ตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้นั้นทาง MSI ได้มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กับการเปลี่ยนตัว CEO เป็นคุณ Charles Chiang ครับ และเมื่อไม่นานมานี้นั้นคุณ Charles Chiang ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง tom’s hardware เอาไว้เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของเขา วันนี้เราจึงขอสรุปรวมแนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินงานของคุณ Charles Chiang มาให้สาวก MSI ได้ดูกันเอาไว้ครับว่าในอนาคตนั้น MSI จะมีแนวทางไปในทิศทางใด
- เรื่องแรกนั้นก็คือเรื่องของหน่วยประมวลผลของทาง Intel ครับ เป็นที่ทราบกันดีครับว่าในปีที่ผ่านมานั้นทาง Intel มีปัญหากับกระบวนการผลิตที่ระดับ 10 nm จนทำให้การเปิดตัวหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่นั้นมีปัญหา ปัญหาดังกล่าวนี้นั้นขยายไปยังผู้ผลิตรายที่ 3 ด้วยส่วนหนึ่งเนื่องจากว่าผู้ซื้อนั้นก็ต้องการของใหม่ครับ ทว่าสิ่งที่คุณ Charles Chiang พูดเอาไว้นั้นน่าสนใจครับเพราะเขาคิดว่าการล่าช้าของทาง Intel นั้นไม่ค่อยที่จะส่งผลมากเท่าไรนักเนื่องจากว่าหน่วยประมวลผลรุ่นปรับปรุงที่ออกมาในปี 2018 นั้นก็ยังมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่และทาง Intel ก็ส่งหน่วยประมวลผลให้กับทาง MSI มากพอตามที่ทาง MSI ต้องการครับ
- ยังคงอยู่กับเรื่องปัญหาของการผลิตหน่วยประมวลผลที่ช้ากว่ากำหนดครับ แต่ครั้งนี้นั้นจะเป็นการพูดถึงเมนบอร์ดของทาง MSI ที่รองรับหน่วยประมวลผลของทาง Intel ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับทาง MSI เนื่องจากว่าเมื่อผู้บริโภคไม่สามารถที่จะซื้อ(หรือเตรียมเปลี่ยน) หน่วยประมวลผลใหม่ได้ตามที่หวังไว้ แน่นอนครับว่าผู้บริโภคย่อมที่จะคงยังไม่มีการซื้อเมนบอร์ดใหม่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนบอร์ดที่ใช้ชิปเซ็ท Z390 ใหม่นั้นได้ผลิตออกมาแล้วแต่เมื่อหน่วยประมวลผลใหม่ของทาง Intel ยังไม่ออกก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีใครสนใจซื้อเมนบอร์ดใหม่ไปด้วยนี่นเองครับ
- ด้วยผลกระทบในส่วนของการผลิตหน่วยประมวลผลที่ระดับ 10 nm ของทาง Intel ล่าช้า คุณ Charles Chiang ได้ให้ความเห็นว่าหาก Intel แก้ไขได้สำเร็จอัตราการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องน่าจะกลับมาดีมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้นั้นน่าจะเห็นการจับจ่ายที่เยอะมากขึ้นเป็นพิเศษถ้าหากว่าทาง Intel ไม่มีการเลื่อนออกไปอีกครับ
- ในส่วนของทางด้าน AMD นั้นทางคุณ Charles Chiang ได้บอกเอาไว้ครับว่าเป็นที่ทราบกันว่า Ryzen ของทาง AMD นั้นสามารถที่จะทำยอดส่วนแบ่งในตลาดได้มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าทาง MSI เองก็ได้รับผลดีดังกล่าวไปด้วยเช่นเดียวกันโดยยอดการจำหน่ายของเมนบอร์ดที่รองรับ Ryzen ของทาง MSI นั้นดีมากขึ้นจนเห็นได้อย่างชัดเจนครับ
กลับมาดูกันที่คำถามที่น่าสนใจครับกับคำถามที่ว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้เห็นเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งแบบตั้งโต๊ะและโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน่วยประมวลผลของทาง AMD ของ MSI สักที คุณ Charles Chiang ได้ให้เหตุผลที่น่าสนใจไว้ 3 ข้อดังต่อไปนี้ครับ
- การทดลอง : คุณ Charles Chiang บอกเอาไว้ว่าเมื่อเทียบกับขู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดแล้วนั้น MSI ถือว่าเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็กกว่าครับ แน่นอนว่าทรัพยากรที่จะนำมาใช้ในส่วนของการทดลองทดสอบประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มใหม่ๆ นั้นย่อมไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด ดังนั้นแล้วทาง MSI เองจึงยังไม่กล้าที่จะเปลี่ยนหรือออกแพลตฟอร์มใหม่ออกมาอย่างเต็มตัวโดยที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบเป็นอย่างดีก่อน ที่หนักไปกว่านั้นก็คือทางคุณ Charles Chiang คิดว่าผลิตภัณฑ์เก่าของทาง MSI เองก็มีปผัญหาเรื่องความซับซ้อนกันในตัวเองอยู่แล้วดังนั้นถ้าหากทาง MSI เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาพร้อมกับแพลตฟอร์มของทาง AMD นั่นอาจจะก่อให้เกิดความซับซ้อนต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นครับ
- เคยพบกับประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก่อน : นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยครับเพราะทาง MSI นั้นเคยใช้หน่วยประมวลผลของทาง AMD กับผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาก่อนหน้านี้แล้วอย่างเช่น AMD A10 ที่อยู่บน MSI GX60 ในปี 2012 ซึ่งทางคุณ Charles Chiang ได้บอกเอาไว้ว่าหน่วยประมวลผลที่ใช้ตอนนั้นไม่มีประสิทธิภาพที่ดีแถมทาง AMD เองก็ยังให้การสนับสนุนได้ไม่เต็มที่อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเคยเจ็บมาก่อนแล้วแบบนี้ก็เลยยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเสี่ยงอีกครั้งครับ
- ความสัมพันธ์กับทาง Intel : ในเหตุผลข้อสุดท้ายนั้นคุณ Charles Chiang ได้บอกเอาไว้ครับว่า Intel เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับคู่ค้าเป็นอย่างมาก นอกเหนือไปจากนั้นแล้วการให้การสนับสนุนต่างๆ ก็อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม ดังนั้นด้วยความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้เองนั้นจึงทำให้ทาง MSI ตัดสินใจลำบากที่จะออกผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลของทาง AMD เพราะไม่รู้ว่าจะบอกกับทาง Intel อย่างไรดี ทว่าทาง MSI นั้นก็ไม่ได้ปิดโอกาส AMD ไปซะหมดนะครับเพราะคุณ Charles Chiang ได้กล่าวเอาไว้ครับว่าถ้าหากการให้การสนับสนุนคู่ค้าของทาง AMD ดีกว่าที่เคยเป็นมาล่ะก็ ทาง MSI เองนั้นก็พร้อมที่จะลองออกผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลของทาง AMD เช่นเดียวกันครับ
ตามมาติดๆ กับปัญหาระดับโลกอย่างเรื่องภาษีศุลกากรที่ท่านประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอย่างคุณ Trump นั้นได้ปรับสูงมากขึ้นหากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีส่วนประกอบที่มาจากประเทศจีนไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบใดส่วนประกอบหนึ่งครับ จุดนี้นั้นเลยเป็นผลทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ของทาง MSI ในสหรัฐอเมริกานั้นสูงขึ้นโดยที่ทางคุณ Charles Chiang นั้นมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวดังต่อไปนี้ครับ
- คุณ Charles Chiang ค่อนข้างจะเปิดเผยกับเรื่องดังกล่าวนี้มากเลยครับ เขายอมรับเลยว่าผลิตภัณฑ์ของทาง MSI ที่ส่งไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้นมีการปรับราคา 5 – 10 % โดยประมาณ(แล้วแต่ผลิตภัณฑ์) ทว่าคุณ Charles Chiang ก็เชื่อครับว่าผู้บริโภคที่อย่างน้อย 2 – 3 ปีจึงจะเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องใหม่นั้นน่าจะไม่เห็นความแตกต่างของการขึ้นราคานี้
- กลับกันแล้วนั้นกับส่วนของบริษัทใหญ่ๆ ที่มีการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบตั้งโต๊ะหรือว่าโน๊ตบุ๊คในทุกๆ ปีนั้น บริษัทดังกล่าวย่อมสังเกตเห็นถึงการขึ้นราคาอันเนื่องมาจากภาษีอย่างแน่นอน
- สำหรับร้านค้าปลีกที่รับผลิตภัณฑ์ของทาง MSI ไปจำหน่ายนั้นจะรู้สึกถึงผลกระทบจากการขึ้นราคาโดยตรงและทันทีทันใดเลยครับเพราะลูกค้าในกลุ่มนี้นั้นจะซื้อสินค้าจากทาง MSI ค่อนข้างที่จะบ่อยแถมปริมาณที่ซื้อต่อครั้งนั้นก็จะค่อนข้างไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นลูกค้าในกลุ่มนี้นั้นจะเจอกับผลกระทบดังกล่าวเต็มๆ เลยครับ
- บางบริษัทนั้นมีการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวด้วยการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังเวียดนาม, ไทยหรือไต้หวัน ทว่าทาง MSI เองนั้นยังคงไม่มีนโยบายที่จะย้ายฐานการผลิตออกมาจากประเทศจีนเนื่องจากคุณ Charles Chiang นั้นไม่กล้าที่จะเสี่ยงเพิ่มเงินลงทุนเพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะแก้ได้วันหนึ่งในเวลาไม่นานนักครับ
- อีกเหตุผลหนึ่งที่ทาง Charles Chiang ยังไม่ตัดสินที่ที่จะย้ายฐานการผลิตออกมาจากประเทศจีนนั้นก็เนื่องมาจากว่าไม่ต้องการให้การลงทุนเสียหายเนื่องจากเขามั่นใจครับว่าบริษัทที่เป็นคู่ค้าในประเทศจีนนั้นย่อมทำทุกวิธีทางที่จะเลี่ยงการโดนกล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศสหรัฐอมเริกาอย่างที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ ZTE และ Huawei จนทำให้โดนแบนไปจากสหรัฐอเมรกาแล้วนั่นเองครับ
ความเห็นต่อไปนั้นเป็นความเห็นในเรื่องของการดำเนินงานของ MSI ภายใต้การนำของคุณ Charles Chiang ครับ โดยแนวทางของคุณ Charles Chiang นั้นค่อนข้างที่จะชัดเจนมากดังต่อไปนี้ครับ
- เริ่มต้นด้วยการพูดถึงอดีตของทาง MSI ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ที่พยายามที่จะออกผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่างเพื่อที่จะตีตลาดทุกตลาดเท่าที่จะทำได้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาถูกสำหรับตลาดล่างไปจนถึงการจำหน่ายแท็บเล็ตที่ในท้ายที่สุดนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำกำไรให้กับทาง MSI ได้ครับ ทว่าช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้นั้นเราจะเห็นได้ครับว่าทาง MSI เริ่มเปลี่ยนแนวมาผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมมากขึ้นกว่าเดิมและก็สามารถที่จะเจาะตลาดได้อย่างเป็นจริงเป็นจังดังนั้นแล้วตลาดหนึ่งที่ทาง MSI จะยังคงให้ความสำคัญอย่างแน่นอนไปเรื่อยๆ ก็คือคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมครับ
- สำหรับอีกตลาดหนึ่งที่ทางคุณ Charles Chiang ต้องการที่จะเจาะให้ได้นั้นก็คือตลาดของผู้ใช้ในระดับมืออาชีพครับ โดยผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวนำของตลาดดังกล่าวนี้ก็คือคอมพิวเตอร์ในซีรีส์ Prestige ซึ่งในงาน CES 2019 ที่ผ่านมานั้นเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่าทาง MSI นั้นนำเอาผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Prestige นี้มาเปิดตัวค่อนข้างที่จะมากเลยทีเดียวครับ เมื่อถามว่าทาง MSI จะเจาะตลาดอื่นเพิ่มเติมหรือไม่นั้นคุณ Charles Chiang ให้ข้อมูลเอาไว้ครับว่าพวกเขาเองยังไม่ต้องการที่จะเจาะตลาดที่ทาง MSI นั้นสนใจเป็นแกนหลักและตัวเขาเองนั้นค่อนข้างที่จะเชื่อมั่นครับว่าผู้บริโภคนั้นต่างก็จะมองผลิตภัณฑ์ในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าที่มองผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับราคาถูกแต่ไม่ได้ประสิทธิภาพตามที่ต้องการครับ
- อีกข้อมูลหนึ่งที่ทางคุณ Charles Chiang ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจนั้นก็คือความเชื่อมั่นที่ว่าผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Prestige นั้นจะสามารถแย่งส่วนแบ่งในตลาดมาจาก Apple ได้ครับไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับบนอย่าง Prestige Ps63 หรือ all-in-one อย่าง Prestige PS341WU ที่มีสเปคสูงแต่ราคานั้นเรียกได้ว่าน่าสนใจกว่า MacBook และ Mac เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ Prestige PS341WU ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 34 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 5K โดยมีช่วงกว้างของสีแบบ DPI-P3 ถึง 98% นั้นน่าจะสามารถแย่งลูกค้าที่ทำงานทางด้านกราฟิกมาจากทาง Apple ได้ไม่ยาก ที่สำคัญก็คือคุณ Charles Chiang นั้นไม่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้มากเพราะเขาบอกว่าหาก MSI สามารถแย่งส่วนแบ่งในตลาดจาก Apple มาได้ 1 – 2 % นั้นก็มากเพียงพอกับ MSI แล้วครับ
ปิดท้ายการสัมภาษณ์ของคุณ Charles Chiang นั้นก็คือเรื่องการมองตลาดเกมในอนาคตและสิ่งที่ทาง MSI เตรียมจะทำต่อไป โดยทางคุณ Charles Chiang นั้นได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ดังนี้ครับ
- คุณ Charles Chiang นั้นมองว่าตลาดคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมนั้นจะเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นมากเรื่อยๆ กว่าตลาดอื่นครับ โดยคุณ Charles Chiang ได้ให้ความเห็นว่าด้วยกระบวนการผลิตทั้งหน่วยประมวลผลและกราฟิกชิปที่เล็กลงเรื่อยๆ นั้นทำให้พวกเขาสามารถที่จะดีไซน์ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เล็กและบางลงกว่าเดิมได้โดยที่ประสิทธิภาพในการเล่นเกมนั้นสูงขึ้นซึ่งแน่นอนครับว่านักเล่นเกมทั้งหลายจะต้องชอบใจเป็นอย่างมากที่จะสามารถพกโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมของเขาไปไหนมาไหนได้อย่างสบายและที่สำคัญเลยก็คือระยะเวลาในการเล่นเกมนั้นก็จะมาขึ้นภายใต้การใช้งานบนแบตเตอรี่อีกด้วยครับ
- ถึงแม้ว่าตลาดโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมนั้นจะไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่มาก ทว่าคุณ Charles Chiang มองว่าตลาดดังกล่าวนี้นั้นจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับทาง MSI ได้เป็นอย่างดีครับ โดยเขามองว่านักเล่นเกมนั้นส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาในการใช้งานเครื่องเก่าอยู่ที่ประมาณ 1 – 2 ปี แล้วก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ ดังนั้นถึงแม้ว่ายอดส่วนแบ่งในตลาดสำหรับการเล่นเกมจะไม่ได้โตมากหากเทียบกับตลาดอื่นๆ แต่ทว่ามันก็ยังคงมีการจำหน่ายออกได้เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเพราะจุดสำคัญของผู้ใช้ในตลาดนี้ก็คือฮาร์ดแวร์สำหรับการเล่นเกมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลาดเวลาไม่ว่าจะเป็นกราฟิกชิปใหม่หรือแม้กระทั่งหน้าจอที่ผู้ใช้ต้องการจะให้มีความละเอียดมากขึ้นไปเรื่องอย่างในปัจจุบันนั้นนักเล่นเกมก็อยากที่จะเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 4K กันมากขึ้น แน่นอนครับว่านี่จะเป็นการเพิ่มราคาขายเฉลี่ยให้กับผลิตภัณฑ์ได้ซึ่งผลลัพท์นั้นก็จะเป็นการเพิ่มกำไรให้กับทางบริษัทไปด้วยในตัวนั่นเองครับ
ทั้งหมดนี้นั้นก็ถือว่าเป็นการตอบคำถามในส่วนของแนวทางของทาง MSI ในอนาคตที่ค่อนข้างจะเปิดเผยเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ ดูเหมือนว่าคุณ Charles Chiang นั้นจะรู้ดีว่า MSI นั้นมีจุดเด่นและได้รับความชื่นชอบจากผู้ใช้ในตลาดใดเป็นอย่างดี งานนี้ก็คงต้องคอยให้กำลังใจกันต่อไปครับเพราะยิ่งมีคู่แข่งมากขึ้นผลประโยชน์นั้นก็จะตกอยู่กับผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ นั่นเองครับ
ที่มา : tomshardware