Review – Huawei MateBoook X Pro สิ้นสุดการรอคอยในประเทศไทย กับการมาของโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์จีนค่ายยักษ์อย่าง Huawei ที่มีชื่อเสียงเรื่องมือถือที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่สูงในราคาที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น Huawei Mate 20 Series หรือ Huawei P20 Series หรือรุ่นอื่นๆ มาในตอนนี้ MateBook X Pro โน๊ตบุ๊ครุ่นแรกของทาง Huawei ก็พร้อมขายในไทยอย่างเป็นทางการ ราคาเริ่มอยู่ที่ 43,990 บาท จนไปถึง 58,990 บาท แน่นอนว่าสเปกและฟีเจอร์จัดเต็มที่เหนือกว่า เมื่อเทียบเท่าแบรนด์คอมพิวเตอร์อื่นๆ กับผลิตภัณฑ์ Ultrabook ระดับบนด้วยกันเอง
Huawei MateBook X Pro นับว่าเป็น Ultrabook ซีรีส์บนที่สุดของ Huawei ที่นำมาจำหน่ายในไทยเป็นรุ่นแรก โดยในต่างประเทศจริงๆ แล้ว ยังมีซีรีส์อื่นๆ อีก อาทิ MateBook E, MateBook D, MateBook X สำหรับราคาก็จะมีระดับราคาที่ต่ำลงมาในแต่ละซีรีส์ ซึ่งทาง Huawei มีแผนที่จะทยอยนำเข้ามาจำหน่ายในปีหน้าเป็นต้นไป รวมไปถึงเน้นการทำตลาดที่จริงจังมายิ่งขึ้นไม่แพ้ในฝั่งของมือถือเลยทีเดียว ยังไงต้องรอดูกันอีกที
Feature Highlight
Huawei MateBook X Pro โน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุด ดีไซน์หรูหรา บางเฉียบ เพียบพร้อมสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์คูล ด้วยตัวเครื่องที่ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุอะลูมิเนียมยูนิบอดี้น้ำหนักเบา บางเฉียบเพียง 14.6มิลลิเมตร พร้อมหน้าจอสัมผัสกว้างเต็มตาแบบ FullView display ขนาด 13.9” ความละเอียดคมชัดระดับ 3K สัมผัสได้สูงสุด 10 จุด ขอบบางเพียง 4.4 มิลลิเมตร อัตราส่วน Screen-to-body มากถึง 91% มุมมองกว้าง 178 องศา
และที่สแกนลายนิ้วมือเป็นแบบ One Touch ใต้ปุ่มเปิดเครื่องเพื่อความปลอดภัยและรวดเร็วในการใช้งาน พกความบันเทิงเต็มขั้นด้วยระบบเสียงคุณภาพจาก Dolby Atmos ให้เสียงดังชัด มีมิติ เสมือนว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ รวมไปถึงไมโครโฟนสำหรับใช้งานถึง 4 ตัวอีกด้วย
ที่สำคัญคือ Huawei MateBook X Pro ยังรองรับ Huawei Share 2.0 ที่สามารถส่งไฟล์หรือไฟล์ภาพระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Huawei กับ Huawei Matebook X Pro ได้อย่างสะดวก ง่ายดาย รวดเร็ว และปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องใช้สายหรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อเติมเต็ม Ecosystem ของ Huawei อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการถ่ายโอนข้อมูลจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Huawei ที่เป็น Android มีความเร็วสูงถึง 20 Mbps เร็วกว่า Bluetooth 100 เท่า แชร์รูปภาพ 1000 ภาพไปยังพีซีภายใน 3 นาที, 1 GB วิดีโอภายใน 1 นาที*
* เฉพาะอุปกรณ์ Huawei ที่รองรับ Huawei Share เท่านั้น
** ข้อมูลทั้งหมดเป็นค่าทางทฤษฎีที่ได้จากห้องปฏิบัติการของ Huawei โดยผ่านการทดสอบภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ข้อมูลจริงอาจแตกต่างกันไป
ที่สำคัญซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่น บันเดินเมาส์ไร้สาย Bluetooth และเป้ Backpack ของทาง Huawei ให้ด้วย พิเศษสุดๆ เมื่อไปซื้อที่ Huawei Experience Store สาขาสยามพารากอน ในวันที่ 21 – 31 ธันวาคมนี้ รับฟรีไปอีกเป็นซอฟต์เคสหนังอย่างดี
VDO Preview
VDO Unbox
Spec / Package
สเปกภายในของตัว Huawei MateBook X Pro รุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมีด้วยกัน 2 รุ่น มาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.9 นิ้ว ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง LTPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้าง ขอบเขตสี sRGB 100% ความสว่าง 450 nits รองรับการทัชกรีน 10 จุด กระจกเป็น Gorilla ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U/ Core i7-8550U โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 8 (Coffee Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB DDR3Lซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดรุ่นเริ่มต้นจะมีเพียงการ์ดจอออนบอร์ด Intel Graphic UHD620 แต่ถ้าเป็นตัวบนจะได้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 มาด้วย ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ระดับเทียบเท่า GTX 950M เรียกได้ว่าพอที่จะเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลทีเดียว สำหรับฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูงแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB/512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi AC และ Bluetooth 4.1
ส่วนของ Webcame มีความละเอียดที่ 1 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมไมโครโฟน 4 ตัวและลำโพง 4 ตัว รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้มาใช้งานได้ทันทีในการเปิดเครื่องครั้งแรกโดยแบตเตอรี่อยู่ได้นานสุดประมาณ 12 – 15 ชั่วโมง มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ Huawei
- i5-8250U / RAM 8GB / SSD 256GB ราคา 43,990 บาท
- i7-8550U / MX150/ RAM 16GB / SSD 512GB ราคา 58,990 บาท
ในส่วนของตัวกล่องมาพร้อมดีไซน์ที่ดูแล้วสวยงามลงตัว ดูแล้วมีขนาดที่พอเหมาะกับตัวเครื่อง สีสันของกล่องเป็นสีขาวสะอาดตา เมื่อเปิดฝาขึ้นมาก็จะพบกับเครื่องว่างอยู่ และเมื่อหยิบ Huawei MateBook X Pro ก็จะพบกับอีก 2 กล่องเล็ก ซึ่งจะเป็นกล่องที่ใส่อแดปเตอร์ขนาด 65Watt อยู่ ซึ่งเมื่อแกะออกมาแล้ว พบกับขนาดของอแดปเตอร์สีขาวมัมวาวที่ค่อนข้างเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่มีกำลัง 65Watt เหมือนกัน
ส่วนอีกกล่องก็จะเป็นเป็นสาย USB-C > USB-C ไว้ใช้งานเชื่อมต่อชาร์จไฟกันระหว่างตัวเครื่องและอแดปเตอร์ นอกจากนี้ยังมี MateDock ที่รองรับการขยายการเชื่อมต่อเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น USB-A, USB-C, HDMI และ D-Sub อีกด้วย เรียกได้ว่าทาง Huawei จัดเต็มจริงๆ ในเรื่องของบันเดิลที่ให้มา
Hardware / Design
เรื่องการออกแบบดีไซน์ของ Huawei MateBook X Pro โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ที่ 4.4 มิลลิเมตร ทั้ง 4 ด้าน กินพื้นที่ 91% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 13.9″ สัดส่วนแบบ 3:2 ที่ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล (3K) ความสว่าง 450 nits รองรับการสัมผัสมากสุด 10 จุด แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีพื้นที่ติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบเดิมๆ ส่งผลให้ต้องย้ายไปไว้ที่ระหว่างปุ่ม F6 – F7 แทน แบบ Pop Up เก๋ๆ ที่ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ ตัวเครื่องก็มีความบางเพียง 14.6 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.33 กิโลกรัม
ทำให้มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 13.3″ สมัยก่อนเลย เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศา สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่องของ Huawei MateBook X Pro เลือกใช้เป็นอะลูมิเมียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส พร้อมพื้นผิวเป็นแบบทรายทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ที่สำคัญตัวเครื่องรอบๆ ได้มีการทำตัดขอบแบบ Daimond Cut บอกได้ถึงงานเนียบระดับโน๊ตบุ๊คพรีเมียมอย่างที่มีโน๊ตบุ๊คระดับบนเท่านั้น
ผิวสัมผัสเป็นแบบทราย ทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยาก และด้วยตัวเครื่องมีสี Mystic Grey หรือสีเงิน ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก (ส่วนสี Space Gray ยังไม่มีการนำเข้ามา) อย่างฝาหลังก็มีแต่โลโก้ Huawei เท่านั้น ส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือระดับอย่าง Mate Series เลยล่ะ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งดูลงตัวเข้าไปอีก
Screen / Speaker
Huawei MateBook X Pro ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 13.9 นิ้ว แบบ FullView มีขอบที่บางมากเพียง 4.4 มิลลิเมตร ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล สัด่ส่วนแปลกตาที่ 3:2 มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ด้วยพาเนล LTPS ที่สวยงามระดับ IPS แต่รองรับการทัชสกรีนที่ติดนิ้วกว่า รวมถึงตัวกระจก Corning Gorilla Glass ก็แข็งแรงทนทาน ซึ่งรับสามารถสัมผัสได้อย่างไร้กังวลเรื่องของรอยขีดขวน แต่มีข้อสังเกตก็คือแสงสะท้อนค่อนข้างเยอะ ต้องปรับดีๆ ให้เรื่องของมุมมองและองศาของจอเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่ที่มีแสงเยอะๆ
ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 13.9 นิ้วที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องของสัดสวนและความละเอียด ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด พร้อมความเรียบเนียนตาแบบหาได้ยาก และการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากการที่ขอบจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน ทำให้มีการย้ายติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ชุดคีย์บอร์ดแถวบนแทน ซึ่งเป็นแบบ Pop-up กดแล้วเด้ง เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งก็มีข้องสังเกตอยู่เล็กน้อยให้เรื่องของมุมกล้องที่ดูจะค่อนข้างเสยทำให้ดูอ้วนเกินจริง รวมไปถึงกล้องเองไม่ได้เปิดเมื่อเด้ง และปิดเมื่อกดลง เรายังจำเป็นต้องปิดด้วยซอฟต์แวร์อีกที
ในส่วนของลำโพงของ Huawei MateBook X Pro ติดตั้งมาเป็นแบบ 4 ตัว (Quad Speaker) พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos โดยลำโพง 2 ตัวติดตั้งไว้ข้างๆ คีย์บอร์ด และอีก 2 ตัวอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมความสามารถจำลองมิติทิศทางของเสียงดีกว่าลำโพงเพียง 2 ตัวเหมือนโน๊ตบุ๊คทั่วไป
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย เรียกได้ว่าแม้ Huawei MateBook X Pro จะเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ในไทย แต่ก็ทำตลาดอย่างจริงจัง
ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ความเจ๋งก็คือ เมื่อเรากดเปิดเครื่อง เครื่องจะทำการสแกนนิ้วและเปิดเครื่องไปพร้อมๆ กัน เราไม่จำเป็นต้องมาสแกน Login เครื่องอีกรอบนึง นับว่าเป็นความแปลกใหม่อีกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งง่ายและรวดเร็ว เพราะปกติต้องเปิดเครื่อง รอ Login แล้วจึงสแกน ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ
Connector / Thin And Weight
Huawei MateBook X Pro จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานบางเบา ซึ่งมีไซส์และมิติโดยรวมเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 Type-A จำนวน 1 ช่อง, USB 3.1 Type-C อีก 2 โดย 1 ช่องเป็น Thunderbolt 3 และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตาม พอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ อาจจะดูไม่มากมายเท่าพวกโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ แต่ในการใช้งานจริงก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ อีกทั้งมีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 802.11 ac พร้อมใช้งานตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่แล้ว
ส่วนของการพกพาของ Huawei MateBook X Pro ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมยอดเมื่อเทียบกับสเปก ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.33 กิโลกรัมเท่านั้น ดีกว่าตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คค่ายอื่นๆ ที่ใช้สเปกนี้มาก ที่สำคัญอแดปเตอร์จ่ายไฟที่ 65 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบาเช่นเดียว ทำให้การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ นับว่าเป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายบางเบาที่เหมาะกับการใช้งานตามร้านกาแฟ ออฟฟิศ มหาวิทยาลัยมากๆ เครื่องหนึ่ง
Performance / Software
Huawei MateBook X Pro มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8550U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ
เทียบกับรุ่นก่อนเรียกได้ว่าแรงขึ้นพอตัวเพราะ Core เยอะขึ้น แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสู้กว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ H ตรงๆ ไม่ได้เรื่องของประสิทธิภาพการประมวลผล แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 620 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m เลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe แบรนด์ Samsung ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD mSATA แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3387MB/s ความเร็วในการเขียนได้ 1915MB/s ตรงนี้ถือว่าทำได้ดีมากๆ ทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,453 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอแบบเบาๆ ที่แม้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยกระดับไม่แรงมาก แต่ก็ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายทีเดียว
การทดสอบเกมจะเป็นเกมที่ไม่หนักมาก แต่เป็นเกมที่คนส่วนมากนิยมเล่นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวก็เล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ Native 1920 x 1080 พิกเซล สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าปรับสุดทุกอย่างเลยสำหรับ DOTA 2 ส่วน Overwatch จะเป็นปรับแบบ Medium โดย Rendering 100% ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับที่น่าประทับใจ
ส่วนเกมออนไลน์อย่าง PUBG ที่นับว่าเป็นอีกเกมที่กินทรัพยากรเครื่องหนัก ก็มาทดสอบด้วยการปรับเป็น Low โดยเฟรมเรทที่ได้มานั้นถือว่าผ่านเลย เล่นได้สบายๆ ภาพก็สวยงามพอตัวไม่ได้แย่อะไร พูดตรงๆ ก็คือพอจะเล่นได้สำหรับเกมออนไลน์แนวนี้ ส่วนเกมอื่นๆ ที่ไม่เกินทรัพยากรเท่าอย่าง CS:GO หรือ Point Blank รวมไปถึงเกมออนไลน์อื่นๆ ก็น่าจะเล่นได้ลื่นๆ อย่างแน่นอน
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Huawei MateBook X Pro ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ Huawei นะ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Huawei MateBook X Pro เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็มไวอย่างที่วุด ส่วนช่องระบายของเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของเครื่องเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 95 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ Huawei MateBook X Pro เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Huawei MateBook X Pro ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งบอดี้อะลูมิเนียมที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน และอย่างไรก็ตามการใช้ชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดอย่าง Core i Gen 8 + MX150 ก็ยังมีอุณหภูมิที่สูงเกือบๆ 100 องศาอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด อีกข้อสังเกตคือไม่ร้อนเกินไปกว่า 95 องศาเซลเซียสแล้ว คาดว่าทาง Huawei ล็อคเอาไว้ โดยเลือกที่จะลด Clock แทน
Conclusion / Award
Huawei MateBook X Pro มีขนาดหน้าจอ 13.9″ ที่นับว่าเป็นขนาดที่แตกต่างจากมาตรฐานของ Ultrabook ทั่วไป มีขอบจอที่บางเฉียบ โดยเน้นการพกพาเป็นหลัก ซึ่งดีไซน์ต้องบอกว่าสวยงาม เน้นความบางและเบากว่าที่มากกว่า แน่นอนว่ามีประสิทธิภาพที่สูงด้วยสเปกภายในเป็นตัวแรงและรุ่นล่าสุด อาทิ Core i5-8250U หรือ Core i7-8550U มาพร้อมการ์ดจอแยก GeForce MX150 (GDDR5 2GB) ที่สำคัญยังล้ำหน้ากว่าเรื่องของการย้าย Webcam ลงมาซ่อนไว้คีย์บอร์ดแถวบน รวมไปถึงระบบเข้าใช้งานปุ่มเปิดเครื่องที่มีการติดตั้งสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว
Huawei MateBook X Pro อีกหนึ่ง Ultimate Ultrabook ที่ลงมาเล่นในตลาดโน๊ตบุ๊คประเทศไทย กับการมาครั้งแรกที่เราจะได้เห็นโน๊ตบุ๊คจากทาง Huawei ซึ่งเป็นการนำมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่ปกติเราจะเห็นแต่ผลิตภัณฑ์สายมือถือ โดย Huawei MateBook X Pro เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานพกพา เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานเอกสาร แตกต่างภาพ และงานกราฟฟิกต่าง ๆ ที่อาจจะไปนำเล่นเกมได้บ้าง แฟนๆ Huawei น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย หรือคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์โน๊ตบุ๊คเดิมๆ อย่างไงก็ตามต้องยอมรับว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เข้าใจได้
Huawei MateBook X Pro มาในราคาท้าชนกับ Ultrabook โน๊ตบุ๊คสายบางเบาตัวท็อปของทุกแบรนด์ ด้วยราคาเริ่นต้นที่ 43,990 – 58,990 บาท รับประกัน 2 ปี ซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่น บันเดินเมาส์ไร้สาย Bluetooth และเป้ Backpack ของทาง Huawei ให้ด้วย พิเศษสุดๆ เมื่อไปซื้อที่ Huawei Experience Store สาขาสยามพารากอน ในวันที่ 21 – 31 ธันวาคมนี้ รับฟรีไปอีกเป็นซอฟต์เคสหนังอย่างดี แน่อนอนเทียบกับคู่แข่งแล้วมีหลายส่วนที่เหนือกว่า แต่สิ่งที่ยังไม่แน่ใจก็เป็นเรื่องของการรับประกัน รวมไปถึงความแข็งแรงในฝั่งของโน๊ตบุ๊ค Huawei ประเทศไทย
ส่วนในอนาคตจากที่ไปงานเปิดตัวมา ทาง Huawei ก็มีแผนที่จะทำตลาดโน๊ตบุ๊คอย่างจริงจังในปี 2019 นี้ ซึ่งปลายปี 2018 ก็ได้มีการนำ Huawei MateBook X Pro ซึ่งเป็นตัวท็อปสุดของไลน์โน๊ตบุ๊คเข้ามาทำตลาดก่อน เรียกได้ว่าสุดทุกทาง ซึ่งอีกไม่นาน Huawei ก็จะนำซีรีส์อื่นๆ ที่มีราคาถูกกว่านี้มาขายในไทยแน่นอน แฟนๆ คนไหนรอได้ก็รอกันหน่อยนะ
– ใครงบไม่ใช่ปัญหาก็จัดได้ ยิ่งถ้าเป็นแฟน Huawei นั้นห้ามพลาด ส่วนใครไม่รีบรอดูไปก่อนก็ได้ –
จุดเด่น
- ดีไซน์บางเบาพิเศษ ที่บางเพียง 14.6 มิลลิเมตร เบาเพียง 1.33 กิโลกรัม
- แข็งแรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอะลูมิเนียมแบบ Unibody พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี FullView พื้นที่กว่า 91%
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.9 นิ้ว สัดส่วนแบบ 3:2 ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยสด งดงามมาก
- เทคโนโลยีพาเนลจอ LTPS สีสันสวยงาม พร้อมรองรับการทัชสกรีน 10 จุด
- กล้องเว็บแคมแบบ Pop Up ซ่อนเอาไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ดูแปลกตา
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย i7 + MX150 + RAM 16GB + SSD NVMe 512GB
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟ และทัชแพดมีขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง
- Quad Speakerพร้อมระบบเสียง Dolby Atmosให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ One Touch สแกนพร้อมเปิดเครื่องในครั้งเดียว
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- พอร์ต USB-C มาให้ 2 พอร์ต โดยเป็น Thunderbolt 3 1 พอร์ต
- พร้อมมี USB-A อีก 1 พอร์ต ไว้เชื่อมต่อเมาส์หรือ External Hardisk
- บันเดิล USB-C Hub อย่าง MateDock มาให้เลย
- ประกัน 2 ปี มาตรฐาน Huawei พร้อมมีของแถมอื่นๆ อาทิ เมาส์ กระเป๋า
ข้อสังเกต
- ราคาสูงเมื่อเทียบกับสเปก แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมแทน
- ความร้อนสูงสุดแค่ 95 องศาเซลเซียส จากนั้นจะลด Clock ลงมาแทน
- แบตเตอรรี่ใช้งานได้แค่ 6 ชั่วโมง น้อยกว่าที่เคลมเอาไว้
- กล้องเว็บแคมองศาแปลกๆ และไม่ปิดตัวเองเมื่อกดลงไป
- ซอฟต์แวร์ PC Manager ใช้งานได้ดี แต่ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะ Huawei
- อแดปเตอร์จริงๆ แล้วสามารถทำให้เล็กกว่านี้ได้อีก ถ้าดูจากของ Innergie PowerGear 60C
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.9 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Huawei MateBook X Pro ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-8550U พร้อมการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX150 ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.3 NVMe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ที่แรงระดับ 3,000MB/s ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR3L แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นไม่ต้องอัพเกรดอะไรแล้ว ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมเบาๆ ได้อย่างลื่นไหล
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Huawei มาตั้งแต่ไหนแต่ไรในฝั่งของมือถือ ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Huawei MateBook X Pro ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น พร้อมใช้สีสันอย่าง Mystic Grey หรือสีเงิน ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก เพิ่มรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังมีขอบจอบางสุดๆ อีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 14.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.33 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.5 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Feature Highlight
Huawei MateBook X Pro โน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุด ดีไซน์หรูหรา บางเฉียบ เพียบพร้อมสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์คูล ด้วยตัวเครื่องที่ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุอะลูมิเนียมยูนิบอดี้น้ำหนักเบา บางเฉียบเพียง 14.6มิลลิเมตร พร้อมหน้าจอสัมผัสกว้างเต็มตาแบบ FullView display ขนาด 13.9” ความละเอียดคมชัดระดับ 3K สัมผัสได้สูงสุด 10 จุด ขอบบางเพียง 4.4 มิลลิเมตร อัตราส่วน Screen-to-body มากถึง 91% มุมมองกว้าง 178 องศา
และที่สแกนลายนิ้วมือเป็นแบบ One Touch ใต้ปุ่มเปิดเครื่องเพื่อความปลอดภัยและรวดเร็วในการใช้งาน พกความบันเทิงเต็มขั้นด้วยระบบเสียงคุณภาพจาก Dolby Atmos ให้เสียงดังชัด มีมิติ เสมือนว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ รวมไปถึงไมโครโฟนสำหรับใช้งานถึง 4 ตัวอีกด้วย
ที่สำคัญคือ Huawei MateBook X Pro ยังรองรับ Huawei Share 2.0 ที่สามารถส่งไฟล์หรือไฟล์ภาพระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Huawei กับ Huawei Matebook X Pro ได้อย่างสะดวก ง่ายดาย รวดเร็ว และปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องใช้สายหรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อเติมเต็ม Ecosystem ของ Huawei อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการถ่ายโอนข้อมูลจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Huawei ที่เป็น Android มีความเร็วสูงถึง 20 Mbps เร็วกว่า Bluetooth 100 เท่า แชร์รูปภาพ 1000 ภาพไปยังพีซีภายใน 3 นาที, 1 GB วิดีโอภายใน 1 นาที*
* เฉพาะอุปกรณ์ Huawei ที่รองรับ Huawei Share เท่านั้น
** ข้อมูลทั้งหมดเป็นค่าทางทฤษฎีที่ได้จากห้องปฏิบัติการของ Huawei โดยผ่านการทดสอบภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ข้อมูลจริงอาจแตกต่างกันไป
ที่สำคัญซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่น บันเดินเมาส์ไร้สาย Bluetooth และเป้ Backpack ของทาง Huawei ให้ด้วย พิเศษสุดๆ เมื่อไปซื้อที่ Huawei Experience Store สาขาสยามพารากอน ในวันที่ 21 – 31 ธันวาคมนี้ รับฟรีไปอีกเป็นซอฟต์เคสหนังอย่างดี
VDO Preview
VDO Unbox
Spec / Package
สเปกภายในของตัว Huawei MateBook X Pro รุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมีด้วยกัน 2 รุ่น มาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.9 นิ้ว ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง LTPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้าง ขอบเขตสี sRGB 100% ความสว่าง 450 nits รองรับการทัชกรีน 10 จุด กระจกเป็น Gorilla ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U/ Core i7-8550U โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 8 (Coffee Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB DDR3Lซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดรุ่นเริ่มต้นจะมีเพียงการ์ดจอออนบอร์ด Intel Graphic UHD620 แต่ถ้าเป็นตัวบนจะได้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 มาด้วย ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ระดับเทียบเท่า GTX 950M เรียกได้ว่าพอที่จะเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลทีเดียว สำหรับฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูงแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB/512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi AC และ Bluetooth 4.1
ส่วนของ Webcame มีความละเอียดที่ 1 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมไมโครโฟน 4 ตัวและลำโพง 4 ตัว รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้มาใช้งานได้ทันทีในการเปิดเครื่องครั้งแรกโดยแบตเตอรี่อยู่ได้นานสุดประมาณ 12 – 15 ชั่วโมง มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ Huawei
- i5-8250U / RAM 8GB / SSD 256GB ราคา 43,990 บาท
- i7-8550U / MX150/ RAM 16GB / SSD 512GB ราคา 58,990 บาท
ในส่วนของตัวกล่องมาพร้อมดีไซน์ที่ดูแล้วสวยงามลงตัว ดูแล้วมีขนาดที่พอเหมาะกับตัวเครื่อง สีสันของกล่องเป็นสีขาวสะอาดตา เมื่อเปิดฝาขึ้นมาก็จะพบกับเครื่องว่างอยู่ และเมื่อหยิบ Huawei MateBook X Pro ก็จะพบกับอีก 2 กล่องเล็ก ซึ่งจะเป็นกล่องที่ใส่อแดปเตอร์ขนาด 65Watt อยู่ ซึ่งเมื่อแกะออกมาแล้ว พบกับขนาดของอแดปเตอร์สีขาวมัมวาวที่ค่อนข้างเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่มีกำลัง 65Watt เหมือนกัน
ส่วนอีกกล่องก็จะเป็นเป็นสาย USB-C > USB-C ไว้ใช้งานเชื่อมต่อชาร์จไฟกันระหว่างตัวเครื่องและอแดปเตอร์ นอกจากนี้ยังมี MateDock ที่รองรับการขยายการเชื่อมต่อเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น USB-A, USB-C, HDMI และ D-Sub อีกด้วย เรียกได้ว่าทาง Huawei จัดเต็มจริงๆ ในเรื่องของบันเดิลที่ให้มา
Hardware / Design
เรื่องการออกแบบดีไซน์ของ Huawei MateBook X Pro โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ที่ 4.4 มิลลิเมตร ทั้ง 4 ด้าน กินพื้นที่ 91% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 13.9″ สัดส่วนแบบ 3:2 ที่ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล (3K) ความสว่าง 450 nits รองรับการสัมผัสมากสุด 10 จุด แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีพื้นที่ติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบเดิมๆ ส่งผลให้ต้องย้ายไปไว้ที่ระหว่างปุ่ม F6 – F7 แทน แบบ Pop Up เก๋ๆ ที่ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ ตัวเครื่องก็มีความบางเพียง 14.6 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.33 กิโลกรัม
ทำให้มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 13.3″ สมัยก่อนเลย เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศา สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่องของ Huawei MateBook X Pro เลือกใช้เป็นอะลูมิเมียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส พร้อมพื้นผิวเป็นแบบทรายทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ที่สำคัญตัวเครื่องรอบๆ ได้มีการทำตัดขอบแบบ Daimond Cut บอกได้ถึงงานเนียบระดับโน๊ตบุ๊คพรีเมียมอย่างที่มีโน๊ตบุ๊คระดับบนเท่านั้น
ผิวสัมผัสเป็นแบบทราย ทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยาก และด้วยตัวเครื่องมีสี Mystic Grey หรือสีเงิน ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก (ส่วนสี Space Gray ยังไม่มีการนำเข้ามา) อย่างฝาหลังก็มีแต่โลโก้ Huawei เท่านั้น ส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือระดับอย่าง Mate Series เลยล่ะ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งดูลงตัวเข้าไปอีก
Screen / Speaker
Huawei MateBook X Pro ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 13.9 นิ้ว แบบ FullView มีขอบที่บางมากเพียง 4.4 มิลลิเมตร ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล สัด่ส่วนแปลกตาที่ 3:2 มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ด้วยพาเนล LTPS ที่สวยงามระดับ IPS แต่รองรับการทัชสกรีนที่ติดนิ้วกว่า รวมถึงตัวกระจก Corning Gorilla Glass ก็แข็งแรงทนทาน ซึ่งรับสามารถสัมผัสได้อย่างไร้กังวลเรื่องของรอยขีดขวน แต่มีข้อสังเกตก็คือแสงสะท้อนค่อนข้างเยอะ ต้องปรับดีๆ ให้เรื่องของมุมมองและองศาของจอเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่ที่มีแสงเยอะๆ
ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 13.9 นิ้วที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องของสัดสวนและความละเอียด ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด พร้อมความเรียบเนียนตาแบบหาได้ยาก และการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากการที่ขอบจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน ทำให้มีการย้ายติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ชุดคีย์บอร์ดแถวบนแทน ซึ่งเป็นแบบ Pop-up กดแล้วเด้ง เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งก็มีข้องสังเกตอยู่เล็กน้อยให้เรื่องของมุมกล้องที่ดูจะค่อนข้างเสยทำให้ดูอ้วนเกินจริง รวมไปถึงกล้องเองไม่ได้เปิดเมื่อเด้ง และปิดเมื่อกดลง เรายังจำเป็นต้องปิดด้วยซอฟต์แวร์อีกที
ในส่วนของลำโพงของ Huawei MateBook X Pro ติดตั้งมาเป็นแบบ 4 ตัว (Quad Speaker) พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos โดยลำโพง 2 ตัวติดตั้งไว้ข้างๆ คีย์บอร์ด และอีก 2 ตัวอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมความสามารถจำลองมิติทิศทางของเสียงดีกว่าลำโพงเพียง 2 ตัวเหมือนโน๊ตบุ๊คทั่วไป
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย เรียกได้ว่าแม้ Huawei MateBook X Pro จะเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ในไทย แต่ก็ทำตลาดอย่างจริงจัง
ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ความเจ๋งก็คือ เมื่อเรากดเปิดเครื่อง เครื่องจะทำการสแกนนิ้วและเปิดเครื่องไปพร้อมๆ กัน เราไม่จำเป็นต้องมาสแกน Login เครื่องอีกรอบนึง นับว่าเป็นความแปลกใหม่อีกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งง่ายและรวดเร็ว เพราะปกติต้องเปิดเครื่อง รอ Login แล้วจึงสแกน ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ
Connector / Thin And Weight
Huawei MateBook X Pro จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานบางเบา ซึ่งมีไซส์และมิติโดยรวมเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0 Type-A จำนวน 1 ช่อง, USB 3.1 Type-C อีก 2 โดย 1 ช่องเป็น Thunderbolt 3 และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตาม พอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ อาจจะดูไม่มากมายเท่าพวกโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ แต่ในการใช้งานจริงก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ อีกทั้งมีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 802.11 ac พร้อมใช้งานตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่แล้ว
ส่วนของการพกพาของ Huawei MateBook X Pro ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมยอดเมื่อเทียบกับสเปก ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.33 กิโลกรัมเท่านั้น ดีกว่าตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คค่ายอื่นๆ ที่ใช้สเปกนี้มาก ที่สำคัญอแดปเตอร์จ่ายไฟที่ 65 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบาเช่นเดียว ทำให้การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ นับว่าเป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายบางเบาที่เหมาะกับการใช้งานตามร้านกาแฟ ออฟฟิศ มหาวิทยาลัยมากๆ เครื่องหนึ่ง
Performance / Software
Huawei MateBook X Pro มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8550U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ
เทียบกับรุ่นก่อนเรียกได้ว่าแรงขึ้นพอตัวเพราะ Core เยอะขึ้น แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสู้กว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ H ตรงๆ ไม่ได้เรื่องของประสิทธิภาพการประมวลผล แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 620 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m เลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe แบรนด์ Samsung ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD mSATA แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3387MB/s ความเร็วในการเขียนได้ 1915MB/s ตรงนี้ถือว่าทำได้ดีมากๆ ทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,453 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอแบบเบาๆ ที่แม้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยกระดับไม่แรงมาก แต่ก็ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายทีเดียว
การทดสอบเกมจะเป็นเกมที่ไม่หนักมาก แต่เป็นเกมที่คนส่วนมากนิยมเล่นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวก็เล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ Native 1920 x 1080 พิกเซล สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าปรับสุดทุกอย่างเลยสำหรับ DOTA 2 ส่วน Overwatch จะเป็นปรับแบบ Medium โดย Rendering 100% ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับที่น่าประทับใจ
ส่วนเกมออนไลน์อย่าง PUBG ที่นับว่าเป็นอีกเกมที่กินทรัพยากรเครื่องหนัก ก็มาทดสอบด้วยการปรับเป็น Low โดยเฟรมเรทที่ได้มานั้นถือว่าผ่านเลย เล่นได้สบายๆ ภาพก็สวยงามพอตัวไม่ได้แย่อะไร พูดตรงๆ ก็คือพอจะเล่นได้สำหรับเกมออนไลน์แนวนี้ ส่วนเกมอื่นๆ ที่ไม่เกินทรัพยากรเท่าอย่าง CS:GO หรือ Point Blank รวมไปถึงเกมออนไลน์อื่นๆ ก็น่าจะเล่นได้ลื่นๆ อย่างแน่นอน
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Huawei MateBook X Pro ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ Huawei นะ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Huawei MateBook X Pro เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็มไวอย่างที่วุด ส่วนช่องระบายของเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของเครื่องเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 95 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ Huawei MateBook X Pro เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Huawei MateBook X Pro ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งบอดี้อะลูมิเนียมที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน และอย่างไรก็ตามการใช้ชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดอย่าง Core i Gen 8 + MX150 ก็ยังมีอุณหภูมิที่สูงเกือบๆ 100 องศาอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด อีกข้อสังเกตคือไม่ร้อนเกินไปกว่า 95 องศาเซลเซียสแล้ว คาดว่าทาง Huawei ล็อคเอาไว้ โดยเลือกที่จะลด Clock แทน
Conclusion / Award
Huawei MateBook X Pro มีขนาดหน้าจอ 13.9″ ที่นับว่าเป็นขนาดที่แตกต่างจากมาตรฐานของ Ultrabook ทั่วไป มีขอบจอที่บางเฉียบ โดยเน้นการพกพาเป็นหลัก ซึ่งดีไซน์ต้องบอกว่าสวยงาม เน้นความบางและเบากว่าที่มากกว่า แน่นอนว่ามีประสิทธิภาพที่สูงด้วยสเปกภายในเป็นตัวแรงและรุ่นล่าสุด อาทิ Core i5-8250U หรือ Core i7-8550U มาพร้อมการ์ดจอแยก GeForce MX150 (GDDR5 2GB) ที่สำคัญยังล้ำหน้ากว่าเรื่องของการย้าย Webcam ลงมาซ่อนไว้คีย์บอร์ดแถวบน รวมไปถึงระบบเข้าใช้งานปุ่มเปิดเครื่องที่มีการติดตั้งสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว
Huawei MateBook X Pro อีกหนึ่ง Ultimate Ultrabook ที่ลงมาเล่นในตลาดโน๊ตบุ๊คประเทศไทย กับการมาครั้งแรกที่เราจะได้เห็นโน๊ตบุ๊คจากทาง Huawei ซึ่งเป็นการนำมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่ปกติเราจะเห็นแต่ผลิตภัณฑ์สายมือถือ โดย Huawei MateBook X Pro เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานพกพา เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานเอกสาร แตกต่างภาพ และงานกราฟฟิกต่าง ๆ ที่อาจจะไปนำเล่นเกมได้บ้าง แฟนๆ Huawei น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย หรือคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์โน๊ตบุ๊คเดิมๆ อย่างไงก็ตามต้องยอมรับว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เข้าใจได้
Huawei MateBook X Pro มาในราคาท้าชนกับ Ultrabook โน๊ตบุ๊คสายบางเบาตัวท็อปของทุกแบรนด์ ด้วยราคาเริ่นต้นที่ 43,990 – 58,990 บาท รับประกัน 2 ปี ซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่น บันเดินเมาส์ไร้สาย Bluetooth และเป้ Backpack ของทาง Huawei ให้ด้วย พิเศษสุดๆ เมื่อไปซื้อที่ Huawei Experience Store สาขาสยามพารากอน ในวันที่ 21 – 31 ธันวาคมนี้ รับฟรีไปอีกเป็นซอฟต์เคสหนังอย่างดี แน่อนอนเทียบกับคู่แข่งแล้วมีหลายส่วนที่เหนือกว่า แต่สิ่งที่ยังไม่แน่ใจก็เป็นเรื่องของการรับประกัน รวมไปถึงความแข็งแรงในฝั่งของโน๊ตบุ๊ค Huawei ประเทศไทย
ส่วนในอนาคตจากที่ไปงานเปิดตัวมา ทาง Huawei ก็มีแผนที่จะทำตลาดโน๊ตบุ๊คอย่างจริงจังในปี 2019 นี้ ซึ่งปลายปี 2018 ก็ได้มีการนำ Huawei MateBook X Pro ซึ่งเป็นตัวท็อปสุดของไลน์โน๊ตบุ๊คเข้ามาทำตลาดก่อน เรียกได้ว่าสุดทุกทาง ซึ่งอีกไม่นาน Huawei ก็จะนำซีรีส์อื่นๆ ที่มีราคาถูกกว่านี้มาขายในไทยแน่นอน แฟนๆ คนไหนรอได้ก็รอกันหน่อยนะ
– ใครงบไม่ใช่ปัญหาก็จัดได้ ยิ่งถ้าเป็นแฟน Huawei นั้นห้ามพลาด ส่วนใครไม่รีบรอดูไปก่อนก็ได้ –
จุดเด่น
- ดีไซน์บางเบาพิเศษ ที่บางเพียง 14.6 มิลลิเมตร เบาเพียง 1.33 กิโลกรัม
- แข็งแรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอะลูมิเนียมแบบ Unibody พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี FullView พื้นที่กว่า 91%
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.9 นิ้ว สัดส่วนแบบ 3:2 ความละเอียด 3000 x 2000 พิกเซล
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยสด งดงามมาก
- เทคโนโลยีพาเนลจอ LTPS สีสันสวยงาม พร้อมรองรับการทัชสกรีน 10 จุด
- กล้องเว็บแคมแบบ Pop Up ซ่อนเอาไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ดูแปลกตา
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย i7 + MX150 + RAM 16GB + SSD NVMe 512GB
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟ และทัชแพดมีขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง
- Quad Speakerพร้อมระบบเสียง Dolby Atmosให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ One Touch สแกนพร้อมเปิดเครื่องในครั้งเดียว
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- พอร์ต USB-C มาให้ 2 พอร์ต โดยเป็น Thunderbolt 3 1 พอร์ต
- พร้อมมี USB-A อีก 1 พอร์ต ไว้เชื่อมต่อเมาส์หรือ External Hardisk
- บันเดิล USB-C Hub อย่าง MateDock มาให้เลย
- ประกัน 2 ปี มาตรฐาน Huawei พร้อมมีของแถมอื่นๆ อาทิ เมาส์ กระเป๋า
ข้อสังเกต
- ราคาสูงเมื่อเทียบกับสเปก แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมแทน
- ความร้อนสูงสุดแค่ 95 องศาเซลเซียส จากนั้นจะลด Clock ลงมาแทน
- แบตเตอรรี่ใช้งานได้แค่ 6 ชั่วโมง น้อยกว่าที่เคลมเอาไว้
- กล้องเว็บแคมองศาแปลกๆ และไม่ปิดตัวเองเมื่อกดลงไป
- ซอฟต์แวร์ PC Manager ใช้งานได้ดี แต่ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะ Huawei
- อแดปเตอร์จริงๆ แล้วสามารถทำให้เล็กกว่านี้ได้อีก ถ้าดูจากของ Innergie PowerGear 60C
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.9 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Huawei MateBook X Pro ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-8550U พร้อมการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX150 ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.3 NVMe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ที่แรงระดับ 3,000MB/s ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR3L แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นไม่ต้องอัพเกรดอะไรแล้ว ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมเบาๆ ได้อย่างลื่นไหล
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Huawei มาตั้งแต่ไหนแต่ไรในฝั่งของมือถือ ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Huawei MateBook X Pro ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น พร้อมใช้สีสันอย่าง Mystic Grey หรือสีเงิน ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก เพิ่มรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังมีขอบจอบางสุดๆ อีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 14.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.33 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.5 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ