ASUS ROG ZEPHYRUS S GX501 ปี 2018 หรือ ASUS ROG ZEPHYRUS (เฉยๆ) จัดว่าเป็น Gaming Notebook สายบางเบาที่สุดในโลกแต่แรงที่สุดในโลกรุ่นนึง โดยเป็นการต่อยอดมาจาก ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 รุ่นปี 2017 ซึ่งในซีรีย์ ZEPHYRUS ที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปกแรงสายบางเบา ในตอนนี้จะมีอยู่ 3 รุ่นด้วยกันคือ ZEPHYRUS, ZEPHYRUS M และ ZEPHYRUS S นับได้ว่า ZEPHYRUS เป็นรุ่นพี่ใหญ่สุด แรงสุดและดีที่สุด
โดย ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 รุ่นใหม่มาพร้อมสเปก Intel ชิปประมวลผลรุ่นที่ 8 อย่างสถาปัตยกรรม Coffee Lake ที่สำคัญด้วยตัวเครื่องที่บางเบาก็ได้เลือกใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q ที่เน้นประสิทธิภาพความแรง แต่ปลดปล่อยความร้อนน้อยและกินไฟต่ำกว่า GTX 1080 ปกติ เรียกได้ทำให้เป็น Gaming Notebook ระดับสูงก็ว่าได้ ที่ได้ทั้งความแรงและน้ำหนักตัวเครื่องที่บางเบาไปพร้อมๆ กัน สนนราคาที่ 119,900 บาท
ZEPHYRUS Family
Specification
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 รุ่นใหม่ปี 2018 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H รุ่นยอดนิยมทำงานความเร็ว 2.2 – 4.1 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่สำคัญยังติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q (DDR5 8GB) ที่มีค่า TDP อยู่ที่ 100W เท่านั้น แต่ความแรงให้มากกว่า GTX 1070 โดยที่กินไฟน้อยกว่าร้อนน้อยกว่า ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666 MHz (8GB x 2) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD พาเนลคุณภาพสูง รองรับ 144Hz พร้อม NVIDIA G-SYNC ช่วยให้ภาพลื่นไหลอย่างที่สุด และไม่มีอาการประตุกหรือฉีกขาด
ความหนาของตัวเครื่อง 16.9 – 17.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม ถ้าลองย้อนเวลากลับไปเมื่อปีที่แล้ว ใครจะเชื่อละว่าจะมี Gaming Notebook ที่เบาและบางขนาดนี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB Type-A 3.1 Gen 1 จำนวน 2 ช่อง และ USB Type-A 3.1 Gen 2 จำนวน 2 ช่อง พร้อมทั้งมี Thunderbolt 3 (USB 3,1 Type-C Gen 2) จำนวนอีก 1 ช่อง ส่วน HDMI ก็ยังมีมาให้เช่นเดิม รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac (Wi-Fi 5) สนนราคาASUS ROG ZEPHYRUS GX501 อยู่ที่ 119,900 บาท ประกัน 2 ปี (ฝากเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้) โดย 1 มีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย พร้อมขายตามช่องทางจัดจำหน่ายทั่วไป
เรียกได้ว่าสเปกหลักๆ มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของชิปประมวลผลที่เป็น Core i Gen 8 และแรมก็มาพร้อมมาตรฐาน Bus 2666 MHz รวมไปถึงหน้าจอก็เป็นแบบ 144Hz แล้ว ในราคาที่เท่าเดิม แต่เพิ่มเติมหลายๆ ส่วน
สเปกเต็มๆ ของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 <<<
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 มาพร้อมความสดใหม่อย่างที่ ASUS ไม่เคยนำเสนอมาก่อน ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่ม่ความโค้งเว้าใดๆ ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนดำตัดกับสีเทาเข้ม (Armor Titanium) ขอบของตัวเครื่องรวมไปถึงขอบด้านหลังนั้นถูกออกแบบมุมมาเป็นอย่างดีมีคำว่า ZEPHYRUS โดยในส่วนใช้เป็นสีสันทองแดง (Plasma Copper) ทำให้ดูตัดกันเป็นอย่างสวยงาม ซึ่งฝาหลังจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนชัดเจนแบบตัดกันแนวทะแยง ที่มีความโดดเด่นมากๆ มาพร้อมโลโก้ ROG ที่ไฟสีแดง LED ที่จะติดก็ต่อเมื่อเปิดเครื่อง ถือว่าบางส่วนนั้นเป็นการต่อยอดมาจาก ROG รุ่นก่อนหน้าก็ว่าได้
ระบบระบายอากาศของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 จะใช้ชื่อว่า ROG Active Aerodynamic System โดยมีหลักการทำงานก็คือ ตัวเครื่องจะถูกยกขึ้นด้วยกลไล เรียกได้ว่ายกขึ้นทั้งฝาด้านล่าง โดยทั้ง 2 ฝั่ง พัดลม 2 ตัว นั้นก็ยังมาพร้อมกับไฟ LED สีแดงที่เวลาใช้งานตัวเครื่องนั้นทำให้ดูน่าใช้งานแบบเทพๆ เข้าไปอีก (ก็ต่อเมื่อเชื่อมต่ออแดปเตอร์) โดยมีหลักการทำงานเรื่องของการระบายความก็คือ ดูดลมเย็นจากช่องด้านบนตัวเครื่อง พร้อมกับดูดลมเย็นส่วนที่ยกตัวเครื่องขึ้นจากพื้น จากนั้นเป่าลมร้อนออกทางด้านหลังและด้านข้างตัวเครื่อง เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริงทีเดียว
จุดเด่นที่สุดซึ่งนั่นเป็นความภูมิใจของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ที่เป็น Gaming Notebook ตัวบางเบาแต่แรงก็คือ จากการติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q เป็นรุ่นแรกๆ ของโลก ทำให้ความหนาของตัวเครื่องนั้นลดลงไปมากพอสมควร โดยตัวเครื่องของ Asus ROG Zephyrus GX501 นั้นจะมีความหนาอยู่ที่ราวๆ 16.9 มิลลิเมตรเมื่อพับฝา และจะสูงขึ้นเมื่อเปิดฝาโดยอยู่ที่ 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น แถมน้ำหนักของตัวเครื่องก็อยู่ที่ 2.25 กิโลกรัม ซึ่งทำให้เป็นโน้ตบุ๊ตเล่นเกมการ์ดจอตัวแรงที่สามารถพกพาได้สะดวกมากๆ
ในเรื่องของการอัพเกรดหรือทำความสะอาดฮาร์ดแวร์ภายในนั้น ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ถือว่าเป็นข้อสังเกต โดยถึงแม้ว่าเราสามารถที่จะใช้สกรูในการไขเปิดฝาหลังออกมาได้ค่อนข้างง่าย (ทำให้เราเห็นกลไกการยกตัวได้ชัดเจน) โดยเมื่อเลื่อนถาดแรกออกมานั้นเราจะเห็นพัดลมระบายอากาศอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง (เมื่อมองจากทางข้างหน้า) แต่หลังจากนั้นในส่วนอื่นๆ จะย้ายออกได้ค่อนข้างลำบากเนื่องจากว่าฮาร์ดแวร์ส่วนใหญ่ถูกอัดแน่นกันอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง
สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว
Keyboard / Touchpad
เมื่อเปิดฝาหน้าจอ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ขึ้นมามองภายในเราก็จะพบกับการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ ซึ่งจริงๆ นั้นทาง ASUS ได้ติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบจัดเต็มเอาไว้ ซึ่งมีช่องขนาดเล็กทำหน้าที่ดูดลมเย็นลงไปให้ผ่านทางฮีต์ไปป์ แน่นอนว่าเป็นผลมาจากตัวเครื่องบาง
โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน สามารถทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแยก บนเทคโนโลยี ASUS AURA RGB ทำให้เปลี่ยนสีได้ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ ROG Game Center ซึ่งความโดดเด่นจะอยู่บริเวณแป้นพิมพ์ QWERASD ที่ขอบปุ่มจะโปร่งแสง เรียกได้ว่าเน้นสำหรับเกม MOBA และ FPS ก็ว่าได้ ส่วนข้อสังเกตมีอยู่เล็กน้อยครับตรงที่ปุ่ม F1 – F4 นั้นจะอยู่แยกต่างหากในขณะที่ปุ่ม F5-F12 นั้นจะอยู่ติดกันไปหมดทำให้การใช้งานนั้นอาจจะลำบากไปสักนิดในตอนแรกๆ แต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
ดีไซน์ทัชแพดนั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกเหนือจากนั้นทัชแพดยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบของปุ่ม Num Pad ได้ ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า ASUS สามารถที่จะใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด แต่มันก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก เพราะ Gaming Notebook ปกติจะแยกส่วนมาให้นั่นเอง ส่วนเหนือปุ่มทัชแพดจะมีปุ่ม ROG มาให้ เพื่อเรียก ROG Game Center และในบันเดิลยังให้ในส่วนของที่รองข้อมือมาด้วย (ลักษณะเป็นยาง มีคำว่า Republic of Gamers) เพราะถ้าไม่ให้มาในการใช้งานคีย์บอร์ดและทัชแพด ข้อมือของเราต้องโดนขอบเครื่องตรงๆ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ลำบากกว่าคีย์บอร์ด Gaming Notebook ทั่วไป
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอนั้นถือได้ว่า ASUS นั้นให้หน้าจอที่มีประสิทธิภาพที่จัดว่าเยี่ยมยอด ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ใช้หน้าจอขนาด 15.6 ” แบบด้าน ที่ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญเป็นพาเนล IPS คุณภาพสูงเรื่องของมุมมองที่สามารถมองได้จากหลายมุม การให้สีสันนั้นถือว่าสามารถที่จะทำได้ดี มาตรฐานที่ใกล้เคียงกับ 100% sRGB และ 72% NTSCโดยมี Refresh Rate อยู่ที่ 144 Hz แถมยังติดตั้งชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC ทำให้ในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงเล่นเกมนั้นมีความลื่นไหลกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ รวมไปถึงยังไม่มีอาการภาพฉีกหรือภาพเบลอให้เห็นอีกด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถวล่างกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องแถวบนด้านขวาเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 1ภ% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ส่วนระบบเสียงอย่าง Sonic Studio & Sonic Radar พร้อมลำโพงสเตอริโอที่ติดตั้งมาในตัวก็ระดับเสียงที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปอยู่บ้างพอสมควรสามารถใช้ฟังเพลงต่างๆ ได้ค่อนข้างดีกว่าอยู่บ้าง มีเสียงเบสมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของเสียงแนะนำให้ปรับแต่งเสียงตามแนวเสียงของตัวเอง สำหรับการเล่นเกม Sonic Studio & Sonic Radar ถือว่าทำได้ดีทีเดียว จากการที่ให้เสียงที่แยกชัดเจน โดยตัวลำโพงติดตั้งข้างๆ ซ้ายและขวาชุดแป้นคีย์บอร์ดนั่นเอง
Connector / Thin And Weight
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันในระดับนึง โดยติดตั้งทั้งด้านซ้ายด้านขวาของตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 จำนวน 4 ช่อง (แบ่งเป็น Gen 1, Gen 2 อย่างละจำนวน 2 ช่อง), Thunderbolt 3 (USB 3.1 Type-C) อีก 1 ช่อง, HDMI 1.4 อีกหนึ่งช่องและ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตาม พอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ แน่นอนว่ามีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 802.11b/g/n/ac
ในส่วนความบางของเครื่องอยู่ที่ 16.9 มิลลิเมตรตลอดทั้งตัวเครื่องเมื่อปิดฝาจอ แต่เมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะมีความหนาของด้านหลังตัวเครื่องที่มากยิ่งขึ้น โดยจะอยู่ที่ 17.9 มิลลิเมตร ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็น Gaming Notebook สเปกความแรงระดับ GTX 1080 ที่บางที่สุดก็ว่าได้ อีกทั้งมีน้ำหนักแค่ 2.25 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพขนาดนี้ แต่เบาขนาดนี้มาก่อน เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็มีน้ำหนักประมาณ 2.7 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
Performance / Software
โดย ASUS ROG ZEPHYRUS S GX501 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-8750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2018) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.20 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 แบบ 2 แถว รวมเป็ย 16GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ในส่วนของประสิทธิภาพของ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q นั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรครับ โดยประสิทธิภาพนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ให้ประสิทธิภาพแรงเหนือชั้นกว่า GTX 1070 (เวอร์ชันโน๊ตบุ๊ค) ซึ่งไม่ได้ขัดอะไรไปจากการทดสอบที่เคยมีออกมาก่อนหน้านี้ทำให้ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 สามารถที่จะรองรับการเล่นเกมบนหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วที่ความละเอียด Full HD ได้เฟรมเรทอย่างลื่นไหล อย่างไรก็ตามจะเห็นว่ามีการ์ดจอแยกเพียง NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q แต่ความจริงแล้ว บนตัวชิปประมวลผลก็ยังคงมี การ์ดจอออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 แต่ได้ถูกปิดการใช้งานเอาไว้ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด (ไม่ต้องสลับไปมา)
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ทั้งลูก โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจตามมาตรฐานการเชื่อมต่อ SSD NVMe PCIe Gen 3 บนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 NVMe ทั่วไปจะเห็นว่ามีความเร็วห่างชั้นกันมาก รวมไปถึงพวกฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันแบบเทียบไม่ติด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ด้วยความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2926 MB/s และเขียนที่ 1770 MB/s
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ความจุใหญ่ความเร็วสูง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / FF XV ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ที่สำคัญด้วยหน้าจอ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย จากการทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 130 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 100 บ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
ประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมนั้น NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q สามารถที่จะรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ ครับ ในตรงจุดนี้นั้นจะเห็นได้ว่าผลการทดสอบการเล่นเกมทั้ง 6 เกม นั้นจะอยู่สูงกว่า GTX 1070 เวอร์ชันโน๊ตบุ๊คในสเปกอื่นๆ ที่เหมือนกันอยู่พอควร เรียกได้ว่าการเล่นเกมนั้นน่าจะสบายๆ ใช้งานได้มั่นใจเรื่องความแรงได้เลย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,526 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาก
นอกเหนือจากนี้ทาง ASUS ยังมีซอฟต์แวร์ Utility โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น AURA, MacroKey, GameFirst และ Sonic Radar อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook / Gaming PC ระดับสูงของทาง ASUS ROG เท่านั้น ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้จริงและใช้งานได้ง่ายด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG ZEPHYRUS GX501เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 2 ชั่วโมงโดยประมาณไม่เกินนี้ ทำให้เรียกได้ว่าเป็นข้อสังเกตในส่วนของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ว่าได้ เพราะมีความจุต่ำกว่าเครื่องรุ่นอื่นๆ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ต้องออกแบบตัวเครื่องออกมาให้บางที่สุด เลยมีผลทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นค่อนข้างที่จะต่ำอยู่มากเลยทีเดียว
สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่แจ่มที่สุดบน ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 เลยก็ว่าได้ครับ ด้วยการมาพร้อมกับ NVIDIA GTX 1080 Max-Q ที่ทาง NVIDIA ออกตัวบอกไว้เลยว่าเสียงรบกวนของพัดลมระบายอากาศนั้นจะไม่เกิน 40 dB ซึ่งจากผลการทดสอบนั้นก็เป็นไปตามที่ NVIDIA บอกเอาไว้จริงๆ
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ก็สามารถที่จะทำออกใสได้ดีเช่นเดียวกันโดยหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับชิปกราฟิก GTX 1070 หรือ GTX 1080 รุ่นปกติบนโน๊ตบุ๊ค พบว่าอุณหภูมิของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 สามารถทำออกมาได้ดีกว่าซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการใช้ GTX 1080 Max-Q นั่นเอง โดยมาพร้อมกับระบบจ่ายไฟที่มีกำลังไฟอยู่ที่ 230 W พบว่าชิป GTX 1080 Max-Q น่าจะมีอัตราการใช้ไฟที่ 100 W TDP ส่วน GTX 1080 รุ่นพี่นั้นจะมีอัตราการใช้ไฟที่ 180 W ซึ่งตรงนี้นั้นถือว่าลดมามากเลย
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 28 – 32 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 98 องศาเซลเซียส โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา
Conclusion / Award
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 นั้นถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักแค่ 2.25 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 16.9 – 17.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย การมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่เป็น Core i Gen 8 บนแรม DDR4 ที่ 16GB และการ์ดจอตัวเทพ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q ที่แรงมาก (แรงกว่า GTX 1070 แต่เบากว่า GTX 1080 รุ่นปกติ) แถมกินไฟต่ำลง สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Active Aerodynamic System
โดยในส่วนของตัวบันเดิล ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 รุ่นปี 2018 จัดเต็มมาด้วย Gaming Mouse อย่าง ASUS ROG Strix Impact ที่มีไฟ RGB ทำให้เราพร้อมใช้งานทันที นอกเหนือจากนั้นยังมีในส่วนของที่รองข้อมือเวลาที่เราใช้งานนานๆ รวมไปถึงอแดปเตอร์แปลงจาก USB > RJ-45 ไว้สำหรับคนที่ต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบมีสาย และสุดท้ายกับไขควง ROG ที่ไว้ให้เราสามารถถอดฝาหลังเพื่อมาทำความสะอาดเบื้องต้นได้ในอนาคต จากการที่เป็นระบบเปิด คงมีฝุ่นติดตามมาแน่นอน
สรุปแล้ว ASUS ROG Zephyrus GX501 รุ่นล่าสุดนี้ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดระดับไฮเอนด์ ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบามากๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย ไม่แค่นั้นเรื่องระบบระบายความร้อนก็ยอดเยี่ยม ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 119,990 บาท เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่สุดทั้งบางเบาเร็วแรงในเครื่องเดียว อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยให้ได้แบบนี้มาก่อน ซึ่งหลักๆ ก็คืออัพเกรดจากรุ่นก่อนก็จะเป็น ชิปประมวลผล Core i7-8750H และหน้าจอ 144Hz นั่น
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว ด้วยความที่การออกแบบเน้นเรื่องของขนาดตัวเครื่องที่มีความบางมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่อายุการใช้งานต่ำ แต่เชื่อได้ว่าคนที่ซื้อน่าจะรับกับจุดนี้ได้อยู่ ง่ายๆ คือพกอแดปเตอร์ไปใช้งานด้วยทุกครั้งนั่นเอง (ใช้แบตอย่างเดียว ฐานไม่มีไฟติดด้วยนะ) และอีกอย่างก็คือหน้าจอปรับสุดแล้วก็ยังดูสว่างน้อยไปหน่อย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์พันธุ์ ROG งานประกอบแน่นวัสดุดี
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-8750H และการ์ดจอ GeForce GTX 1080 Max-Q
- ส่วนของแรมก็ขนาด 16GB DDR4 พร้อม SSD ความเร็วสูง 1TB เหลือเฟือในการใช้งาน
- หน้าจอ IPS พร้อม Refresh Rate 144 Hz แสดงผลภาพดีมาก ทำงานร่วมกับ NVIDIA G-SYNC
- ตัวเครื่องมีความบางเบามากๆ เพียง 16.9 มิลลิเมตรและหนักเพียง 2.25 กิโลกรัม
- ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน
- คีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วย ROG AURA RGB
- มีพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ฟอร์มเป็น USB-C
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- บันเดิลมีมาให้เยอะพอสมควร
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถที่จะสลับการ์ดจอไปมาระหว่างออนบอร์ดกับแยกได้
- แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานเพียง 2 ชั่วโมง (จากการที่สลับการ์ดจอไม่ได้)
- คีย์บอร์ดใช้งานค่อนข้างที่จะใช้งานลำบากเล็กน้อย ถ้าไม่มีที่รองข้อมือ
- อุณหภูมิสูงเวลาใช้งานหนักๆ นานๆ ผลต่อตัวเครื่องอย่างใด
- ราคาสูงที่ 119,990 บาท
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Technology
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 เป็น Gaming Notebook ที่มีเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย ดีไซน์ความบางตัวเครื่องที่เบาซึ่งและการ์ดจอ GeForce GTX 1080 Max-Q ที่ทั้งแรงและกินไฟต่ำ ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน ตัวคีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วย ROG AURA RGB อีกทั้งมีพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ฟอร์มเป็น USB-C พร้อมซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ชัดเจน
Best Performance
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-8750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 16GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 2400 MHz และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 1TB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 3000MB/s ความเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ IPS พร้อม Refresh Rate 144 Hz แสดงผลภาพดีมาก ทำงานร่วมกับ NVIDIA G-SYNC
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบที่ 16.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 2.25 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
ZEPHYRUS Family
Specification
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 รุ่นใหม่ปี 2018 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H รุ่นยอดนิยมทำงานความเร็ว 2.2 – 4.1 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่สำคัญยังติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q (DDR5 8GB) ที่มีค่า TDP อยู่ที่ 100W เท่านั้น แต่ความแรงให้มากกว่า GTX 1070 โดยที่กินไฟน้อยกว่าร้อนน้อยกว่า ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666 MHz (8GB x 2) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD พาเนลคุณภาพสูง รองรับ 144Hz พร้อม NVIDIA G-SYNC ช่วยให้ภาพลื่นไหลอย่างที่สุด และไม่มีอาการประตุกหรือฉีกขาด
ความหนาของตัวเครื่อง 16.9 – 17.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม ถ้าลองย้อนเวลากลับไปเมื่อปีที่แล้ว ใครจะเชื่อละว่าจะมี Gaming Notebook ที่เบาและบางขนาดนี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB Type-A 3.1 Gen 1 จำนวน 2 ช่อง และ USB Type-A 3.1 Gen 2 จำนวน 2 ช่อง พร้อมทั้งมี Thunderbolt 3 (USB 3,1 Type-C Gen 2) จำนวนอีก 1 ช่อง ส่วน HDMI ก็ยังมีมาให้เช่นเดิม รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac (Wi-Fi 5) สนนราคาASUS ROG ZEPHYRUS GX501 อยู่ที่ 119,900 บาท ประกัน 2 ปี (ฝากเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้) โดย 1 มีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย พร้อมขายตามช่องทางจัดจำหน่ายทั่วไป
เรียกได้ว่าสเปกหลักๆ มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของชิปประมวลผลที่เป็น Core i Gen 8 และแรมก็มาพร้อมมาตรฐาน Bus 2666 MHz รวมไปถึงหน้าจอก็เป็นแบบ 144Hz แล้ว ในราคาที่เท่าเดิม แต่เพิ่มเติมหลายๆ ส่วน
สเปกเต็มๆ ของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 <<<
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 มาพร้อมความสดใหม่อย่างที่ ASUS ไม่เคยนำเสนอมาก่อน ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่ม่ความโค้งเว้าใดๆ ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนดำตัดกับสีเทาเข้ม (Armor Titanium) ขอบของตัวเครื่องรวมไปถึงขอบด้านหลังนั้นถูกออกแบบมุมมาเป็นอย่างดีมีคำว่า ZEPHYRUS โดยในส่วนใช้เป็นสีสันทองแดง (Plasma Copper) ทำให้ดูตัดกันเป็นอย่างสวยงาม ซึ่งฝาหลังจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนชัดเจนแบบตัดกันแนวทะแยง ที่มีความโดดเด่นมากๆ มาพร้อมโลโก้ ROG ที่ไฟสีแดง LED ที่จะติดก็ต่อเมื่อเปิดเครื่อง ถือว่าบางส่วนนั้นเป็นการต่อยอดมาจาก ROG รุ่นก่อนหน้าก็ว่าได้
ระบบระบายอากาศของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 จะใช้ชื่อว่า ROG Active Aerodynamic System โดยมีหลักการทำงานก็คือ ตัวเครื่องจะถูกยกขึ้นด้วยกลไล เรียกได้ว่ายกขึ้นทั้งฝาด้านล่าง โดยทั้ง 2 ฝั่ง พัดลม 2 ตัว นั้นก็ยังมาพร้อมกับไฟ LED สีแดงที่เวลาใช้งานตัวเครื่องนั้นทำให้ดูน่าใช้งานแบบเทพๆ เข้าไปอีก (ก็ต่อเมื่อเชื่อมต่ออแดปเตอร์) โดยมีหลักการทำงานเรื่องของการระบายความก็คือ ดูดลมเย็นจากช่องด้านบนตัวเครื่อง พร้อมกับดูดลมเย็นส่วนที่ยกตัวเครื่องขึ้นจากพื้น จากนั้นเป่าลมร้อนออกทางด้านหลังและด้านข้างตัวเครื่อง เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริงทีเดียว
จุดเด่นที่สุดซึ่งนั่นเป็นความภูมิใจของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ที่เป็น Gaming Notebook ตัวบางเบาแต่แรงก็คือ จากการติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q เป็นรุ่นแรกๆ ของโลก ทำให้ความหนาของตัวเครื่องนั้นลดลงไปมากพอสมควร โดยตัวเครื่องของ Asus ROG Zephyrus GX501 นั้นจะมีความหนาอยู่ที่ราวๆ 16.9 มิลลิเมตรเมื่อพับฝา และจะสูงขึ้นเมื่อเปิดฝาโดยอยู่ที่ 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น แถมน้ำหนักของตัวเครื่องก็อยู่ที่ 2.25 กิโลกรัม ซึ่งทำให้เป็นโน้ตบุ๊ตเล่นเกมการ์ดจอตัวแรงที่สามารถพกพาได้สะดวกมากๆ
ในเรื่องของการอัพเกรดหรือทำความสะอาดฮาร์ดแวร์ภายในนั้น ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ถือว่าเป็นข้อสังเกต โดยถึงแม้ว่าเราสามารถที่จะใช้สกรูในการไขเปิดฝาหลังออกมาได้ค่อนข้างง่าย (ทำให้เราเห็นกลไกการยกตัวได้ชัดเจน) โดยเมื่อเลื่อนถาดแรกออกมานั้นเราจะเห็นพัดลมระบายอากาศอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง (เมื่อมองจากทางข้างหน้า) แต่หลังจากนั้นในส่วนอื่นๆ จะย้ายออกได้ค่อนข้างลำบากเนื่องจากว่าฮาร์ดแวร์ส่วนใหญ่ถูกอัดแน่นกันอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง
สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว
Keyboard / Touchpad
เมื่อเปิดฝาหน้าจอ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ขึ้นมามองภายในเราก็จะพบกับการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ ซึ่งจริงๆ นั้นทาง ASUS ได้ติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบจัดเต็มเอาไว้ ซึ่งมีช่องขนาดเล็กทำหน้าที่ดูดลมเย็นลงไปให้ผ่านทางฮีต์ไปป์ แน่นอนว่าเป็นผลมาจากตัวเครื่องบาง
โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน สามารถทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแยก บนเทคโนโลยี ASUS AURA RGB ทำให้เปลี่ยนสีได้ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ ROG Game Center ซึ่งความโดดเด่นจะอยู่บริเวณแป้นพิมพ์ QWERASD ที่ขอบปุ่มจะโปร่งแสง เรียกได้ว่าเน้นสำหรับเกม MOBA และ FPS ก็ว่าได้ ส่วนข้อสังเกตมีอยู่เล็กน้อยครับตรงที่ปุ่ม F1 – F4 นั้นจะอยู่แยกต่างหากในขณะที่ปุ่ม F5-F12 นั้นจะอยู่ติดกันไปหมดทำให้การใช้งานนั้นอาจจะลำบากไปสักนิดในตอนแรกๆ แต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเกิดความเคยชินทำให้การใช้งานตรงจุดนี้นั้นน่าจะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไรนัก
ดีไซน์ทัชแพดนั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกเหนือจากนั้นทัชแพดยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบของปุ่ม Num Pad ได้ ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า ASUS สามารถที่จะใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด แต่มันก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก เพราะ Gaming Notebook ปกติจะแยกส่วนมาให้นั่นเอง ส่วนเหนือปุ่มทัชแพดจะมีปุ่ม ROG มาให้ เพื่อเรียก ROG Game Center และในบันเดิลยังให้ในส่วนของที่รองข้อมือมาด้วย (ลักษณะเป็นยาง มีคำว่า Republic of Gamers) เพราะถ้าไม่ให้มาในการใช้งานคีย์บอร์ดและทัชแพด ข้อมือของเราต้องโดนขอบเครื่องตรงๆ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ลำบากกว่าคีย์บอร์ด Gaming Notebook ทั่วไป
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอนั้นถือได้ว่า ASUS นั้นให้หน้าจอที่มีประสิทธิภาพที่จัดว่าเยี่ยมยอด ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ใช้หน้าจอขนาด 15.6 ” แบบด้าน ที่ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญเป็นพาเนล IPS คุณภาพสูงเรื่องของมุมมองที่สามารถมองได้จากหลายมุม การให้สีสันนั้นถือว่าสามารถที่จะทำได้ดี มาตรฐานที่ใกล้เคียงกับ 100% sRGB และ 72% NTSCโดยมี Refresh Rate อยู่ที่ 144 Hz แถมยังติดตั้งชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC ทำให้ในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงเล่นเกมนั้นมีความลื่นไหลกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ รวมไปถึงยังไม่มีอาการภาพฉีกหรือภาพเบลอให้เห็นอีกด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถวล่างกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องแถวบนด้านขวาเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 1ภ% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ส่วนระบบเสียงอย่าง Sonic Studio & Sonic Radar พร้อมลำโพงสเตอริโอที่ติดตั้งมาในตัวก็ระดับเสียงที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปอยู่บ้างพอสมควรสามารถใช้ฟังเพลงต่างๆ ได้ค่อนข้างดีกว่าอยู่บ้าง มีเสียงเบสมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของเสียงแนะนำให้ปรับแต่งเสียงตามแนวเสียงของตัวเอง สำหรับการเล่นเกม Sonic Studio & Sonic Radar ถือว่าทำได้ดีทีเดียว จากการที่ให้เสียงที่แยกชัดเจน โดยตัวลำโพงติดตั้งข้างๆ ซ้ายและขวาชุดแป้นคีย์บอร์ดนั่นเอง
Connector / Thin And Weight
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันในระดับนึง โดยติดตั้งทั้งด้านซ้ายด้านขวาของตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 จำนวน 4 ช่อง (แบ่งเป็น Gen 1, Gen 2 อย่างละจำนวน 2 ช่อง), Thunderbolt 3 (USB 3.1 Type-C) อีก 1 ช่อง, HDMI 1.4 อีกหนึ่งช่องและ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตาม พอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ แน่นอนว่ามีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi 802.11b/g/n/ac
ในส่วนความบางของเครื่องอยู่ที่ 16.9 มิลลิเมตรตลอดทั้งตัวเครื่องเมื่อปิดฝาจอ แต่เมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะมีความหนาของด้านหลังตัวเครื่องที่มากยิ่งขึ้น โดยจะอยู่ที่ 17.9 มิลลิเมตร ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็น Gaming Notebook สเปกความแรงระดับ GTX 1080 ที่บางที่สุดก็ว่าได้ อีกทั้งมีน้ำหนักแค่ 2.25 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพขนาดนี้ แต่เบาขนาดนี้มาก่อน เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็มีน้ำหนักประมาณ 2.7 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
Performance / Software
โดย ASUS ROG ZEPHYRUS S GX501 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-8750H (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2018) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.20 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 แบบ 2 แถว รวมเป็ย 16GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ในส่วนของประสิทธิภาพของ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q นั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรครับ โดยประสิทธิภาพนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ให้ประสิทธิภาพแรงเหนือชั้นกว่า GTX 1070 (เวอร์ชันโน๊ตบุ๊ค) ซึ่งไม่ได้ขัดอะไรไปจากการทดสอบที่เคยมีออกมาก่อนหน้านี้ทำให้ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 สามารถที่จะรองรับการเล่นเกมบนหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วที่ความละเอียด Full HD ได้เฟรมเรทอย่างลื่นไหล อย่างไรก็ตามจะเห็นว่ามีการ์ดจอแยกเพียง NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q แต่ความจริงแล้ว บนตัวชิปประมวลผลก็ยังคงมี การ์ดจอออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 แต่ได้ถูกปิดการใช้งานเอาไว้ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด (ไม่ต้องสลับไปมา)
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ทั้งลูก โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจตามมาตรฐานการเชื่อมต่อ SSD NVMe PCIe Gen 3 บนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 NVMe ทั่วไปจะเห็นว่ามีความเร็วห่างชั้นกันมาก รวมไปถึงพวกฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันแบบเทียบไม่ติด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ด้วยความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2926 MB/s และเขียนที่ 1770 MB/s
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ความจุใหญ่ความเร็วสูง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / FF XV ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ที่สำคัญด้วยหน้าจอ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย จากการทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 130 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 100 บ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
ประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมนั้น NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q สามารถที่จะรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ ครับ ในตรงจุดนี้นั้นจะเห็นได้ว่าผลการทดสอบการเล่นเกมทั้ง 6 เกม นั้นจะอยู่สูงกว่า GTX 1070 เวอร์ชันโน๊ตบุ๊คในสเปกอื่นๆ ที่เหมือนกันอยู่พอควร เรียกได้ว่าการเล่นเกมนั้นน่าจะสบายๆ ใช้งานได้มั่นใจเรื่องความแรงได้เลย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,526 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาก
นอกเหนือจากนี้ทาง ASUS ยังมีซอฟต์แวร์ Utility โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น AURA, MacroKey, GameFirst และ Sonic Radar อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook / Gaming PC ระดับสูงของทาง ASUS ROG เท่านั้น ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้จริงและใช้งานได้ง่ายด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG ZEPHYRUS GX501เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 2 ชั่วโมงโดยประมาณไม่เกินนี้ ทำให้เรียกได้ว่าเป็นข้อสังเกตในส่วนของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ว่าได้ เพราะมีความจุต่ำกว่าเครื่องรุ่นอื่นๆ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ต้องออกแบบตัวเครื่องออกมาให้บางที่สุด เลยมีผลทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นค่อนข้างที่จะต่ำอยู่มากเลยทีเดียว
สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่แจ่มที่สุดบน ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 เลยก็ว่าได้ครับ ด้วยการมาพร้อมกับ NVIDIA GTX 1080 Max-Q ที่ทาง NVIDIA ออกตัวบอกไว้เลยว่าเสียงรบกวนของพัดลมระบายอากาศนั้นจะไม่เกิน 40 dB ซึ่งจากผลการทดสอบนั้นก็เป็นไปตามที่ NVIDIA บอกเอาไว้จริงๆ
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ก็สามารถที่จะทำออกใสได้ดีเช่นเดียวกันโดยหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับชิปกราฟิก GTX 1070 หรือ GTX 1080 รุ่นปกติบนโน๊ตบุ๊ค พบว่าอุณหภูมิของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 สามารถทำออกมาได้ดีกว่าซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการใช้ GTX 1080 Max-Q นั่นเอง โดยมาพร้อมกับระบบจ่ายไฟที่มีกำลังไฟอยู่ที่ 230 W พบว่าชิป GTX 1080 Max-Q น่าจะมีอัตราการใช้ไฟที่ 100 W TDP ส่วน GTX 1080 รุ่นพี่นั้นจะมีอัตราการใช้ไฟที่ 180 W ซึ่งตรงนี้นั้นถือว่าลดมามากเลย
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 28 – 32 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 98 องศาเซลเซียส โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา
Conclusion / Award
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 นั้นถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักแค่ 2.25 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 16.9 – 17.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย การมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่เป็น Core i Gen 8 บนแรม DDR4 ที่ 16GB และการ์ดจอตัวเทพ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q ที่แรงมาก (แรงกว่า GTX 1070 แต่เบากว่า GTX 1080 รุ่นปกติ) แถมกินไฟต่ำลง สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Active Aerodynamic System
โดยในส่วนของตัวบันเดิล ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 รุ่นปี 2018 จัดเต็มมาด้วย Gaming Mouse อย่าง ASUS ROG Strix Impact ที่มีไฟ RGB ทำให้เราพร้อมใช้งานทันที นอกเหนือจากนั้นยังมีในส่วนของที่รองข้อมือเวลาที่เราใช้งานนานๆ รวมไปถึงอแดปเตอร์แปลงจาก USB > RJ-45 ไว้สำหรับคนที่ต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบมีสาย และสุดท้ายกับไขควง ROG ที่ไว้ให้เราสามารถถอดฝาหลังเพื่อมาทำความสะอาดเบื้องต้นได้ในอนาคต จากการที่เป็นระบบเปิด คงมีฝุ่นติดตามมาแน่นอน
สรุปแล้ว ASUS ROG Zephyrus GX501 รุ่นล่าสุดนี้ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดระดับไฮเอนด์ ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบามากๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย ไม่แค่นั้นเรื่องระบบระบายความร้อนก็ยอดเยี่ยม ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 119,990 บาท เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่สุดทั้งบางเบาเร็วแรงในเครื่องเดียว อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยให้ได้แบบนี้มาก่อน ซึ่งหลักๆ ก็คืออัพเกรดจากรุ่นก่อนก็จะเป็น ชิปประมวลผล Core i7-8750H และหน้าจอ 144Hz นั่น
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว ด้วยความที่การออกแบบเน้นเรื่องของขนาดตัวเครื่องที่มีความบางมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่อายุการใช้งานต่ำ แต่เชื่อได้ว่าคนที่ซื้อน่าจะรับกับจุดนี้ได้อยู่ ง่ายๆ คือพกอแดปเตอร์ไปใช้งานด้วยทุกครั้งนั่นเอง (ใช้แบตอย่างเดียว ฐานไม่มีไฟติดด้วยนะ) และอีกอย่างก็คือหน้าจอปรับสุดแล้วก็ยังดูสว่างน้อยไปหน่อย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์พันธุ์ ROG งานประกอบแน่นวัสดุดี
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-8750H และการ์ดจอ GeForce GTX 1080 Max-Q
- ส่วนของแรมก็ขนาด 16GB DDR4 พร้อม SSD ความเร็วสูง 1TB เหลือเฟือในการใช้งาน
- หน้าจอ IPS พร้อม Refresh Rate 144 Hz แสดงผลภาพดีมาก ทำงานร่วมกับ NVIDIA G-SYNC
- ตัวเครื่องมีความบางเบามากๆ เพียง 16.9 มิลลิเมตรและหนักเพียง 2.25 กิโลกรัม
- ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน
- คีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วย ROG AURA RGB
- มีพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ฟอร์มเป็น USB-C
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- บันเดิลมีมาให้เยอะพอสมควร
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถที่จะสลับการ์ดจอไปมาระหว่างออนบอร์ดกับแยกได้
- แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานเพียง 2 ชั่วโมง (จากการที่สลับการ์ดจอไม่ได้)
- คีย์บอร์ดใช้งานค่อนข้างที่จะใช้งานลำบากเล็กน้อย ถ้าไม่มีที่รองข้อมือ
- อุณหภูมิสูงเวลาใช้งานหนักๆ นานๆ ผลต่อตัวเครื่องอย่างใด
- ราคาสูงที่ 119,990 บาท
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Technology
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 เป็น Gaming Notebook ที่มีเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย ดีไซน์ความบางตัวเครื่องที่เบาซึ่งและการ์ดจอ GeForce GTX 1080 Max-Q ที่ทั้งแรงและกินไฟต่ำ ตัวเครื่องมีการยกตัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องระบายความร้อน ตัวคีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วย ROG AURA RGB อีกทั้งมีพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ฟอร์มเป็น USB-C พร้อมซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ชัดเจน
Best Performance
ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-8750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1080 Max-Q พร้อมแรมตัวเครื่องที่ให้มา 16GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 Bus 2400 MHz และ SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 1TB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 3000MB/s ความเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงหน้าจอ IPS พร้อม Refresh Rate 144 Hz แสดงผลภาพดีมาก ทำงานร่วมกับ NVIDIA G-SYNC
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ ASUS ROG ZEPHYRUS GX501 อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบที่ 16.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 2.25 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ