คงไม่ต้องยกแม่น้ำทั้ง 5 มาคุยกันให้ยืดยาว สำหรับโน๊ตบุ๊คจากค่าย Dell ที่ก้าวข้ามยุคสมัยและมีพัฒนามาอย่างมากมาย ทั้งในแง่ภาพลักษณ์ทางธุรกิจและการให้บริการกับไลน์ผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ผู้ใช้ในบ้านเราและทั่วโลกคุ้นเคยกันดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีมงาน NBS ได้นำเสนอกันมาถึงปัจจุบันคงจะเกือบครึ่งร้อยไปแล้ว สำหรับวันนี้ก็มีโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นหนึ่งในไลน์ของผู้ใช้ที่มีไลฟ์สไตล์และชอบความคล่องตัว รวมถึงอำนวยความสะดวกในงานธุรกิจมาให้ได้สัมผัสกัน
สำหรับ Dell Inspiron 5482 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คในแบบ 2-in-1 ขนาดหน้าจอ 14″ โดยมีขุมพลัง Intel Core i7 gen8 ใหม่ล่าสุด และกราฟิกการ์ดแบบแยก nVIDIA GeForce MX130 ภายใต้ดีไซน์ที่อาจไม่ได้หวือหวานัก แต่สไตล์นี้สำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยลูกเล่น เพื่อการใช้งานอย่างแท้จริง Dell Inspiron รุ่นนี้มีให้คุณได้สัมผัสอย่างแน่นอน กับราคาที่ราวๆ 34,900 บาทที่ดูน่าสนใจทีเดียว เมื่อเทียบกับสิ่งที่ทาง Dell ใส่มาให้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้
Specification
ในแง่ของสเปคเครื่อง Inspiron 5482 ก็เรียกว่าขยับใหม่เกือบทั้งหมดจากไลน์เดิม ด้วยบอดี้ที่ดูโค้งมนขึ้นเล็กน้อย รุ่นนี้มีให้เลือกอยู่สีเดียวคือ แพลตตินัมซิลเวอร์ บนมิติหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด FHD (1920×1080) ใช้ขุมพลังจากซีพียู Intel Core i7-8565U ความเร็ว 1.8GHz บูสท์ไปได้ที่ 4.1GHz ซึ่งจะสูงกว่าในรุ่น i7-8550U ที่อยู่ใน Inspiron ก่อนหน้านี้เล็กน้อย พร้อมการทำงานแบบ 4 คอร์/ 8 เธรด ตอบสนองการใช้งานในปัจจุบันได้ดีทีเดียว ทั้งในด้านการทำงาน มัลติมีเดียและเกม โดยมีกราฟฟิกการ์ด 2 แบบคือ Intel® UHD Graphics บนซีพียู และ NVIDIA® GeForce® MX130 ที่มาพร้อมหน่วยความจำกราฟฟิก 2GB GDDR5 สลับการทำงาน
ส่วนของแรมและการจัดเก็บข้อมูล Dell ติดตั้งแรม DDR4-2666 มาให้ถึง 8GB และอัพเกรดได้ถึง 16GB เช่นเดียวกับระบบจัดเก็บข้อมูล ที่มี SSD NVMe 256GB มาให้จากการตรวจสอบบนโปรแกรม AS SSD เป็นรุ่นความเร็วสูง ด้วยการเป็นโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 จึงไม่ได้มีออพติคอลไดรฟ์มาให้เกะกะ จึงทำให้มิติโดยรวมของโน๊ตบุ๊คไม่ใหญ่โต สามารถใส่กระเป๋าสะพายหรือเป้โน๊ตบุ๊คขนาดธรรมดาๆ ได้สบาย เช่นเดียวกับน้ำหนักที่ประมาณ 1.75Kg เท่านั้น
คุณสมบัติเพิ่มเติมที่มีมาบนโน๊ตบุ๊ค Dell Inspiron 5482 รุ่นนี้ก็คือ การเชื่อมต่อ 802.11ac 2×2 WiFi และ Bluetooth สนับสนุน Active Pen ที่ใช้สำหรับเขียนหรือวาดบนหน้าจอได้บนโหมด Tablet หน้าจอ Narrow boarder ให้พื้นที่กว้างมากขึ้น ขอบหน้าจอที่บางลง ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน พาแนลแบบ IPS เพื่อความคมชัดและมุมมองที่กว้าง เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีน
ดูสเปคเต็ม Dell Inspiron 5482 ราคา 34,900 บาท
Hardware / Design
การออกแบบของ Dell Inspiron 5482 ยังคงลงตัวอยู่ที่บอดี้ 14 นิ้ว ที่เน้นความกระชับ และรูปทรงที่โค้งมนมากขึ้น เช่นเดียวกับการปรับความหนาของบอดี้ให้สอดรับกับการใช้งานในโหมดต่างๆ โดยเฉพาะในการใช้โหมดแท็ปเล็ต ขนาดไม่ได้เล็กลงมากมาย เมื่อเทียบกับ Inspiron 7000 series แต่ก็บางลงในระดับหนึ่ง โดย Dell เลือกใส่ชุดความปลอดภัยในการเข้าถึงระบบ ด้วยปุ่มเพาเวอร์ที่มี Fingerprint scan ในตัว สำหรับการล็อคอินเข้าวินโดวส์ ซึ่งก็ทำให้ดูทันสมัยและอำนวยความสะดวกได้มากขึ้น
ตัวเครื่องมาในโทนสี Platinum silver ซึ่งยังเป็นโทนสีของโน๊ตบุ๊คในเวลานี้ ที่เหมาะกับการใช้งานด้านธุรกิจหรือในการศึกษา ภาพลักษณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้เวลานี้โน๊ตบุ๊คหลายรุ่นพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างและดีไซน์แต่สีสันเช่นนี้ ยังเป็นจุดสนใจและเข้ากับสไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี จุดที่ดูเป็นเอกลักษณ์ก็คือ การเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง และน้ำหนักเบา บานพับ 2 จุดที่ให้ความแข็งแรง และไม่ค่อยสั่นไหว เมื่อขยับตัวหรือพิมพ์งาน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการออกแบบให้รองรับการพับปรับไปเป็นโหมดแท็ปเล็ตได้บ่อยนั่นเอง
ด้วยการทำโทนให้เป็นสีพื้นเดียวกันตลอดตัว และยังใช้ผิวสีที่เป็นแนว Matt ไม่ใช่ Gloss จึงแทบไม่ต้องกังวลเรื่องรอยนิ้วมือ และยังรู้สึกว่า ไม่ต้องมาระวังเรื่องรอยขีดข่วนมากนัก เพราะสีแนวนี้ แทบจะกลืนริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ ได้สบาย จึงสะดวกต่อการพกพาเป็นอย่างยิ่ง จะมีเพียงหน้าจอที่เป็นแบบทัชสกรีนเท่านั้น ที่ยังคงเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ หากคุณใช้จอใดๆ ก็ตามที่เป็นแบบแตะใช้งานที่หน้าจอ แม้กระทั่งมือถือเองก็ตาม มีผ้าเล็กๆ ติดกระเป๋าไว้สักผืนก็เพียงพอแล้ว
น้ำหนักตัวโน๊ตบุ๊คเพียงแค่ 1.7 กิโลกรัมโดยประมาณ ยังคงเป็นอีกจุดเด่นหนึ่ง ที่ทำให้คนเดินทางทำงานนอกบ้าน นักศึกษาที่ต้องเอาไปเรียน หรือจะเป็นคนที่ชอบย้ายไปใช้ตามส่วนต่างๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะใช้ในโหมดปกติ หรือพับเป็นแท็ปเล็ตในแบบ 360 องศาก็ตาม
ช่องระบายความร้อนของ Dell Inspiron 5482 ยังคงเป็นแบบดูดลมจากด้านล่าง และเป่าออกด้านหลัง จุดดูดลมเข้าค่อนไปทางด้านหลังเป็นแนวยาว เสียงเบาในโหมดปกติ และหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องทำงานแบบ Full load แต่ก็อยู่ในระดับพื้นฐานของโน๊ตบุ๊คแบบเดียวกัน ช่องลมออกด้านหลัง 3 ช่อง ไม่กว้างมาก แต่ยาวเป็นแถบด้านหลัง การระบายความร้อนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เราจะมาพูดกันในช่วงสรุปตอนท้ายอีกครั้ง
พอร์ตการเชื่อมต่อ มีสิ่งสำคัญมาให้ได้เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ได้ดี เพราะบางครั้งก็ต้องสมดุลไปกับขนาดและรูปแบบการใช้ โดยมีทั้ง USB 3.1 Gen 1 Type C™ (DP/PowerDelivery) และ USB 3.1 Gen 1, USB 2.0 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลและชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ พอร์ตแสดงผล HDMI 1.4b, Universal audio jack รวมถึง Wedge-shaped lock slot และยังไม่พบ Thunderbolt มาด้วยแต่อย่างใด และด้วยการรับประกันถึง 3 ปี พร้อมบริการแบบ On-site Service มารับส่งถึงบ้าน รวมถึง Call Center ที่ให้บริการข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง ยังเป็นสิ่งที่สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีตลอดมา
Keyboard / Touchpad
สำหรับคีย์บอร์ดของ Dell Inspiron 5482 เป็นสีดำล้วนตัดกับสีบอดี้อย่างชัดเจน เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่ถนัดพิมพ์สัมผัส แต่พอจับสังเกตได้ เพราะปุ่มที่ใหญ่ให้สัมผัสของนิ้วได้ลงไปอย่างแม่นยำ แถบด้านขวามือก็ไม่มีปุ่มอื่นมาซ้อนเอาไว้ ให้พอจับได้ว่าสุดทางขวาคือ Back, Enter และ Shift แต่ด้วยขนาดที่เล็กลง ก็ทำให้ปุ่มลูกศรชี้ขึ้น/ลง เล็กลงไปบ้างเหลือแค่ครึ่งเดียว ก็ทำให้การทำงานแบบไม่ใช้เมาส์สะดุดไปบ้าง สำหรับคนนิ้วใหญ่ แต่ถ้านิ้วเล็กถือว่าสบายๆ จุดที่น่าสนใจคือ ปุ่มคีย์ยังคงหนักแน่นตอบสนองได้ดี พิมพ์สนุกหรือจะเล่นเกมบ้างก็ได้อยู่เหมือนกัน มีไฟ LED Backlit สว่างชัดเจน ใช้งานในที่แสงน้อยได้สบาย เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของโน๊ตบุ๊คในงานธุรกิจ
ทัชแพดขนาดกำลังพอเหมาะ วางไว้เกือบกึ่งกลาง ค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย กับพื้นที่ด้านข้างที่เหลือพอสำหรับวางมือ พร้อมซอฟต์แวร์ช่วยในการใช้งานที่อเนกประสงค์อยู่ไม่น้อย อีกสิ่งหนึ่งที่ Dell นำมาให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ก็คือ Active Pen อำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการเขียนคอนเทนต์ วาดภาพ บันทึกข้อมูลลงบนหน้าจอโดยตรง การใช้งานก็ค่อนข้างง่าย เข้ากับซอฟต์แวร์พื้นฐานได้ดีทีเดียว
Screen / Speaker
หน้าจอขนาด 14 นิ้วในแบบ IPS ความละเอียด Full-HD พร้อมขอบจอที่แสนจะบางเฉียบ ทำให้สัดส่วนของโน๊ตบุ๊คเล็กลงนิดหน่อย แต่เรื่องของพื้นที่หน้าจอกว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้มองได้เต็มตามากขึ้น โดยเฉพาะการดูหนังและท่องเว็บหรือจะเป็นการใช้หน้าเดสก์ทอปที่มีไอคอนหรือแถบรายการบนหน้าจอเยอะๆ Dell ใช้เป็นจอกระจกตามสไตล์ของ 2-in-1 จึงเพิ่มสีสันให้สดใสมากขึ้น เอาใจสายบันเทิงดูหนังหรือเล่นเกม เรื่องการสะท้อนก็มีอยู่บ้างเป็นธรรมดา เมื่อต้องอยู่ในสภาวะที่แสงมาก แต่ก็มีการเคลือบมาอย่างดี เพื่อลดแสงเหล่านั้นลง พร้อมขอบเล็กๆ ที่สูงขึ้นมาเหนือหน้าจอเล็กน้อย เพื่อกันกระแทกเมื่ออยู่ใหมด Tent
ด้านของลำโพงเสียงเต็มอิ่มดี แม้ไม่ได้มีซับวูเฟอร์มาด้วย แต่ลำโพงที่อยู่ด้านใต้ 2 ข้าง ก็ทำงานได้น่าสนใจ หากอยู่ในโหมดปกติ เสียงที่ออกมาคมชัดดี เพราะเสียงสะท้อนจากพื้นทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่ในโหมดอื่น ก็จะเบาลงบ้าง ตามรูปแบบการใช้ เช่นโหมดแท็ปเล็ตหรือ Tent ก็ตาม อย่างไรก็ดีเสียงจะออกกังวาน เสียงกลางจะเข้มกว่า แต่เอฟเฟกต์ เช่น ในสนามรบที่ถูกถล่มด้วยบรรดาอาวุธหลายๆ อย่างพร้อมกัน จะยังฟังแล้วนัวๆ รวมๆ กันอยู่ แต่เสียงแหลมชัดขึ้น สำหรับการฟังเพลงทำได้น่าชื่นใจ เสียงใสๆ แนว Taylor Swift เรียกอารมณ์ได้ดีบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ เอาเป็นว่าเล่นเกมก็ได้เพลินๆ ความบันเทิงก็ยังโอเค ที่สำคัญเมื่อพับเป็นโหมด Tent แม้จะเสียงดรอปลงบ้าง แต่ก็ตอบโจทย์ได้สบาย นอนเล่นฟังเพลง ดูหนังบนเตียงกันได้เลย
Using Experience
จากสิ่งต่างๆ มากมายที่ได้กล่าวไป Dell Inspiron 5482 ถือเป็นโน๊ตบุ๊คเรือธงอีกรุ่นหนึ่ง สำหรับในงานธุรกิจและชีวิตประจำวัน ด้วยการออกแบบในลักษณะของ 2-in-1 กับการใช้งานในโหมดต่างๆ อาทิ โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Stand, Tent และ Tablet ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสโดยตรง ขึ้นอยู่กับว่าเลือกโหมดแบบใด มาใช้งานอะไรเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นหรือเพิ่งเริ่มมาใช้โน๊ตบุ๊คในแนวนี้ มีทริกเล็กๆ มาแนะนำ
โหมด Notebook ปกติ: กับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นทำงานเอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต เล่นเกมหรือ การสร้างคอนเทนต์ วีดีโอ แต่งภาพเป็นต้น
โหมด Stand: เป็นการวางด้านคีย์บอร์ดไว้บนพื้น แล้วหันหน้าจอตั้งฉากกับพื้น เหมาะกับการใช้ดูวีดีโอ หรือจะใช้พรีเซนท์ได้ เน้นที่การทัชสกรีนหน้าจอ ตั้งบนโต๊ะหรือบนที่นอน โซฟาหรือที่ใดก็ได้ที่สะดวกต่อการดูหน้าจอ
โหมด Tent: สำหรับใช้ในการพักผ่อน เช่น การดูหนังเป็นต้น ข้อดีคือ จะวางบนโต๊ะ เก้าอี้หรือบนที่นอนก็ยังได้ หรือใช้พรีเซนท์งานในกลุ่มเล็กๆ โดยจะเน้นไปที่การทัชสกรีนเป็นหลัก ซึ่งจะพับโน๊ตบุ๊คเป็นสามเหลี่ยม แล้วแตะสั่งงานที่หน้าจอนั่นเอง
โหมด Tablet: ทำงานเป็นรูปแบบของแท็ปเล็ต ด้วยการพับหน้าจอ 360 องศา จากนั้นใช้งานผ่านหน้าจอทัชสกรีน โหมดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เช่น การดูวีดีโอ การท่องเว็บหรือการวาดภาพและใช้งานที่ต้องจับถือไว้ตลอดเวลา
จะเห็นได้ชัดว่า โหมดต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องพับจอในการใช้งาน หลายคนอาจจะห่วงเรื่องของความปลอดภัย แต่เท่าที่ลองใช้ ค่อนข้างเห็นได้ชัดถึงความยืดหยุ่นของบานพับที่ทาง Dell ออกแบบมาเป็นอย่างดี และบานพับเช่นนี้ผ่านการทดสอบมาแล้วมากมาย ให้สามารถปรับพับได้แน่นหนา เพราะในโหมดโน๊ตบุ๊คปกติ เรียกว่าแน่นตั้งแต่เปิดหน้าจอออกมา ไม่สั่นไหวให้รำคาญเมื่อโต๊ะสั่น ส่วนในโหมดอื่นๆ เช่น Tent หรือ Stand เรียกว่าแทบจะนิ่งสนิท เพื่อให้การดูหน้าจอเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ใครที่คิดว่ายังตัดสินใจไม่ได้กับโน๊ตบุ๊คจอพับแบบ 2-in-1 นี้ อยากให้ไปลองเล่นดูที่หน้าร้านได้เลย
Connector / Thin And Weight
ด้านการเชื่อมต่อ Dell Inspiron 5482 ให้พอร์ตหลักๆ มาได้เกือบครบ เรียกว่าเกือบจะเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับใน Inspiron หลายๆ ซีรีส์ เช่น Inspiron 7373 หรือ 7472 เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 สองพอร์ต 1 พอร์ตรองรับการชาร์จไฟ และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วง อาทิ แฟลชไดรฟ์ ฮาร์ดดิสก์และชาร์จแท็ปเล็ต สมาร์ทโฟนหรือที่เป็น Wearable และ Gadget รวมถึงพอร์ต USB 3.1 Gen 1 Type C โดยมีพอร์ตแสดงผลมาให้เพียงพอร์ตเดียวคือ HDMI และสล็อตอ่านมีเดียว SD Card มาด้วย
ส่วนขนาดและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่พกพาได้ไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คระดับ 14 นิ้วทั่วไป ด้วยน้ำหนักตัว 1.75 กิโลกรัม เมื่อบวกกับอแดปเตอร์เล็กๆ ก็ยังไม่ถึง 2 กิโลกรัม ใส่กระเป๋าเป้หรือกระเป๋าสะพายได้สบาย มิติด้านกว้างเพิ่มมาเล็กน้อย เพราะเปิดพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้กับการใช้งานอย่างเต็มที่ และความบางของเครื่องไม่ถึง 2 เซนติเมตร การใส่โน๊ตบุ๊คลงในกระเป๋าไซส์เล็กๆ ก็ไม่ได้ดูเป็นเรื่องวุ่นวาย หรือถ้าในระหว่างวันยังสามารถใส่ซอฟท์เคส หิ้วไปใช้ข้างนอกได้ไม่ยาก
Performance / Software
สำหรับประสิทธิภาพในการทำงานของ Dell Inspiron 5482 รุ่นที่ได้รับมารีวิวครั้งนี้่ มีซีพียูประมวลผล i7-8565U ทำงานในแบบ 4 คอร์/ 8 เธรด จึงทำให้มีพลังมากพอสำหรับจัดการงานต่างๆ ในแบบมัลติทาส์กได้ไม่ยาก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คนในทุกวันนี้ เพราะซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ออกมารองรับการทำงานร่วมกับซีพียูหลายๆ คอร์แล้วทั้งสิ้น โดยคุณสมบัติต่างๆ ปรากฏอยู่บนซอฟต์แวร์ CPU-Z นี้เอง
หากเทียบกับซีพียูในรุ่นที่ใช้ใน Inspiron 7373 ก่อนหน้านี้ ที่มาพร้อม Core i7-8550U แม้จะมีแกนหลักที่เท่ากัน แต่ความเร็วในโหมด Turbo ของ i7-8565U จะสูงกว่า ดังนั้นจึงตอบโจทย์การทำงานในแบบมัลติคอร์ได้ดียิ่งขึ้น แม้จะยังเป็นรองซีพียูในกลุ่มของ HQ ที่เน้นพลังสำหรับการทำงานและฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ แต่เมื่อดูจากประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน อีกทั้งเมื่ออยู่บนโน๊ตบุ๊คขนาดเล็กๆ เช่นนี้ ทำให้ดูลงตัวต่อการใช้งานค่า TDP ต่ำ ความร้อนน้อยกว่าเยอะ โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับแรม DDR4 2666 ขนาด 8GB อีกด้วย และยังรองรับการอัพเกรดได้ เช่นเดียวกับมี Windows 10 มาให้ใช้งานพร้อม
ประสิทธิภาพในการอ่านข้อมูลของ SSD ในแบบ M.2 NVMe ที่ความจุ 256GB ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น โดยทาง Dell เลือก SSD ที่ตอบโจทย์ในการใช้งานได้มากกว่า เพราะในแบบ NVMe นี้ เร็วกว่าแบบ SATA ที่เคยใช้แบบเดิมๆ อยู่ไม่น้อย โดยจะเห็นได้จากการอ่านข้อมูลที่มากกว่า 1200MB/s และการเขียนข้อมูลที่มากกว่า 500MB/s อีกด้วย ซึ่งความจุอาจจะดูน้อยไปบ้าง เพราะปัจจุบันบริการด้าน Cloud Storage มีให้เลือกเยอะ หรือจะใช้แบบฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอกก็มีให้เลือกซื้อกันมากมาย
ส่วนการทดสอบกับโปรแกรมเรนเดอร์ 3 มิติเบื้องต้นอย่าง CINEBENCH R15 ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ตัวเลขไม่ได้เป็นรองซีพียูรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด ด้วยการทำงานแบบมัลติทาส์กทำให้ได้ประโยชน์กับงานเหล่านี้ เช่นเดียวกับการเล่นเกมสามมิติ แม้จะเป็นซีพียู “U” series ก็ตาม หากมองกันจริงๆ งานเอกสารหรือทำภาพกราฟฟิกทั่วไป แต่งภาพตัดวีดีโอเล่นๆ ง่ายๆ โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ทำได้ไม่ยาก
ในการเล่นเกม เราเลือกใช้ DOTA2 ที่เป็นเกมแบบโหดนิดๆ กินทรัพยากรหน่อยๆ แต่ก็เหมาะกับโน๊ตบุ๊คแนวๆ นี้ ซึ่งทำให้เห็นว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มนี้ ก็ตอบโจทย์การเล่นเกมได้เช่นกัน ด้วยการตั้งค่าแบบภาพสวยปานกลาง บนโหมด Full-HD สิ่งที่ได้คือ เกมที่ลื่นใช้ได้ ช่วงหน้าจอที่มีตัวละครไม่มากหรือฉากทั่วๆ ไป เฟรมเรตไปแตะที่ราวๆ 80fps และเมื่อมีการร่ายคาถาหรือว่าทำคอมโบ เอฟเฟกต์ตระการตามากขึ้น เฟรมเรตหล่นลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ราวๆ 50-60fps ซึ่งอยู่ในระดับที่คุณเล่นได้แบบสบายตา อานิสงส่วนหนึ่งมาจากซีพียูตัวแรง แต่ถ้าจะปรับสุดกว่านี้ ก็อาจจะต้องลด Detail บางอย่างลงบ้าง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเฟรมเรตมากนัก จะทำให้เล่นได้สนุกสนานมากกว่า ไม่เสียอารมณ์
Battery / Heat / Noise
Dell Inspiron 5482 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 42 Wh ที่ต้องถือว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่พอสมควรสำหรับโน๊ตบุ๊คแนวนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อให้รองรับการทำงานในโหมดทัชสกรีนได้นานขึ้น จากการทดสอบด้วยการเล่นอินเทอร์เน็ต เปิดยูทูปและทำงานไปด้วยบ้างสลับกัน โดยปรับเสียงประมาณ 30% และความสว่างให้มองเห็นและใช้งานได้ ตัวเลขที่ได้บนโปรแกรมทดสอบอยู่ที่ราวๆ 11 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ามากพอสมควร เมื่อเทียบกับ Dell ที่ใช้ซีพียูในระดับใกล้เคียงกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งและจัดสรรสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับคุณเองด้วย
ส่วนการระบายอากาศบอกได้เลยว่า แม้จะมีช่องระบายลมออกไม่ใหญ่ เพราะตั้งใจจะให้ดูสอดคล้องเข้ากับรูปทรง แต่อุณหภูมิในการทำงาน แทบจะไม่ร้อนเลยด้วยซ้ำ จากการเปิด Full load ให้ใช้งานหนักๆ เช่น การ Benchmark และการเล่นเกม ลมที่ดูดจากช่องด้านล่าง เข้าสู่ตัวเครื่องและเป่าออกสู่ด้านหลัง มีประสิทธิภาพที่ดีพอสมควร ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คแนวธุรกิจ เพียงแต่ช่วงจังหวะที่ทำงานหนักมาก พัดลมก็จะเร่งขึ้น เสียงอาจจะดังขึ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หวีดหวิวจนน่ารำคาญ เพราะอย่าลืมว่านี่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Intel Core i7 และยังมีกราฟฟิกแยกมาให้อีกด้วย ฉะนั้นเมื่อใช้งาน แม้จะไม่ได้อยู่ในห้องปรับอากาศ ถ้าใช้งานทั่วไป ถือว่าสบายๆ
Conclusion / Award
หากมองในแง่ของโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 แบบนี้ สิ่งที่ผู้ซื้ออยากได้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความหลากหลายในการใช้งาน สิ่งอำนวยความสะดวกและความคล่องตัว โดยที่ Dell Inspiron 5482 นี้ ก็สามารถตอบความต้องการพื้นฐานได้ครบ ไม่ว่าคุณจะอยากพักผ่อนกับภาพยนตร์สักเรื่องบน NetFlix ด้วย Stand mode บนที่นอน หรือใช้ Tent mode เพื่อดูข่าวสารบนโต๊ะอาหาร หรือลองออกแบบชิ้นงาน ด้วยการ Sketch ร่วมกับ Active Pen ได้บนหน้าจอ เมื่อปิ๊งไอเดียอะไรใหม่ๆ ได้ที่ห้องนั่งเล่น ด้วยการรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ และ Dell ยังให้ประสิทธิภาพของซีพียูระดับ Intel Core i7 มาด้วย จึงช่วยให้การใช้งานในแบบต่างๆ ทำได้รวดเร็ว รวมถึงการใส่สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การใช้ระบบ Fingerprint scan และพอร์ตสำหรับต่อพ่วงที่มีมาอย่างครบครัน เรื่องของดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย จึงกลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่สามารถเข้ากันได้ในทุกโอกาส และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว
กับสนนราคาประมาณ 34,900 บาท กับโน๊ตบุ๊คที่ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า แม้จะไม่ได้ทดแทนกันได้ เช่น การใช้โหมดแท็ปเล็ต ที่คงไม่ได้บางเบาเหมือนกัน เพราะสิ่งนี้คือ โน๊ตบุ๊ค แต่สิ่งที่ได้คือ ความสะดวกสบายบนแพลตฟอร์มของวินโดวส์ ที่ให้ผู้ใช้สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งหลายอย่างอุปกรณ์โมบายทำไม่ได้ และที่สำคัญยังมาพร้อมประสิทธิภาพของซีพียูระดับ 4 คอร์/8 เธรด อีกด้วย การทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ไม่ว่าจะเป็นการดู อ่าน เล่นก็ทำได้ง่ายการ Edit หรือแก้ไข ปรับแต่ง เช่น รูปภาพหรือวีดีโอ ก็คล่องตัวมากกว่าอีกด้วย ถ้าจะให้คำนิยามสำหรับ Dell Inspiron 5482 รุ่นนี้คือ “ความสะดวกบวกกับพลังสำหรับการสร้างสรร”
จุดเด่น
- โครงสร้างเน้นความแข็งแรง แต่น้ำหนักไม่มาก พกพาง่าย
- วัสดุจับติดมือ ไม่ลื่น
- ใช้ซีพียู Core i7 ทำให้ตอบโจทย์ในงานได้ดีขึ้น
- ให้ SSD ความเร็วสูงมาด้วย
- การรับประกันและบริการ Dell Premium Support
- จอเป็นแบบพาแนล IPS ให้มุมมองที่กว้าง
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10
ข้อสังเกต
- ช่องระบายลมด้านหลังเล็กไปบ้าง
Award
สำหรับรางวัลที่มอบให้กับโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 รุ่นได้ ได้จากการเปรียบเทียบโน๊ตบุ๊คขนาด 14″ ในกลุ่มตลาดเดียวกัน โดยรางวัลที่ Dell Inspiron 5482 สามารถคว้าไปในการทดสอบคร้ังนี้ ได้แก่
Best Mobility
ต้องบอกว่าทาง Dell เป็นผู้ผลิตที่มีความช่ำชองสำหรับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มไลฟ์สไตล์ การออกแบบโน๊ตบุ๊คในรุ่นนี้ จึงมีการจัดวางองค์ประกอบหลายอย่าง สำหรับเอื้อประโยชน์ในการใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่น้ำหนักเพียง 1.75 กิโลกรัม สามารถปรับพับให้เป็นโหมดต่างๆ ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงระบบความปลอดภัยและฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อที่มีมาให้ สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญของโน๊ตบุ๊คที่หลายคนกำลังมองหา
Specification
ในแง่ของสเปคเครื่อง Inspiron 5482 ก็เรียกว่าขยับใหม่เกือบทั้งหมดจากไลน์เดิม ด้วยบอดี้ที่ดูโค้งมนขึ้นเล็กน้อย รุ่นนี้มีให้เลือกอยู่สีเดียวคือ แพลตตินัมซิลเวอร์ บนมิติหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด FHD (1920×1080) ใช้ขุมพลังจากซีพียู Intel Core i7-8565U ความเร็ว 1.8GHz บูสท์ไปได้ที่ 4.1GHz ซึ่งจะสูงกว่าในรุ่น i7-8550U ที่อยู่ใน Inspiron ก่อนหน้านี้เล็กน้อย พร้อมการทำงานแบบ 4 คอร์/ 8 เธรด ตอบสนองการใช้งานในปัจจุบันได้ดีทีเดียว ทั้งในด้านการทำงาน มัลติมีเดียและเกม โดยมีกราฟฟิกการ์ด 2 แบบคือ Intel® UHD Graphics บนซีพียู และ NVIDIA® GeForce® MX130 ที่มาพร้อมหน่วยความจำกราฟฟิก 2GB GDDR5 สลับการทำงาน
ส่วนของแรมและการจัดเก็บข้อมูล Dell ติดตั้งแรม DDR4-2666 มาให้ถึง 8GB และอัพเกรดได้ถึง 16GB เช่นเดียวกับระบบจัดเก็บข้อมูล ที่มี SSD NVMe 256GB มาให้จากการตรวจสอบบนโปรแกรม AS SSD เป็นรุ่นความเร็วสูง ด้วยการเป็นโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 จึงไม่ได้มีออพติคอลไดรฟ์มาให้เกะกะ จึงทำให้มิติโดยรวมของโน๊ตบุ๊คไม่ใหญ่โต สามารถใส่กระเป๋าสะพายหรือเป้โน๊ตบุ๊คขนาดธรรมดาๆ ได้สบาย เช่นเดียวกับน้ำหนักที่ประมาณ 1.75Kg เท่านั้น
คุณสมบัติเพิ่มเติมที่มีมาบนโน๊ตบุ๊ค Dell Inspiron 5482 รุ่นนี้ก็คือ การเชื่อมต่อ 802.11ac 2×2 WiFi และ Bluetooth สนับสนุน Active Pen ที่ใช้สำหรับเขียนหรือวาดบนหน้าจอได้บนโหมด Tablet หน้าจอ Narrow boarder ให้พื้นที่กว้างมากขึ้น ขอบหน้าจอที่บางลง ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน พาแนลแบบ IPS เพื่อความคมชัดและมุมมองที่กว้าง เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีน
ดูสเปคเต็ม Dell Inspiron 5482 ราคา 34,900 บาท
Hardware / Design
การออกแบบของ Dell Inspiron 5482 ยังคงลงตัวอยู่ที่บอดี้ 14 นิ้ว ที่เน้นความกระชับ และรูปทรงที่โค้งมนมากขึ้น เช่นเดียวกับการปรับความหนาของบอดี้ให้สอดรับกับการใช้งานในโหมดต่างๆ โดยเฉพาะในการใช้โหมดแท็ปเล็ต ขนาดไม่ได้เล็กลงมากมาย เมื่อเทียบกับ Inspiron 7000 series แต่ก็บางลงในระดับหนึ่ง โดย Dell เลือกใส่ชุดความปลอดภัยในการเข้าถึงระบบ ด้วยปุ่มเพาเวอร์ที่มี Fingerprint scan ในตัว สำหรับการล็อคอินเข้าวินโดวส์ ซึ่งก็ทำให้ดูทันสมัยและอำนวยความสะดวกได้มากขึ้น
ตัวเครื่องมาในโทนสี Platinum silver ซึ่งยังเป็นโทนสีของโน๊ตบุ๊คในเวลานี้ ที่เหมาะกับการใช้งานด้านธุรกิจหรือในการศึกษา ภาพลักษณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้เวลานี้โน๊ตบุ๊คหลายรุ่นพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างและดีไซน์แต่สีสันเช่นนี้ ยังเป็นจุดสนใจและเข้ากับสไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี จุดที่ดูเป็นเอกลักษณ์ก็คือ การเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง และน้ำหนักเบา บานพับ 2 จุดที่ให้ความแข็งแรง และไม่ค่อยสั่นไหว เมื่อขยับตัวหรือพิมพ์งาน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการออกแบบให้รองรับการพับปรับไปเป็นโหมดแท็ปเล็ตได้บ่อยนั่นเอง
ด้วยการทำโทนให้เป็นสีพื้นเดียวกันตลอดตัว และยังใช้ผิวสีที่เป็นแนว Matt ไม่ใช่ Gloss จึงแทบไม่ต้องกังวลเรื่องรอยนิ้วมือ และยังรู้สึกว่า ไม่ต้องมาระวังเรื่องรอยขีดข่วนมากนัก เพราะสีแนวนี้ แทบจะกลืนริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ ได้สบาย จึงสะดวกต่อการพกพาเป็นอย่างยิ่ง จะมีเพียงหน้าจอที่เป็นแบบทัชสกรีนเท่านั้น ที่ยังคงเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ หากคุณใช้จอใดๆ ก็ตามที่เป็นแบบแตะใช้งานที่หน้าจอ แม้กระทั่งมือถือเองก็ตาม มีผ้าเล็กๆ ติดกระเป๋าไว้สักผืนก็เพียงพอแล้ว
น้ำหนักตัวโน๊ตบุ๊คเพียงแค่ 1.7 กิโลกรัมโดยประมาณ ยังคงเป็นอีกจุดเด่นหนึ่ง ที่ทำให้คนเดินทางทำงานนอกบ้าน นักศึกษาที่ต้องเอาไปเรียน หรือจะเป็นคนที่ชอบย้ายไปใช้ตามส่วนต่างๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะใช้ในโหมดปกติ หรือพับเป็นแท็ปเล็ตในแบบ 360 องศาก็ตาม
ช่องระบายความร้อนของ Dell Inspiron 5482 ยังคงเป็นแบบดูดลมจากด้านล่าง และเป่าออกด้านหลัง จุดดูดลมเข้าค่อนไปทางด้านหลังเป็นแนวยาว เสียงเบาในโหมดปกติ และหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องทำงานแบบ Full load แต่ก็อยู่ในระดับพื้นฐานของโน๊ตบุ๊คแบบเดียวกัน ช่องลมออกด้านหลัง 3 ช่อง ไม่กว้างมาก แต่ยาวเป็นแถบด้านหลัง การระบายความร้อนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เราจะมาพูดกันในช่วงสรุปตอนท้ายอีกครั้ง
พอร์ตการเชื่อมต่อ มีสิ่งสำคัญมาให้ได้เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ได้ดี เพราะบางครั้งก็ต้องสมดุลไปกับขนาดและรูปแบบการใช้ โดยมีทั้ง USB 3.1 Gen 1 Type C™ (DP/PowerDelivery) และ USB 3.1 Gen 1, USB 2.0 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลและชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ พอร์ตแสดงผล HDMI 1.4b, Universal audio jack รวมถึง Wedge-shaped lock slot และยังไม่พบ Thunderbolt มาด้วยแต่อย่างใด และด้วยการรับประกันถึง 3 ปี พร้อมบริการแบบ On-site Service มารับส่งถึงบ้าน รวมถึง Call Center ที่ให้บริการข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง ยังเป็นสิ่งที่สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีตลอดมา
Keyboard / Touchpad
สำหรับคีย์บอร์ดของ Dell Inspiron 5482 เป็นสีดำล้วนตัดกับสีบอดี้อย่างชัดเจน เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่ถนัดพิมพ์สัมผัส แต่พอจับสังเกตได้ เพราะปุ่มที่ใหญ่ให้สัมผัสของนิ้วได้ลงไปอย่างแม่นยำ แถบด้านขวามือก็ไม่มีปุ่มอื่นมาซ้อนเอาไว้ ให้พอจับได้ว่าสุดทางขวาคือ Back, Enter และ Shift แต่ด้วยขนาดที่เล็กลง ก็ทำให้ปุ่มลูกศรชี้ขึ้น/ลง เล็กลงไปบ้างเหลือแค่ครึ่งเดียว ก็ทำให้การทำงานแบบไม่ใช้เมาส์สะดุดไปบ้าง สำหรับคนนิ้วใหญ่ แต่ถ้านิ้วเล็กถือว่าสบายๆ จุดที่น่าสนใจคือ ปุ่มคีย์ยังคงหนักแน่นตอบสนองได้ดี พิมพ์สนุกหรือจะเล่นเกมบ้างก็ได้อยู่เหมือนกัน มีไฟ LED Backlit สว่างชัดเจน ใช้งานในที่แสงน้อยได้สบาย เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของโน๊ตบุ๊คในงานธุรกิจ
ทัชแพดขนาดกำลังพอเหมาะ วางไว้เกือบกึ่งกลาง ค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย กับพื้นที่ด้านข้างที่เหลือพอสำหรับวางมือ พร้อมซอฟต์แวร์ช่วยในการใช้งานที่อเนกประสงค์อยู่ไม่น้อย อีกสิ่งหนึ่งที่ Dell นำมาให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ก็คือ Active Pen อำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการเขียนคอนเทนต์ วาดภาพ บันทึกข้อมูลลงบนหน้าจอโดยตรง การใช้งานก็ค่อนข้างง่าย เข้ากับซอฟต์แวร์พื้นฐานได้ดีทีเดียว
Screen / Speaker
หน้าจอขนาด 14 นิ้วในแบบ IPS ความละเอียด Full-HD พร้อมขอบจอที่แสนจะบางเฉียบ ทำให้สัดส่วนของโน๊ตบุ๊คเล็กลงนิดหน่อย แต่เรื่องของพื้นที่หน้าจอกว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้มองได้เต็มตามากขึ้น โดยเฉพาะการดูหนังและท่องเว็บหรือจะเป็นการใช้หน้าเดสก์ทอปที่มีไอคอนหรือแถบรายการบนหน้าจอเยอะๆ Dell ใช้เป็นจอกระจกตามสไตล์ของ 2-in-1 จึงเพิ่มสีสันให้สดใสมากขึ้น เอาใจสายบันเทิงดูหนังหรือเล่นเกม เรื่องการสะท้อนก็มีอยู่บ้างเป็นธรรมดา เมื่อต้องอยู่ในสภาวะที่แสงมาก แต่ก็มีการเคลือบมาอย่างดี เพื่อลดแสงเหล่านั้นลง พร้อมขอบเล็กๆ ที่สูงขึ้นมาเหนือหน้าจอเล็กน้อย เพื่อกันกระแทกเมื่ออยู่ใหมด Tent
ด้านของลำโพงเสียงเต็มอิ่มดี แม้ไม่ได้มีซับวูเฟอร์มาด้วย แต่ลำโพงที่อยู่ด้านใต้ 2 ข้าง ก็ทำงานได้น่าสนใจ หากอยู่ในโหมดปกติ เสียงที่ออกมาคมชัดดี เพราะเสียงสะท้อนจากพื้นทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่ในโหมดอื่น ก็จะเบาลงบ้าง ตามรูปแบบการใช้ เช่นโหมดแท็ปเล็ตหรือ Tent ก็ตาม อย่างไรก็ดีเสียงจะออกกังวาน เสียงกลางจะเข้มกว่า แต่เอฟเฟกต์ เช่น ในสนามรบที่ถูกถล่มด้วยบรรดาอาวุธหลายๆ อย่างพร้อมกัน จะยังฟังแล้วนัวๆ รวมๆ กันอยู่ แต่เสียงแหลมชัดขึ้น สำหรับการฟังเพลงทำได้น่าชื่นใจ เสียงใสๆ แนว Taylor Swift เรียกอารมณ์ได้ดีบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ เอาเป็นว่าเล่นเกมก็ได้เพลินๆ ความบันเทิงก็ยังโอเค ที่สำคัญเมื่อพับเป็นโหมด Tent แม้จะเสียงดรอปลงบ้าง แต่ก็ตอบโจทย์ได้สบาย นอนเล่นฟังเพลง ดูหนังบนเตียงกันได้เลย
Using Experience
จากสิ่งต่างๆ มากมายที่ได้กล่าวไป Dell Inspiron 5482 ถือเป็นโน๊ตบุ๊คเรือธงอีกรุ่นหนึ่ง สำหรับในงานธุรกิจและชีวิตประจำวัน ด้วยการออกแบบในลักษณะของ 2-in-1 กับการใช้งานในโหมดต่างๆ อาทิ โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Stand, Tent และ Tablet ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสโดยตรง ขึ้นอยู่กับว่าเลือกโหมดแบบใด มาใช้งานอะไรเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นหรือเพิ่งเริ่มมาใช้โน๊ตบุ๊คในแนวนี้ มีทริกเล็กๆ มาแนะนำ
โหมด Notebook ปกติ: กับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นทำงานเอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต เล่นเกมหรือ การสร้างคอนเทนต์ วีดีโอ แต่งภาพเป็นต้น
โหมด Stand: เป็นการวางด้านคีย์บอร์ดไว้บนพื้น แล้วหันหน้าจอตั้งฉากกับพื้น เหมาะกับการใช้ดูวีดีโอ หรือจะใช้พรีเซนท์ได้ เน้นที่การทัชสกรีนหน้าจอ ตั้งบนโต๊ะหรือบนที่นอน โซฟาหรือที่ใดก็ได้ที่สะดวกต่อการดูหน้าจอ
โหมด Tent: สำหรับใช้ในการพักผ่อน เช่น การดูหนังเป็นต้น ข้อดีคือ จะวางบนโต๊ะ เก้าอี้หรือบนที่นอนก็ยังได้ หรือใช้พรีเซนท์งานในกลุ่มเล็กๆ โดยจะเน้นไปที่การทัชสกรีนเป็นหลัก ซึ่งจะพับโน๊ตบุ๊คเป็นสามเหลี่ยม แล้วแตะสั่งงานที่หน้าจอนั่นเอง
โหมด Tablet: ทำงานเป็นรูปแบบของแท็ปเล็ต ด้วยการพับหน้าจอ 360 องศา จากนั้นใช้งานผ่านหน้าจอทัชสกรีน โหมดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เช่น การดูวีดีโอ การท่องเว็บหรือการวาดภาพและใช้งานที่ต้องจับถือไว้ตลอดเวลา
จะเห็นได้ชัดว่า โหมดต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องพับจอในการใช้งาน หลายคนอาจจะห่วงเรื่องของความปลอดภัย แต่เท่าที่ลองใช้ ค่อนข้างเห็นได้ชัดถึงความยืดหยุ่นของบานพับที่ทาง Dell ออกแบบมาเป็นอย่างดี และบานพับเช่นนี้ผ่านการทดสอบมาแล้วมากมาย ให้สามารถปรับพับได้แน่นหนา เพราะในโหมดโน๊ตบุ๊คปกติ เรียกว่าแน่นตั้งแต่เปิดหน้าจอออกมา ไม่สั่นไหวให้รำคาญเมื่อโต๊ะสั่น ส่วนในโหมดอื่นๆ เช่น Tent หรือ Stand เรียกว่าแทบจะนิ่งสนิท เพื่อให้การดูหน้าจอเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ใครที่คิดว่ายังตัดสินใจไม่ได้กับโน๊ตบุ๊คจอพับแบบ 2-in-1 นี้ อยากให้ไปลองเล่นดูที่หน้าร้านได้เลย
Connector / Thin And Weight
ด้านการเชื่อมต่อ Dell Inspiron 5482 ให้พอร์ตหลักๆ มาได้เกือบครบ เรียกว่าเกือบจะเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับใน Inspiron หลายๆ ซีรีส์ เช่น Inspiron 7373 หรือ 7472 เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 สองพอร์ต 1 พอร์ตรองรับการชาร์จไฟ และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วง อาทิ แฟลชไดรฟ์ ฮาร์ดดิสก์และชาร์จแท็ปเล็ต สมาร์ทโฟนหรือที่เป็น Wearable และ Gadget รวมถึงพอร์ต USB 3.1 Gen 1 Type C โดยมีพอร์ตแสดงผลมาให้เพียงพอร์ตเดียวคือ HDMI และสล็อตอ่านมีเดียว SD Card มาด้วย
ส่วนขนาดและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่พกพาได้ไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คระดับ 14 นิ้วทั่วไป ด้วยน้ำหนักตัว 1.75 กิโลกรัม เมื่อบวกกับอแดปเตอร์เล็กๆ ก็ยังไม่ถึง 2 กิโลกรัม ใส่กระเป๋าเป้หรือกระเป๋าสะพายได้สบาย มิติด้านกว้างเพิ่มมาเล็กน้อย เพราะเปิดพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้กับการใช้งานอย่างเต็มที่ และความบางของเครื่องไม่ถึง 2 เซนติเมตร การใส่โน๊ตบุ๊คลงในกระเป๋าไซส์เล็กๆ ก็ไม่ได้ดูเป็นเรื่องวุ่นวาย หรือถ้าในระหว่างวันยังสามารถใส่ซอฟท์เคส หิ้วไปใช้ข้างนอกได้ไม่ยาก
Performance / Software
สำหรับประสิทธิภาพในการทำงานของ Dell Inspiron 5482 รุ่นที่ได้รับมารีวิวครั้งนี้่ มีซีพียูประมวลผล i7-8565U ทำงานในแบบ 4 คอร์/ 8 เธรด จึงทำให้มีพลังมากพอสำหรับจัดการงานต่างๆ ในแบบมัลติทาส์กได้ไม่ยาก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คนในทุกวันนี้ เพราะซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ออกมารองรับการทำงานร่วมกับซีพียูหลายๆ คอร์แล้วทั้งสิ้น โดยคุณสมบัติต่างๆ ปรากฏอยู่บนซอฟต์แวร์ CPU-Z นี้เอง
หากเทียบกับซีพียูในรุ่นที่ใช้ใน Inspiron 7373 ก่อนหน้านี้ ที่มาพร้อม Core i7-8550U แม้จะมีแกนหลักที่เท่ากัน แต่ความเร็วในโหมด Turbo ของ i7-8565U จะสูงกว่า ดังนั้นจึงตอบโจทย์การทำงานในแบบมัลติคอร์ได้ดียิ่งขึ้น แม้จะยังเป็นรองซีพียูในกลุ่มของ HQ ที่เน้นพลังสำหรับการทำงานและฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ แต่เมื่อดูจากประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน อีกทั้งเมื่ออยู่บนโน๊ตบุ๊คขนาดเล็กๆ เช่นนี้ ทำให้ดูลงตัวต่อการใช้งานค่า TDP ต่ำ ความร้อนน้อยกว่าเยอะ โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับแรม DDR4 2666 ขนาด 8GB อีกด้วย และยังรองรับการอัพเกรดได้ เช่นเดียวกับมี Windows 10 มาให้ใช้งานพร้อม
ประสิทธิภาพในการอ่านข้อมูลของ SSD ในแบบ M.2 NVMe ที่ความจุ 256GB ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น โดยทาง Dell เลือก SSD ที่ตอบโจทย์ในการใช้งานได้มากกว่า เพราะในแบบ NVMe นี้ เร็วกว่าแบบ SATA ที่เคยใช้แบบเดิมๆ อยู่ไม่น้อย โดยจะเห็นได้จากการอ่านข้อมูลที่มากกว่า 1200MB/s และการเขียนข้อมูลที่มากกว่า 500MB/s อีกด้วย ซึ่งความจุอาจจะดูน้อยไปบ้าง เพราะปัจจุบันบริการด้าน Cloud Storage มีให้เลือกเยอะ หรือจะใช้แบบฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอกก็มีให้เลือกซื้อกันมากมาย
ส่วนการทดสอบกับโปรแกรมเรนเดอร์ 3 มิติเบื้องต้นอย่าง CINEBENCH R15 ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ตัวเลขไม่ได้เป็นรองซีพียูรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด ด้วยการทำงานแบบมัลติทาส์กทำให้ได้ประโยชน์กับงานเหล่านี้ เช่นเดียวกับการเล่นเกมสามมิติ แม้จะเป็นซีพียู “U” series ก็ตาม หากมองกันจริงๆ งานเอกสารหรือทำภาพกราฟฟิกทั่วไป แต่งภาพตัดวีดีโอเล่นๆ ง่ายๆ โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ทำได้ไม่ยาก
ในการเล่นเกม เราเลือกใช้ DOTA2 ที่เป็นเกมแบบโหดนิดๆ กินทรัพยากรหน่อยๆ แต่ก็เหมาะกับโน๊ตบุ๊คแนวๆ นี้ ซึ่งทำให้เห็นว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มนี้ ก็ตอบโจทย์การเล่นเกมได้เช่นกัน ด้วยการตั้งค่าแบบภาพสวยปานกลาง บนโหมด Full-HD สิ่งที่ได้คือ เกมที่ลื่นใช้ได้ ช่วงหน้าจอที่มีตัวละครไม่มากหรือฉากทั่วๆ ไป เฟรมเรตไปแตะที่ราวๆ 80fps และเมื่อมีการร่ายคาถาหรือว่าทำคอมโบ เอฟเฟกต์ตระการตามากขึ้น เฟรมเรตหล่นลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ราวๆ 50-60fps ซึ่งอยู่ในระดับที่คุณเล่นได้แบบสบายตา อานิสงส่วนหนึ่งมาจากซีพียูตัวแรง แต่ถ้าจะปรับสุดกว่านี้ ก็อาจจะต้องลด Detail บางอย่างลงบ้าง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเฟรมเรตมากนัก จะทำให้เล่นได้สนุกสนานมากกว่า ไม่เสียอารมณ์
Battery / Heat / Noise
Dell Inspiron 5482 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 42 Wh ที่ต้องถือว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่พอสมควรสำหรับโน๊ตบุ๊คแนวนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อให้รองรับการทำงานในโหมดทัชสกรีนได้นานขึ้น จากการทดสอบด้วยการเล่นอินเทอร์เน็ต เปิดยูทูปและทำงานไปด้วยบ้างสลับกัน โดยปรับเสียงประมาณ 30% และความสว่างให้มองเห็นและใช้งานได้ ตัวเลขที่ได้บนโปรแกรมทดสอบอยู่ที่ราวๆ 11 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ามากพอสมควร เมื่อเทียบกับ Dell ที่ใช้ซีพียูในระดับใกล้เคียงกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งและจัดสรรสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับคุณเองด้วย
ส่วนการระบายอากาศบอกได้เลยว่า แม้จะมีช่องระบายลมออกไม่ใหญ่ เพราะตั้งใจจะให้ดูสอดคล้องเข้ากับรูปทรง แต่อุณหภูมิในการทำงาน แทบจะไม่ร้อนเลยด้วยซ้ำ จากการเปิด Full load ให้ใช้งานหนักๆ เช่น การ Benchmark และการเล่นเกม ลมที่ดูดจากช่องด้านล่าง เข้าสู่ตัวเครื่องและเป่าออกสู่ด้านหลัง มีประสิทธิภาพที่ดีพอสมควร ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คแนวธุรกิจ เพียงแต่ช่วงจังหวะที่ทำงานหนักมาก พัดลมก็จะเร่งขึ้น เสียงอาจจะดังขึ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หวีดหวิวจนน่ารำคาญ เพราะอย่าลืมว่านี่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Intel Core i7 และยังมีกราฟฟิกแยกมาให้อีกด้วย ฉะนั้นเมื่อใช้งาน แม้จะไม่ได้อยู่ในห้องปรับอากาศ ถ้าใช้งานทั่วไป ถือว่าสบายๆ
Conclusion / Award
หากมองในแง่ของโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 แบบนี้ สิ่งที่ผู้ซื้ออยากได้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความหลากหลายในการใช้งาน สิ่งอำนวยความสะดวกและความคล่องตัว โดยที่ Dell Inspiron 5482 นี้ ก็สามารถตอบความต้องการพื้นฐานได้ครบ ไม่ว่าคุณจะอยากพักผ่อนกับภาพยนตร์สักเรื่องบน NetFlix ด้วย Stand mode บนที่นอน หรือใช้ Tent mode เพื่อดูข่าวสารบนโต๊ะอาหาร หรือลองออกแบบชิ้นงาน ด้วยการ Sketch ร่วมกับ Active Pen ได้บนหน้าจอ เมื่อปิ๊งไอเดียอะไรใหม่ๆ ได้ที่ห้องนั่งเล่น ด้วยการรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ และ Dell ยังให้ประสิทธิภาพของซีพียูระดับ Intel Core i7 มาด้วย จึงช่วยให้การใช้งานในแบบต่างๆ ทำได้รวดเร็ว รวมถึงการใส่สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การใช้ระบบ Fingerprint scan และพอร์ตสำหรับต่อพ่วงที่มีมาอย่างครบครัน เรื่องของดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย จึงกลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่สามารถเข้ากันได้ในทุกโอกาส และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว
กับสนนราคาประมาณ 34,900 บาท กับโน๊ตบุ๊คที่ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า แม้จะไม่ได้ทดแทนกันได้ เช่น การใช้โหมดแท็ปเล็ต ที่คงไม่ได้บางเบาเหมือนกัน เพราะสิ่งนี้คือ โน๊ตบุ๊ค แต่สิ่งที่ได้คือ ความสะดวกสบายบนแพลตฟอร์มของวินโดวส์ ที่ให้ผู้ใช้สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งหลายอย่างอุปกรณ์โมบายทำไม่ได้ และที่สำคัญยังมาพร้อมประสิทธิภาพของซีพียูระดับ 4 คอร์/8 เธรด อีกด้วย การทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ไม่ว่าจะเป็นการดู อ่าน เล่นก็ทำได้ง่ายการ Edit หรือแก้ไข ปรับแต่ง เช่น รูปภาพหรือวีดีโอ ก็คล่องตัวมากกว่าอีกด้วย ถ้าจะให้คำนิยามสำหรับ Dell Inspiron 5482 รุ่นนี้คือ “ความสะดวกบวกกับพลังสำหรับการสร้างสรร”
จุดเด่น
- โครงสร้างเน้นความแข็งแรง แต่น้ำหนักไม่มาก พกพาง่าย
- วัสดุจับติดมือ ไม่ลื่น
- ใช้ซีพียู Core i7 ทำให้ตอบโจทย์ในงานได้ดีขึ้น
- ให้ SSD ความเร็วสูงมาด้วย
- การรับประกันและบริการ Dell Premium Support
- จอเป็นแบบพาแนล IPS ให้มุมมองที่กว้าง
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10
ข้อสังเกต
- ช่องระบายลมด้านหลังเล็กไปบ้าง
Award
สำหรับรางวัลที่มอบให้กับโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 รุ่นได้ ได้จากการเปรียบเทียบโน๊ตบุ๊คขนาด 14″ ในกลุ่มตลาดเดียวกัน โดยรางวัลที่ Dell Inspiron 5482 สามารถคว้าไปในการทดสอบคร้ังนี้ ได้แก่
Best Mobility
ต้องบอกว่าทาง Dell เป็นผู้ผลิตที่มีความช่ำชองสำหรับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มไลฟ์สไตล์ การออกแบบโน๊ตบุ๊คในรุ่นนี้ จึงมีการจัดวางองค์ประกอบหลายอย่าง สำหรับเอื้อประโยชน์ในการใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่น้ำหนักเพียง 1.75 กิโลกรัม สามารถปรับพับให้เป็นโหมดต่างๆ ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงระบบความปลอดภัยและฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อที่มีมาให้ สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญของโน๊ตบุ๊คที่หลายคนกำลังมองหา