ในประเทศจีนนั้นเชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะทราบกันดีครับว่าทางรัฐบาลของประเทศจีนนั้นมีการออกกฎหมายบีบบังคับประชาชนในหลายๆ เรื่อง สิ่งหนึ่งที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ก็คือระบบเครดิตสังคมซึ่งเป็นระบบที่นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ มาติดตามพฤติกรรมของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทางด้านการจดจำใบหน้าหรือ AI เป็นต้นเพื่อที่จะทำการประเมินและให้คะแนนเครดิตของประชาชนซึ่งจะว่าไปก็คล้ายๆ กับระบบคะแนนของผู้ขับรถในบ้านเราที่เมื่อคะแนนลดลงแล้วจะถูกจำกัดสิทธิ์อะไรหลายๆ อย่างทว่าในประเทศจีนนั้นโหดกว่าบ้านเรามากครับ
ในประเทศจีนนั้นผู้มีอำนาจเริ่มทดสอบการใช้งานระบบเครดิตสังคมในปี 2014 ที่ผ่านมาครับ โดยในการใช้งานระบบดังกล่าวนั้นได้เริ่มต้นทำการทดสอบจากเมืองที่มีประชากรมากๆ และขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ แน่นอนครับว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนก็ได้มีการต่อต้านออกมาอย่างหนักพอดูครับ เนื่องจากว่าระบบเครดิตสังคมของทางประเทศจีนนั้นมีการลงโทษผู้ที่ถูกลดคะแนนโหดมากอย่างเช่น
- ตัดสิทธิ์การซื้อตั๋วเครื่องบินโดยมีผู้ที่โดนแล้วกว่า 17.5 ล้านรายด้วยความผิดที่ว่าเวลานำสัตว์เลี้ยงออกจากบ้านแล้วไม่ใส่สายจูง
- ตัดสิทธิ์การซื้อตั๋วรถไฟโดยมีผู้ที่โดนแล้วกว่า 5.5 ล้านราย
- โดนสั่งห้ามออกจากประเทศจีนเนื่องจากไม่จ่ายภาษีโดนไปแล้ว 128 ราย
ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นการที่รัฐบาลใช้ระบบเครดิตสังคมนั้นก็เพื่อที่จะทำการปรับปรุงนิสัยให้กับประชากรครับ ทว่าในหลายๆ อย่างนั้นก็เป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดโดยมีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจจับตามที่ได้บอกไปข้างต้นแล้ว ถึงแม้ว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนจะออกมาต่อต้านการใช้ระบบเครดิตสังคมนี้ทว่าทางรัฐบาลจีนเองก็ไม่สนใจแต่อย่างใดครับ โดยทางรัฐบาลจีนนั้นได้แถลงการเอาไว้ว่าในปี 2020 ที่จะถึงนี้นั้นระบบเครดิตสังคมจะถูกประกาศใช้ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการครับ งานนี้นั้นก็สงสารประชาชนชาวจีนครับเพราะนั่นหมายถึงเมื่อพวกเขาออกจากบ้านแล้วนั้นก็จะถูกติดตามจากรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา ถ้าประเทศไทยเรามีระบบแบบนี้บ้างเพื่อนๆ มีความคิดเห็นเช่นไรครับ
ที่มา : thesun