สำหรับ WD Black ถือว่าเป็นอีกซีรีส์หนึ่งที่สร้างชื่อให้กับทาง WD มาช้านาน และ SSD ในตระกูล Black ก่อนหน้านี้ ก็เรียกได้ว่า เดินทางมายาวนาน ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนโมเดลสักที แต่ล่าสุด WD Black ก็ได้ฤกษ์ในการนำโมเดลของ SSD รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดในรูปแบบของ M.2 NVMe พร้อมกับการใช้คอนโทรเลอร์และ NAND Flash ที่ทันสมัยมาช่วยให้ผู้ใช้สามารถรีดประสิทธิภาพของระบบให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เหมือนกดไนตรัสกันเลยทีเดียว
WD Black SN750 เป็นหนึ่งในไลน์ของ SSD ระดับหัวแถวของทาง WD ที่เปิดตัวออกมาท่ามกลางคู่แข่งในท้องตลาดมากมาย แต่อยู่ในช่วงที่กระแสของ Gaming SSD กำลังเติบโต และหลายคนก็กำลังอัพเกรดหรือเปลี่ยนจาก HDD เดิมไปใช้ SSD กันมากขึ้น ซึ่งทาง WD ออกมา 4 โมเดลความจุด้วยกัน คือ 250GB, 500GB, 1TB และ 2TB ซึ่งความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ อัตราอ่านข้อมูล 3,470MB/s และเขียนข้อมูล 3,000MB/s ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น ซึ่งความเร็วที่ได้ มาจากอินเทอร์เฟสในการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen3 x4 ที่สามารถใช้กับเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยทาง WD เลือกใช้ 3D NAND 64-layer ตั้งแต่ในรุ่น 250GB ไปจนถึง 2TB เลยทีเดียว และมีค่า MTTF หรือ Mean Time To Failure อยู่ที่ราวๆ 1,750,000 ชั่วโมง ซึ่งถ้าเทียบกับ SSD ในระดับเดียวกัน นับว่าอยู่ในระดับต้นๆ สำหรับรุ่นที่ได้รับมาทดสอบนี้ เป็นรุ่น 250GB ในอินเทอร์เฟส M.2 NVMe ซึ่งน่าจะเป็น SSD ตัวแรกของคนที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คได้สบาย สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาทเท่านั้่น ส่วนใครที่อยากรู้ว่าเร็วแรงขึ้นแค่ไหน มาติดตามชมกันเลยครับ
Specification
- Interface: PCIe Gen3 8 Gb/s, up to 4 lanes
- Form Factor: M.2 2280
- Sequential Read/Write:
- 2TB: Up to 3,400 MB/s Read and Up to 2,900 MB/s Write
- 1TB: Up to 3,470 MB/s Read and Up to 3,000 MB/s Write
- 500GB: Up to 3,470 MB/s Read and Up to 2,600 MB/s Write
- 250GB: Up to 3,100 MB/s Read and Up to 1,600 MB/s Write
การออกแบบและประสิทธิภาพ
ทาง WD ออกแบบแพ็คเกจใหม่ สำหรับ SSD ที่ออกมาในช่วงหลังนี้ ซึ่ง WD Black SN750 นี้ก็เช่นกัน ใช้โทนสีดำ ในการระบุซีรีส์ชัดเจน ด้านหน้ามีภาพกราฟิกของโมดูล ส่วนด้านหลังมีช่องว่างเล็กๆ ให้เห็นตัว SSD
เมื่อแกะกล่องออกมาด้านในเป็นกล่องใส ที่มาพร้อมกับ SSD WD Black ไม่มีอุปกรณ์อื่นใดเสริมเข้ามา ซึ่งบางค่ายจะมีน็อตยึด SSD มาให้ด้วย
หน้าตาของ SN750 รุ่นที่ได้รับมานี้ความจุ 250GB ลาเบลด้านหน้าระบุชื่อรุ่นมาอย่างชัดเจน และติดทับโมดูลด้านหน้าทั้งหมด
การเชื่อมต่อเป็นแบบ M.2 NVMe ในการเชื่อมต่อเข้ากับเมนบอร์ดหรือโน๊ตบุ๊ค ในแบบ PCIe Gen3 x4
WD Black รุ่นนี้เป็นแบบ Single-side คือ บรรดาชิ้นส่วนอะไรต่างๆ ถูกติดตั้งมาในด้านเดียวทั้งหมด และยังมีอีกหนึ่ง SKUs ที่เพิ่มซิงก์ระบายความร้อนมาให้อีกด้วย
หน้าตาเรียกได้ว่าดุดันทีเดียว ในขนาดของ M.2 2280 เรียกว่าใช้ร่วมกับเมนบอร์ดและโน๊ตบุ๊คในปัจจุบันได้เกือบทุกรุ่น
การติดตั้งก็เป็นแบบ M.2 NVMe SSD ทั่วไป แต่อาจจะต้องดูคู่มือการติดตั้งของเมนบอร์ดประกอบด้วย เพราะเมนบอร์ดบางรุ่นที่มีสล็อต M.2 มากกว่า 1 สล็อต จะบอกว่าสล็อตใดใช้กับ NVMe หรือใช้กับ SATA
เมื่อติดตั้งลงไปบนเมนบอร์ด ก็ไขน็อตสำหรับยึดโมดูลให้เรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มใช้งานได้ทันที หลังจากที่บูตเครื่องเข้ามา
ระบบที่ใช้ในการทดสอบ
- AMD Ryzen 7 2700X
- ASRock B450M Steel Legend
- DDR4 2666 8GB
- SSD WD Black SN750 250GB
- SSD 480GB SATAIII
- GALAX GTX 1660 Ti
- FSP Hydro G 850W
สำหรับคนที่ติดตั้งลงในเครื่องคอมครั้งแรก ระบบจะต้องการให้เรายืนยันการใช้ SSD นี้เป็นแบบตัวบูตหรือใช้เป็นไดรฟ์อื่นๆ ให้เข้าไปที่ Disk Management เพื่อจัดการกับ SSD ในขั้นต้น
หลังจากที่ Format แล้ว ความจุที่ใช้ในการทำงานจะอยู่ที่ 232GB
ส่วนการตรวจเช็คจาก CrystalDiskInfo สามารถบอกรายละเอียดของ SSD ได้อย่างชัดเจน ทั้งอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อและฟีเจอร์ต่างๆ
WD Black SN750
UV500 480GB
ในการทดสอบ CrystalDiskMark ตัวเลขทะยานไปกว่า 3,000MB/s (Read) และกว่า 1500MB/s (Write) เมื่อเทียบกับ SSD SATAIII ที่เป็นฐานทดสอบของทีมงาน เห็นได้ชัดว่าต่างกันลิบลับ
WD Black SN750
UV500 480GB
การทดสอบบน AS SSD Benchmark ความเร็วใกล้เคียงกัน แตะอยู่ที่ 2,700MB/s (Read) และเกือบ 1,500MB/s (Write) ตัวเลขของ Write Data เมื่อเทียบกับ SSD SATAIII ที่เป็นฐานทดสอบ
WD Black SN750
UV500 480GB
การทดสอบบน AS SSD Benchmark ในส่วนของการ Copy-benchmark เรียกว่า ใครที่อยากเปลี่ยนจาก SSD SATAIII ลูกเดิม มาใช้เป็น M.2 NVMe ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
UV500 480GB
และการทดสอบ Anvil’s ก็ถือว่าทำได้อย่างสอดคล้องกับการทดสอบอื่นๆ ตัวเลขที่ได้ บอกชัดเจนว่า ใครที่จะเปลี่ยนจาก HDD หรือ SSD ในแบบเดิมๆ มาใช้ SN750 นี้ จะเห็นความแตกต่างอย่างแน่นอน
ตัวเลขที่ได้ในการทดสอบ Copy file 83GB จากไดรฟ์ SSD SATA ไปยัง SN750 ใช้เวลาประมาณ 3.25 นาทีเท่านั้น
Conclusion
หากดูกันที่ผลทดสอบ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ให้คุณตัดสินใจได้ว่า WD Black SN750 นี้ ตรงใจของคุณหรือยัง? ในเรื่องของราคา แม้จะดูว่าสูงกว่า SSD SATAIII อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคำนึงถึงการใช้งาน หรือจะให้ตอบความต้องการทั้งในด้านของเกมและการทำงาน เชื่อว่าความเร็วระดับนี้ น่าจะช่วยให้งานของคุณ โดยเฉพาะคนที่ใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง งานกราฟิก หรือวีดีโอ การดึง Footage มาใช้ในการตัดต่อ หรือแม้กระทั่งการเข้าสู่เกม และเล่นวีดีโอคั่นฉากภายในเกม จะรวดเร็วถูกใจ ถ้าในกรณีที่งบประมาณจำกัด อาจใช้ SN750 เป็นตัวหลัก แล้วหา HDD, SSD แบบประหยัดมาใช้สำรองข้อมูลในการดึงไฟล์ก็ได้ แต่ถ้างบประมาณเยอะขึ้นมา แล้วคุณเล่นเกม 2-3 เกมเป็นอย่างมาก แนะนำรุ่น 500GB ดูจะเหมาะสมมากที่สุด ก็คงต้องมองว่า คุณพร้อมสำหรับการใช้ SSD แล้วหรือยัง WD Black เป็นอีกรุ่นหนึ่ง ที่จะช่วยให้คอมตัวเดิมของคุณ กลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น
จุดเด่น
- ให้ความเร็วในการทำงานที่สูงกว่า SSD SATAIII ในปัจจุบันอยู่มากทีเดียว
- ตอบสนองทั้งในการเล่นเกมและใช้งานซอฟต์แวร์เฉพาะทาง
- ให้การโอนถ่ายไฟล์และ Copy file ได้อย่างรวดเร็ว
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่า SSD SATAIII พอสมควร
- ยังไม่ได้เป็นรุ่นที่มีซิงก์ระบายความร้อนมาด้วย
ราคา: ประมาณ 2,490 บาท