Acer Predator Triton 500 (2019) นี้เป็นการต่อยอดมาจาก Gaming Notebook รูปแบบ Thin & Light รุ่นพี่อย่าง Acer Predator Triton 700 เสริมด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง GeForce RTX 2060 ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพกับความสมจริงกว่าที่เคยมีมา โดยทำงานประสานกับชิปประมวลผล Intel Core i5-8300H ที่แรงพอตัว ทำให้สิทธิภาพตัวเครื่องเทียบกับ Deskto PC สบายๆ ภายใต้ตัวเครื่องที่เบา 2.1 กิโลกรัม และบางเฉียบเพียง 17.9 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าแรงเกินตัวไปเยอะจริงๆ
Acer Predator Triton 500 (2019) จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ แต่กลับมีความเล็กลงจากมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดจากการที่ขอบจอบาง (ใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″) ผนวกกับหน้าจอ IPS และอัตรารีเฟรชเรทที่สูงถึง 144Hz จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการมอบประสบการณ์ใหม่ๆในการเล่นเกมแบบเต็มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์ภายนอกก็ดูเรียบหรู วัสดุเป็นอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่องแซมด้วยสีฟ้า Predator ที่โดดเด่น สนนราคาที่ 59,990 บาท
Unbox Preview
VDO Review
Coming Soon
Specification
Acer Predator Triton 500 (2019) ที่จำหน่ายประเทศไทยตอนนี้มีเพียงอยู่สเปกเดียว มาพร้อมกับ CPU ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-8300H ความเร็ว 2.3 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.0 GHz การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) พร้อม Ram 16GB DDR4 Bus 2666 แบบ Single Channel ที่ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD m.2 แบบ PCIe ที่ความจุ 512GB จัดว่าให้สเปกมาเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปมากๆ แต่เหมาะสำหรับการเล่นเกมแบบสุดๆ
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพ IPS ตอบสนองที่ 144Hz 3ms แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Waves Maxx Audio ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 3 จำนวน 1 ช่อง, USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 พร้อม E3000 Ethernet Controller, Wireless-AC 1550 และ Killer Control Center 2.0 ของ Killerที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐาน
Acer Predator Triton 500 (2019) มี Windows 10 แท้พร้อมใช้งานทันที มีประกัน 3 ปี On-site Service หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง โดยสนนราคาอยู่ที่ 59,990 บาท ดูหน้าสเปกเต็มๆ
Hardware / Design
สำหรับ Acer Predator Triton 500 (2019) ใช้พื้นฐานเดียวกันมาจาก Acer Predator Triton 700 และ Acer Predator Helios 500 โดยถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่มีความเบาบาง ขอบจอบางที่ได้ความแรงไม่แพง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก
รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บางที่ 17.9 มิลลิเมตร (จัดว่าเป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ ที่บางเบาที่สุดในโลกรุ่นนึง) ทำให้ถือมือเดียวได้ หรือหยิบใส่กระเป๋าแบบสบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
ดีไซน์การของ Acer Predator Triton 500 (2019) มาพร้อมความสดใหม่ ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนสีดำอย่าง Obsidian black สลับกับสีฟ้าบางส่วนอย่างโลโก้และฟินระบายความร้อน พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบจากการใช้วิธีพ่นทราย ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ ผิวชิ้นงานเนียน และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปแบบรู้สึกได้ในครั้งแรก
ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator พร้อมกับความสามารถเปล่งแสงสีฟ้าได้ ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2019) รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย
ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2019) ถูกติดตั้งไว้มุมขวาบนสุดเรียบเนียนไปกับแป้นคีย์บอร์ด พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ลำโพงของ Waves Maxx Audio ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ ความบางตัวเครื่อง, ขอบจอบางเฉียบ, การ์ดจอ RTX 2060 ที่ Overclock ได้, พัดลม AeroBlade Gen 4, หน้าจอ 3ms และระบบ Killer DoubleShot Pro อีกด้วย
Acer Predator Triton 500 (2019) ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade Gen 4 ใช้พัดลม 3 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น
ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 2 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
โดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 500 (2019) อย่าง Turbo ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 3 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock
เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)
ที่สำคัญนอกจากตัวเครื่องที่บางเบากว่า Gaming Notebook ทั่วไปก็คือ หน้าจอมีขอบจอที่แคบมากๆ เรียกได้ว่าใช้พื้นที่กว่า 81.3% เป็นการแสดงผล ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ทั่วไป พกพาหยิบจับก็สะดวกสบาย ซึ่งโดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 500 (2019) ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 50,000 บาท + ก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงแต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 500 (2019) ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบบาง เพราะมีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไป แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่ถูกใจนัก ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าถ้ามีมันจะแน่นเกินไป ดูใช้งานไม่ได้จริงแถมยังไม่สวยงาม ทำให้ทาง Acer ตัดสินใจเลือกที่จะเน้นใช้งานแป้นคีย์บอร์ดหลักด้วยการไว้ตรงกึ่งกลางตัวเครื่องแทน
โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษ
ที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ 3 โซน เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย ไม่วั้นกดปุ่ม Turbo ไปแล้ว ก็จะไม่ทำงาน Turbo แต่อย่างใด
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี มีการตัดขอบเส้นสีเงินที่ขอบนอก เข้ากับตัวเครื่องโดยรวมเป็นอย่างดี
Screen / Speaker
Acer Predator Triton 500 (2019) มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD รองรับที่ความถี่ 144Hz 3ms ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดงได้สูงสุด 60Hz เท่านั้น (แต่เกมเองก็ต้องสามารถทำเฟรมเรทได้ด้วย) พร้อมใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เทพทำงานก็เยี่ยม
ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป เรียกได้ว่าได้รับแรงบันดานใจเต็มๆ มาจาก Acer Predator Triton 700 รุ่นพี่ก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Predator Triton 500 (2019) ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% Adobe RGB 71% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ ของ Acer Predator Triton 500 (2019) โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถวกลางล่างของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องแถวบนมุมซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงแค่ระดับ 8% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียง Acer Predator Triton 500 (2019) ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Waves Maxx Audio ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน สนับสนุน VR และ 3D เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
Connector / Thin And Weight
Acer Predator Triton 500 (2019) จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6 นิ้วซึ่งไซส์เล็กกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.1, 2 x USB Type-C (1 x Thunderbolt 3) , 1 x HDMI 1.4, 1 x miniDisplayPort 1.2, RJ45 (E3000 Ethernet Controller) และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย ส่วนพอร์ต USB สีฟ้าก็ดูเข้ากันกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
มี Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ac อย่าง Wireless-AC 1550 ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง จากทั้ง Thunderbolt 3, HDMI และ miniDisplayPort ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่าเดิมพอตัว
Performance / Software
Acer Predator Triton 500 (2019) มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i5-8300H (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2018 – 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ (เป็นรอง Core i7-8750H ประมาณนึง) ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.3 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ แต่ก็ไม่ Multi Task เท่ากับ Core i7-8750H ถ้าเทียบแล้วเรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16 GB DDR4 Bus 2666 แบบ 16GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Max-Q (8GB GDDR6) ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1080 แต่ด้วยเป็นรุ่น Max-Q จึงเน้นประหยัดพลังงาน โดยมีการลดความเร็วลง ทำให้ร้อนน้อยลง แต่ยังให้ประสิทธิภาพความแรงที่ดีอยู่
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD แบบ SATA3 ปกติ ก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3408MB/s และเขียนที่ 2848MB/s ซึ่งแรงเหลือเฟือในการใช้งานมากๆ เปิด Windows เปิดโปรแกรม โอนไฟล์ไปมาในเครื่อง ตัดต่อวีดีโอ รวดเร็วแน่นอน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,747 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกซึ่งสามารถ Overclock ได้ ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่า Gaming Notebook ทั่วไปที่ใช้ Core i7-8750H + RTX 2060 เสียอีก !!!
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดยเกม Battlefield V โดดเด่นด้วการรองรับเทคโนโลยี “Ray Tracing” ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหล แต่สวยสมจริงกว่าที่เคยมีมาอีกด้วย
ส่วนเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลียนอยู่ที่ 70 – 90 แต่ในส่วนของเกม PUBG มีเฟรมเรทไม่ต่ำไปกว่า 100 เลย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล สรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้เหนือชั้นเทียบเท่าพีซีประกอบแรงๆ เลย แถมหน้าจอยังเทพมากๆ อีกด้วย
โดยเทคโนโลยี RTX ray-tracing คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก RTX ray-tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี RTX ray-tracing นี้ด้วย
Acer Predator Triton 500 (2019) มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Predator Triton 500 (2019) เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Predator Triton 500 (2019) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 7 – 8 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 48 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 92– 95 องศาเซลเซียส ที่แม้ว่าดูค่อนข้างสูงแต่ก็ทำงานได้อย่างปกติดี ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 69 – 73 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ CoolerBoots เพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 – 6,600 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 3 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ Acer Predator Triton 500 (2019) แน่นอน
เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักแค่ 2.1 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 17.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ เลย แถมได้สเปคสุดแรง Intel Core i5 Gen 8 ล่าสุดกับ RTX 2060 บอกเลยสวยงามตามท้องเรื่อง ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพ และความสวยงามในเครื่องเดียว
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำขอบทอง ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นก่อนหน้านี้ที่จะเป็นสีดำแซมฟ้า โดย Acer Predator Triton 500 (2019) จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับที่ 144 Hz ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% คีย์บอร์ดแบบใหม่ที่ตัด Numpad ทิ้งแต่ก็ใช้งานสะดวกดี ลำโพงระบบเสียงจัดเต็ม ที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง ในการทดสอบจริงๆ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 4 ที่มีพัดลม 3 ตัว ฮีทไปป์ 4 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 ความจุ SSD 512GB m.2 NVMe ตัวแรงระดับ 3,000 + MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A x3, RJ45, HDMI, Mini-DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว เปลี่ยนเป็นแบบ microSD แทน โดยราคาของ Acer Predator Triton 500 (2019) สนนราคาที่ 59,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Service มาตรฐาน Acer ที่ทุกไว้ใจได้
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เบาๆ ซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในสเปกที่ใกล้เคียงกันบางแบรนด์สามารถทำได้ราคาได้ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือใครจะเอางบขนาดนี้ไปแยกซื้อโน๊ตบุ๊คกับคอมประกอบก็ไม่ว่ากัน ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับการทดสอบ บางส่วนถือว่าแรงกว่าโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่ใช้ Core i7-8750H + RTX 2060 เสียอีก
สรุปคือ เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น จอสวยเทพ 144Hz บางเบา ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด ทั้งทำงานและเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบาแต่แรงที่สุด Acer Predator Triton 500 (2019) คือคำตอบที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ใช้งานระดับ Desktop ตัวเทพ ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ แม้ว่าชิปประมวลผลจะเป็น Core i5 ที่เน้นไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป ซึ่งก็ได้การ์ดจอที่สามารถ Overclock ได้มาแทน เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูง แต่ประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ การออกแบบนั้น ได้ประสบการณ์ที่ดีแน่นอน
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บาง 17.9 มิลลิเมตร
- สเปคสูงด้วย Core i5-8300H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060 แรม 16GB
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ คุณภาพสูง พาเนล IPS 144Hz 3ms
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1, HDMI และ Mini DisplayPort 1.2
- อีกทั้งยังมาพร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง
- ระบบระบายความร้อน AeroBlade Gen 4 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟ 3 โซน มี Hotkey ใช้ได้จริง
- อแดปเตอร์จ่ายไฟ มีขนาดที่เล็กและเบากว่า เป็นภาระน้อยลงไปชัดเจน
- ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 8 ชั่วโมง
- ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ชิปประมวลผลเป็น Core i5-8300H เข้าใจว่าเพื่อควบคุมความร้อน
- พอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด SD Card Reader ถูกตัดออกไป
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 500 (2019) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
Acer Predator Triton 500 (2019) เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ 144Hz 3ms IPS , NVMe M.2, Killer Network, Thunderbolt 3 รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-8300H ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Desktop มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล เทียบกับ Gaming Notebook สเปก Core i7-8750H + RTX 2060 รุ่นนี้แรงกว่าเสียอีก
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ Acer Predator Triton 500 (2019) อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.1 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมถึงแบตอาจจะใช้งานได้ 8 ชั่วโมงจริงๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของ Gaming Notebook จอ 15.6″
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Predator Triton 500 (2019) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น เครื่องบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร ด้วยการใช้การตัดสีดำกับฟ้า รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
Unbox Preview
VDO Review
Coming Soon
Specification
Acer Predator Triton 500 (2019) ที่จำหน่ายประเทศไทยตอนนี้มีเพียงอยู่สเปกเดียว มาพร้อมกับ CPU ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-8300H ความเร็ว 2.3 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.0 GHz การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) พร้อม Ram 16GB DDR4 Bus 2666 แบบ Single Channel ที่ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD m.2 แบบ PCIe ที่ความจุ 512GB จัดว่าให้สเปกมาเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปมากๆ แต่เหมาะสำหรับการเล่นเกมแบบสุดๆ
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพ IPS ตอบสนองที่ 144Hz 3ms แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Waves Maxx Audio ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 3 จำนวน 1 ช่อง, USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 พร้อม E3000 Ethernet Controller, Wireless-AC 1550 และ Killer Control Center 2.0 ของ Killerที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐาน
Acer Predator Triton 500 (2019) มี Windows 10 แท้พร้อมใช้งานทันที มีประกัน 3 ปี On-site Service หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง โดยสนนราคาอยู่ที่ 59,990 บาท ดูหน้าสเปกเต็มๆ
Hardware / Design
สำหรับ Acer Predator Triton 500 (2019) ใช้พื้นฐานเดียวกันมาจาก Acer Predator Triton 700 และ Acer Predator Helios 500 โดยถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่มีความเบาบาง ขอบจอบางที่ได้ความแรงไม่แพง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก
รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บางที่ 17.9 มิลลิเมตร (จัดว่าเป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ ที่บางเบาที่สุดในโลกรุ่นนึง) ทำให้ถือมือเดียวได้ หรือหยิบใส่กระเป๋าแบบสบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
ดีไซน์การของ Acer Predator Triton 500 (2019) มาพร้อมความสดใหม่ ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนสีดำอย่าง Obsidian black สลับกับสีฟ้าบางส่วนอย่างโลโก้และฟินระบายความร้อน พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบจากการใช้วิธีพ่นทราย ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ ผิวชิ้นงานเนียน และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปแบบรู้สึกได้ในครั้งแรก
ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator พร้อมกับความสามารถเปล่งแสงสีฟ้าได้ ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2019) รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย
ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2019) ถูกติดตั้งไว้มุมขวาบนสุดเรียบเนียนไปกับแป้นคีย์บอร์ด พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ลำโพงของ Waves Maxx Audio ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ ความบางตัวเครื่อง, ขอบจอบางเฉียบ, การ์ดจอ RTX 2060 ที่ Overclock ได้, พัดลม AeroBlade Gen 4, หน้าจอ 3ms และระบบ Killer DoubleShot Pro อีกด้วย
Acer Predator Triton 500 (2019) ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade Gen 4 ใช้พัดลม 3 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น
ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 2 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
โดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 500 (2019) อย่าง Turbo ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 3 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock
เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)
ที่สำคัญนอกจากตัวเครื่องที่บางเบากว่า Gaming Notebook ทั่วไปก็คือ หน้าจอมีขอบจอที่แคบมากๆ เรียกได้ว่าใช้พื้นที่กว่า 81.3% เป็นการแสดงผล ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ทั่วไป พกพาหยิบจับก็สะดวกสบาย ซึ่งโดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 500 (2019) ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 50,000 บาท + ก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงแต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 500 (2019) ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบบาง เพราะมีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไป แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่ถูกใจนัก ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าถ้ามีมันจะแน่นเกินไป ดูใช้งานไม่ได้จริงแถมยังไม่สวยงาม ทำให้ทาง Acer ตัดสินใจเลือกที่จะเน้นใช้งานแป้นคีย์บอร์ดหลักด้วยการไว้ตรงกึ่งกลางตัวเครื่องแทน
โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษ
ที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ 3 โซน เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย ไม่วั้นกดปุ่ม Turbo ไปแล้ว ก็จะไม่ทำงาน Turbo แต่อย่างใด
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี มีการตัดขอบเส้นสีเงินที่ขอบนอก เข้ากับตัวเครื่องโดยรวมเป็นอย่างดี
Screen / Speaker
Acer Predator Triton 500 (2019) มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD รองรับที่ความถี่ 144Hz 3ms ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดงได้สูงสุด 60Hz เท่านั้น (แต่เกมเองก็ต้องสามารถทำเฟรมเรทได้ด้วย) พร้อมใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เทพทำงานก็เยี่ยม
ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป เรียกได้ว่าได้รับแรงบันดานใจเต็มๆ มาจาก Acer Predator Triton 700 รุ่นพี่ก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Predator Triton 500 (2019) ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% Adobe RGB 71% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ ของ Acer Predator Triton 500 (2019) โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถวกลางล่างของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องแถวบนมุมซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงแค่ระดับ 8% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียง Acer Predator Triton 500 (2019) ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Waves Maxx Audio ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน สนับสนุน VR และ 3D เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
Connector / Thin And Weight
Acer Predator Triton 500 (2019) จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6 นิ้วซึ่งไซส์เล็กกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.1, 2 x USB Type-C (1 x Thunderbolt 3) , 1 x HDMI 1.4, 1 x miniDisplayPort 1.2, RJ45 (E3000 Ethernet Controller) และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย ส่วนพอร์ต USB สีฟ้าก็ดูเข้ากันกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
มี Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ac อย่าง Wireless-AC 1550 ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง จากทั้ง Thunderbolt 3, HDMI และ miniDisplayPort ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่าเดิมพอตัว
Performance / Software
Acer Predator Triton 500 (2019) มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i5-8300H (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2018 – 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ (เป็นรอง Core i7-8750H ประมาณนึง) ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.3 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ แต่ก็ไม่ Multi Task เท่ากับ Core i7-8750H ถ้าเทียบแล้วเรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16 GB DDR4 Bus 2666 แบบ 16GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Max-Q (8GB GDDR6) ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1080 แต่ด้วยเป็นรุ่น Max-Q จึงเน้นประหยัดพลังงาน โดยมีการลดความเร็วลง ทำให้ร้อนน้อยลง แต่ยังให้ประสิทธิภาพความแรงที่ดีอยู่
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX 10 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD แบบ SATA3 ปกติ ก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3408MB/s และเขียนที่ 2848MB/s ซึ่งแรงเหลือเฟือในการใช้งานมากๆ เปิด Windows เปิดโปรแกรม โอนไฟล์ไปมาในเครื่อง ตัดต่อวีดีโอ รวดเร็วแน่นอน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,747 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกซึ่งสามารถ Overclock ได้ ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่า Gaming Notebook ทั่วไปที่ใช้ Core i7-8750H + RTX 2060 เสียอีก !!!
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดยเกม Battlefield V โดดเด่นด้วการรองรับเทคโนโลยี “Ray Tracing” ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหล แต่สวยสมจริงกว่าที่เคยมีมาอีกด้วย
ส่วนเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลียนอยู่ที่ 70 – 90 แต่ในส่วนของเกม PUBG มีเฟรมเรทไม่ต่ำไปกว่า 100 เลย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล สรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้เหนือชั้นเทียบเท่าพีซีประกอบแรงๆ เลย แถมหน้าจอยังเทพมากๆ อีกด้วย
โดยเทคโนโลยี RTX ray-tracing คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก RTX ray-tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี RTX ray-tracing นี้ด้วย
Acer Predator Triton 500 (2019) มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Predator Triton 500 (2019) เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Predator Triton 500 (2019) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 7 – 8 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 48 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 92– 95 องศาเซลเซียส ที่แม้ว่าดูค่อนข้างสูงแต่ก็ทำงานได้อย่างปกติดี ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 69 – 73 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ CoolerBoots เพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 – 6,600 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 3 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ Acer Predator Triton 500 (2019) แน่นอน
เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักแค่ 2.1 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 17.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ เลย แถมได้สเปคสุดแรง Intel Core i5 Gen 8 ล่าสุดกับ RTX 2060 บอกเลยสวยงามตามท้องเรื่อง ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพ และความสวยงามในเครื่องเดียว
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำขอบทอง ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นก่อนหน้านี้ที่จะเป็นสีดำแซมฟ้า โดย Acer Predator Triton 500 (2019) จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับที่ 144 Hz ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% คีย์บอร์ดแบบใหม่ที่ตัด Numpad ทิ้งแต่ก็ใช้งานสะดวกดี ลำโพงระบบเสียงจัดเต็ม ที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง ในการทดสอบจริงๆ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 4 ที่มีพัดลม 3 ตัว ฮีทไปป์ 4 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 ความจุ SSD 512GB m.2 NVMe ตัวแรงระดับ 3,000 + MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A x3, RJ45, HDMI, Mini-DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว เปลี่ยนเป็นแบบ microSD แทน โดยราคาของ Acer Predator Triton 500 (2019) สนนราคาที่ 59,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Service มาตรฐาน Acer ที่ทุกไว้ใจได้
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เบาๆ ซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในสเปกที่ใกล้เคียงกันบางแบรนด์สามารถทำได้ราคาได้ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือใครจะเอางบขนาดนี้ไปแยกซื้อโน๊ตบุ๊คกับคอมประกอบก็ไม่ว่ากัน ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับการทดสอบ บางส่วนถือว่าแรงกว่าโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่ใช้ Core i7-8750H + RTX 2060 เสียอีก
สรุปคือ เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น จอสวยเทพ 144Hz บางเบา ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด ทั้งทำงานและเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบาแต่แรงที่สุด Acer Predator Triton 500 (2019) คือคำตอบที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ใช้งานระดับ Desktop ตัวเทพ ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ แม้ว่าชิปประมวลผลจะเป็น Core i5 ที่เน้นไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป ซึ่งก็ได้การ์ดจอที่สามารถ Overclock ได้มาแทน เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูง แต่ประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ การออกแบบนั้น ได้ประสบการณ์ที่ดีแน่นอน
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บาง 17.9 มิลลิเมตร
- สเปคสูงด้วย Core i5-8300H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060 แรม 16GB
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ คุณภาพสูง พาเนล IPS 144Hz 3ms
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1, HDMI และ Mini DisplayPort 1.2
- อีกทั้งยังมาพร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง
- ระบบระบายความร้อน AeroBlade Gen 4 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟ 3 โซน มี Hotkey ใช้ได้จริง
- อแดปเตอร์จ่ายไฟ มีขนาดที่เล็กและเบากว่า เป็นภาระน้อยลงไปชัดเจน
- ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 8 ชั่วโมง
- ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ชิปประมวลผลเป็น Core i5-8300H เข้าใจว่าเพื่อควบคุมความร้อน
- พอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด SD Card Reader ถูกตัดออกไป
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 500 (2019) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
Acer Predator Triton 500 (2019) เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ 144Hz 3ms IPS , NVMe M.2, Killer Network, Thunderbolt 3 รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-8300H ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Desktop มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล เทียบกับ Gaming Notebook สเปก Core i7-8750H + RTX 2060 รุ่นนี้แรงกว่าเสียอีก
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ Acer Predator Triton 500 (2019) อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.1 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมถึงแบตอาจจะใช้งานได้ 8 ชั่วโมงจริงๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของ Gaming Notebook จอ 15.6″
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Predator Triton 500 (2019) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น เครื่องบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร ด้วยการใช้การตัดสีดำกับฟ้า รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน