมไปถึงต้องมาพร้อมกับมาตรฐานความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลขึ้นไป ซึ่งได้ของความละเอียดที่สูงมีพื้นที่ในการใช้งาน หรือถ้าเลือกเป็น 3K 4K ได้ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก แต่ต่างจาก Gaming Notebook อาจจะไม่เหมาะ เพราะกินทรัพยากรเครื่อง เว้นแต่ Gaming Notebook เครื่องนั้นจะสเปกการ์ดจอที่แรงมากๆ
3. ดีไซน์การออกแบบ มีเอกลักษณ์ ขอบจอบาง
โดยในส่วนของ Gaming Notebook หลากหลายรุ่นก็มีความโดดเด่นกว่า Notebook ทั่วไปอย่างชัดเจน หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องสีสันที่เน้นโทนดำ แซมด้วยโทนแดง ฟ้า เขียว ทอง ส้ม หรือขาว ตามแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป เรียกได้ว่าส่วนมากแล้วมองครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่เน้นเล่นเกมเป็นหลัก เว้นแต่บางรุ่นอาจจะตั้งใจออกแบบให้เรียบๆ หน่อยก็มีเหมือนกัน
ยกตัวอย่าง ASUS ROG Strix GL704 และ GL504 Scar II มีดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่นกว่าตรงที่ดีไซน์สวยงามดูดุดันและทนทาน ฝาหลังอะลูมิเนียมเรียบหรูออกแบบเป็นแนวทะแยงในโทนดำตัดกับสีเทาเข้ม ลักษณะลวดลายแบบปัดเสี้ยน ซึ่งมีแนวคิดเป็นเหมือนพื้นผิวอาวุธปืน ส่วนด้านในเป็นลายกราฟิกสไตล์ทหาร Camo แบบ 3D Printing 8 เลเยอร์ ที่นอกจากสวยงามแล้วยังทนทานรอยขีดข่วนด้วย
รวมถึงแม้จะเป็น Gaming Notebook หน้าจอมีขอบจอบางเฉียบ ทั้งขอบด้านข้างและด้านบน ทำให้ต้องย้ายกล้องเว็บแคมไปด้านล่างแทน ตัวเครื่องดูโดยรวมแล้วมิติเล็กลงทั้งหมด พร้อมทั้งมี Light Bar RGB เสริมความสวยงาม ส่วนโลโก้ด้านหลัง ROG ก็สามารถเปลี่ยนสีไฟ RGB ได้ด้วย อีกทั้งปุ่ม WASD มีความใสขาวสว่างแสดงไฟชัดขึ้น ทั้งหมดนี้สามารถปรับเปลี่ยนสีไฟผ่านระบบ Aura Sync ได้
4. ระบบระบายความร้อน ฟีเจอร์ล้ำๆ ไฟ RGB
ในส่วนของฟีเจอร์ล้ำๆ ก็สำคัญไม่แพ้กันด้วย สำหรับ Gaming Notebookซึ่งถ้ามีได้ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก อาทิไฟ RGB ทั้งตัวคีย์บอร์ดหรือรอบตัวๆ เหมาะสำหรับ Gamer ที่ชอบการปรับแต่ง เพราะบ่งบอกถึงภาพลักษณ์เราได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงระบบระบายความร้อนมีแบบพัดลม 2 ตัวขึ้นไป ที่เอาอยู่จากที่สเปกแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กำลังรอบที่สูงขึ้นดูดลมเย็นเป่าลมร้อน ระบบไล่ฝุ่นอัตโนมัติ หรือฮีทไปป์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ อีกทั้งเรื่องแบตเตอรี่ก็คงต้องเน้นย้ำว่าถ้าได้ 4 ชั่วโมงขึ้นไปถือว่าเยี่ยมยอดสำหรับ Gaming Notebook
นับได้ว่าเป็นส่วนที่แตกต่างจาก Notebook ทั่วไปชัดเจน เพราะ Notebook ปกตินั้น จะตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปเพราะไม่มีความจำเป็นมาก อย่างระบบระบายความร้อน เพราะสเปกมันไม่ได้แรงเหมือน Gaming Notebook จากการที่ใช้ชิปประมวลผลประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการ์ดจอแยกแรงๆ ก็ไม่มี หรือบางรึ่นมีแต่ก็ไม่ได้แรงที่จะเล่นเกมได้จริงๆ ส่งผลให้พัดลมตัวเดียวหรือฮีตไปป์เส้นบางๆ ก็เอาอยู่ หรือระบบไล่ฝุ่นไม่มีก็ไม่เป็นไรเลย
ส่วนไฟ RGB ทั้งคีย์บอร์ดหรือรอบตัวก็ไม่มีความจำเป็นขึ้นไปอีก ด้วยการที่ Notebook ทั่วไป เน้นใช้งานเป็นหลัก รวมไปถึงไฟ RGB ต่างๆ ก็ไม่เป็นที่ต้องการของคนทั่วไปที่ไม่ใช่ Gamer แน่นอน โดยส่วนมากมีเพียงไฟคีย์บอร์ด LED สีขาวให้พอสว่างในที่มือหรือแสงน้อยก็เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานแล้ว หรือในส่วนของคีย์บอร์ดก็จะเป็นแบบปกติไม่ต้องมีฟีเจอร์อย่างเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting ที่เน้นการกดหลายๆ ปุ่มหรือความทนทานมาก เพราะใช้งานไม่หนักหน่วงเท่า Gaming Notebook แน่นอน
5. ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่า
ถ้าให้พูดถึง Gaming Notebook เป็นสิ่งสุดท้าย พลาดไม่ได้เลยก็คือ ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปแล้ว ต้องมีความแรงที่คุ้มค่า ซึ่งเราไม่สามารถหาได้จาก Notebook ทั่วไป เพราะ Notebook บางรุ่นก็เน้นถูกจนไปเกิน แต่ก็ไม่ได้ให้ประสิทธิภาพความแรงในการเล่นเกมเลย หรือเรียกว่าเล่นไม่ได้เลยจะดีกว่า
ส่วนถ้าเป็น Notebook ที่เน้นความบางเบาอย่างที่สุดล่ะก็ ด้วยปัจจัยหลักทำให้ต้องเน้นพกพา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน ก็จะไม่สามารถใส่สเปกแรงๆ อย่างซีพียูตระกูล H หรือการ์ดจอระดับ GTX RTX มาได้อยู่ดี อีกทั้งถ้าตัวเครื่องบางแล้ว ระบบระบายความร้อนก็จะไม่รองรับอีก รวมไปถึง Notebook ไฮเอนด์ที่ให้ความสำคัญกับเครื่องวัสดุหรูหราหรือระบบความปลอดภัย ทำราคาสูงแต่ประสิทธิภาพในการเล่นเกมไม่สามารถทำได้ดีเลย
ส่งผลให้ Gaming Notebook เมื่อวัดกันในเรื่องของประสิทธิภาพต่อราคาที่จ่ายแล้ว เป็นสิ่งที่แตกต่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามก็จะมีพวก Gaming Notebook รุ่นระดับบนที่เน้นประสบการณ์ใช้งานอื่นๆ อย่างเช่นแรงด้วยแต่เบาด้วยเป็นต้น ก็ทำให้มีราคาสูงกกว่าปกติ แต่ยังไงก็คุ้มค่ากว่า Notebook ทั่วไปที่เน้นความบางเบาพรีเมียมแน่นอน อย่าง ASUS ROG Strix GL504 Scar II สเปก Core i5-8300H + RTX 2060 สเปกอื่นๆ ก็จัดเต็ม มีราคาเพียง 46,900 บาทเท่านั้น นับได้ว่าคุ้มค่าต่อการซื้อมาเล่นเกมมากๆ หรือถ้าจะเน้นคุ้มกว่านั้นตัดฟีเจอร์ต่างๆ ออกไป ASUS TUF Gaming FX505 ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เช่นกัน
แม้ว่าใครอาจจะไม่ซื้อมาเล่นเกมเลย แต่เน้นทำงานประมวลผลหนักๆ ตัดต่อวีดีโอ หรือทำงานกราฟิกอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด แบบที่ไม่ต้องการประกอบคอมที่ใช้เพียงที่บ้านที่ทำงานล่ะก็ Gaming Notebook ก็สามารถตอบสนองความต้องการได้คุ้มค่าสุดอยู่ดี (เว้นแต่งานระดับ Workstation นะ แต่นั่นงบก็ต้องถึง Notebook ประเภท Mobile Workstation ด้วยแหละ)