ก่อนหน้านี้ผมเคยรีวิวอะแดปเตอร์ Innergie ที่หน้าตาคล้าย ๆ กับ PowerGear 65U ไปแล้ว ตัวนั้นจะเป็น PowerGear 60C โดยความแตกต่างของ 60C กับ PowerGear 65U ก็คือเรื่องพอร์ตที่รองรับต่างกันครับ
PowerGear 65U ออกแบบมาสำหรับโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป ที่ไม่ได้ชาร์จผ่าน USB-C แต่อยากได้อะแดปเตอร์ตัวเล็ก ๆ พกพาสะดวก ซึ่งรุ่นนี้ก็เล็กจริง เพราะขนาดตัวมันพอ ๆ กับอะแดปเตอร์ 5W ของ iPhone 2 ตัวต่อกัน แต่กำลังไฟเนี่ยเทียบเท่าอะแดปเตอร์ Notebook เลยล่ะ
สำหรับ PowerGear 65Uมีด้วยกัน 2รุ่นย่อย ได้แก่หัวปลั๊กแบบ US เปลี่ยนไม่ได้ กับหัวปลั๊กเปลี่ยนได้ในรุ่น International Version สนนราคา 2,190 บาท (US) และ 2,590 บาท (int’l)
การดีไซน์ก็เช่นเดียวกับ PowerGear 60C ครับ ใช้วัสดุแบบเดียวกันนั่นก็คือ Polycarbornateที่ทนความร้อน ไม่นำไฟฟ้า และทนต่อการกระแทก จึงมั่นใจได้เลยว่าแม้อะแดปเตอร์จะตัวเล็ก และปล่อยความร้อนออกมาระหว่างชาร์จพอสมควร แต่ก็ไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
สาเหตุที่อะแดปเตอร์ปล่อยความร้อนออกมานั่นก็เพราะขนาดตัวที่เล็กมาก แต่ต้องจ่ายไฟถึง 65W จึงมีความร้อนออกมาในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่วัสดุเป็น Polycarbonate จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากความร้อน รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากไฟฟ้าด้วย เพราะตัวนี้มาพร้อม InnerShieldที่ป้องกัน 5 อันตรายจากไฟฟ้า
- ป้องกันกระแสไฟเกิน – ปกป้องตัวนำของวงจร และช่วยให้อุปกรณ์ปลอดภัยจากพลังงานที่ผิดปกติหรือเป็นอันตราย เนื่องจากการไหลของกระแสไฟที่สูง
- ป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูงเกิน – ปกป้องชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไม่ให้ทำงานผิดปกติ หรือเสียหายเนื่องจากแรงดันไฟฟ้าสูงเกิน
- ป้องกันอุณหภูมิสูงเกิน – ปกป้องอุปกรณ์จากความร้อนขึ้นเกินขีดจำกัด
- ป้องกันพลังงานเกิน – ปกป้องอุปกรณ์จากการได้รับพลังงานมากเกินกว่าที่กำหนด
- ป้องกันการลัดวงจร – ปกป้องอุปกรณ์จากความเสียหายเนื่องจากการลัดวงจรและความร้อนสูงเกินไป ซึ่งสามารถนำไปสู่เหตุการณ์ไฟไหม้หรือการระเบิด
พอร์ตของตัว PowerGear 65U จะเป็นพอร์ตเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่อกับสายแบบพิเศษ ที่สามารถเปลี่ยนหัวปลั๊กให้เหมาะสมกับ Notebook ยี่ห้อต่าง ๆ และในแพ็กเกจจะมีหัวต่อมาให้ 6 แบบ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีหัวต่อสำหรับ Notebook ที่เรามี ก็สามารถขอหัวต่อได้ฟรีตลอดอายุการใช้งาน ผ่านโปรแกรม Free-Tip ของทาง Innergie ครับ
ในการทดสอบ ผมทดสอบ PowerGear 65U ร่วมกับ Lenovo Yoga รุ่นเก่า ที่พอร์ตเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งมีหัวต่อมาให้ในแพ็กเกจ สามารถใช้งานร่วมกันได้เป็นอย่างดี การจ่ายไฟทำได้เท่าอะแดปเตอร์ของเดิม ไม่มีแจ้งเตือนว่าไฟไม่พอ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือขนาดของอะแดปเตอร์เล็กลงมาก แล้วก็ทำให้การใช้งานนอกสถานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น
ทำไมผมถึงบอกว่าทำให้การใช้งานนอกสถานที่สะดวกมากขึ้น นั่นก็เพราะการดีไซน์ออกมาให้จับถือได้สะดวก ลักษณะการใช้งานจะเหมือนกับอะแดปเตอร์มือถือ คือเสียบอะแดปเตอร์เข้ากับเต้าเสียบ แล้วก็เสียบสายชาร์จเข้ากับตัวโน๊ตบุ๊ค เหมาะมากเวลาเอาไปใช้งานที่ร้านกาแฟ หรือจะใช้บนโต๊ะทำงานก็เป็นเหมือนอุปกรณ์ตกแต่งโต๊ะได้เลย แตกต่างจากอะแดปเตอร์ที่หม้อแปลงอยู่ระหว่างสาย AC กับพอร์ตชาร์จ เวลาไปใช้งานตามร้านกาแฟ หรือ Co-Working Space มันจะหาที่วางยาก แล้วก็สายไฟรุงรังทีเดียว
ส่วนโน๊ตบุ๊ครุ่นที่รองรับมีวิธีการดูง่าย ๆ ครับ ให้เทียบกับอะแดปเตอร์ของเดิม หากของเดิมจ่ายไฟน้อยกว่า หรือเท่ากับ 65W ก็สามารถใช้ PowerGear 65U ได้เลย ส่วนมากจะเป็นบรรดา UltraBook หรือพวกโน๊ตบุ๊คแบบ 2 in 1 หรือพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นการ์ดจอ On-Board
จุดเด่นอีกอย่างของ PowerGear 65U คือความเข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ของทาง Innergieครับ ไม่ว่าจะเป็น LifeHub Plus ที่เป็นฮับชาร์จ3 พอร์ต USB-A เอาไว้ชาร์จโทรศัพท์มือถือพร้อมกันหลายเครื่อง หรือจะเป็น Innergie 18W พอร์ตชาร์จแยกที่เป็น USB-C เอาไว้กรณีที่ไปทำงานนอกสถานที่ ปลั๊กมีจำกัด ก็สามารถชาร์จได้ทั้ง Notebookและสมาร์ทโฟนแบบชาร์จเร็ว
ภาพรวมของ PowerGear 65U ผมว่ามันเหมาะกับ Ultrabook ที่ยังไม่ใช้พอร์ตชาร์จ USB-C ครับ เพราะทำให้การพกพาโน๊ตบุ๊คไปทำงานนอกสถานที่สะดวกสบายมากขึ้น ตัวอะแดปเตอร์หนักไม่ถึง 100 กรัม (85 กรัม) ขนาดเล็กไม่กินพื้นที่กระเป๋า แถมยังใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Innergieได้อีก
ส่วนเรื่องราคา PowerGear 65U สนนราคา 2,190 บาท (US) และ 2,590 บาท (int’l) อาจมีราคาสูงกว่าอะแดปเตอร์ทั่วไปตามท้องตลาดสักหน่อย แต่ถ้าเทียบเรื่องฟีเจอร์การใช้งานจริงแล้ว ผมว่า PowerGear 65U ทำได้ดีสมราคาครับ แล้วก็รุ่นนี้ประกัน 3 ปี เสียเปลี่ยนชิ้นใหม่ให้เลย ไม่มีซ่อมด้วยนะ
เพื่อน ๆ ที่สนใจ PowerGear 65U สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของทางInnergie หรือช่องทาง Online ใน Lazadaได้เลยครับ