ความสะดวกในการใช้งานกับ Hardware
พูดถึง Hardware ฟีเจอร์หลายๆอย่างอย่าง Multi-touch ที่มีการนำมาใช้ใน Mac OS X ก็ใช้งานได้จริงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก Apple ได้นำเอาเทคโนโลยีอุปกรณ์ดังกล่าวไปใช้ในผลิตภัณฑ์ MacBook และ MacBook Pro รุ่นปัจจุบันทุกรุ่น นั่นคือข้อดีที่ Apple ควบคุมการผลิตทั้งในส่วนของ Hardware และ Software
ความปลอดภัยจาก Virus , Spyware , Malware
เป็นอีกประเด็นที่มีหลายคนให้การยอมรับ ว่า Mac OS X มีปัญหาเรื่องดังกล่าวน้อยกว่า Windows มาก จากที่ติดตามข่าวคราวมาเรียกได้ว่าไม่มี Virus ที่มีผลเสียหายเกิดขึ้นจริงเลยด้วยซ้ำ มีเพียงที่เรียกว่า proof of concept หรือพวกข่าวคราวว่าอาจจะมีเท่านั้น ในขณะที่ XP เองนั้น คงไม่มีปฎิเสธได้ว่าเต็มไปด้วยปัญหาดังกล่าว สำหรับ Vista ที่พึ่งออกมาได้ไม่นาน แม้ว่าจะมีการปรับปรุงเรื่องดังกล่าวไปหลายอย่าง ทำให้มีความปลอดภัยจากปัญหาเหล่านี้มากขึ้น ก็เริ่มมีข่าวคราวมาออกมาบ้างแล้ว อย่างไวรัสชื่อ W32/Virut.n ก็มีข่าวว่าสร้างความเสียหายให้กับระบบ Windows หลายแห่งในต่างประเทศเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หรืออย่าง Worm ที่ชื่อว่า Conficker ก็ถึงกับได้รับการตั้งค่าหัวผู้สร้างจาก Microsoft และแนวร่วมสูงถึง 8.8 ล้านบาทเลยทีเดียว สำหรับ Conficker นี่ได้รับการรายงานว่าโดนกันไปกว่า 9 ล้านเครื่อง
เมื่อแรก Vista ออกมาใหม่ๆ ยังได้รับคำวิจารณ์จากหลายแหล่งว่ามีความปลอดภัยมาก อย่างไรก็ตามเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าในที่สุดก็ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดผลกระทบจากการใช้งานในวงกว้างหลง เหลืออยู่ ช่องโหว่หลายๆอย่างเกิดขึ้นจากความที่ Windows รวมไปถึง Applications อื่นๆอย่าง Outlook Express , Internet Explorer พยายามที่จะใส่อะไรที่เชื่อว่าเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน อย่างเช่นการ AutoPlay เมื่อมีการอ่าน Removable disk หรือ ActiveX ที่ใช้ในเว็บ หลายช่องโหว่ของระบบเกิดจากประเด็นเหล่านี้เสียมาก
บางท่านอาจจะบอกว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเรื่อง Trojan ในโปรแกรม iWork และ Adobe CS4 เถื่อนที่มีการแจกจ่ายกันใน Bit Torrent นั่นเป็นเรื่องของ Trojan ที่แอบแฝงเข้ามากับโปรแกรมที่เราไว้ใจครับ ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือว่าปัญหาดังกล่าว จะไม่ประสบเลยครับ ถ้าหากคุณใช้ซอฟท์แวร์ที่ถูกต้อง หรือมาจากแหล่งที่ไว้ใจได้ Trojan ต่างกับ Virus ครับ มันไม่สามารถที่จะทำงานด้วยตัวเองได้ อาศัยแฝงตัวเข้ามากับการยอมรับจากผู้ใช้งาน Trojan ใน Windows นี่ไม่ต้องนับหรอกครับ มีจำนวนเท่าไหร่เพราะมีเยอะมาก หากจะมีสิ่งนึงที่ Mac OS X ตามไม่เคยทัน Windows เลยก็เห็นจะเป็นประเด็นนี้แหละครับ ทำยังไงก็มีไวรัสได้ไม่เท่ากับ Windows เสียที
เช่นกันก็จะมีบางท่านแย้งว่า ก็แน่สิ Windows คนใช้เยอะกว่า เลยมีคนอยากดังอยากจู่โจมเยอะกว่า ผมกลับรู้สึกอีกอย่างนึงนะครับ จะเห็นว่าข่าว Mac ถูกโจมตี แม้ที่ผ่านมาแทบจะไม่มีผลในทางปฎิบัติเลย บางอันมีเพียงโอกาสเป็นไปได้ทางทฤษฎีเท่านั้น ก็ถูกตีข่าวเสียใหญ่โต ช่วงปลายปีก่อน Apple อัพเดตหน้าเว็บเอกสาร support ชิ้นหนึ่งปรับปรุงเลขรุ่นของ Software Anti-virus เนื่องจาก Software เดิมที่เคยลงในเอกสารดังกล่าวนั้นหมดช่วง support จากผู้ผลิตไปแล้ว จึงมีการอัพเดตเป็นรุ่นล่าสุด เรื่องกลับกลายเป็นว่า Apple แนะนำให้ผู้ใช้งานติดตั้ง Anti-virus หลายคนอ่านข่าวจาก ข่าว IT ของหนังสือพิมพ์บ้านเราฉบับนึง แล้วก็พยายามจะบอกว่านี่ไง Mac ก็มีไวรัส ไหนใครบอกว่าไม่มี โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าอันทีี่จริงแล้ว ต้นตอของมันแค่มาจากเรื่องการอัพเดตข้อมูลในเอกสารให้ตรงกับรุ่นปัจจุบันของ Software แต่ละตัวเท่านั้นเอง ลำพังแค่นี้ก็มีสื่อแห่กันลงข่าวตามๆกันเป็นแถวๆ
ถ้ามีไวรัสที่โจมตี Mac OS X ได้ผลในทางปฎิบัติออกมาจริง รับรองได้เลยว่าดังยิ่งกว่าไวรัสใน Windows แน่นอนครับ ขณะเดียวกัน Mac OS X แม้จะมีส่วนแบ่งในตลาดดูเหมือนว่าน้อย อยู่ที่ราวเกือบ 10% เท่านั้น แต่มันไม่ใช่แค่ 10 เครื่องใน 100 นะครับ ทั่วโลกมีคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่อง 10% ก็ไม่ใช่ 10 20 เครื่องครับ มีผลได้เหมือนกันถ้ามันไม่ปลอดภัยจริงๆ
Software ที่ต้องใช้ในการทำงาน
เป็น ประเด็นนึงที่หลายท่านกังวล ผมก็เคยเป็นกังวลเหมือนกันว่า Software ใน Mac มีจำนวนน้อย แต่เอาเข้าจริง Software สำหรับการใช้งานโดยทั่วไป ก็ไม่ได้มีจำนวนน้อยอะไรเลยนะครับ มีครอบคลุมแทบทุกหัวข้อการใช้งานเลยทีเดียว แล้วอันที่จริง ในการใช้งานจริงๆ เราก็ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้โปรแกรมมันเสียทุกอย่าง ขณะเดียวกันก็มีโปรแกรมบางประเภท ที่ผมมีใช้ในเครื่อง Mac อย่าง Pulpmotion เป็นโปรแกรมสร้างชิ้นงาน VDO ที่ดีมากตัวนึง (ใช้หากินได้เงินมาหลายบาทแล้ว) ก็มีคนถามผมอยู่เหมือนกันว่าแบบนี้มีใน Windows ไหม ส่วนโปรแกรมเถื่อน อันที่จริงก็ไม่อยากจะพิมพ์ถึงเท่าไหร่ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ค่อยสนับสนุนนัก (ผมเป็นคนเขียนโปรแกรมหากินเหมือนกัน วันนึงถ้าโดนเข้ากับตัวคงไม่ปลื้มเท่าไหร่) แต่ในชุมชนซอฟท์แวร์เถื่อนที่เขาเล่นๆกัน ก็มีแทบไม่ต่างจาก Windows เพียงแต่ว่าแผ่นเถื่อนของ Mac ในห้างดังบ้านเราจะแพงกว่า แผ่นซอฟท์แวร์เถื่อนของ Windows เลยทำให้รู้สึกกันว่าหายากกว่ามีน้อยกว่า
ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจุบันมีโปรแกรมหลายตัวที่มีให้ใช้งานเฉพาะใน Mac โดนใจผู้ใช้งานหลายคน ด้วยการใช้งานที่สะดวก และคุณสมบัติที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่น iLife และ iWork ถ้ามีโอกาสจะนำมากล่าวถึงอีกครั้งในภายหลัง
จะมีที่แพ้ทาง Windows อยู่ชัดๆเลยก็เห็นจะเป็นเรื่องเกมส์ แม้ว่าในช่วงหลังจะมีผู้ผลิตหลายรายให้ความสนใจกับการออกเกมส์บน Platform Mac เพิ่มขึ้นแต่ก็ยังน้อยกว่าใน Windows อยู่ โดยเฉพาะในบ้านเรา ผู้จัดจำหน่ายเกมส์ภาคภาษาไทยบางราย อย่างเช่น Spore บอกว่าเล่นได้แต่ใน Windows ทั้งๆที่เป็นแผ่น Hybrid ใช้ได้สองระบบ จากที่ดูของเพื่อนแล้วผมว่าน่าจะเป็นเพราะ ผู้จัดจำหน่ายไม่มีทีมงานที่จะทำให้มันเป็นภาษาไทย และไม่สามารถทำตัวติดตั้งใน Mac ได้จึงตัดข้อความว่าสนับสนุนออกไป อย่างไรก็ตามในแผ่นยังมีข้อมูลที่ใช้ในการติดตั้ง ในระบบ Mac OS X ได้
อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็ต้องขอบคุณอานิสงส์ของการเปลี่ยนมาใช้ หน่วยประมวลผลจาก Intel ซึ่งทำให้ผู้ใช้ Mac ที่ยังจำเป็นต้องใช้โปรแกรมบางอย่างใน Windows เป็นบางครั้ง มีทางเลือกในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Boot Windows แบบ Native ผ่าน Boot Camp หรือการใช้งานแบบ Virtualization ผ่านโปรแกรมพวก VMWare Fusion หรือ Parallels Desktop เรียก Windows ขึ้นมาทำงานในขณะที่ใช้ Mac OS X อยู่ได้
เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน
Mac OS X มีการนำเอา software Open Source มาใช้ในระบบอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ ถ้าใครรู้จักกับ Apache Server ซึ่งเป็นระบบ Web Server ระดับโลก รู้ไหมครับว่าฟีเจอร์การแชร์ข้อมูลผ่านเว็บของ Mac OS X นั้นใช้ Apache นี่แหละครับ เป็นแกนในการทำงาน Apache ถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี มีการนำไปใช้งานในเว็บไซต์ใหญ่ๆหลายเว็บ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง ฟีเจอร์ Screen Sharing ใน Mac OS X Leopard รุ่น 10.5 นั้นก็มีการนำเอา VNC Server มาใช้ นอกจากนั้นยังมีการติดตั้ง SQLite ซึ่งเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพมาด้วย ไม่เฉพาะที่ต่อยอดมาจาก Open Source ต่างๆเท่านั้น ยังมี framework ที่ Apple พัฒนาขึ้นมาสำหรับให้นักพัฒนาใช้งานได้โดยสะดวกอีกมากมาย
แล้วมันดียังไงต่อผู้ใช้ ? นั่นแหละครับประเด็น เมื่อมีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใส่ไว้เป็น framework ให้นักพัฒนาใช้งาน ก็ทำให้ Application ต่างๆ สามารถนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเริ่มพัฒนาจากศูนย์ ในขณะเดียวกันการใช้งาน framework ก็ทำให้ code ที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมแต่ละตัวเล็กลงด้วย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องไปสร้างงานที่ซับซ้อนเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ แต่สามารถต่อยอดใช้ได้จากที่ระบบจัดเตรียมไว้ให้ได้เลย
จะเห็นได้ว่า Application หลายๆตัวใน Mac OS X มีการแสดงผล Animation ในการใช้งานกันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ตรงนี้ก็เป็นอานิสงส์ของ Core Image และ Core Animation ที่เป็น framework ในระบบเช่นกัน ถามว่าใน Windows มีสิ่งเหล่านี้ไหม ก็มีนะครับอย่าง .NET Framework ก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน รวมถึง library ต่างๆอื่นๆอีก แต่ความสะดวกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือผู้ใช้ Mac OS X ไม่ต้องมาคอยติดตั้ง framework ต่างๆเหล่านั้นเอง Developer สามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อคุณใช้ framework ที่มากับ Mac OS X รุ่นนี้รุ่นนั้น ผู้ใช้ทุกคนที่ใช้ Mac OS X รุ่นนั้นรุ่นนี้ จะใช้งานสิ่งต่างๆ ที่คุณเรียกใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่ต้องแจ้งให้ติดตั้งอะไรเพิ่มเติม