เป็นที่ทราบกันดีครับว่าในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น Huawei เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มาแรงแซงโค้งแบบมากๆ เลยทีเดียว แถมในปี 2019 ที่ผ่านมาได้เดือนกว่าๆ นี้นั้นแน้วโน้มยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนของทาง Huawei เองนั้นก็ไม่ได้ลดลงไปจากเดิมด้วย หนำซ้ำแล้วจะมีแต่ขึ้นเอาๆ ด้วยซ้ำไป สาเหตุหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการเปิดตัวและวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในระดับพรีเมียมหลายรุ่นที่ราคานั้นไม่สูงมากจนเกินไปแถมฟีเจอร์นั้นเรียกได้ว่าเป็นการมาแบบก้าวกระโดดที่ใครๆ เห็นก็ต้องชอบล่ะครับ
ตามรายงานของ Financial Times ก่อนหน้านี้นั้นได้มีการยืนยันออกมาครับว่าสมาร์ทโฟนของทาง Huawei นั้นสามารถที่จะสร้างปรากฎการณ์ความอยากได้ของเหล่าผู้บริโภคให้เกิดความอยากได้สมาร์ทโฟนของทาง Huawei มากถึง 33% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากภายในระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น จุดหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นจากคำบอกเล่าของผู้ขายสมาร์ทโฟนนั้นก็มาจากการที่ CFO ของ Huawei อย่าง Meng Wanzhou ได้ทำให้สมาร์ทโฟนของ Huawei กลายเป็นสัญลักษณ์ของการรักชาติสำหรับประเทศจีนครับ
แน่นอนครับว่าเรื่องดังกล่าวนี้ไม่สามารถที่จะปฎิเสธได้ครับว่ามันก็เป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนของทาง Huawei นั้นสูงมากขึ้น เช่นเดียวกันกับอย่างที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาที่เครื่องหมาย “Made in the USA” เคยมีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อของผู้บริโภคเป้นอย่างมาก ทว่ามันก็เป้นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้นั้นก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้กับในยุคปัจจุบันที่ทางจีนและสหรัฐอเมริกามีการทำส่งครามเรื่องการค้าขายกันอยู่แบบนี้ครับ
คุณ Kiranjeet Kaur ผู้จัดการด้านการวิจัยอาวุโสของทาง IDC ได้ออกมาบอกครับว่าการสร้างผลิตภัณฑ์โดยใช้ความเป็นชาตินิยมนั้นมักจะอยู่ในตลาดได้ไม่นานมากพอ ดังนั้นแล้วสิ่งที่ Huawei สร้างนั้นไม่ได้มาจากคำพูดที่ใช้ปลุกกระแสในการรักษชาติเท่านั้นเพราะต้องยอมรับครับว่าสมาร์ทโฟนของ Huawei เองนั้นอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้คนชาติไหนๆ ต่างก็เกิดความอยากได้ในในตัวสมาร์ทโฟนของทาง Huawei เองด้วยทั้งนั้นครับ
ทางคุณ Mo Jia นักวิเคราะห์จาก Canalys ในเซี่ยงไฮ้ได้ออกมาเผยนครับว่าสิ่งที่ทำให้ Huawei สามารถที่จะกุมใจผู้ใช้ในประเทศจีนได้เป็นอย่างดีนั้นก็คือเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เทียบได้กับผู้ผลิตจากฝั่งตะวันตก(ซึ่งในบางนวัตกรรมนั้นทาง Huawei เองก็เป็นผู้นำด้วยซ้ำ) แน่นอนว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมของทาง Huawei นี้เองนั้นทำให้ผู้ใช้ในประเทศจีนสามารถที่จะละความสนใจจากสมาร์ทโฟนได้ทั้งจาก Apple และ Samsung ได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ ครับไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพที่อยู่ในระดับท๊อป, อายุการใช้งานแบตเตอรี่ รวมไปถึงประสิทธิภาพของชิปเซ็ท Kirin ที่เพียงแค่ไม่กี่ปีก็ติดระดับท๊อปได้แบบชิวๆ ครับ
จากผลการสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีนของ canalys นั้นพบว่าในปี 2018 ที่ผ่านมานั้นทาง Huawei สามารถที่จะทำยอดส่วนแบ่งในตลาดจีนได้ถึง 27% คิดเป็นยอดการเติบโตต่อหน่วยสูงถึง 16% จากปี 2017 ครับ(ที่ไม่เท่ากับ 7% นั้นก็เนื่องมาจากว่ายอดการจำหน่ายแบบคิดเป็นหน่วยนั้นลดลง 14% จากเดิมที่ 459 ล้านหน่วยมาอยู่ที่ 396 ล้านหน่วยในปี 2018 ครับ) ไม่เพียงแค่ canylys เท่านั้นนะครับเพราะผลการวิเคราะห์ตลาดในประเทศจีนของ IDC เองนั้นก็มีทิศทางไปในแนวเดียวกันครับ
สิ่งที่ทำให้ Apple ไม่สามารถสู้กับ Huawei ในประเทศจีนได้นั้น ณ ปัจจุบันนักวิเคราะห์มากมายต่างก็ออกมาให้ความเห็นตรงกันครับคือ Apple เองนั้นไม่มีการเผยนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรออกมาเท่าไรนัก หรือถ้ามีผู้ใช้ก็สามารถหานวัตกรรมแบบเดียวกันได้จากผู้ผลิตรายอื่นๆ ในขณะที่ราคาของตัวเครื่องนั้นถูกกว่าของทาง Apple อีกด้วย งานนี้นั้นเรียกได้ว่าทาง Apple เองนั้นก็ต้องรับงานหนักมากขึ้นครับ สิ่งหนึ่งที่ทาง Apple จะต้องรีบปรับปรุงถ้ายังอยากทำให้ยอดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศสูงมากขึ้นก็คือเรื่องของราคาตัวเครื่องนี่ล่ะครับ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้นั้นในท้ายที่สุดนักวิเคราะห์ยังได้บอกเอาไว้อีกครับว่าไม่เพียงเฉพาะตลาดประเทศจีนเท่านั้นแต่ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกนั้นก็ยังคงมีทิศทางไปในแนวเดียวกันโดยจากผลที่ทาง Apple กำหนดราคาของ iPhone ไว้สูงมากจนเกินไปทำให้ผู้ใช้ต่างพากันหาทางออกสู่ยี้่ห้ออื่นๆ ซึ่งหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในปี 2019 นี้นั้นทาง Huawei คงสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้มีส่วนแบ่งในตลาดอำดับที่ 2 แทน Apple ได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรนัก ส่วนทาง Samsung เองนั้นหากยังคงเป็นเช่นนี้อยู่นั้นก็มีสิทธิ์จะเสียอันดับที่ 1 ได้เหมือนกันครับ
ที่มา : theverge